เรื่องเด่น นั่งสมาธิตอนกลางคืนแล้วกลัว(หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 9 กันยายน 2017.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,731
    หลวงพ่อ-8 พลังจิต.jpg

    นั่งสมาธิตอนกลางคืนแล้วกลัว



    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม
    ผู้ถาม:- “เวลานั่งปฏิบัติกรรมฐานตอนกลางคืนนะคะ นั่งไปก็มีความกลัว ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไรคะ…?”
    หลวงพ่อ:- “เราก็บอก ฉันไม่กลัวๆๆๆๆ”
    ผู้ถาม:- (หัวเราะ)
    หลวงพ่อ:- “เอายังงี้หนู ไอ้เรื่องกลัวนี่เป็นของธรรมดา แต่ก็ต้องระวังนะ มันกลัวมากจริง ๆ เราต้องเลิกเสียก่อนนะ ถ้าประสาทหวั่นไหวมาก มันเสียผลเหมือนกัน วิธีจะให้กลัวน้อย ต้องให้มีคนอยู่ใกล้ๆ อย่าไปฝืนอยู่นะ รีบเลิกเสีย แล้วก็นอนภาวนาให้หลับไปเลย แค่นี้พอ”
    ผู้ถาม:- “นอนภาวนาได้หรือคะ…?”
    หลวงพ่อ:- “ได้… ถ้าภาวนาให้หลับไปนี่ได้กำไร ถ้าเราภาวนาอยู่ ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌาน มันจะไม่หลับ พอจิตเข้าถึงฌานปั๊บ มันจะตัดหลับทันที นอนหลับภาวนาสัก ๑ ชั่วโมง มันจะมีความชุ่มชื่นดีกว่านอนหลับไม่ภาวนาหลายชั่วโมง และในช่วงแห่งการหลับ เราถือว่าหลับอยู่ในสมาธิตลอดเวลา เวลาตื่นขึ้นมาจิตจะสบาย
    เวลาที่เราหลับอยู่ในฌาน เราจะสังเกตได้ว่า ถ้าเราตื่นขึ้นมารู้สึกเต็มที่แล้ว นอนอยู่แบบนั้น ต้องบังคับให้มันภาวนา อย่างนี้แสดงว่าขณะหลับเราเข้าถึงฌานหยาบ
    หากพอตื่นขึ้นมา มีความรู้สึกตัวเต็มที่ แล้วมันภาวนาเอง แสดงว่าเมื่อหลับเราเข้าถึงฌานอย่างกลาง
    ถ้ารู้สึกตัวครึ่งหลับครึ่งตื่น มันภาวนาของมันเอง แสดงว่าตอนที่หลับเราเข้าถึงฌานละเอียด
    ฉะนั้นการนอนภาวนาให้หลับไปเลย ควรใช้ให้เป็นปกติ การนอนภาวนานี่ถ้ามันจะหลับ อย่าไปดึงมันไว้นะ ถ้าภาวนาถึง “พุท” ไม่ทัน “โธ” มันจะหลับ ปล่อยเลย เพราะการเข้าฌานเราต้องเข้าให้เร็วที่สุด ไม่ต้องการภาวนานาน”
    ผู้ถาม:- “หลวงพ่อคะ เวลานั่งสมาธิ แล้วมีความรู้สึกว่ามีเสียงมากระทบ ทำให้รู้สึกวูบไป”
    หลวงพ่อ:- “ตกใจไหม…?”
    ผู้ถาม:- “ก็ไม่เชิงตกใจค่ะ”
    หลวงพ่อ:- “ฉันก็เคยเจอะเหมือนกัน แต่นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดานะ มันซู่มันซ่าก็ช่างมันปะไร”
    ผู้ถาม:- “แล้วจะเป็นอะไรไหมคะ…?”
    หลวงพ่อ:- “ไม่เป็นไรหรอก เวลาจะนั่งกรรมฐาน ต้องคิดไว้เสมอไว้ จะเป็นผีเป็นเทวดานี่เขาเข้าถึงตัวเราไม่ได้ วัดจากตัวเราไปได้ ๑ วารอบ ๆ อย่างเก่งก็มีฤทธิ์ได้แค่นั้น แต่ว่าจิตอยู่ในเกณฑ์ของสมาธิมากหรือน้อยก็ตาม ถ้าเราสมาทานแล้ว คำว่าผีจริงๆ เข้ามาไม่ได้เลย ที่จะเข้าใกล้เราได้มีพวกเทวดาเท่านั้น นี่จำไว้เลย ถ้าเห็นภาพปรากฏ เป็นคน เป็นอะไรก็ตาม เป็นเทวดาทั้งหมด ผีต่างๆ ไม่มีสิทธิ์จะเข้ามา
    แต่ว่าถ้าเจริญกรรมฐาน จิตจะเริ่มเข้าถึงปีติ อันนี้ท้าวมหาราชจะส่งเทวดาเข้าคุมทุกคนนะ ปีตินั้นคือ จิตใจของเรามีความแน่วแน่หรือว่าเราต้องการ เวลาเจริญพระกรรมฐานนี่นะ การทำสมาธิจิตจะแบบไหนก็ตาม ถ้าเรามีความชอบใจ อันนี้เป็นปีติ ตั้งแต่ระยะนี้เป็นต้นไป ท้าวมหาราชจะส่งคนมาคุม กันผีเข้ามารบกวน
    แต่ว่าพวกผี หรือที่เรียกว่าอมนุษย์ ถ้าจะมาทำร้ายเราล่ะ เขาเข้าไม่ได้เลย แต่ว่าถ้าบังเอิญเขาเห็น เรานั่งไปเราก็เห็น ว่ามีคนสักคนหนึ่งลากคอคนหรือรัดมือรัดเท้าลากไป อย่าไปห้ามนะถ้าหากมาเป็นศัตรู เขาก็จัดการทันที
    ถ้ามันจะมาขอส่วนบุญ ถ้าเข้ามาใกล้ แค่มายืนได้แค่วากว่า ๆ ถ้าเราสงสัย เราเห็นเข้า ก็อุทิศส่วนกุศลให้แก รูปร่างหน้าตาแจ่มใส แกก็ไป ไม่มีอะไร ไม่ต้องกลัว”
    หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๕๒-๕๕
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  2. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    จำเป็นต้องฝืนในสถานะการณ์เดิมๆ
    ประมาณ ๓ ถึง ๔ ครั้งจิตถึงจะมีกำลังพอ
    ที่จะก้าวพ้นสถานะการณ์นั้นครับ

    จริงๆแล้วสภาพแวดล้อมทุกอย่าง
    มีเป็นปกติ แต่ที่กลัวเพราะจิตเรามันร่วมปรุง
    มันมีความคิดจากจิตขึ้นมา
    จากสัญญาในจิตเรานี่หละครับ
    และไปดึงสภาพแวดล้อมภายนอกต่างๆ
    ที่รับรู้ทาง ตา หู จมูก ลิน กาย ใจ แล้วดึงเข้ามาปรุงร่วม
    การฝืนจะเอากำลังที่ได้ไปกด ตัวสัญญา
    ที่จะขึ้นมาปรุงตรงนี้นั่นเองครับ

    ปล.จำเป็นต้องฝืนนะครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย (^_^)
     
  4. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +283
    ความกลัวนี่ก็ดีเหมือนกัน บางครั้งก็ช่วยให้เราสงบได้และพัฒนาจิตตนเองแข็งแกร่งเป็นลำดับ คิดไม่ดีจิตก็จะเตือนตนทันที จิตตกจิตเศร้า โมโห ก็ชั่วครู่ ดึงกลับมาได้เร็ว ไม่อาจพ้นทุกข์ได้ในชาตินี้อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ได้สั่งสมบุญบารมีติดตัวไปในชาติต่อไป ได้มีโอกาสพบเจอกัลยาณมิตรที่ดี ได้พบสัตบุรุษผู้จะนำทางสว่างให้ ชาตินี้ต่อให้สิ้นชีวิตในวันนี้ก็ไม่เสียดายและไม่มีอะไรที่ต้องกลัว เพราะจิตมีที่พึ่ง รู้ว่าทางข้างหน้าคืออะไร
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    การรู้อารมย์ต่างๆไม่ว่ากุศลหรืออกุศลได้
    บอกว่า พอมีกำลังสติทางธรรม และการตัดและวาง
    เรื่องราวเหล่านั้นได้เกิดจากตัวปัญญาทางธรรม
    หรือการใช้อุบายปัญญาทางโลกมาร่วมด้วยก็วางได้ครับ...
    ที่พูดมาถือว่า ดีแล้วในระดับหนึ่งนะครับ
    แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้จิตมันวางหรือคลายตัวได้เอง
    ในอนาคตครับ เพราะแม้มีปัญญาทางธรรมมันก็จะวางได้
    แต่เป็นการวางได้แบบชั่วคราวครับ

    เพราะว่าในอนาคตจิตมันก็จะยังเกิด
    กับเรื่องราวเหล่านั้นที่เคยขึ้นมาได้อยู่ครับ
    แต่เราอาจจะรู้และวางได้เร็วขึ้น แต่จิตมันก็ยังเกิดอยู่

    การที่เราจะพัฒนาไปถึงขั้นที่ จิตจะคลายตัวได้
    จากเรื่องอะไรที่เคยทำให้เกิดได้นั้น
    เราต้องมาฝึกสังเกตุเพิ่มต่ออีกครับ

    ด้วยการสังเกตุว่า เรื่องนั้นมัน ตอนไหน และเกิดเพราะอะไร
    (ถ้าเราไม่สังเกตุ เราจะรู้แค่ว่ามันเกิด)
    และมาสังเกตุเพิ่มว่า มันดับไปตอนไหน เพราะอะไร
    (ถ้าเราไม่สังเกตุ เรามักจะไม่ทันตอนมันดับ หรือไม่ก็ลืม
    ว่ามันดับตอนไหน เพราะไปคิดเรื่องอื่นๆแล้ว)

    ตรงนี้ถึงจะไปถึงระดับที่ทางโลกเรียกว่า ปัญญาญานได้ครับ
    เป็นการแก้ปัญหา ของหลายๆท่าน ที่สร้างบุญมาก็เยอะ
    เจริญสติมาก็มาก มีปัญญาทางธรรมมาพอสมควร
    มีภูมิต้านทาน ในการตัดหรือไม่สนใจเรื่องต่างๆมาพอสมควร
    แต่ กลับไม่พบกิริยาการคลายตัวเองของจิตตนเอง
    ในเวลาปกติ เป็นเหตุให้ความเข้าใจนามธรรมไม่พัฒนาขึ้น
    เป็นเหตุให้ความสามารถพิเศษต่างๆไม่ก้าวหน้าสำหรับ
    ท่านที่ฝึกสมาธิแบบพิเศษมา....
    สมาธิที่แท้จริง คือสมาธิที่ไม่ได้เกิดจากความชำนาญในการ
    ข่มหรือเข้านะครับ แต่จะต้องเป็นสมาธิที่เกิดจากการปล่อย
    วางความยึดมั่นถือมั่น หรือปล่อยวางกิเลสได้ของมันเอง
    ซึ่งจำเป็นจะต้องเพิ่มสังเกตุ เพื่อให้เกิดปัญญาญานขึ้นมา
    เพื่อมาหนุนอย่างที่ได้เล่าให้ฟังข้างต้นครับ
    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ
     
  6. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +283
     
  7. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +283
    ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...