เรื่องเด่น โลกันตมหานรก คืออะไร ? ทำบาปกรรมอะไร จึงต้องไปตกนรกในภพภูมิพิเศษที่ยิ่งกว่าอเวจีนรกขุมนี้ ?

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 12 พฤศจิกายน 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    maxresdefault.jpg

    โลกกันตนรก

    นิรยภูมิ หรือโลกนรกนี้ นอกจากจะมีมหานรก อุสสุทนรก และยมโลกดังกล่าวมาแล้ว ยังมีนรกขุมพิเศษอีกขุมหนึ่งซึ่งมีนามว่า โลกันตนรก อันว่าโลกันตนรกนี้เป็นขุมยิ่งใหญ่ แปละประหลาดกว่าบรรดาขุมนรกทั้งหลายเพราะอยู่ภายนอกจักรวาล สถานที่ตั้งของโลกันตนรกนี้อยู่ในจักรวาล ๓ โลก ถ้าจะเปรียบให้เห็นเป็นมโนภาพก็เหมือนกับเอาดอกปทุมชาติ ๓ ดอกมาตั้งชิดติดกัน ก็จะเกิดมีช่องว่างขึ้นในตอนกลางจักรวาล ต่าง ๆ ก็ตั้งชิดติดกันเช่นกับดอกปทุมชาติ ๓ ดอกนั้น

    ตรงช่องว่างเว้นอยู่ในระหว่าง ๓ โลกจักรวาลนั้นเอง เป็นสถานที่ตั้งแห่งนรกขุมพิเศษนี้ เพราะฉะนั้น นรกขุมพิเศษนี้จึงมีชื่อว่า โลกันตนรก = นรกขุมนี้พิเศษอันอยู่สุดโลกจักรวาล

    ก็ในโลกันตนรกนี้ มีสถาพมืดสนิท แสงดาวแสงเดือนและแสงตะวันส่องไปไม่ถึง เป็นสถานที่อันมืดมนนอนธการ เปรียบปานเช่นกับคนหลับตาในคราวเดือนดับข้างแรมฉะนั้น

    สัตว์ที่ไปอุบัติเกิดในโลกันนรกนี้ ย่อมมีสภาพแปลกประหลาดพิลึก คือ มีสรีระร่างกายโตใหญ่เป็นยิ่งนักปานภูเขาใหญ่ ประกอบไปด้วยเล็บมือและเล็บเท้ายาวเหลือประมาณ ต้องใช้เล็บมือและเท้าเกาะอยู่ตามเชิงเขาจักรวาลห้อยโหนโยนตัว โดยเอาหัวปักลงมาข้างล้างชั่วนิรันดร์ เปรียบปานดังค้างคาวห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ในมนุษย์โลกที่เราเห็นนี้ฉะนั้น ครั้นเขาได้ประสบการณ์อันแสนจะทรมานด้วยความมืดมากเช่นนี้ เขาก็ได้เแต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่า

    “อโห ! กรรม ...อโห กรรม....ทำไมตูจึงเป็นอย่างนี้ และ ทำไมตูจึงมาอยู่ที่นี่ ชะรอยที่นี่จักมีแต่เพียงตูเพียงผู้เดียวกระมังหนา”

    เขาไม่ได้อยู่แต่เพียงผู้เดียวดอก มีอยู่มากมายที่สัตว์บุคคลทั้งหลายตายแล้วไปเกิดที่มันมืดแสนมืด มองไม่เห็นเพื่อนสัตว์นรกโลกันตนรกด้วยกัน และมองไม่เห็นอะไรเลยนั้นเอง

    ตลอดเวลาเหล่าสัตว์นรกโลกันตนรกไม่ต้องทำอะไร มีแต่จะห้อยโหนโยนตัวเปะปะด้วยความหิวโหยอย่างเหลือประมาณ ครั้นปีนป่ายตะกายไปถูกต้องตีนมือแห่งกันและกันเข้าแล้ว ก็สำคัญว่าตนมีชะตาผ่องแผ่วโชคดีเจออาหารซึ่งปรารถนาอยากจะกินมานาน จึงต่างก็ดีเนื้อดีใจ มิกิริยาขวนขวายไขว่คว้าฉวยจับกันและกันแม้กระทั่งกัดกินแขนของตนเอง โดยต่างตนต่างก็จะตะครุบกันกินเป็นอาหาร

    ต่างก็ปล้ำฟัดกันเพื่อจะจับกินเป็นภักษาหารอยู่อย่างนี้ ในไม่ช้าก็เผลอปล่อยมือและเท้าที่ใช้เกาะเชิงชายภูเขาจักรวาลนั้นเลยกันดำดิ่งนรกพลัดตกลงไปเบื้องล้าง โดยลักษณะการมีหัวปักดินลงมาและมีตีนชีฟ้า ลอยละลิ้วลงมาอย่างน่าหวาดเสียว

    สถานที่เบื้องล่างที่เขาพากันพลัดตกลงมานั้นมันไม่ใช่เป็นพื้นที่ธรรมดาโดยที่แท้เป็นทะเลนำกรดอันเย็นยะเยือก ซึ่งมีความเย็นอย่างร้ายกาจยิ่งนักครั้นเขากอดคอกันพลัดตกลมา พอถึงพื้นน้ำกรดนั้นแล้ว บัดเดี๋ยวใจตัวตนร่างกายของเขาก็เปื่อยพังแหลกลาญลงอย่างไม่มีชิ้นดี ทั้งนี้ก็เพราะว่าถูกน้ำกรดนรกอันมีความเย็นอย่างร้ายกาจนั้นกัดเอาร่างกายอันใหญ่โตและเหม็นสาบเหม็นสางน่าเกลียดน่าชังของเขา ถึงความเหลวแหลกละลายเพราะฤทธิ์น้ำกรดไปอย่างรวดเร็วประดุจดังก้อนอุจจาระที่ตกไปในน้ำ

    ครั้นแล้วด้วยอำนาจกรรมบันดาล เขาก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดมหัศจรรย์กลับเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาอย่างเก่า ให้รู้สึกหนาวเย็นและเจ็บปวดอย่างลึกเป็นกำลัง จึงรีบตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นมาเกาะเชิงเขาจักรวาลด้วยความลำบากยากเย็น แล้วก็ห้อยโหนโยนตัวแสวงหาอาหารด้วยความหิวโหยต่อไปอีกตามเดิม

    ครั้นตะกายไปพบปะกันเข้า ก็ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะตะครุบกันกินด้วยความสำคัญผิดคิดว่าเป็นภักษาหาร แล้วก็กอดคอพากันพลัดตกลงไปในทะเลน้ำกรดเย็นกัดกินร่างกายอย่างทรมาน และแล้วก็กลับเป็นขึ้นมามาตามเดิมอีก พวกเขาเฝ้าเวียนรับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสอยู่เช่นนี้ไม่มีวันสิ้นสุด โน่นแหละชั่วพุทธันดรหนึ่งนั้นแล จึงอาจจะพ้นทุกข์โทษไปจากขุมนรกโลกันต์นี้ แต่บางตนก็อาจหลายพุทธันดร

    ปรากฏมีปัญหาสอดแทรกเข้ามาว่า ได้เคยก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้เล่าจึงต้องมาเป็นสัตว์นรกเหมือนนกค้างคาว เกาะเชิงเขาจักรวาล ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสสากรรจ์ในโลกนตนรกนี้ ?

    สัตว์นรกเหล่าโลกันต์นี้ ได้เคยประกอบอกุศลกรรมอันร้ายกาจและหยาบช้าลามกนัก คือ เมื่อครั้งที่เขาเป็นมนุษย์ได้เคยทำการประทุษร้ายทรมานบิดามารดาผู้ให้กำเนิดตน เพราะเหตุที่เป็นคนปราศจากกตัญญูกตเวทีมีตามืดบอดมองไม่เห็นคุณท่านแม้แต่นิดหนึ่ง เมื่อเกิดความไม่พอใจขึ้นมาก็ทุบตีเตะถีบและด่าทอเอาตามอัธยาศัย อีกประการหนึ่งนั้นไซร้ได้เคยประกอบกรรมอันชั่วหนักไว้ คือ ประทุษร้ายพิฆาตท่านผู้ทรงศีลทรงธรรมไม่นำพาต่อบาปบุญคุณโทษคล้ายกับเป็นคนวิกลจริตเป็นบ้า ทั้ง ๆ ที่ตนก็เป็นมนุษย์มีรูปทรงสุดสง่าดีกว่าหมูหมาเป็ดไก่ซึ่งเป็นสัตว์เดียรัจฉานมากมายนัก

    แม้มีใจรักในการทำบาป จึงก้มหน้าทำแต่บาปทุก ๆ วัน เช่นกระทำปาณาติบาตหรือทินนาทาน ก็ทำมันทุกวันไป ครั้นแตกกายทำลายขันธ์แล้ว อำนาจอกุศลกรรมอันหนักและแกร่งกล้าเช่นนั้น จึงพลันให้วิบากชักนำให้ลงมาเกิดในโลกันตนรกนี้ ซึ่งมีสภาพมืดบอดนอนธการอยู่เป็นนิตย์ ต่อเมื่อใดองค์สมเด็จพระพิชิตมารสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาอุบัติในโลกเรานี้แล้ว

    เมื่อนั้นโลกันตนรกนี้ จึงมีโอกาศปรากฏเป็นแสงสว่างขึ้นนิดหนึ่งชั่วฟ้าแลบ หรือชั่วระยะมาตรว่าสักลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น ตามที่พรรณนามานี้แล้ว คือสภาพแห่งนรก โลกันตนิรยภูมิ อ่านเพิ่มเติมได้ที่: http://larnbuddhism.com/godgram/nr/04.html



    สัตว์นรกที่มาเกิดต้องรับทุกขเวทนาเป็นเวลาพุทธันดรหรือกว่านั้น

    แม้โลกันตนรกจะเป็นนรกขุมใหญ่ที่มืดสนิทไม่มีแสงเลย แต่จะมีแสงเกิดขึ้นแว้บหนึ่งทำให้สัตว์นรกมองเห็นกัน จึงรู้ว่ามีสัตว์นรกอื่นอยู่ด้วยมากมายได้นั้นก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ ๕ เหตุการณ์หรือ ๕ ครั้ง ได้แก่

    ๑. เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงปฏิสนธิในครร์ภ์พระมารดา

    ๒. เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติ

    ๓. เมื่อพระโพธิสัตว์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

    ๔. เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องธัมมจักรกัปปวัตนสูตร (ธรรมจักร)

    ๕. เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จปรินิพพาน

    (ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/นรกภูมิ)


    ขอบคุณที่มา
    https://www.winnews.tv/news/19775
     
  2. SP6580

    SP6580 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +1,550
    ทั้งหน้ากลัว และหน้าสงสาร ถ้าเป้นจริงอย่างนั้น
     
  3. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ จะเสริมความรู้เรื่อง "โลกันต์นรก" ลงไปบางประการ ตามนัยยะที่คุณ ท.เลียงพิบูลย์ เขียนไว้ ณ ที่นี้ นะครับ
    +++ จริง ๆ แล้ว คำว่า "จักรวาล 3 โลก" หมายถึง "กาแลคซี่ 3 ตัว (โลกธาตุ)" คำเปรียบเทียบ เหมือนเอา "ดอกบัว (บานแล้ว)" 3 ดอก มาวางติดกันทำมุม 3 เหลี่ยม ก็จะเกิด "ช่องว่าง" ที่เรียกว่า "ตรงกลาง"
    +++ จริง ๆ แล้ว ตรงนี้เป็น "มุม" ที่ กาแลคซี่ เอียงทำมุมซึ่งกันและกัน แสงสว่างส่วนใหญ่จะส่องไปทาง ด้านหน้าและด้านหลัง ส่วน ด้านข้างกลับไม่ค่อยมีแสง
    +++ จริง ๆ แล้ว มีทุกขนาด "ไม่จำกัด" ตัวใหญ่กินตัวเล็ก และ ตัวเล็กกินตัวใหญ่ เขี้ยวเล็บทุกตัวแหลมคม สามารถ "กัดสรรพสิ่ง" ขาดกระจุยได้ทุกชนิด
    +++ จริง ๆ แล้ว "ความหิวโหยอย่างเหลือประมาณ" นี้ "ไม่ใช่ท้องหิว" แต่เป็น "ความหิวจัด จาก การเพ่งโทษแบบเลือดเย็น จ้องคอยกัดผู้อื่นอยู่เป็นนิจ จนดองสันดาน" เมื่อเจอผู้ใดก็ตาม ก็จะกระโจนเข้ากัดทันที นรกขุมนี้ จึงเข้ากันได้ (สัมปะยุตตาธรรมา) กับจิตที่คอย "เพ่งโทษอย่างเลือดเย็น" ไปยังผู้อื่น จนดองสันดาน
    +++ คำว่า "ทะเลนำกรดอันเย็นยะเยือก" นี้เป็นคำเปรียบเทียบเฉย ๆ แต่จริง ๆ แล้ว มันคือ "สนามพลังที่มีความกดดันสูง อันเกิดมาจาก "หลุมดำ" ของกาแลคซี่ ชี้ส่องเข้ามาทำมุมกัน แล้วทำให้เกิด ขุมหรือสนามพลังที่เข้มข้นสุดยอด ไม่ว่าอะไรที่ตกเข้าสู่ ใจกลาง ของสนามพลังนี้ จะถูกบดขยี้จนไม่เหลือ"
    +++ มันคือ "กรรมจนดองสันดาน อันเกิดจากการ เพ่งโทษผู้อื่นอย่างเลือดเย็น" นั่นเอง
    +++ สาเหตุมาจาก "การเพ่งโทษอย่างเลือดเย็น" นั่นแล...
    +++ แรงกระแทก (shock wave) จากการบันลุ พระโพธิญาณ ในระดับเฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงสามารถ กระแทกในระดับ ล่วงพ้นโลกธาตุ และ "วาบผ่าน" สนามพลังของขุมนี้ออกไปในเนื้ออวกาศ สุดแสนไกลได้ จึงเป็นคำพูดเปรียบเทียบได้กับ "แสงสว่างชั่วฟ้าแลบ" นั่นแล ...

    +++ ผู้ที่ ได้ประโยชน์จากโพสท์นี้ก็รับไว้ ผู้ที่ไม่ได้ประโยชน์ ก็ให้วางผ่านไป นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...