ผิดศีล พูดโกหก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Bellevue, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. Bellevue

    Bellevue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +88
    เราตั้งใจรักษาศีล 5 ทุกวัน

    ไม่ฆ่าสัตว์ ทำได้
    ไม่ลักทรัพย์ ทำได้
    ไม่ล่วงละเมิดประเวณี ทำได้
    ไม่ดื่มสุรา ทำได้

    แต่มีอยู่ข้อเดียวเราขาดอยู่บ่อยๆ คือ พูดโกหก ในชีวิตประจำวันมันต้องมีบ้างเพราะต้องรักษาน้ำใจคนรอบข้าง หรือบางครั้งคนจะยืมเงินแต่เราไม่อยากให้ยืมเพราะรู้ว่าคงไม่ได้คืน เราจึงตอบว่าไม่มี แบบนี้ศีลเราขาด แล้วการที่เราปฎิบัติธรรมมา ตั้งแต่ใส่บาตร ไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ จะได้ผลมั้ยค่ะ
     
  2. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    [​IMG]

    พระท่านว่า เจตนา เป็นตัวกรรม ดูที่เจตนา และ ผลของคำพูด ของเราเป็นหลัก นะครับ

    เรื่องคนยืมเงิน ควรตอบเขาว่า ไม่มีจะให้ยืม ครับ

    สิ่งที่เรากระทำ ด้วย กาย วาจา ใจ ทั้งกุศล และอกุศล ย่อมมีผล ครับ
    แม้นศีลขาด บุญก็คงเป็นบุญ บาปก็คงเป็นบาป

    อ่านเรื่องนี้ดูนะ http://palungjit.org/threads/พระองค์ที่-๑๐.240030/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 พฤษภาคม 2010
  3. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    ศีลดูที่เจตนานะค่ะ ว่าผิดหรือไม่ผิด
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ทำใจให้สบายครับ วิธีระงับอธิกรณ์ชนิดนี้ซึ่งเกิดขึ้นแก่พระอรหันต์

    คดีเรื่องราว ปัญหา ความยุ่งยาก

    พระนันทะเถระกำลังจะแต่งงานพระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาต สมัยก่อนนั้นพอบิณฑบาตท่านจะส่งบาตรให้ พอรับบาตรไปใส่อาหารเสร็จก็จะเอามาประเคนคืน แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่รับหรอก ท่านกลับหลังหันได้ก็เดินไปเลย พระนันทะเถระก็ถือบาตรตามไปเรื่อย ตามไปจนกระทั่งถึงเชตวันมหาวิหาร

    พระพุทธเจ้าถาม นันทะเธอจะบวชไหม ?
    เกรงใจพระพุทธเจ้าก็...บวชพระเจ้าข้า
    บวชพระเจ้าข้า ๗ วันที่บวชอยู่ไม่ได้มีความสุขเลย โหคนกำลังจะเข้าหอลากไปบวช (หัวเราะ) เป็นเราก็กลุ้มใช่ไหม
    คราวนี้พระพุทธเจ้าท่านรู้อยู่ ท่านเลยตรัสเรียกพระนันทะไปด้วยกัน ไปก็ชี้ให้ดูลิงตัวเมียแก่ ๆ ตัวหนึ่ง หางก็ด้วน หูก็แหว่ง ขนก็หลุดนั่งอยู่บนตอไม้ที่ไฟไหม้ บอกว่า ...นันทะ ภรรยาในอนาคตของเธอ งามกว่าลิงแก่ตัวนี้หรือว่าลิงแก่ตัวนี้งามกว่า ? พระนันทะเถระบอกว่า นางชลบทกัลยาณี งามกว่าจนเปรียบไม่ถูกพระเจ้าข้า
    พระพุทธเจ้าบอกว่าดี เดี๋ยวจะพาไปดูอะไร จับมือพระนันทะได้ก็พรึบขึ้นดาวดึงส์ไปเลย ไปถึงเทวดานางฟ้าก็มากันเพียบ พระพุทธเจ้าก็ชี้ให้พระนันทะดูบอกว่า แล้วเธอเห็นเหล่านางสวรรค์เหล่านี้เมื่อเปรียบกับชลบทกัลยาณีแล้วเป็นอย่างไร ? พระนันทะบอกว่า นางชลบทกัลยาณีเมื่อเปรียบเทียบกับนางฟ้าเหล่านี้ก็เหมือนลิงแก่หางด้วนขนหลุดตัวนั้น พระพุทธเจ้าเลยถามว่า แล้วถ้าหากว่าเธออยู่ปฎิบัติต่อไปแล้วตถาคตรับปากว่าจะให้นางฟ้าเหล่านี้แก่เธอ ๆ จะรับไหม ?
    พระนันทะก็ตกลง พระพุทธเจ้าท่านก็เลยสอนกรรมฐานให้กลายเป็นพระอรหันต์ไป ตกลงพระนันทะบวชพระเพราะอยากได้เมียเป็นนางฟ้า พอท่านบรรลุมรรคผลแล้วท่านก็รู้ว่า ที่แล้ว ๆ มาท่านเห็นโทษของการไม่สำรวมอินทรีย์ คำว่าอินทรีย์คือการเป็นใหญ่ คือตาเป็นใหญ่ในการเห็น หูเป็นใหญ่ในการได้ยิน จมูกเป็นใหญ่ในการได้กลิ่น ลิ้นเป็นใหญ่ในการได้รส กายเป็นใหญ่ในการสัมผัส แล้วก็ใจเป็นใหญ่ในการรับอารมณ์ทั้งมวล การไม่สำรวมอินทรีย์ทำให้สิ่งต่าง ๆ เข้ามาทางตา กระทบตา ชอบใจ ถูกใจ เสร็จแล้ว โดนมันตีบ้านตีเมือง ยึดไปเรียบร้อยแล้ว กระทบหูได้ยินแล้วชอบใจหรือไม่ชอบใจ ก็เสร็จแล้ว โดนมัน ยึดบ้านยึดเมืองไปเรียบร้อย
    ดังนั้นพอท่านเห็นโทษในตรงจุดนี้ ก่อนหน้านี้ท่านเจ้าชาย ได้รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่าง ๆ ที่กระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ท่านได้รับเป็นปกติ เมื่อเป็นพระอรหันต์ ท่านก็เลยระมัดระวังเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จนกระทั่ง พระพุทธเจ้าตั้งไว้เป็นเอตทัคคะ คือผู้เป็นเลิศกว่าคนอื่นในทาวสำรวมอินทรีย์ รู้จักระมัดระวังอยู่ตลอด

    พระฏีกาจารย์ ได้กล่าวแก้ไว้ว่า การโกหกเพื่อให้เค้า ได้ดีจนสำเร็จซึ่งพระนิพพาน ถือเป็นกุศล เป็นคนฉลาด ควรในสิ่งไม่ควร ควรในสิ่งที่ควร
     
  5. ทิพย์พิมล

    ทิพย์พิมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    245
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,510
    หากกลางวันรักษาศิล5ไม่ครบ ก็แนะนำนะค่ะก่อนนอนทุกคืนก็อาราชธนาศิล 5 ใหม่ และค่อยสวดมนต์ เพราะเวลาที่เราหลับ ไม่มีโอกาศทำผิดศิลข้อไหนได้เลย จริงมั้ยค่ะ......
     
  6. arrin123

    arrin123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +1,759
    ศีลมา สมาธิเกิดค่ะ

    ดิฉัuก็ศีลข้อ 4 ยังไม่ครบค่ะ(ศีลข้อ 4 แม้ทั้งไปจะมีแค่พูดโกหก แต่ใuทางปริยัติแล้วรวมเป็u4อย่าง คือ โกหก ส่อเสียด คำหยาบ ไร้สาระ) เพราะยังพูดไร้สาระอยู่ (สิ่งใดที่ไตร่ตรองแล้วว่าไม่ใช่ธรรมสิ่งuuไร้สาระทั้งสิ้u )

    ________________________

    "สุขใดเหมือนแม้นการไม่เกิดไม่มี" "จะไม่ละความเพียรถ้ายังไม่ถึงซึ่งนิพพาน"
    "สุขใดในโลกล้วนไม่ยั่งยืน ผู้ใดปล่อยวางพิจารณาในความทุกข์เห็นโทษของความสุขผู้นั้นชื่อได้ว่าพบความสุขอันยิ่งใหญ่"
     
  7. เลิกตาย

    เลิกตาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +416
    ศีลจะขาดได้ต้องอาศัยเจตนาเป็นสำคัญ
    ความเห็นของผมเกี่ยวกับคนมายืมเงินแต่ไม่อยากให้เพราะเดาว่าไม่ได้คืนแน่
    ถ้าใช้คำว่าไม่มีก็ตรงเกินไปเพราะเรามีอยู่(ใจเราอาจไม่ค่อยดีที่พูดไป) ลองเปลี่ยนเป็นคำว่ามีไม่มากทำนองนี้น่าจะดีนะ เพราะจะมีความหมายประมาณว่ามีแต่มีไม่เยอะเลยไม่ให้ยืม
    อาจสาธยายต่อว่าต้องใช้จ่ายอย่างโน้น อย่างนี้อีก
     
  8. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291

    แน่ะ ! มีการหาคน สนับสนุนอีก ควรทำเป็นปกติ นะ

    สมาทานศิล ๕ (แบบปฏิบัติเอง)<O:p

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (ว่า ๓ จบ)<O:p</O:p

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p

    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p

    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p

    ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
    อทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
    กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
    มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
    สุราเมระยะ มัชชะปะมา ทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ

    อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สีเลนะ สุคะติงยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสสะมา สีลังวิโสทะเย

    (กราบ)

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.964958/[/MUSIC]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤษภาคม 2010
  9. Bellevue

    Bellevue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +88
    ขอบคุณมากๆค่ะ จะนำไปปฎิบัติค่ะ
     
  10. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    <TABLE class=tborder id=post3302932 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175></TD><TD class=alt1 id=td_post_3302932 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้ว
    ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้
    ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

    ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี
    ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้
    และจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า
    ตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพยดาทั้งหลาย
    ที่ปกปักษ์รักษาข้าพเจ้า เทพยดาทั้งหลายทั่วสากลพิภพ
    และพระยายมราช ขอเทพยดาทั้งหลาย และพระยายมราช
    จงโมทนาส่วนกุศลนี้และจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศล
    ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

    และขอแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว
    ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้
    ให้แก่ท่านทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่ก็ดีที่ล่วงลับไปแล้วก็ดี
    ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี ที่เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี
    เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี อาทิ บิดามารดา เป็นต้น
    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้
    พึงได้รับประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้า
    จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    [COLOR=blue][COLOR=red]และขอถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว [/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=blue][COLOR=red]สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ [/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=blue][COLOR=red]ทุก ๆ พระองค์[/COLOR][COLOR=red]ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน [/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=blue][COLOR=red]มีพระราชประสงค์สิ่งใดขอให้สำเร็จ[/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=blue][COLOR=red]ตามพระราชประสงค์ทุกประการเทอญ[/COLOR][/COLOR]

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญมาแล้ว
    ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้
    อผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    ในชาติปัจจุบันนี้เถิด หากไม่สามารถเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    ในชาติปัจจุบันนี้ได้ ขอให้คำว่า ไม่มี ไม่รู้ ไม่เป็น ไม่สำเร็จ
    จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้
    ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
    สาธุ สาธุ สาธุ นะ โม พุท ธา ยะ
    นิพพานัง ปะระมัง สุขขัง

    http://palungjit.org/threads/ขம.ml#post3146526ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคท่อส่งน้ำถวาย วัดเขาชี จ.พิษณุโลก
    โครงการก่อสร้าง "ศูนย์ปฏิบัติธรรมแสงธรรมสุทธา"
    [​IMG] [​IMG]ขอเชิญทำบุญสร้างพระประธานสมเด็จองค์ปฐมและศาลาแก้วพระจุฬามณีปฏิบัติธรรมที่นครศรีธรรมฯ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    กรณีของคุณ ในทางธรรมไม่ถือว่าศีลขาดครับ

    เพราะว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า
    เราต้องไม่เบียดเบียนตนเอง และครอบครัวครับ

    ถ้าเราพิจารณาแล้วเห็นว่า เราให้ยืมแล้ว เราจะไม่ได้คืน
    เมื่อเราไม่ได้คืน ตัวเราเองก็เดือดร้อน และครอบครัวเราเดือดร้อน

    ดังนั้น การที่เราบอกว่า ไม่มี จึงไม่ผิดครับ เพราะเรารู้ว่า ให้แล้วไม่ได้คืน ดังนั้นเราไม่มีเงินที่จะ "ให้" เขาครับ

    ดังนั้นการที่เราวางอุเบกขาแบบนี้ ไม่ถือว่าผิดครับ หรือ ถ้าผิดก็ไม่ถึงกับขาดครับ อาจจะแค่ไม่บริสุทธิ์ แต่ผมเคยอ่านแวบ ๆ ว่า ไม่ผิดครับ พระท่านเคยบอกว่า "ไม่มีให้ยืม" ไม่ได้หมายความว่า "ไม่มีเงินให้เขายืมครับ แต่ไม่มีเงินที่จะให้เขา เพราะรู้ว่าเขาไม่คืนแน่ ๆ"

    ความห็นผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ ผิดถูกประการใด โปรดใช้วิจารณญาณในการตรองดูครับ

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2010
  12. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมไปค้นมาให้แล้วครับ เพื่อความชัวร์

    เรื่องศีลข้อมุสาวาท โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อเจ้าคุณที่เคารพอย่างสูง...

    หลวงพ่อ เอ๊ะ! วันนี้เป็นเจ้าคุณ ฉันขาดหลวงปู่ไปตำแหน่งนะนี่ หลวงตามาแล้ว ขาดหลวงปู่...หลวงทวด

    ผู้ถาม ลูกมีปัญหากลุ้มใจนิดเดียว เกี่ยวกับเรื่องศีลของหลวงพ่อ คือ ลูกเป็นแม่ค้าก็จำเป็นที่จะต้องโกหกอยู่เสมอ ไม่งั้นจะไม่ค่อยมีกำไร ลูกพยายามทุกอย่างแล้ว ธรรมะของหลวงพ่อทำครบหมด แต่ข้อนี้ทำไม่ได้ จึงขอบารมีหลวงพ่ออโหสิกรรมให้ลูกด้วยเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ...ฟังให้ดีนะ จุดธูปตอนเช้า วันนี้ขอลาศีลมุสาวาทชั่วคราว...(หัวเราะ) เอาอย่างนี้ซิ...วิธีพูดน่ะ เราซื้อของมาถูก ต้องขายแพงตามท้องตลาดใช่ไหมล่ะ ก็บอกต้นทุนมันแพง ลดจากนี้ไม่ได้หรอกจ๊ะ เท่านี้หมดเรื่องกันไป ไม่โกหก อย่าไปบอกซื้อมาบาทนี่ขาย ๑๐ บาท นี่ซื้อมา ๙๙.๙๐ บาท โธ่...ได้กำไร ๑๐ สตางค์ กลัวศีลขาด บอกต้นทุนมันแพง ลดจากนี้ไม่ได้น่ะ นี่มันมีความจำเป็น ถ้าต้นทุนถูกลดจากนี้ได้มาเยอะแยะ แค่นี้ไม่ผิด

    ผู้ถาม หลวงพ่อคะ บางครั้งเราก็ไม่เจตนาไอ้เรื่องโกหกนี่มันอยู่ในสังคม บางครั้งอย่างนี้นะ เขาจะมาเบียดเบียนเราน่ะ เราโกหกเขาว่าเราไม่มี

    หลวงพ่อ อันนี้ต้องรู้คำว่า มุสา นี่ ต้องทำลายผลประโยชน์เขาไอ้ตัวนี้ไม่ใช่โกหก ไม่ใช่มุสา

    ผู้ถาม บางครั้งก็ไม่เข้าใจนะคะ

    หลวงพ่อ ดี...ถามอย่างนี้นะดี ทีนี้คำว่า “มุสา” นี่ต้องทำลายผลประโยชน์เขา แต่นี่เราทำเพื่อรักษาผลประโยชน์เรา ใช่ไหม...ยังไม่อยู่ในเกณฑ์มุสา อย่างนี้เขาไม่ถือว่าขาดศีล ๕

    ผู้ถาม บางครั้งพูดแล้วมันเสียดใจ มันตรงเกินไป

    หลวงพ่อ ก็ใช่ แต่เปล่า...ก็ต้องบอกเรารู้นี่ว่า ไอ้หมดนี่ถ้าหากมาขอยืมทีไร มันไม่ใช้ให้ทันที ใช่ไหม...นี่เราขืนให้ไปเราก็ไม่ได้ มีอยู่เหลือเฟือนี่ ไอ้เงินน่ะเรามี แต่เงินที่เราจะให้ยืมมันไม่มี เราก็บอกไม่มี เราก็บอกไม่มีเฉย ๆ ว่ายืมไม่ได้ ความจริงเรามีแต่เราจะต้องใช้นี่ ใช่ไหม...ถ้าเขาเอาไปเขาไม่เอามาส่งคืนเราก็ลำบาก ถ้าเรามีเหลือเฟือนี่มันไม่เป็นไร อันนี้เราถือว่าเรารักษาผลประโยชน์เรา เขาไม่ถือว่าเป็นมุสานะ

    อย่างพวกค้าขายนี่ก็เหมือนกันละ ลงทุนมาบาทเดียวแต่ขาย ๑๐ บาท เราขายตามราคาท้องตลาดเขาขอลดเราบอกลดไม่ได้หรอก ต้นทุนมันแพง มันแพงเท่าไรนี่เราไม่ได้บอก เราอย่าไปบอก ๙ บาท ๕๐ สตางค์ซิ เราบอกแพงเฉย ๆ ตามความนิยมของท้องตลาด อันนี้มันไม่เป็นไรนะ ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาท อันนี้เข้าใจนะโยม ข้อนี้มีคนข้องใจกันมาก
    แต่ว่าถ้าเราพูดไปเพื่อรักษาประโยชน์ของเรา เพราะอะไร...เพราะว่าถ้าเราไม่รักษาประโยชน์เราให้ไป มันก็ไม่คืนซักที ทีนี้เราก็พังละซิใช่ไหม...อย่างนี้ยังไม่ถือว่าเป็นมุสาวาท มุสาวาทมันต้องเป็นอย่างนี้ คือประโยชน์ของเขาที่จะพึงมีอยู่ด้วยเหตุนั้น เราไปบอกนี่แกอย่าไปทำเลยแบบนั้น ขาดทุนตาย แต่ว่าเราจะเอาซะเอง

    ก็เหมือนกับผู้ใหญ่เลี้ยงเด็ก ไอ้เด็กเดินไปชานบ้าน ถ้าขืนปล่อยไป เดี๋ยวมันหล่นใต้ถุนตายใช่ไหม...บอกไอ้หนูอย่าไป เดี๋ยวหล่นใต้ถุน เด็กมันไม่เชื่อ แต่เด็กมันกลัวงู ก็บอกแก บอกอย่าไปนะไอ้งูมันมี ตุ๊กแกมันมี เด็กก็กลัว อันนี้เรารักษาประโยชน์ของเด็ก ไม่เป็นมุสาวาท มันเป็นเมตตา แต่ว่าถ้าเราพูดตรงไปตรงมาเด็กเขาไม่เชื่ออาจจะหล่นใต้ถุนบาดเจ็บหรือตาย ถ้าเราบอกแบบนั้นก็เป็นการรักษาอวัยวะ หรือรักษาชีวิตของเขาใช่ไหม...อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาทนะ เป็นเมตตาจิต มันเป็นคุณ ไม่ใช่โทษ แล้วยังไงล่ะ?

    ผู้ถาม พอพูดแล้ว มันไม่สบายใจค่ะ

    หลวงพ่อ นี่ทีหลังเอาใหม่ซิ บอกว่าข้าไม่พูด ๆ ๆ มันไม่ได้ล่ะค่ะ

    หลวงพ่อ ทำไมล่ะ?

    ผู้ถาม มันต้องพูดกันอยู่นะคะ

    หลวงพ่อ ถ้าพูดกันอยู่ก็บอกว่า ไม่ได้หรอก สตางค์ที่ให้แกยืมน่ะ ไม่มีล่ะเว้ย ข้ามีเหมือนกันละ มีแค่จะซื้อข้าวสารกินหรือซื้อกับข้าวกิน ใช่ไหม ข้ามีอยู่เล็กน้อยแบ่งไม่ได้ เราต้องบอกมีเล็กน้อย เราก็ไม่มีมากใช่ไหม มันมีอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ความจำเป็นมันมีอยู่สำหรับเราก็ถือว่า มีเล็กน้อย ใช่ไหม ไม่ใช่มีมาก ถ้ามีมากเราต้องมีจนเหลือเฟือ ถ้าเขาถามมีไหม...บอกว่าจะว่าไม่มีเลยก็ไม่ใช่ มันมีเหมือนกัน แต่จะซื้อกับข้าวตอนเย็นนี่นะ แล้วไอ้ภาพกิจอื่นมันมีมันไม่ไหว ถ้าคุณเอาไปเสีย ฉันก็ให้ไม่ได้

    หรือบางทีเราก็ต้องบอกไปเลย บอกเงินให้ยืมไม่มีละ ฉันไม่มีแล้ว ใช่ไหม เราตัดไปจุดนั้นเลย ตัดไปจุดตะรางที่ว่า “ให้ยืมไม่มีไอ้คนตื๊อนี่ บอกมีเล็กน้อยเดี๋ยวมันเอานะ เราก็ต้องตัดไปว่า เงินให้ยืม นั้นไม่มีจริง ๆ ฉันไม่มีหรอกใช่ไหม อันนี้เราพูดถึงเงินให้ยืมใช่ไหม ไอ้เงินที่เรามีอยู่มันจำจะต้องใช้ อันนี้ก็ไม่ถือเป็นมุสาวาทนะ


    ที่มา : http://palungjit.org/threads/หลวงพ่อบอก-อย่างนี้-ไม่ใช่มุสา.92615/
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. toomdoi

    toomdoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +839
    แล้วแต่ละมุมมองครับ

    ถ้าวันธรรมดารักษาไม่ได้ ก็ลองรักษาเฉพาะวันพระดูนะครับ
    ขอแค่หนึ่งวันก็เป็นสุขแล้ว

    อนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...