วิธี "ระลึกชาติ"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย JitAsura, 9 พฤศจิกายน 2012.

  1. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    [​IMG]

    วิธีระลึกชาติ (“บุพเพนิวาสานุสติญาณ” หรือ “ญาณระลึกชาติ”)

    --- การระลึกชาติมีอยู่ด้วยกันหลายวิธีการ ซึ่งในศาสนาอื่นๆ หรือนิกายอื่นๆก็มีให้ศึกษาอยู่เช่นเดียวกัน เช่น พราหมณ์, ฮินดู, เซน และพวกฤาษีในป่า ฯลฯ อีกมากมาย ตามที่ผมทราบมา(เอาเท่าที่ผมทราบนะครับ) มีอยู่ 4 วิธี

    --- 1) ใช้ “การสะกดจิต” วิธีนี้ค่อนข้างแพร่หลายในหมู่วงการจิตแพทย์แผนปัจจุบน จะพบมากก็ทางฝั่งอเมริกาหรือยุโรป ผมเคยได้ยินเรื่องการสะกดจิตระลึกชาติ เพื่อรักษาอาการของ ฝรั่งคนหนึ่งซึ่งแขนข้างหนึ่งของเค้า ไ
    ม่สามารถใช้การได้ และรักษายังไงก็ไม่หาย ญาติๆจึงนำไปหาจิตแพทย์ เพื่อรักษาทางจิต จากนั้นหมอที่รักษาตัดสินใจใช้วิธีสะกดจิต เมื่อเริ่มสะกดจิตย้อนความจำของตัวเองไปเรื่อยๆ แพทย์ได้ไปพบจุดต้นตอของอาการ นั่นคือ ในชาติก่อนผู้ป่วยรายนี้โดนมีดฟันแขน จนทำให้แขนขาด เมื่อมาเกิดใหม่จิตยังฝังอยู่ว่าแขนเราไม่มี ทำให้ชาติปัจจุบันไม่สามารถใช้แขนได้ แต่หลังจากรักษาแล้ว เค้าสามารถกลับมาใช้แขนได้ตามปกติ ก็เป็นเรื่องที่แปลก ซึ่งวิธีนี้ผมไม่ทราบว่าเค้าทำเช่นไรกัน จึงขออนุญาตอธิบายไว้เพียงเท่านี้ครับ


    --- 2) ฝึกคววบคุม ”จักระ” ในเรื่องของจักระนั้นในประเทศไทยของเราก็พอมีสอนกันอยู่บ้าง แต่ไม่แพร่หลายเท่าที่ควร จักระนั้นในร่างกายมนุษย์จะมีด้วยกัน 7 จุด คือ 1.ทวารหนัก 2.ท้องน้อย 3.สะดือ 4.ลิ้นปี่หรือกลางหน้าอก 5.คอหอย 6.ระหว่างคิวหรือกลางหน้าผาก 7.กลางกระหม่อม วิธีการนั้นผมไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาทำกันเช่นไร และก็ไม่เคยคิดลองไปศึกษาด้วยครับ จักระคือจุดที่พลังงานไหลเวียนในร่างกายเพื่อสร้างความสมดุล หากพลาดพลังทำไม่ถูกต้องจะทำให้ทวารบางจุดในร่างกายเปิด และจะทำให้ร่างกายขาดความสมดุลไป จึงขออธิบายเรื่องของจักระไว้เพียงเท่านี้

    --- 3) “มโนมยิทธิ” หรือ ฤทธิ์ทางใจ การใช้มโนมยิทธินั้นเป็นวิธีที่พระพุทธองค์ได้ทรงสอนเอาไว้ในพระพุทธศาสนา ซึ่งในครั้นพุทธกาลก็มี “พระจูฬปันถกเถระ” เป็น เอตทัคคะในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ วิธีนี้ในประทเศไทยได้รับความนิยมแพร่หลายระดับหนึ่ง ซึ่งพระสงฆ์ผู้บุกเบิกในประเทศไทยก็จะมีให้เห็นชัดๆคือ “หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดํา)” แห่งวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี จนปัจจุบันนี้มีลูกศิษย์ลูกหาเก่งๆ ทั้งสงฆ์และฆราวาส ได้สืบเจตนาสอนให้แก่เหล่าพุทธบริษัทอยู่อีกมาก ข้อดีของวิธีนี้คือ เห็นผลค่อนข้างเร็ว ระลึกชาติทีหนึ่งบางคนเป็นร้อยๆชาติต่อหนึ่งคืนก็มี ในส่วนตัวผมก็ใช้วิธีนี้อยู่ครับ เพราะสำนักปฏิบัติธรรมที่ปฏิบัติอยู่ก็เป็นสายธรรมของหลวงพ่อหลวงพระราชพรหมยาน แต่ทั้งนี้ วิธีนี้ผมจะไม่นำมากล่าวเพราะ ผมไม่แนะนำใครมาฝึก มโนมยิทธิ ผ่าน Internet เพราะการฝึก มโนมยิทธิ นั้น ควรจะมีครูบาอาจารย์สอนอย่างใกล้ชิดจะเป็นการดีกว่า แต่บางคนไม่มีเวลามาหาสำนักฝึกอันนี้ก็ไม่ว่ากันครับ ผมเพียงแค่แนะนำว่าหาครูบาอาจารย์ในการฝึกจะดีกว่า ดังนั้นจึงขอกล่าวเรื่อง มโนมยิทธิ ไว้เพียงเท่านี้ครับ

    --- 4) ใช้กำลัง “ฌาน” วิธีนี้ผมจะกล่าวอย่างละเอียดเพื่อที่จะให้ทุกคนลองไปฝึกดูได้ครับ เพราะถือว่าเป็นวิธีพื้นฐานเลยก็ว่าได้ ซึ่งในหลายๆศาสนา ก็ใช้วิธีนี้กัน จริงๆวิธีการนี้มีมาก่อนพุทธศาสนาอีกครับ หากใครศึกษาพุทธประวัติแล้วจะพบว่า “เจ้าชายสิทธัตถะ” นั้นก็ได้ไปร่ำเรียน ฌาน 7 และฌาน 8 หรือที่เรียกว่า สมาบัติ 8 จากอาฬารดาบส และอุทกดาบส ซึ่งในสมัยนั้นถือว่ามีชื่อเสียงและเชี่ยวชาญมาก วิธีการนี้ผมต้องขอรับว่าฝึกยากมากกว่าแบบ มโนมยิทธิ มากนัก ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพื่อจะทำให้ระดับจิตเข้าสู่องค์ฌาน จนเป็น ”วสี” หรือที่เรียกว่าคล่องจนเป็นปกติ แต่เมื่อได้แล้วชำนาญแล้ว การใช้วิธีนี้จะมีพื้นฐานที่แน่นมาก ในส่วนตัวผมเคยไช้วิธีนี้มาตั้งแต่สมัยบวชเรียน เพราะตนเองบวชเรียนมาทางสายวัดป่าของ “หลวงปู่มั่น” “ หลวงปู่ชา” ซึ่งกรรมฐานในสายนี้มีความแน่นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว และจะขออธิบายวิธีเป็นขั้นเป็นตอนดังนี้


    4.1) ใช้กรรมฐานกองใดกองหนึ่งที่สามารถทำให้เข้าถึง รูปฌาน 4 ได้ (**หมายเหตุ กรรมฐานที่พระพุทธเจ้าสอนมีทั้งหมด 40 กอง บางกองก็เข้าถึง รูปฌาน 4 ได้ บางกอง สามารถเข้าถึง อรูปฌาน 8 ได้ แต่มีบางกองก็เข้าได้แค่ อุปจารสมาธิหรือสมาธิระดับกลาง) ถ้าให้ผมแนะนำ ผมจะแนะนำ “อานาปานสติ” หรือการรู้ลมหายใจเข้าออก เพราะพุทธบริษัทในประเทศไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับวิธีนี้ดีอยู่แล้ว และ “อานาปานสติ” นี้ สามารถเข้าสู่ รูปฌาน 4 ได้ เบื้องต้นให้เรานั่งพิจารณาลมหายใจ เข้า และออก โดยอย่าไปบังคับลมหายใจนะครับ ให้ร่างกายมันหายใจของมันไป เรามีหน้าที่พิจารณาว่ามันเข้ากับออกเท่านั้น ใครที่คุ้นกันคำภาวนา พุท-โธ ก็สามารถทำได้ครับ แต่ให้ “ถอน”คำภาวน ออก ให้เหลือแต่การรู้ลมหายใจเพียงอย่างเดียว ตอนที่จิตเริ่มนิ่งแล้วนะครับ เพราะ ภาวนา “พุทโธ, ธัมโม, สังโฆ” เป็นกรรมฐานกองหนึ่งใน “อนุสติ 10” ซึ่งไม่สามารถนำจิตเข้าสู่ รูปฌาน 4 ได้ จะเข้าได้แค่อุปจารสมาธิเท่านั้นครับ

    4.2) ภาวนาไปซักพักคุณจะรู้สึกว่า ลมหายใจคุณเบาลงๆ จนแทบจับลมหายใจตัวเองไม่ได้ บางคนตกใจนึกว่าเราไม่หายใจแล้ว เดี๋ยวเราอาจตายได้ ก็ตกใจทำให้จิตตกและเข้าสู่องค์ฌานไม่ได้ อันนี้ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าอย่าไปตกใจ มันเป็นอาการของกายเราเมื่อจิตเราละเอียดเข้าถึง “ปฐมฌาน” หรือ ฌาน 1 นั่นเอง ไม่ตายหรอกครับ ถ้ามีใครนั่งแล้วตายผู้ปฏิบัติธรรมคงตายไปกันเยอะแล้วครับ

    4.3) ทำใจให้สงบอยู่อย่างนั้น จิตจะเข้าสู่ ฌาน 2, ฌาน 3, ฌาน 4 เป็นลำดับ ผมไม่ขออธิบายเรื่องของ ฌาน นะครับว่า ฌาน 1 2 3 4 เป็นอย่างไร เพราะผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง “ปริยัติ” เท่าไหร่ หรือหากใครสนใจเรื่องลำดับฌานจริงๆ ก็สามารถหาได้ใน Internet ทั่วไปได้ครับ ในทางปฏิบัติแล้วเมื่อจิตคุณเข้าถึงระดับฌานนั้นๆ จิตมันจะรู้ด้วยตัวมันเองครับ ผมจะกล่าวเกี่ยวกับ ฌาน 4 สั้นๆว่า ต่อให้มีเสียงดังเท่าระเบิดมาอยู่ข้างหูคุณ คุณก็ไม่ได้ยินเสียงเลยแม้แต่น้อย อันนั้นแหละครับ “ฌาน 4”

    4.4) เมื่อจิตเข้าสู่ ฌาน 4 นั่นจิตจะมีความสุขและมีพลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ข้อเสียของจิตระดับนี้คือ จิตจะไม่มี ”ปัญญา”ครับ มันจะสุขอย่างเดียว ไม่มีปัญญามาพิจารณาอะไรเลย ดังนั้นเราจึงต้องลดระดับของจิตลงมา จาก ฌาน 4 มาเป็น 3 2 1 อย่างช้าๆ และเข้าสู่ “อุปจารสมาธิ” อีกครั้ง ซึ่งจิตในระดับอุปจารสมาธินั้นเราสามารถมีความคิด มีสติ มีปัญญาได้ เพียงแต่เราเข้า ฌาน 4 ก่อนเพื่อยืมกำลังมาใช้ในอุปจารสมาธิเท่านั้น เมื่อจิตเข้าสู่อุปจารสมาธิแล้ว ให้ท่านเริ่มพิจารณาเรื่องของเมื่อวานก่อน สังเกตว่าเราจะจำเหตุการณ์เมื่อวานได้ชัดเจนแจ่มใสมาก จากนั้นก็ค่อยๆนึกถอยๆไปเป็นลำดับ จากเมื่อวานเป็นวันก่อน จากวันก่อนเป็นอาทิตย์ก่อนจากอาทิตย์ก่อนเป็นเดือนก่อน จากเดือนก่อนเป็นปีก่อน ย้อนไปเรื่อยๆอย่างนี้ จนเข้าสู่ภาวะในครรถ์มารดา(ไม่ต้องเอาทุกๆเหตุการณ์ก็ได้ครับ เอาเท่าที่เป็นสาระ เดี๋ยวถ้าเอาทุกๆเรื่องจะนั่งนานเกินไป จนไม่ได้รู้ชาติก่อนกันพอดี) สุดท้ายแล้วคุณจะจำเหตุการณ์ก่อนเข้ามาอยู่ในครรถ์มารดาได้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง เหมือนพึ่งเคยเกิดขึ้นมาไม่นาน

    --- และนี่ก็เป็นวิธีการที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ ปฏิบัติได้ แต่ผมก็ขอเตือนเอาไว้อย่างหนึ่งนะครับ ดาบมีสองคมเสมอ หากท่านนำไปใช้แล้ว ได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆในอดีตชาติของท่าน ก็เพื่อให้ท่านเข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรมเท่านั้น ท่านจะได้เลิกสงสัยกันว่า ทำไมฉันถึงเป็นอย่างนี้? ฉันไปทำอะไรมาเหรอ? เมื่อรู้แล้วในชาตินี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ เราจะไม่ทำผิดซ้ำซาก เราจะทำแต่ความดีงาม อย่างน้อยถ้าท่านระลึกชาติได้ ท่านคงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า “ตายแล้วไม่ศูนย์จริงๆ” อย่างไรก็ตามอีกคมหนึ่งของดาบก็มี ผมอยู่ในสังคมนักปฏิบัติมาหลายปี และหลายสายการปฏิบัติ ผมเห็นญาติธรรม ”บางคน “ ขอย้ำนะครับ “บางคน” หลง กับสิ่งนี้ ในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เราหลงกับสิ่งนี้ พระพุทธองค์สอนให้เราใช้สิ่งนี้บวกกับปัญญาเพื่อความดับของกิเลสในจิตใจเราต่างหาก และคุณต้องมีสติรับสิ่งที่ผ่านมาได้ หากคุณรู้ว่า ใครบางคนที่คุณรักในชาตินี้อาจเคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันในชาติก่อน อย่างเช่นลูกวัยรุ่นของคุณ ที่คุณบางคนอาจสงสัยว่า ทำไมวันๆ มันทำแต่เรื่องให้พ่อแม่มันต้องทุกข์ใจ หรือบางคนระลึกชาติจนรู้ว่าใครเป็นภรรยาเก่าหรือสามีเก่า อันนี้ขอนะครับว่าอย่า “อย่า” ไปยึด มันเป็นเรื่องผ่านมาแล้วในอดีตชาติ ผมเปิด Fan Page นี้ขึ้นมาก็หวังบุญหวังกุศล เป็นธรรมทานเท่านั้น หากใครทำได้แล้วแต่นำไปใช้ผิดๆ ผมก็ลงนรกไปพร้อมกับท่านด้วยอีกเช่นกัน

    ---จิตอสุรา---

    ติดตามหัวข้อธรรมะบรรยายของ "จิตอสุรา" ได้ดังนี้
    การหยั่งรู้วาระจิตผู้อื่น (เจโตปริยญาณ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2013
  2. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,816
    ค่าพลัง:
    +15,099
    "บุพเพนิวาสานุสติญาณ" ต่างจาก "อตีตังสญาณ" อย่างไรหรือครับ?
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    วิธีจักระของคุณ การเห็นผ่านทางระหว่างคิ้วได้ครับ.มันจะเหมือนมีแสงฉายผ่านระหว่างคิ้วออก
    มาเลยแต่ต้องเคยผ่านการฝึกระลึกชาติแบบอฐิษฐาน
    จิตและพอมีกำลังสมาธิมาบ้าง
    ถึงจะทำได้โดยไม่ปวดหรือตึงระหว่างคิ้ว และจะรู้สึกคันๆใน 2 ถึง 3 วันแรกที่สามารถทำได้ แต่ส่วนมากมันจะเห็นอนาคตมากกว่าอดีตครับ..

    ..ส่วนวิธีด้วยกำลังฌานแบบคุณ ผมเห็นทางสายฤาษีชอบฝึกนะครับ.
    และสามารถฝึกร่วมกัน
    สองคนพร้อมกันโดยนั่งหันหลังให้กันได้ครับ โดยเค้าเริ่มจากการจำให้ได้ย้อนหลังไปก่อนหนึ่งสัปดาห์ว่าเรา
    สวมใส่เสื้อผ้าอะไรเป็นพื้นฐานเริ่มต้นครับ
    เป็นการสะสมกำลังสมาธิแบบไม่รู้ตัว
    .ซึ่งเหมาะสมกับคนส่วนมากแบบที่คุณกล่าว
    โดยเฉพาะคนที่ไม่มีของเก่ามาก่อนครับ..
     
  4. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    "บุพเพนิวาสานุสติญาณ" คือทราบเรื่องอดีตของตนเอง
    "อตีตังสญาณ" คือทราบเรื่องอดีตของ คน สัตว์ สิ่งของ อื่นๆ
     
  5. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    ความรู้ใหม่ครับ อนุโมทนา
     
  6. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +3,776
    สมัยหนึ่ง มีคนบอกกับผมว่า ถ้าเราระลึกชาติได้
    เรื่องบาปกรรมทำชั่ว เราคงไม่ทำ

    พอมีวิธีที่จะระลึกชาติได้ ก็จะมีคนมาบอกว่า
    ทำแล้วไม่ได้มรรคผลอะไร เสียเวลา หลงทางเปล่าๆ

    ต่อมาผมจึงรู้ว่า คนที่มาบอกว่าไม่ได้มรรคผลอะไร ส่วนใหญ่..
    เขาเองก็ระลึกชาติไม่ได้ และไม่ได้มรรคผลใดๆ

    ตรงกันข้ามกับในพระสูตรหลายพระสูตร ที่พระพุทธเจ้าแนะนำเรื่องระลึกชาติ
    กลับเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุมรรคผล
     
  7. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    การระลึกชาติก็ยังเป็น ฌานอันเป็นโลกิยะ ซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือในการพิจารณา ความไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือ "การวิปัสสนา" หากขาดการวิปัสสนาก็ไม่สามารถเข้าถึงมรรคผลได้
     
  8. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682

    ระวังจะงงเอาเสียเองนะครับ
    :cool:
     
  9. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า คนส่วนใหญ่วิ่งหาแต่ญาณระลึกชาติ ในขณะที่ปฐมณานยังมิบังเกิดเลย มัวแต่ใจร้อนเกินไปจนเพ่งเป็นบริกรรมนิมิตและอุคหนิมิตสั่งได้เสกได้ตามอำเภอใจ เลยเข้าใจผิดคิดไปว่านั่นแหละระลึกชาติได้ ถามก่อนว่าถ้าระลึกชาติได้จริงๆจะเอาไปทำประโยชน์อะไรได้บ้าง ในเมือมันผ่านมาแล้ว หากสติอ่อนแอหน่อยก็ซ้ำหนักเข้าไปอีก เห็นในสิ่งมิควรจะได้เห็น เห็นแล้วก็เข้าไปยึดเป็นโน่นเป็นนี่

    การระลึกชาติได้เป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมดในบรรลุมรรคผล ของมันเกิดขึ้นได้หรืออาจจะไม่เกิดก็ได้ วิธีการระลึกชาติพูดตามภาษาปาก คือไม่ต้องไปอยากระลึก พอสภาวะนั้นมันจะมามันก็มาเองไปเองพอๆกับสภาวะธรรมต่างๆ ที่คนอ่านมากส่วนใหญ่จะไม่บังเกิดแต่กลับไปเกิดกับคนที่ไม่เคยอ่านไม่คาดคิดมาก่อน แบบนี้ก็มีนะ

    สงบๆ...ยิ่งสงบ ยิ่งนิ่ง ยิ่งนิ่งก็ยิ่งดัง ยิ่งดังก็ยิ่งเงียบ ว่าง...ตอนนั้นถึงจึงสามารถเลือกดูได้
    มันเหมือนสายธารที่ไหลวนแม้จะไหลผ่านไปแล้วก็วนกลับมาที่เดิม ส่วนจะเข้าไปดูตรงไหนก็ขึ้นอยู่กับจิตผูกไว้ตรงไหนชัดที่สุดตรงนั้นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นในการดูแต่อาจจะเป็นจุดล่าสุดผ่านไปก็ได้ อย่าไปยึดแค่ดูผ่านๆ ยิ่งเกิดนานยิ่งวงรอบกว้าง กว่าจะบรรจบ 1 รอบ
     
  10. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +3,776
    จริงที่สุดครับ
    ดังนั้นเราจึงต้องฝึกญาณทั้งสองควบคู่ไปด้วยกัน มันส์ดีนักแล
     
  11. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +3,776
    แบบนั้นย่อมมี แต่ไม่ใช่แบบที่ผู้ตั้งใจฝึกนั้นใช้กัน
    ทำความเข้าใจนิดหนึ่ง เรากำลังคุยในหัวข้อเรื่องการฝึก

    ถ้าคุณฝึกมาทางนี้ย่อมเข้าใจ เราฝึกใช้งาน ใช้กำลังของสมาธิ
    ใช้ญาณต่างๆ วัดอารมณ์จิตใจของเราด้วยญาณต่างๆ
    และใช้ญาณต่างๆเพื่อปลดปลงวิปัสสนา
    และใช้วิปัสสนาเพื่อต่อต้านอุปาทานในญาณ

    ระลึกชาติสร้างความเบื่อหน่ายได้มากทีเดียวเชียว
     
  12. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    จะลองดูครับเอาไว้ปลง แต่ตอนนี้ได้ แค่ฌาน ๓ ยังข้ามไม่ได้
     
  13. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    กำลังจิตก็เหมือนกับกำลังกายครับ นักยกน้ำหนักอยากยกให้ได้หนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องซ้อมบ่อยๆ นักวิ่งถ้าอยากวิ่งให้ไวขึ้น ก็ต้องซ้อมบ่อยๆเช่นกัน หากเรามั่นฝึกจิตภาวนาอยู่บ่อยๆ จิตจะมีกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ ครั้งแรกๆถ้าเริ่มฝึก คุณก็ลองนั่งซัก 10-15 นาทีก็ได้ พอรู้สึกว่าเวลาเท่านี้เริ่มไม่ตึงเกินไป ก็เพิ่มเวลาเป็น 30-40 นาที นานเข้าก็ซัก 1-2 ชั่วโมงก็พอแล้วครับ นั่งนานกว่านี้เดี๋ยวไม่ได้ทำงานทำการกันพอดี อย่าลืมว่าเราไม่ใช่พระสงฆ์นะครับ เราเป็นฆราวาสที่ต้องทำมาหากินด้วย ทำอย่างนี้ไปทุกๆวัน จนจิตมีกำลังก็สามารถเข้าถึงณาน 4 ได้เองครับ ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่า นั่งนานเท่าไหร่จึงจะเข้าณาน 4 เพราะมันขึ้นอยู่กับกำลังจิตของคุณที่ซ้อมมา บางคนก็ใช้เวลา 1-3 ชั่วโมงถึงจะเข้า ณาน 4 บางคนก็ 15-20 นาที เท่านั้น สำหรับคนที่คล่องจนเป็นวสี แค่พริบตาเดียวก็เข้าณาน 4 ได้แล้วก็มีครับ อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับของเก่าที่สะสมมาตั้งแต่อดีตชาติด้วย ถ้าสะสมมาดีก็ไวครับ ถ้าไม่ได้สั่งสมมาเลย อันนี้ก็เหนื่อยหน่อย แต่ก็เข้าได้เหมือนกัน เพราะขยันซ้อมครับ
     
  14. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,653
    ค่าพลัง:
    +1,211
    ถามว่าเราสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ใดได้กับสิ่งนี้

    สองหากท่านจิตตกแบบกู่ไม่กลับเมื่อทนต่อการระลึกนั้นควรทำอย่างไร

    เพราะหากไปได้มาก่อนที่เรามีกำลังเข้มแข้งพอที่จะสู้
    ประตูชนะจิตไม่มีหรือไม่อย่างไร
    หลายท่านจมหรือไม่ หากไปเจอของจริง

    ถามอีกว่าเมื่อท่านเจอภพชาติแล้วท่านจะไปทางไหน
    ชรา
    มรณา
    หรือไม่อย่างไร

    แล้วถามว่าจบหรือยัง
    พบชาติชรามรณาแล้วหลุดพ้นอะไร

    โอ้..........
    เมื่อเกิดเวทนาทำให้เกิดปัญหาแล้วสร้างตัณหา
    เป็นสิ่งก่ออุปทานแล้วมุ่งสู่พบชาติชรามรณาตายแล้วเกิดมาใหม่เป็นอวิชาอีก
    แล้วทางไหนกันแน่ที่จะไม่เกิดตัณหาอุปทานภพชาติชรามรณา

    เกิดแล้วทำอย่างไรอีก
    ไม่เกิดแล้วทำอย่างไรอีก
    แล้วทางสายกลางเป็นอย่างไรเกิดไม่เกิด

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  15. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    หลังจากเจอสภาวะลองตาย( ฌาน ๓ ) ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้ว เผลอหาลมหายใจ หลังจากวันนั้น ก็เข้าฌาน ๓ ไม่ได้ ปิติไม่เกิด แต่เกิดขนหัวลุก(กลัว)แทน ทุกทีอยู่คนเดียวนั่งดึกสงัด วังเวงดี แก้ไงดี นั่งแค่ฌาน ๒ จนลืมๆความกลัว แล้วค่อยกลับมาลองใหม่ดีไหม
     
  16. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    การระลึกชาติมีประโยชน์ในทางวิปัสสนา พิจารณาเบื่อหน่ายชาติภพจะเป็นคุณทางนิพพาน
     
  17. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    ตั้งแต่ผมปฏิบัติธรรมร่วมกับผู้ปฏิบัติท่านอื่นๆมาหลายๆปีหลายๆสาย อาการของคุณถือว่าไม่แปลกครับ ผมก็เคยเป็นเหมือนคุณครับ ส่วนวิธีแก้คือ คุณสามารถวางลมหายใจหรือกรรมฐานกองที่คุณใช้อยู่สักพัก เพื่อให้จิตคลาย และให้มาเข้าวิปัสสนาแทน ซึ่งวิปัสสนาที่ผมใช้คือ "กายานุปัสสนา" ผมจะเอาแค่ "ผม ขน เล็บ ฟัน" พิจารณาความไม่เที่ยงของสิ่งเหล่านี้ให้จิตเกิดความเบื่อหน่ายในรูป

    หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกว่า จิตใจคุณสงบมากขึ้น จึงกลับเข้า สมถกรรมฐาน กองเดิมต่อ แล้วคุณจะพบว่า กำลังของวิปัสสนา จะส่งผลทำให้จิตในสมถะนิ่งเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

    อนุโมทนาบุญครับ
     
  18. JitAsura

    JitAsura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +178
    จริตของคนเรามีหลายแบบครับ บางคนเป็นราคะจริต บางคนเป็นโทษะจริต หรืออื่นๆก็แล้วแต่ จึงทำให้วิธีฝึกแตกต่างกันไป ผมขอตอบคุณรวมๆเลยนะครับว่า การฝึกเรื่องระลึกชาตินั้น เมื่อนำไปวิปัสสนาแล้ว หากจิตเกิดความเบื่อหน่ายในการเกิด และเห็นว่าการเกิดในแต่ละชาติหรือการเกิดใน สังสารวัฏ นั้นมีแต่ทุกข์ มากกว่าสุข จิตคุณจะเข้าใจทันทีว่า "ไม่คุ้มเลยที่จะอยู่ในสังสารวัฏ ไม่คุ้มเลยที่จะเกิด"

    สำหรับคำถามว่าคนที่ระลึกชาติ จะมีกำลังใจเข้มแข็งพอมั๊ยที่จะไปเจอของจริง ผมขอตอบว่า คนที่ตกลงใจฝึกเรื่องนี้ทุกคนเค้าทำใจมาหมดแล้วครับ เพราะฉนั้น จะไปเจอกับอะไรเค้าไม่หวั่นไหวกันแล้วครับ

    หากคิดว่าวิธีนี้ไม่น่าจะเหมาะกับตนเอง ก็มีวิธีอื่นมากมายในพุทธศาสนาให้เลือกอีกเยอะครับ เอาตามจริตของตัวเองครับ

    อนุโมทนาบุญ
     
  19. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    วันนี้ผมเล่นจัดหนักนั่งดูคลิปเผาศพปลงอสุภะเลย ไม่รู้หนักไปปล่าว
     
  20. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,653
    ค่าพลัง:
    +1,211
    หากชาติที่แล้วท่านระลึกได้ว่าท่านเป็นคนเลวสุดๆ
    ฝังคนๆหนึ่งไว้ไม่ให้ได้ผุดได้เกิด
    และแก้ได้ไม่ง่ายหากจะได้ไปเกิดอีก
    และคนๆนั้นคือภรรยาของท่าน
    ที่ช่วยชีวิตท่านมาแล้ว

    ท่านเกิดมาชาตินี้
    ท่านจะไปตามหาเขาได้ที่ไหนเพื่อล้างบาปของท่านที่ก่อไว้
    หากท่านหาไม่เจอท่านทำอย่างไร
    หากท่านหาเจอแล้วเจออุบายเก่าที่วางไว้ล้ำลึกมากแก้ไม่ได้ท่านจะทำอย่างไร

    การปฎิบัติของท่านจะก้าวไปข้างหน้าได้หรือไม่

    หากท่านกระทำการปิตุฆาตรมาตุฆาตร
    ท่านจะแก้อย่างไร

    เอาสองประเด็นก่อนขอรับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...