ถามความในใจพุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ปทุมมุต, 26 กันยายน 2014.

  1. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    ไม่รู้จะตอบช้าไปไหม แต่คนเป็นพระโพธิสัตว์ จะปราถนาพุทธภูมิ ก็ต้องปราถนาเพราะเหตุแห่งกรุณาในสรรพสัตว์ หวังช่วยให้สัตว์พ้นทุกข์ ถึงจะมีกำลังพอจะประคองตัวให้สร้างบารมีจนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า

    หากปราถนาเพราะ เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พอใจในคุณความดีของพระพุทธเจ้า หรือคุณสมบัติอันเลิศ ปราถนาเพราะอยากยิ่งใหญ่ อยากเป็นอาจารย์ อยากเป็นผู้นำ อยากมีความรู้อันไร้ขีดจำกัด ฯลฯ กำลังที่จะสร้างบารมีจนเร็จเป็นพระพุทธเจ้ามันไม่เพียงพอ

    และถึงแม้จะปราถนาเพราะเมตตาในหมู่สัตว์ แต่ถ้าไม่ก้าวถึงกรุณาก็มีกำลังไม่พอเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2015
  2. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ใดในโลกล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ....คำถามต่างๆแม้นไม่ถามก็จะได้คำตอบในวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อฟันฝ่าไป อาจเป็นชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติต่อๆไป เพียงแต่ว่า ธรรมมะสากัจฉา การสนทนาธรรมตามกาล เป็นมงคลสูงสุดอันหนึ่ง
     
  3. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ชีวิตผู้ปรารถนาพุทธภูมิ เมื่อหลายชาติงวดเข้าไปเรื่อยๆ เชื่อว่าจะได้เสวยผลกรรม อันเป็นไปในฝ่ายดีเป็นส่วนมาก จากการสั่งสมแต่กรรมดีมา แล้วผู้ปราถนาฯ.ควรจะเลือกเสวยผลบุญสักกี่เปอร์เซ็น บำเพ็ญต่อสักกี่เปอร์เซ็นต์ในแต่ละชาติ. หรือว่าลุยสร้างบารมีอย่างเดียว ไม่มีเวลาเสวยสุขเลย..
     
  4. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ข้อนี้ แล้วแต่เหตุปัจจัยครับ แต่ไม่ว่าจะโน้มเอียงไปทางใดมากกว่ากันในบางครั้ง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็จะเป็นอันเดียวกันที่ไม่อาจแบ่งแยกได้
     
  5. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ข้อนี้ การอ่านใจแม้คนธรรมดา(สัตว์ บุคคล)ก็อ่านใจพุทธภูมิได้ เพราะพุทธภูมิยังเป็นคนธรรมดาอยู่ด้วย แต่พุทธองค์เท่านั้นรู้แทงตลอดพุทธภูมิ(ความที่เหตุปัจจัยพุทธภูมิมีเหตุปัจจัยอย่างยาวนาน มีเพียงพุทธองค์ที่หยั่งรู้ไม่จบไม่สิ้น หรือหยั่งรู้ได้อนันต์)
     
  6. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ข้อนี้ แบ่งภาคไม่ได้ครับ อวตารก็ไม่ได้ครับ
    แต่มีสภาวะที่เข้าใจและเรียกกันไปจนเข้าใจผิดว่า เป็นการแบ่งภาคหรืออวตารได้
    ยกตัวอย่าง พระศิวะ จำเป็นต้องทำสงครามกับอสูร และไม่อาจเอาชนะด้วยเทพศาสตราหรือกองทัพเทพได้ มีเพียงตาที่สาม แต่ว่าตาที่สามมีอานุภาพมากครับ มันเป็นการเผาไหม้ที่เรียกว่าสลายความเป็นเทพ หรืออสูรได้ หรือสลายภพได้ เมื่อใช้แล้วก็เป็นการตัดบุญกุศลของฝ่ายอสูร ทำให้เค้าไม่ได้อยุู่สภาวะอสูร ซึ่งถือว่าเป็นบุญทำกรรมแต่งอย่างหนึ่ง หากไม่จำเป็นพระศิวะ ไม่ใช้ครับ เมื่อใช้ออกไปแล้ว ต้องรักษาจิตไม่ให้หลง เมื่อพระศิวะใช้ตาที่สาม ทำลายอสูรทั้งกองทัพในคราวเดียว พระองค์จึงต้องไปรักษาศีลเยี่ยงฤษี ที่ป่าหิมพานต์เพื่ออุทิศบุญกุศลให้อสูรที่ตายไปเพราะไฟจากตาที่สาม พระศิวะจึงจุติเกิดเป็นมนุษย์ ออกบวชเป็นฤษี แล้วไปบำเพ็ญที่ป่าหิมพานต์ สัก ๑๐ ชาติ ๑๐๐ ชาติมนุษย์ (แล้วแต่) โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ปรากฎพระศิวะองค์อื่นใหม่ และบารมีพระศิวะ(ที่จุติเป็นฤษี)ยังไม่หมด บุญกุศลอันยังให้ผลเป็นพระศิวะยังอยู่และการตายในขณะเป็นฤษีแต่ละชาติ ท่านก็กลับมาเป็นพระศิวะทุกครั้ง นั้น เป็นเหตุให้ในตำนานพวกเทพควานหาพระศิวะไม่เจอ หรือต้องไปหาฤษีที่เรียกกันว่าอวตารหรือแบ่งภาคให้เลิกถือศีลพรตและเชิญไปปราบอสูรหรือมารอื่น ตามตำนานครับ
     
  7. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ไม่จริงครับ
    พุทธภูมิ ต่อให้เร่งวิปัสสนายังไง ก็ไม่มีทางลาพุทธภูมิ เพราะพุทธภูมิเป็นผู้มีใจใหญ่ สายตาของพุทธภูมิเมื่อเห็นความเบื่อหน่ายในโลก ด้วยใจที่ใหญ่ก็กวาดเอาสรรพสัตว์ไปด้วยอยู่ดี และวิปัสสนาก็ปรากฎแก่พุทธภูมิ การหลุดพ้นเฉพาะกรณีก็เกิดแก่พุทธภูมิเป็นอาจิณ ยิ่งทำยิ่งใกล้พุทธภูมิ ยกตัวอย่าง เพราะพระเตมีย์เห็นในทุกข์ภัยของสังสารวัฏ จึงออกบวช และพาคนอื่นออกบวช ชาวเมืองออกบวช ชาวโลกออกบวช พาชาวโลกหลุดพ้นเฉพาะกรณี(คือ หลุดพ้นแบบชั่วคราว ไปเป็นพรหมกันหมด)
    หรือ ถ้าเกิดเป็นชาวบ้านธรรมดา ถ้ามีทุกข์ เห็นทุกข์ เข้าใจทุกข์ ไม่ยึดติดในความทุกข์ เห็นชาวบ้านคนอื่นเป็นทุกข์ก็พูดแนะนำบ้างว่า ทุกสิ่งมีธรรมดาไม่อยู่ในบังคับอันใด มีแต่แปรปรวนไปและทุกข์ ท่านอย่ายึดติดสิ่งใดเลย ตัวอย่าง ลูกไม่ได้ดั่งใจ พ่อแม่อาจบังคับลูกต่างๆ พุทธภูมิก็พูดแนะนำได้ว่า เมื่อทำกิจถึงที่สุดแล้ว ลูกจะได้มากน้อยแค่ไหน ก็แล้วแต่กำลังอินทรีย์ของลูก อันนี้ก็เป็นการดับความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่งแล้ว
    ปล. พุทธภูมิส่วนใหญ่ก็ล้วนใช้ชีวิตธรรมดาสามัญปุถุชนนี้เป็นส่วนมาก พัฒนาจิตอย่างนี้แบบธรรมดาๆ ก่อน เมื่อวาระเหตุปัจจัยใดถึงเหตุให้ทำบารมีขั้นปรมัตถ์ได้ ก็ค่อยเป็นค่อยไป จนกว่าจะถึงระดับที่สูงขึ้น ฉะนั้น ให้ดูกำลังใจของตนเป็นหลัก ยอมรับตนเองก่อน อย่าเพิ่งทำอะไรเกินกำลังใจของตน ถ้าวันใดจิตที่สะสมมันถึงจุด มันจะประทุออกมาเอง เวลานับอสงไขยนั้น แม้ศีรษะพุทธภูมิจะร่วงกองเท่าภูเขาหิมาลัย จิตพุทธภูมิก็อยู่วิปัสสนา อยู่ที่การเห็นแจ้งในสัจธรรมนั้นเอง และปรารถนาให้ผู้อื่นเห็นแจ้งสัจธรรมตามด้วย ตลอดเวลา
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ทางการแพทย์ เมื่อร่างกายเราเจ็บป่วยมากๆ จนถึงจุดหนึ่ง กายและจิตจะรักษาตัวเอง โดยการเข้าภวังค์ เมื่อตกภวังค์แล้วออกจากภวังค์ อาการป่วยก็หายปลิดทิ้ง ไม่ต้องเข้าฌาณก็ได้นะครับ

    ส่วนที่ถ้าต้องเสียเลือดเนื้อ ให้นึกถึงพระเยซู ในเรื่อง passion .. แน่นอนว่าไม่เข้าฌาณหนีครับ แต่จิตที่แน่วแน่ มั่นคง นั้น เป็นฌาณอ่อนอยู่แล้ว แต่มันก็มีบ้างที่จะเป็นฌาณหรือไม่เป็นฌาณระดับอัปปนา แต่จิตที่แน่วแน่นั้น ทำให้ร่างกายทนได้ในระดับหนึ่ง

    ส่วนที่ว่าเข้าฌาณหนีเวทนา เป็นธรรมดาครับ ถ้าเสือกัดกินพระโพธิสัตว์ไปครึ่งตัว แล้วจะให้จิตมีอารมณ์รับเวทนา อันต่อให้มีอารมณ์โกรธ ก็ตกนรกจะได้ประโยชน์อันใด แต่เมื่อพุทธภูมิเห็นว่าเสือกัดแล้วก็มีจิตเมตตากรุณามากขึ้น จิตที่เมตตาท่านเข้าถึงฌาณง่าย ยังไงก็ห้ามฌาณไม่ได้อยู่ดี เพราะปัจจัยแห่งจิตที่มีเมตตาบ่อยๆ มันทำให้ได้ฌาณเร็วอยู่แล้ว
     
  9. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ถามลึกมากครับ
    เท่าที่รู้ กริยาจิต สำหรับปุถุชน คือ จิตที่รับรู้อารมณ์ทางทวารทั้งห้าเฉยๆ กับจิตที่ทำหน้าที่ตัดสินอารมณ์ ซึ่งจะดับทันทีก่อนที่จะเป็นกุศล อกุศล หรือมหากริยาจิตแบบพระอรหันต์

    ในขณะวิปัสสนา ลักษณะวิปัสสนาเป็นการกระทำจิตให้เกิดวิชชา เกิดการโยนิโสมนสิการจนกว่าจะเกิดวิชชา ถ้าวิชชาไม่เกิด ก็ยังอยู่ในข่ายปุถุชน คือ กริยาจิตขอวปุถุชนครับ

    ปล.ความเข้าใจผมมีเท่านี้นะครับ ทักท้วงติติงได้
     
  10. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ไม่ถือเป็นปัจจัยหนุนครับ การทำนายหรือการคาดเดาต่างๆ เป็นสภาพปกติของจิตอยุูแล้ว การคาดเดาคือความไม่แน่นอนบนกองข้อเท็จจริงต่างที่เป็นมายา เพราะจิตมองไม่เห็นความจริง เพราะตาบอดอยู่
    ในขณะที่ ญาณ หรือการหยั่งรู้ต่างๆ มีพื้นฐานจากดับนิวรณ์ ๕ ก่อน หากไม่ดับนิวรณ์ ๕ จิตก็ถูกบดบังด้วยนิวรณ์ห้า และหากไม่เท่าทันจิตแม้นิวรณ์สงบระงับลงแต่ยังเผลอลงยึดติดสิ่งใดสิ่งไว้ กิเลสก็จะบังตาอีก ดังนั้น นอกจากการรับรู้อันบริสุทธฺิ์ ที่ต้องประคองด้วยสติแล้ว นอกนั้น ไม่อาจจัดเป็นการหยั่งรู้แบบ ญาณที่ท่านถาม เป็นแค่การทำงานของจิตธรรมดาในการทำนายเท่านั้น ดังนั้น ตราบใดมีกิเลสก็ไม่ญาณดังที่ท่านถาม

    ปัจจัยหนุน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อันมีเนกขัมะอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่การทำนายหรือการคาดเดา ไม่ใช่การเสวยชาติเป็นโหรหรือหมอดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2016
  11. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ไม่อาจคาดหมายเจตนาของเค้าได้ เค้าอาจไม่รู้อะไรเลย นอกจากเห็นเป็นปูนปั้น งานศิลปะอย่างหนึ่ง และบางทีเค้าไม่มีศาสนา หรือแม้มีศาสนาก็แต่แบบพิธี แต่จริงไม่เคยเฉียดคำว่าศาสนา
    จึงไม่อาจวินิจฉัยได้ในทันทีว่า เค้าคิดเห็นเยี่ยงไร เป็นเป็นแค่คนที่ถ่ายรูปกับรูปสมมติแค่นั้น
     
  12. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ไม่เคยมีประสบการณ์
    แต่มีเรื่องที่ศึกษาได้ คือ คนทรงผี คนทรงเจ้า และการครอบขันธ์
    หากจะศึกษาที่มีระบบหน่อย ต้องอ่านของฝรั่ง เรื่อง คนที่มีหลายบุคลิกภาพ อาจเป็นพันจิต วิญญาณที่แยกกันเป็นเอกเทศเลย
     
  13. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ข้อความต่างๆ แม้ในพระไตรปิฎก ต้องยอมรับว่าผ่านกาลเวลาและการบอกเล่าหรือการคัดลอกมาเป็นเวลากว่าสองพันห้าร้อยปี การจะเชื่อทุกสิ่งอย่างนั้น เป็นไปไม่ได้
    คำถามของท่านตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ยังไม่ได้ตรวจทานเรื่อง ปาฏิหาริย์ ว่าความจริงตามที่อ่านมากับความจริงที่พิสูจน์ได้ เป็นอย่างไร แล้วนำมาวิเคราะห์ถึงจริต ประดุจท่านมีธงในใจว่า ปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องไม่มีจริงหรืองมงาย แต่การรับรู้ถึง ปาฏิหาริย์ของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน การที่บุคคลหนึ่งเห็นปาฏิหาริย์ด้วยญาณปัญญา จึงไม่อาจกล่าวว่า งมงายได้ การสรุปรวบสั้นว่า ถ้าเชื่อปาฏิหาริย์ตามชาดกแล้วงมงาย จึงเป็นการบังคับจำกัดไป

    และคำถามว่า ท่าน มันเป็นคำถามที่ขึ้นกับว่า ท่านใด แต่ละท่านมีประสบการณ์ หรืออินทรีย์ไม่เท่ากัน บางท่านเกิดมาอยู่ในครรภ์มารดาก็ระลึกชาติได้ว่า ได้รับพุทธทำนายจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนแล้ว (บอกเลย ไม่ใช่ผมนะครับ จะได้ไม่เข้าใจผิด) การจะงมงายหรือไม่ จึงอยู่ที่ ท่าน แต่ละท่านพิจารณาเอาเอง แต่ไม่ใช่เรา(คือ คนตั้งคำถาม คนตอบคำถามและคนอ่านข้อความนี้)ที่จะเป็นคนพิจารณาจริต และหากไม่มีญาณหยั่งรู้จริตคน ก็ไม่ควรไปพยายามหยั่ง เพราะอุปาทานจะเกิดมากกว่าญาณจะเกิด
     
  14. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    เมตตาอย่างเดียวก็สำเร็จประโยชน์มหาศาลแล้วครับ สำเร็จประโยชน์น้อยไม่มีครับ ในธรรมที่ชื่อ ธรรมอันไร้ประมาณครับ

    ปัญหามันอยู่ที่ ทำให้ไร้ประมาณต่างหากครับ บุคคลจะทำให้เมตตาถึงขั้นไร้ประมาณนั้น มันยากครับแต่ต้องทำให้ได้ครับ เมื่อถึงขั้นไร้ประมาณแล้ว จะต้องบุ๋นบูู้ไปทำไมครับ เพราะไร้ประมาณ คือ ไร้อะไรมาเทียมทานแล้วครับ เมื่อถึงขั้นนี้ แค่อย่างเดียว ประโยชน์ไม่มีน้อย มีแต่ไร้ประมาณครับ
     
  15. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    หากจิตตั้งมั่นในโพธิญาณ และเป็นมหากุศลจิตอันอาจตัดศีรษะตนถวายเป็นพุทธบูชาได้ โพธิสัตว์ไม่มีเลือกเสวยสุข มีแต่เลือกบำเพ็ญบารมีให้ถึงฝั่งแห่งพุทธภูมิ ความลำบากกาย ลำบากใจ ลำบากแก่ชีวิต คือ การเสวยสุขของโพธิสัตว์ครับ
    ดุจดัง พระโพธิสัตว์ที่ถูกเค้าแทงด้วยหอก แต่ยังเปล่งเสียงอุทานด้วยปิติยินดี ว่า สำเร็จแล้ว คือ การตั้งมั่นในความดีให้สรรพสัตว์ นั้น ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดของโพธิสัตว์ เป็นที่จดจำที่สุด การสละชีวิตและเลือดเนื้อของตนแก่สรรพสัตว์ แก่ธรรมอันยังประโยชน์แก่สรรพสัตว์นั้น คือ สิ่งที่ประทับในจิตของโพธิสัตว์มิลืมเลือน เป็นสุขอย่างยิ่ง บรมสุขอย่างยิ่ง พุทธองค์จึงตรัสอนุโมทนาในการที่พระโพธิสัตว์ตัดศีรษะถวายพระองค์ เพราะจิตของโพธิสัตว์เป็นมหากุศลอย่างยิ่ง
     
  16. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    อย่าใจร้อน มุ่งไปที่การอยากรู้ ใคร่รู้ เอิ่ม ความจริงมันห้ามกันไม่ได้นะครับ แต่ก็ห้ามไว้ล่ะกัน
    เอาเป็นว่า พื้นฐานญาณหยั่งรู้ คือสงบระงับความอยากรู้ก่อน (นิวรณ์ 5) แล้วทำความเพียรแก่จิต สงบระงับอุปกิเลสตามมา เมื่อจิตสงบ ญาณหยั่งรู้จะผุดขึ้นมา แต่อย่าไปวางจิตไปกว่า การรู้ อันบริสุทธิ์ เอิ่ม แต่ว่า เมื่อรู้ เสร็จมันจะตามด้วย การตัดสินการรับรู้นั้น ถ้าอารมณ์มันเกิดต่อจากการรับรู้เพราะสติหลุด อันนั้น ก็บังคับบัญชาไม่ได้ครับ แต่ถ้าสติรุู้ท่าทัน ก็ถอนอารมณ์เสีย เริ่มใหม่ แม้การหยั่งรู้เหล่านี้ ก็ยังจัดเป็นแบบคนมีกิเลส ก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่นความหยั่งรู้อันนั้นเลยครับ มันก็ยังไม่เที่ยง ไม่ตรงแบบพระอรหันต์
    แต่ว่าถ้ามีจิตที่วางไว้ถูก อย่างน้อยก็พอจะรู้ พอจะไปตามทางพุทธะครับ

    ปล. พยายามตอบเท่าที่ตอบได้ เป็นการพูดคุยกันนะครับ
     
  17. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ขอบพระคุณ คุณณฉัตรอย่างยิ่ง ที่กรุณาเข้ามาตอบ แลกเปลี่ยนทรรศนะ
    ขอบคุณครับ
     
  18. มารวิกะ

    มารวิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +526
    ผมก็นึกถึง คำของหลวงพ่อที่ว่า จิตดวงเดียว ท่องเที่ยวไป อยู่ครับ
     
  19. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +1,938
    สาธุๆๆ:cool::cool:
     
  20. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    เรียนถามท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิทั้งหลาย ท่านรู้สึกเหมือนกันนี้ใหมว่า ไม่มีคำว่ามีบุญบวช หรือหมดบุญบวช คือถ้าจะบวชไม่มีอะไรต้านทานหรือขวางได้ เมื่อจะสึกก็ไม่ได้ผ้าเหลืองร้อน หรือหมดบุญบวช เห็นสมควรสึกก็สึกเฉยๆ. แม้สึกมานานแต่ในฝันบางครั้งตัวเองก็ยังเป็นพระ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2016

แชร์หน้านี้

Loading...