เรื่องเล่าโยไก

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Mathura, 18 มกราคม 2017.

  1. Mathura

    Mathura นะโม แปลว่า ผู้นอบน้อม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,161
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13,113
    ตั้งแต่ที่มีนักศึกษาญี่ปุ่นได้ทุนแลกเปลี่ยนทำงานวิจัยด้วยกันที่มหาวิทยาลัย ทำให้ชาวแล็บดูคึกคักทันที บางทีก็มีการพาเพื่อนใหม่หรือนายโทชิ หนุ่มญี่ปุ่นวัยสามสิบเอ็ดปี พาเที่ยว พูดคุย เรื่องการทดลอง แลกเปลี่ยนความรู้เนืองๆ ห้องแล็บดูเล็กลงเมื่อมีสมาชิกแลกเปลี่ยนมากขึ้น ปรกติฉันไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนักที่เราจะเห็นผู้หญิง ผู้ชายทั้งชาวไทยชาวต่างชาติเดินเข้าออกในแผนก ชุดกาวน์ แว่นป้องกัน และอุปกรณ์ส่วนตัวที่เก็บแยกไว้ในตู้ล็อกเกอร์ มุมกาแฟและโต๊ะกินข้าวเป็นเพียงมุมเล็กๆที่ชาวแล็บ หามุมส่วนตัวเพียงเพื่อจะของีบหลับสักครู่หนึ่ง

    ช่วงนี้ที่มุมกาแฟกลายเป็นมุมดื่มชาไปเพราะโทชิซื้อชาเขียวยอดอ่อนมาฝากจากญี่ปุ่น บางทีฉันกับเพื่อนๆ ก็อดถามเรื่องความนิยม สิ่งใหม่ๆในญี่ปุ่น เช่น บริการเซอคูเระ (Circle) เช่าเพื่อนหรือเช่าแฟน ว่าเป็นอย่างไร เมดคาเฟ่ (maid cafe) และอิทธิพลของหนังการ์ตูน ห้องแล็บจะอยู่แยกจากห้อง common room นักศึกษาบางทีก็แอบไปทานข้าวหรือซ่อนลูกตา หากล้าจากการอ่านค่าตัวเลข ได้ผลตรงตามการทดลองไหม หรือบางทีชาวแล็บรุ่นพี่ก็จะให้คำแนะนำต่างๆกับรุ่นน้อง

    ช่วงสอบใกล้เข้ามา ฉันไม่แปลกใจที่เห็นเพื่อนอยู่ถึงพลบค่ำ แม้กระทั่งโทชิ นักศึกษาแลกเปลี่ยนแอบยึดมุมหนึ่ง บ้างเอาหมอนมากอดนอนหลับตาสักครู่ มนุษย์แล็บมักมีฉายาประหลาดว่าเป็น ถั่วงอก หรือแพนด้า เนื่องจากอดหลับอดนอนหรือไม่ก็สมองโต ฉันเองก็คุ้นกับมุกตลกนี้บ่อยๆ

    ช่วงค่ำฉันเห็นโทชิยึดโซพาเป็นที่นอน โชคดีวันนี้ตึกปิดช้า หากมีการบรรยายตอนเย็น ฉันแอบสังเกตว่าโทชิมักเปิดลำโพงบลูทูธ วางไว้ข้างหมอนเสมอ น่าแปลก ฉันไม่ได้ยินเสียงเพลงใดๆ นอกจากเสียงสัญญาณเบาๆ จากลำโพงพกพาดัง แซ่กๆๆ ฉันเข้าใจว่าโทชิคงเกรงใจมนุษย์แล็บคนอื่นๆ จึงไม่กล้าเปิดเพลงเสียงดัง แต่โทชิก็ยังคงหลับสนิท

    เพื่อนๆ แอบซุบซิบ ต่างก็คิดว่าโทชิคงเกรงใจ กลัวเสียงเพลงรบกวนคนอื่นๆที่มาหลบซ่อนลูกตาดำ ฉันนั่งกินมาม่าอยู่เงียบๆ จนโทชีตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ก่อนที่จะปิดลำโพง ทุกคนเริ่มล้อมวง เปิดตู้ล็อกเกอร์หาเสบียง บ้างก็เสนอว่าสั่งพิซซ่าจากสาขาๆใกล้ๆ พวกเราเห็นด้วย ฉันอดสงสัยไม่ได้จึงถามโทชิขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า ทำไมโทชิต้องเปิดลำโพงไว้ ทั้งๆที่ลำโพงก็ไม่ได้มีเสียงดนตรีเล็ดลอดออกมา

    โทชิกลับยิ้มแล้วพูดตอบเป็นภาษาอังกฤษปนญี่ปุ่นว่า "โยไก" และ "ยูเร" โทชิเริ่ม อธิบายให้ฟังว่าโยไกเป็นพวกภูติผีปีศาจที่ดุร้ายหรือแปลงร่างได้ เหมือนอสุรกาย แต่ยูเรคือดวงวิญญาณของมนุษย์ที่เสียชีวิตไปแล้ว ทุกคนตั้งใจฟังที่โทชิพูด ฉันจึงถามอีกทีว่าแล้วทำไมโทชิถึงเปิดลำโพงทิ้งไว้ล่ะ ทั้งๆที่ไม่มีเพลง โทชิมองหน้าแล้วบอกว่าตัวเขามักมีปัญหาด้านการนอน เคยโดนผีอำเรื่องที่จำได้คือเคยเห็นผู้หญิงนั่งคุกเข่า แต่งชุดกิโมโนนอนทับหน้าอกอยู่ ควันที่รวมตัวเป็นรูปเป็นร่าง โทชิอธิบายให้พวกเราเห็นภาพ เพื่อนอีกคนถามว่าทำไมโทชิถึงคิดว่าเป็นผีล่ะ

    "กิโมโนหากใส่ขวาทับซ้ายนั่นเป็นวิธีที่สวมให้คนตาย" ร่างของสิ่งที่คุกเข่าทับหน้าอกของโทชิใส่กิโมโนแบบนั้น โทชิบอกว่ากลัวจนเหงื่อแตก แต่กระดุกกระดิกอะไรไม่ได้ เหตุการณ์มักเกิดซ้ำๆคือ ช่วงตีสอง บางทีน้องชายมานอนด้วย ก็เคยเห็นแค่เท้าโปร่งใสเดินข้ามฟูกนอนไป หลังจากการโดนผีอำ โทชิจะไม่หลับจนกว่าจะถึงรุ่งเช้า ทำให้มีอาการเหนื่อยล้าบ่อยๆ

    ภายหลังโทชิย้ายจากฟุคโอกะ มาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอีกเมือง อาศํยอยู่หอพักราคาถูกไม่ใกล้ไม่ไกลพอจะขี่จักรยานไปได้ และได้รับทุนเป็นผู้ช่วยวิจัยที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ โทชิก็ยังคงเจอเรื่องผีอำอยู่บ้าง แม้ว่าไม่บ่อยเท่าเมื่อก่อน การสะดุ้งตื่นตอนตีสองเป็นเรื่องธรรมดา เพื่อนบางคนที่เคยมานอนค้างคืน เคยเห็นโทชิโวยวายร้องเรียกให้ช่วย หรือมีอาการเหงื่อแตก โทชิตัดสินใจเล่าเรื่องให้รุ่นพี่ฟังที่เป็นคนแนะนำหอให้ ว่าเจอเหตุการณ์อะไรบ้างไหม รุ่นพี่กลับจ้องหน้าพลางแนะให้นอนโดยเปิดวิทยุทิ้งไว้ทั้งคืน หรี่เสียงให้เบาที่สุด เรื่องแปลกคืออาการผีอำนั้นค่อยๆลดลง จนหายไปในที่สุด ทุกครั้งที่โทชิย้ายสถานที่ เดินทางข้ามประเทศ ก็ยังคงติดนิสัยนอนเปิดลำโพงทิ้งไว้เชื่อว่าจะไม่เกิดอาการผีอำ

    ผู้เขียนไม่อาจทราบได้ว่าโทชิได้เจอผีหรือไม่ อาจจะเป็นเพียงอาการภาวะนอนหลับไม่สนิทก็เป็นได้ แต่วันนั้นชาวแล็บต่างถกกันตามความเชื่่อของวิทยาศาสตร์ เนื่องจากงานวิจัยอาการผีอำหรือ sleep paralysis นั้นมีความเชื่อสองด้าน ด้านแรกบอกว่าคลื่นแม่เหล็กจากมือถือหรือวิทยุรบกวนการนอนหลับสนิท แต่อีกด้านก็แย้งว่าคลื่นเสียงต่ำสามารถช่วยบำบัดผู้มีปัญหานอนหลับได้ โทชิยิ้มทิ้งท้ายว่าห้องพักอาศัยที่ญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้ราคาแพง ห้องไหนที่มีประวัติเช่น คนตาย คดีฆาตกรรม ราคาจะถูกกว่าครึ่งหนึ่ง บางทีอาจเป็นตัวเลือกที่ดีก็ได้

    ประสบการณ์นี้เป็นเรื่องของเพื่อนชาวญี่ปุ่น ผู้เขียนนำมาเรียบเรียงเป็นภาษาไทยอีกทีเนื่องจากไม่คุ้นกับคำว่ายูเรและโยไก จึงนำมาเล่าให้ฟัง และไม่เคยโดนผีอำจึงไม่เคยทดลองวิธีของโทชิ ชื่อจริงของนักศึกษาแลกเปลี่ยนขอดัดแปลงเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้เล่าเรื่อง
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถ้าให้เดากรณีนี้นะครับ..
    ก็คือคลื่นเสียงที่เปิดไว้นั้น
    ช่วยในเรื่องการปรับคลื่นสมอง
    ให้อยู่ในช่วงที่หลับถ้าจำไม่ผิด
    น่าจะประมาณ ๑ ถึง ๓ Hz นี่หละครับ
    ซึ่งช่วงนี้จะยังมีการฝันได้อยู่
    ซึ่งเป็นคลื่นสมองของมนุษย์ที่จะหลับหรือฝันปกติครับ..

    ถ้าคลื่นสมองอยู่ในช่วง ๔ ขึ้นไปจนถึง ๗ หรือ ๘ Hz
    จะเป็นคลื่นที่จิตอยู่ในช่วงที่เรียกว่า อุปจาสมาธิ
    หรือช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น บ้างก็เรียกช่วงจิตเป็นทิพย์
    ซึ่งคนที่เห็นโน้นนั่นนี้ หรือรู้สึกว่า ร่างกายขยับไปเป็นไป
    ตามใจตนเห็นเหมือนตอนลืมตาปกติก็จะอยู่ในช่วงนี้หละครับ..
    คลื่นสมองในขณะที่เห็นที่เค้าวัดด้วยเครื่องมือ
    ก็จะประมาณนี้หละครับ...

    สมาธิเป็นการลดระดับคลื่นความถี่ ยิ่งความถี่สมองต่ำ
    ระดับกำลังสมาธิก็จะสูงนั่นหละครับ คลื่นสมองที่ต่ำ
    ลดลงมาน้อยว่า ๑ Hz จนถึง 0 Hz
    ก็จะเป็นระดับฌาน ๒ ๓ ๔ ตามลำดับนั่นหละครับ
    ฝรั่งเค้าเรียกเป็นระดับความถี่
    บ้านเราเรียกเป็นระดับฌานครับ ฌานยิ่งสูง
    คลื่นยิ่งน้อยครับ...

    สมมุติถ้าเราหลับและเราฝัน(๑ ถึง ๓ Hz สมอง
    สั่งให้ร่างกายขยับแบบที่เรารู้สึกแบบลืมตาไม่ได้)
    เราลืมตามาเห็นแต่ขยับตัวไม่ได้(๔ ถึง ๘ Hz
    ที่รู้สึกขยับตัวไม่ได้เพราะสมองอยู่ในช่วง
    ที่จะตัดการควบคุมร่างกายเพื่อที่จะตัดหลับนั่นหละครับ
    นึกภาพออกเนาะเราหลับแล้วเราถึงสั่งให้ร่างกายขยับไม่ไดั)
    และท้ายสุดขยับตัวได้( ๙ Hz ขึ้นไป)

    ดังนั้นตามลำดับปกติจะพบได้ว่า
    ๑.คนเราโดยทั่วไปจะหลับก่อน แล้วมาเห็น
    จากนั้นค่อยรู้สึกตัว เพราะเป็นไปตาม
    ลำดับการเพิ่มขึ้นของคลื่นสมองนั่นหละครับ
    พอคลื่นสมองเพิ่มเลย ๙ Hz ขึ้นไปทำให้สภาวะ
    สมองเข้าสู่สภาวะปกติเหมือนลืมตา และพยายาม
    จะมาลดคลื่นสมองหรือพยายามที่จะหลับ แต่หลับไม่ได้
    เพราะว่ามีความคิดอยู่ ร่างกายก็เสมือนเป็นสภาวะ
    ลืมตาปกติ เพราะเห็นไม่ได้แล้วและคลื่นสมองเริ่มสูงขึ้นแล้ว
    จนท้ายสุดทำให้รู้สึกเหนื่อยเพราะว่าร่าง
    กายไม่ได้พักผ่อนนั่นหละครับ ถ้าลองดูในรูปแบบคลื่น
    ความถี่จะพบว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไปที่พิสูจน์ได้
    ทางวิทยาศาสตร์ครับ...

    หรือ ๒.อีกกรณีหนึ่ง รู้สึกว่ากำลังจะหลับ หรือหลับไปแล้วตอนไหนไม่รู้
    ไม่ว่าจะท่านอนหรือท่าอะไรก็ตาม
    คล้ายๆสะดุ้ง(แต่ยังไม่รู้สึกว่าเคลื่อนไหวร่างกาย
    ในช่วงคลื่นที่สูงกว่า ๙ Hz)
    และเหมือนลืมตามาเห็นโน้นนี่นั้น
    แต่ว่าไม่สนใจอะไรก็จะหลับต่อได้ (เพราะคลื่นยังไม่สูง
    เหมือนในสภาวะลืมตาปกติที่จะต้องเกิน ๙ Hz
    ที่จะเริ่มมีความคิดต่างๆเข้ามาแทรกได้)
    เป็นเหตุให้สมองลดคลื่นลงมาอีกได้ ผลเลยหลับต่อได้นั่นเอง
    สำหรับคนที่ปฎิบัติมาบ้างแต่ไม่สนใจว่าเห็นอะไร
    หรือคนทั่วไปที่เห็นได้เป็นปกติครับ

    อีกกรณีก็คือคนที่เห็นแล้วและแม้ว่าจะรู้สึกเหมือน
    สภาวะที่ร่างกายตื่นเป็นปกติ ณ เวลานั้น
    คือคลื่นสมองเกิน ๙ Hz แต่ว่าสามารถหลับต่อได้
    เนื่องจากมาอุทิศส่วนกุศลได้นั้น
    เนื่องจากคลื่นในช่วงอุทิศส่วนกุศลนั้น
    ก็จะอยู่ในช่วงที่ต่ำกว่า ๘ ลงมาแต่ไม่ถึงตำ่กว่าหนึ่ง
    (เป็นเหตุให้บางคน รู้สึกได้ ว่าโล่ง เย็น ที่หน้าอก
    หรือรู้สึกสบาย ฯลฯ) เมื่อคลื่นที่เกิดในช่วงเวลาที่อุทิศ
    ส่วนกุศลนั้น สังเกตุดูว่า มันจะเป็นการดึงให้สมองผ่าน
    คลื่นที่เห็นได้มาจนถึงช่วงคลื่นที่หลับได้(เป็นเหตุให้ในเวลาลืมตา
    ปกติทั่วไปบางคนจึงรู้สึกง่วงหรือหาวได้
    หลังจากอุทิศส่วนกุศลนั่นหละครับ)
    คนที่ตื่นมาแล้วเห็นและอุทิศส่วนกุศลไปแล้ว
    จึงสามารถนอนหลับต่อได้โดยที่รู้สึกว่า
    สิ่งที่เห็นไม่มารบกวนอีกนั้นหละครับ....
    เพราะว่าคลื่นสมองมันมีการลดลงมาแล้วจากการอุทิศไงครับ


    ถ้ามองในเชิงวิทยศาสตร์ เราก็จะพบว่า
    มันเป็นไปตามกลไกลการเพิ่มลดของคลื่นความถี่
    ซึ่งหากเราสังเกตุดูอีกก็จะพบว่า มันเป็นเรื่องที่สามารถ
    เกิดขึ้นได้ปกติ แต่พุทธเราไม่ได้มาแจกแจงในรายละเอียด
    ตรงนี้ ส่วนทางฝรั่งต้องชี้ชัดได้ มีเหตุมีผลรองรับ..
    ซึ่งก็จะเป็นไปตามแนวทางพุทธเรานั่นหละครับ
    แต่เราค้นพบวิธีอุทิศส่วนกุศล อะไรอย่างนี้
    ด้วยการปฏิบัติและลองผิดลองถูกมา
    ส่วนฝรั่งรู้ได้เครื่องมือทางวิทย์ศาสตร์นั่นเองครับ..(^_^)
     
  3. Mathura

    Mathura นะโม แปลว่า ผู้นอบน้อม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,161
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13,113
    @nopphakan ยังคงตอบกระทู้ผีได้สุดยอดมาก สวัสดีปีใหม่กับท่านจอมยุทธที่ยังรักษาความยอดเยี่ยม ลีลาการตอบได้สุดยอด

    ช่วงนี้มีแต่ยำบะถั่วบะเขือ ปูเสื่อชวนคนอื่นมาทานเกาะกระทู้ตามเดิม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    จัดของว่างไปพลางๆก่อน...อิอิ
    เจ้าอร่อยและราคาย่อมเยาว์
    ๒๘ บาทขาดตัว.... IMG_4144.JPG
     
  5. Mathura

    Mathura นะโม แปลว่า ผู้นอบน้อม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,161
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13,113
    (/^▽^)/(/^▽^)/ แค่ภาพก็กินขาด ดีนะคุณ Snooty กับคนอื่นๆ ยังไม่มา เดี๋ยวจะปูเสื่อก่อน มีเรื่องแถมเตรียมไว้แล้ว เกี่ยวกับเสียงโปรยกรวดบนหลังคาตอนกลางคืน เรื่องของคุณลุง เลยเขียนมาเล่าให้ฟัง ที่แน่ๆ กระทู้นี้ไม่มีมืออำ หรือ แมวอำ
     
  6. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    มาแว้ววว มาตามกลิ่นยำมะเขื่อกะบัวลอย แหม๊ เข้ามาดูตอนดึกๆนี่มันช่างทรมานใจหลาย (เด่วๆ ขอเช็ดน้ำยายไหยก่อน :D:D)

    ปูเสื่อรอคุณมุมาเล่าต่อ.......หันรีหันขวางไม่มีอะไรกิน งั้นก็ต้องนี่เลย อาหารบ้านๆฟลอร์ๆ 555

    IMG_2378.JPG
     
  7. Mathura

    Mathura นะโม แปลว่า ผู้นอบน้อม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,161
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13,113
    เรื่องแถม-เสียงโปรยก้อนหินบนหลังคา

    ลุงเป็นคนเชื่อเรื่องศาสตร์อำนาจลี้ลับ ลุงบอกเสมอว่าอย่าประมาท ความเชื่อโบราณหลายอย่างเป็นเรื่องสำคัญ แล้วสอนให้ลูกหลานในบ้านนับถือตาม สิ่งหนึ่งที่ลุงสอนเสมอคือ หากได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตอนกลางคืน หรือเสียงคนขว้างปาอะไร อย่าทัก โดยเฉพาะวันโกนวันพระ ห้ามขานรับจนกว่าจะแน่ใจว่านั่นใช่คนจริงๆ ลุงเคาะไปป์เบาๆ ก่อนที่ลูกหลานจะได้กลิ่นยาสูบฉุนๆ พลางอธิบายว่าสมัยก่อน บ้านเรือนยังไม่เจริญ สถานีอนามัยก็อยู่ไกลจากตลาด ลุงเองก็อาศัยข้าววัด เรียนอ่านเขียนจากหลวงตาที่วัดบ้าง ติดสอยห้อยตาม ก่อนที่จะไปเรียนในตัวเมือง

    ลุงอวดรอยสักที่แขนให้ดู แผงอกของลุงก็มียันต์อักขระ เหมือนคนสมัยก่อน ฉันจำได้ว่าลุงบอกว่าลุงมีครูดังนั้นข้อห้ามโบราณก็ต้องรักษา สมัยก่อนผลไม้ในสวนของลุงถูกขโมยบ่อย ลุงต้องคอยถือปืนยิงขู่บ้าง ไม่รู้ว่าทำอะไรให้ใครแค้นหรือเปล่า พื้นที่เล็กๆในจังหวัดลำปางนั้นยังไม่เจริญมากนัก แต่ลุงก็เป็นทั้งข้าราชการและว่างๆหลังเลิกงานก็อยู่กับไร่เล็กๆ กับลูกหลาน ฉันนั่งฟังเรื่องเล่าของลุงเกี่ยวกับเรื่องเสียง เหตุใดจึงห้ามขานรับ? ลุงกลับบอกว่า "เออ เอ็งระวังไว้บ้าง ไม่รู้ว่าคนจะส่งอะไรมาไหม" ฉันฉงนคำอธิบายของลุง แต่ที่หิ้งพระ ฉันมักเห็นมีดหมอที่ลุงวางไว้ ไม้ตะพด และอื่นๆ

    เรือนไม้ของลุงถูกปรับปรุงกลายเป็นเสาซีเมนต์ เสาไม้หลักตั้งแต่สมัยคุณทวดยังอยู่ ด้านบนเป็นเรือนไม้ปูด้วยไม้ หลังคาเป็นแผ่นสังกะสี ใต้ถุนสูงโปร่ง บ้านนี้เป็นบ้านที่ลุงเติบโตมา ลุงจึงแค่ปรับปรุงแต่รักษาเรือนไม้ไว้

    คืนนั้นยามวิกาล คุณป้านอนหลับแล้ว ลูกชายสามคนนอนกางมุ้ง ลูกสาวอีกสองคนนอนแยกห้องใกล้ๆห้องนอนใหญ่ ลุงนอนกระสับกระส่ายรู้สึกหลับไม่สนิท แม้ลมพัดเอื่อยๆ อยู่ๆ ลุงได้ยินเสียงราวกับก้อนกรวดโปรยกระทบกับหลังคาสังกะสี กึง กึง กึง ลุงลืมตาโพลงท่ามกลางความมืด แสงจันทร์สลัวทำให้เห็นเงาสิ่งรอบตัว แต่ไม่ชัดเจน ลุงปลุกคุณป้าพลางส่งสายตาและส่ายหัวว่าไม่ต้องพูดอะไร ป้าเองก็ได้ยินเสียงเช่นเดียวกัน "ไม่ต้องพูดอะไร" ลุงเดินย่องพลางให้ป้าไปปลุกลูกชายและลูกสาวให้มานอนรวมตัวกัน แต่ลุงกับป้ากับนอนไม่หลับ นั่งอาราธนาพุทธคุณจนถึงเช้า

    คืนถัดมาลุงบอกว่าว่าเป็นวันพระ เวลาเดิม ลุงได้ยินเสียงคนโปรยก้อนกรวดอีกครั้ง กึง กึง กึง เสียงกระทบของหินกับแผ่นสังกะสี ลุงลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดฟังเสียงลึกลับอีกครั้ง เสียงเคลื่อนย้ายไปจากฟากหลังคาด้านซ้ายไปขวาราวกับว่ามีคนเล่นตลก ป้านอนกอดลูกๆไว้ คอยดูว่าลูกๆจะเป็นอะไรไหม ลุงได้แต่ภาวนาในใจว่า อย่าให้สิ่งที่ลุงคิดเป็นจริง ลุงจุดธุปก่อนที่จะสวดมนต์อาราธนา หยิบมีดหมอเหน็บไว้ที่เอว และปืนยาวอีกกระบอก พลางคิดในใจว่าคืนนี้เจออะไร เป็นไงเป็นกัน พร้อมที่จะเข้าแลกทุกเมื่อ

    ลุงจุดตะเกียงในห้องนอน เสียงโปรยก้อนหิน กึง กึง กึง ดังขึ้นอีกครั้งเกือบสามสิบนาที คนร้ายหรือเปล่า คนที่ไหนจะเอากรวดหรือก้อนหินมาโปรยได้สองคืนติดๆกัน อีกใจหนึ่งประหวั่นกลัวว่าจะไม่ใช่คน ลุงกลัวว่าจะเป็นคนส่งสิ่งอัปมงคลมาทำร้ายลุงหรือคนในครอบครัว อย่าให้สิ่งที่คิดเป็นจริงเลยลุงกัดฟันก่อนที่จะย่องๆ เดินลงบันได้หลังบ้าน เพื่อลอบมองหาสาเหตุของเสียงกึง กึง กึง บนหลังคา

    ลุงเดินลงบันไดไปห่างจากตัวเรือนไม้เล็กน้อย กลั้นหายใจเฮือกหนึ่ง พลางจับมีดหมอกระชับไว้ในมือ ลุงเห็นเพียงเงาดำตะคุ่มๆ จากฟากหนึ่งไปอีกฟากหนึ่งของหลังคา นั่นสินะสาเหตุ ลุงจ้องไปที่เงาดำ เม้มปากแน่น มือกระชับปืนหรือพร้อมหยิบมีดหมอ ก่อนที่พอสังเกตเห็นชัดๆว่าเงาที่ขยับไปมาคืออะไร ลุงถอนหายใจและเดินย่องขึ้นเรือนช้าๆ ไปนอนต่อ

    ฉันกับลูกพี่ลูกน้องนั่งหูผึ่ง ลุงหยุดเล่า และเขี่ยถ่าน กลิ่นข้าวจี่ร้อนๆ หอมกรุ่นจน ลูกๆ หลานๆหยุดมอง
    "พ่อเห็นอะไร?" ลูกชายถาม
    "ข้าเห็นแต่ขบวนหนูผี วิ่งบนหลังคาน่ะสิ"

    ***************************
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงเล่าค่ะ จริงๆเรื่องเสียงโปรยก้อนกรวด ลุงเคยบอกว่าเป็นเรื่องของสิ่งอัปมงคล ผู้เขียนไม่ทราบว่าเสียงโปรยกรวดเกี่ยวข้องกับอะไรกับผี หรือความเชื่ออะไร แต่หยิบมาเล่าให้ฟัง เพราะนึกถึงเรื่องในสมัยเด็กๆตอนได้กินข้าวจี่ร้อนๆ ท่ามกลางหน้าหนาว บางทีลุงก็เล่าเรื่องผีป๊อกกะโลงให้ฟัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2017
  8. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    หนูผีเป็นไงยังไม่เคลียร์เบย จะป๊อกกะโลงแล้วครึครึ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    หนูผีท่าทางจะคล้ายแมวผีที่กุฏิเจ้าอาวาส
    ของข้าพเจ้าแน่ๆ
     
  10. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    เคยได้ยินเรื่องหินโปรยมาบ้างหรืออะไรโยนใส่บ้านใส่หลังคา เขาว่าเป็นคุณไสยฯ

    เคยมีช่วงนึงชอบบทจุลไชยปกรณ์นึกครึ้มอกครึ้มใจนั่งสวดตามที่จดมาสามรอบติดตอนตีสอง อยู่ๆก็มีเสียงนกร้องเป็นฝูงเหนือหลังคาบ้านเหมือนแตกรังหรืออะไรสักอย่างจ็อกแจกลั่นเลย เฮอๆๆ
     
  11. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    กลับภูมิลำเนาคราวใด ได้ยินท่านสวด รู้สึกไพเราะดี
    พึ่งมารู้ชื่อก็ตอนนี้ จุลไชยปกรณ์ ขอบคุณเหลือหลาย
     
  12. Mathura

    Mathura นะโม แปลว่า ผู้นอบน้อม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,161
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13,113
    จุลชัยมงคลคาถา เป็นบทที่พอได้ฟังแล้วคิดถึงจริงๆค่ะ เห็นด้วยเลย ตอนนี้กำลังอ่านเรื่อง ผีๆ ในพระราชวังแวร์ซาย น่าสนใจดี เป็นต้นฉบับที่เคยอ่านนานแล้ว เดี๋ยวว่างๆจะเอามาเขียนให้ฟัง จำได้ว่าคุณ Snooty ชอบผียุโรป เดี๋ยวจัดให้ค่ะ ไม่ได้อ่านภาษาอังกฤษนาน ฝืดหมด
     
  13. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    ไม่มีขนมไทยแปลกๆ แต่รับรองได้อร่อยไม่แพ้กัน อิอิ คนอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคงคิดฮอตกันบ้าง 20170127_121910.png
     
  14. Mathura

    Mathura นะโม แปลว่า ผู้นอบน้อม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,161
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13,113
    @วงกรตน้ำ มาอีกละขบวนของกิน ปูเสื่อ หาเรื่องผีมาอ่าน ไม่คิดฮอดค่ะ ยะอาหารเหนือบ่อยเจ๊า ฮา พอเอาตัวรอดได้ค่ะ แต่เจอภาพแต่ละภาพ ชักต้องเอากับข้าวงานตรุษมาสู้บ้างละ รอว่างๆก่อนค่ะ จะมาเขียนผีในพระราชวังแวร์ซาย ช่วงนี้จะหนีไปภาวนาเลยเว้นเรื่องผีค่ะ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถ้าเสียงดัง ปั๊ก หรือ ปั๊ก ๆๆ นี่จิ้งจก อย่าตกใจ
    ถ้าเอี๊ยดๆ แอ๊ดๆ นี่เสียงจากการเปลี่ยนแปลง
    อุณหภูมิของไม้ อย่าตื่นเต้น
    ถ้าเสียงที่รักจร้า ตัวเองจร้า (ลงท้ายจร้าๆ)
    เนี่ยเสียงคนใกล้ตัวให้แกล้งหลับต่อ
    ถ้าเสียงแคว๊กๆนี่แมว เสียงคล้ายเด็ก นี่ก็แมว
    ถ้าสกิดด้วย เห็นหน้าตาด้วย(แบบไม่ใช่ญาติตรูแน่ๆ)
    แล้วเรียกพี่(ตามด้วยชื่อเล่นเรา) ผีแน่ๆ
    ให้เนียนเฉย อุทิศบุญไป
    ถ้าเสียงคร๊อกๆ ให้เปลี่ยนท่านอนซะ
    เพราะรำคาญ ๕๕๕
    ปล. เสียงย่อมมีที่มา และแหล่งกำเนิด
    หาให้เจอ จะได้เข้าใจ
     
  16. Mathura

    Mathura นะโม แปลว่า ผู้นอบน้อม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,161
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13,113
    ขอบคุณค่ะ ป๋านบ คนอ่านจะได้มีสติไม่กลัวหรือทึกทักว่าเสียงทีได้ยินเป็นผี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2017
  17. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    ไม่ได้เข้ามาอ่าน นาน.. มัวงง กับเว็บใหม่ :D
     
  18. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    ข้าวเหนียวมิสน สนแต่มะม่วง ง่วงๆๆๆๆๆ

    คุณชายเหมียวที่บ้านนี่ร้องเหมือนคนเลย โอยๆๆๆเวลามันเข้าส้วมo_O ตอนแรกก็งงว่าใครมาร้องโหวกเหวกในห้องน้ำ ไปส่องดูแมวกำลังทำธุระ:confused:

    นกบางชนิดนี่ร้องเสียงเหมือนแมว (ไม่ใช่นกแก้วนกขุนทองน่ะ) ปล่อยให้เราเดินหาทั่วสวนน้าสาว ที่ไหนได้มันร้องอยู่บนต้นมะพร้าวต้นลองกอง มีหัวเราะเหมือนคนฮาแตกอีกต่างหาก


    พวกเด็กผู้ชายถามปัญหาว่าแล้วไก่มันพูุดว่าอะไร

    อยู่ ก็ รก โลกๆๆๆ มันบอกไก่ขันอย่างนี้ทุกเช้า

    อ้าว แล้วแมวตัวเมียกับแมวตัวผู้มันคุยอะไรกัน?

    ตัวเมียร้อง ไม่เอาๆๆๆ
    ตัวผู้ร้อง เอาๆๆๆๆ
    :D จบช่วงสาระแทบไม่มีด้วยประการฉะนี้
     
  19. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    กระทู้คุณมุทำไมมีแต่สายฮา กะ สายกิน 5555

    รออ่านกระทู้ต่อไปนะคะคุณมุ ไปปฏิบัติธรรมก็ขอให้เจอเน้อ จะได้มีข้อมูลมาเล่าให้บรรดาสายฮาฟัง ครึครึ :p:p

    ป.ล. @devotee57 สุดท้ายแมวตัวเมียก็ร้องว่า "เอาก็เอา"
     
  20. Mathura

    Mathura นะโม แปลว่า ผู้นอบน้อม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,161
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +13,113
    @Snooty คงเจอยากค่ะ มุพวกไร้สัมผัส อีกอย่างมีแต่แนวผีฝรั่งค่ะแต่ไม่ได้เข้ามาเขียนบ่อยๆ พอเล่นเน็ตมาสักระยะ ก็เบื่อๆ แล้วเป็นคนรักษาความเป็นส่วนตัวสูงมากอยู่แล้ว คงเจออะไรยากค่ะ ฮา แต่ที่ตั้งใจจะไป เพราะก่อนหน้านี้ไปกราบบอกพระอาจารย์พร้อมขอพรจากท่านแล้ว มุจึงตั้งใจปฏิบัติเป็นพุทธบูชารวมทั้งจะแผ่กุศลนี้ให้เพื่อนที่ป่วยอยู่ด้วยค่ะ

    ดังนั้นในระหว่างนี้กรุณาติตดามอ่านของท่านอื่นๆไปก่อน เช่น คุณวงกรตน้ำ และคุณ devotee57 มุขออนุญาตเดินทางนะคะ ขอบคุณป๋านพที่คอยแทรกข้อคิดในกระทู้ของมุ รวมทั้งท่านอื่นๆด้วยค่ะ

    บ้านมุอะไรไม่ถูกใจ คุณนายเหมียวร้องว่า "มิเอา มิเอา"
     

แชร์หน้านี้

Loading...