สอบถามเรื่องการทำสมาธิแล้วนอนไม่หลับค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย owawa, 11 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    อันนี้เริ่มใหม่เลยนะครับ คุณนพ คิดว่า มาร คืออะไรครับ ไม่เกี่ยวกับการเรียนนะครับ เกี่ยวกับการปฏิบัติ ขอถามว่า มารในใจคืออะไรครับ ไม่ต้องใช้ตำราครับ ผมอนุญาตให้ใช้ใจตอบครับ ไม่ต้องกลัวผิดถูก แค่จะทัสสนะคติ หรือ ความเห็น เท่านั้น ไม่อย่างนั้น ทุกครั้งที่สื่อ ก็จะกลายเป็นคนละเรื่องไป ขอให้ตอบแค่บรรทัดเดียวนะครับ
     
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014


    จะขอตอบในเรื่อง การเกิดกิเลสนะครับ
    อาการของมันจะเป็นอย่างนี้
    จะขออธิบายก่อนว่า ไอ้คำว่า กรรม เนี่ย
    เวลาที่มันจะเกิด หรือ เกิดเรื่อง
    มันจะเกิดมาเป็นคู่ๆ ครับ
    คือ ผู้ก่อกรรม และ ผู้รับกรรม
    ไม่ใช่มีแต่ ผู้ที่รับกรรมอย่างเดียว

    ที่นี้ ลองพิจารณาดูว่า เราเลือกรูปแทนตัวมารูปหนึ่ง
    โดยเลือกรูปที่ดูดีที่สุด โดยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ได้คิดอะไร
    ทุกอย่างก็จบ ลงท้ายด้วยดี ไม่มีอะไรผิดแต่อย่างใด

    ต่อไป มาพิจารณาดูว่า ในเวปนี้ เราเปรียบเทียบให้ดูเหมือน มหาวิทยาลัยนาลันทา หรือ ตักศิลาของพุทธ
    เราโด่งดังออกไปนอกเวปแล้ว
    ไม่ว่าเราจะคิดเห็นในเวปนี้อย่างไร
    ก็จะมีคนคอยมาคอมเมนต์เรื่องของเราในที่อื่นด้วย
    เช่น พันทิป เฟสบุ๊ค ไลน์ อินสตราแกรม
    นั่นจึงเป็นที่มาของผู้ที่เข้ามาศึกษาใหม่
    ยังไม่ได้สมัครไอดี ยังไม่ได้คอมเมนต์ ยังไม่เปิดตัว
    แต่เปิดอ่าน ทุกเรื่องราว ในเวปเรา
    หากวันหนึ่งวันใด วัดธ........ ล่มอีก
    คนก็จะไม่มีที่ไป แต่จะเข้ามารุมดูที่เวปนี้ จนเวปล่ม
    เพราะว่ามีคำทำนาย ของหลวงพ่อฯ ว่าไว้
    ทีนี้แหละ บรรดาพระหนุ่มที่เพิ่งบวช
    เณรน้อยที่ยังไม่ได้บวชพระ เเละ
    ผู้ที่เข้ามาศึกษาใหม่ๆ จากสายอื่น
    ก็จะเข้าเต็มเวป สอนกันไม่ทันแน่ๆ

    ทีนี้ มาต่อที่ รูปโปรไฟล์ ที่ใช้แทนรูปตัวเอง
    มันจะก่อกรรม หรือ กิเลส ได้อย่างไร
    ในเมื่อคนเลือก ก็ไม่ได้มีเจตนา อย่างนั้น
    ลองพิจารณาในแง่ที่ว่า หากรูปสวย หรือ หล่อ
    จนคนมองเกิดความอยากได้เป็นคู่ครอง
    แล้วอธิฐานจิต ขอให้ได้เป็นคู่ครองในชาตินี้
    หรือ ชาติต่อไป หากอธิษฐานสำเร็จ หรือ
    เป็นผู้ที่มีฤทธิ์อยู่บ้าง ก็จะเกิดสัมพันธ์ไปอีก หนึ่งชาติ
    หากเค้ามีโอกาสบรรลุ อรหันต์ แต่ว่า
    สัมพันธ์เรื่องภพชาติแรงกว่า
    การอยากที่จะบรรลุธรรม หรือ อรหันต์
    เค้าก็อาจจะต้องไปเกิด อีกชาติหนึ่งเสียก่อน

    ขอยกแค่ตัวอย่างเดียว ละกัน
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เริ่มใหม่เลยหรือเปลี่ยนขบวณรถไฟใหม่ว่างั้นเหอะ....
    หวังว่าจะผ่านการกลั่นกรองจากระบบความคิดล่าสุดคุณมาแล้วนะครับ..
    ปกติจะตอบในไอแพคหรือมือถือนะครับ พอคุณถามเลยต้องเปลี่ยน
    มาตอบในคอมกันเลยทีเดียว เพื่อความชัดเจนในการเล่นแสงสีต่างๆ
    ต้องขอบคุณที่ถามนะครับ แต่ว่าเป็นการถามแบบที่แปลกๆดี...
    แปลกยังไงเด่วมาอ่านต่อนะ
    และก่อนตอบขอให้ส่วนตัวได้กล่าวนำ ก่อนได้ไหมครับ


    ปกติคนที่จะถามส่วนตัวเนี่ยคือจะสงสัยเกี่ยวกับสภาวะการปฏิบัติต่างๆ
    ที่เป็นเหตุให้ติดขัด ค้างคา สงสัย และทำให้ไม่สามารถพ้นสภาวะนั้นๆได้
    ซึ่งที่ส่วนตัวตอบได้ไม่ใช่ว่าเก่งมะเขืออะไรหรอกนะครับ
    ก็เหมือนคนทั่วๆไปนี่หละครับ แต่ส่วนตัวมีอย่างคือ ไม่เคยมีหน้ากาก ไม่เคยสร้างภาพ
    ว่าตัวเองเก่ง หรือ เคยประกาศว่าตัวเองดีอะไร และไม่เคยคิดเป็นอาจารย์ใคร
    แต่ด้วยเพราะว่าเคยผ่านสภาวะนั้นมาแล้ว....
    และโชดดีได้ครูบาร์ที่เก่ง ท่านคอยช่วยแนะนำต่อยอดให้
    ถามว่า เขียนบทนำอย่างนี้ทำไม ก็มันสงสัยยังไงหละครับ
    ส่วนตัวใครถามอะไรมาตรงๆถึงตอบไปได้แบบตรงๆ
    ไม่ต้องคอยดำน้ำดำๆ หรือใช้ความสามารถทางด้าน
    แถสญานเลี่ยงหลบหลีกไปเรื่อย เพราะไม่มีภาพที่ต้องคอยรักษา
    เข้าใจนะครับ..และถ้าส่วนตัวจะถามใครกลับ..แปลกตรง
    ที่ไม่ยักมีใครกล้าตอบกลับแบบมีเหตุมีผลประกอบ
    ที่ตอนนำเสนอ เก่งกันจัง ถามแบบพื้นๆกับไม่ตอบ.
    ไม่ล๊อกกระทู้หนี ก็ลบข้อความทิ้ง
    เป็นอะไรที่ประหลาดดีแท้ สำหรับห้องนี้



    ..ว่าในอดีตที่ผ่านมา คุณได้เคยอ่านที่ส่วนตัวแนะนำคนอื่นๆบ้างไหม
    ถามจริงๆนะครับ ลักษณะการตอบของส่วนตัว เนี่ย
    ส่วนตัวเนี่ย ไปเอาความรู้จากตำรา หรืออ้างอิงตำรามาตอบหรือครับ
    คุณอ่านดูไม่ออกหรือครับ ว่าใครตอบจากการปฏิบัติ หรือตอบจากตำราครับ

    คือพูดตรงๆนะ บุคคลที่อ่านข้อความที่ส่วนตัวเขียน
    คงมีน้อยคนมากนะครับ ที่คิดว่าส่วนตัวอ่านตำรามาตอบ
    มันมีหรือครับ ที่ส่วนตัวแนะนำ แล้วต้องใช้ตำรามาตอบครับ...


    ผมถึงกล้าท้าคุณไงครับ ว่าถ้าคุณคิดว่า คุณฝึกอรูปญานได้ถึง
    ขั้นสุดท้ายอย่างที่คุณพูด รู้เรื่องกสิณจริงๆอย่างที่คุณพูดโม้ไว้ในอดีต
    คุณ กล้ามาแสดง กล้ามาพิสูจน์ ความสามารถในการทำได้จริง
    กล้าพิสูจน์ความสามารถในการใช้งานกับผมไหม...
    นี่ผมท้าไปอย่างนี้ ยังคิดอีกหรือครับว่า ต้องพึ่งตำราครับ..
    เพราะฉนั้น เรื่องไม่ต้องใช้ตำรา คุณนั่นหละครับ
    ที่ต้องเตือนตัวเองเอาไว้ให้มากๆ ไม่ใช่มาบอกผมว่า ไม่ต้องใช้ตำรา
    เอาแค่ประเด็นนี้ พอสำเหนียก ระบบความคิดคุณได้บ้างหรือยังครับ..



    คือเขียนมาถึงจุดนี้แล้ว
    คุณยัง มาพูดอีกว่า
    ''ไม่ต้องใช้ตำราครับ '' คือประเด็นนี้ ส่วนตัวนึกว่า
    คุณจะฉลาดกว่านี้นะครับพูดเหมือนพยายาม
    สื่อให้คนอื่นๆเข้าใจว่า ที่ส่วนตัวตอบอ่านตำรามาตอบนะ
    คุณตอบจากการปฏิบัติมานะ ๕๕๕
    ไม่ทราบใช้เซลสมองส่วนไหนมันผุดคำนี้ขึ้นมาได้ครับ ๕๕๕๕

    และคำพูดนี้
    ''อนุญาตให้ใช้ใจตอบ''
    แล้วบอกว่าเป็นทัศนติ ไม่ต้องกลัวผิดถูก....
    การใช้ใจตอบ หมายถึงใช้เครื่องรู้ตอบใช่ไหม
    เครื่องรู้ที่ได้จากการปฏิบัติใช่ไหม...
    ไม่ใช่ใช้ใจตอบแบบที่เอาไว้พูดทำเท่ห์เพื่อให้สาวๆมากรี๊ดกร๊าดเนาะ
    ถ้าเป็นความเห็น เป็นทัศนคติ มันคือ การใช้ความคิด ใช้การวิเคราะห์ แยกแยะ วิพากษ์
    วิจารณ์ไปแล้วครับ ซึ่งเป็นอะไรที่คุณถนัดมากๆ
    ถ้าเทียบนักปฏิบัติ ในเวบนี้ ที่ใช้ทัศนคติ ใช้ความคิด ใช้การวิเคาระห์ วิพากษ์
    แยกแยะการปฏิบัติในกรรมฐานกองต่างๆจนสำเร็จได้ด้วยการคิด เกิดเป็นทัศนคติขึ้นมา
    ประกันได้ว่า คุณเป็นมือวางอันดับต้นๆ พอดียังไม่มีใครยอมรับ
    ว่าตัวเองเป็นมือหนึ่งครับ ไม่งั้นอันดับที่ ๒ ประกันได้ว่าเป็นคุณแบบไร้คู่แข่งครับ
    ถึงได้เกิดคำพูดแบบปลาวนในอ่าง
    ว่า''อนุญาตให้ใช้ใจตอบ ไม่ต้องกลัวถูกผิด เป็นแค่ทัศนคติ''
    ปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้ ก็เพราะปฏิบัติมาแบบคุณนั้นหละครับ
    นึกออกไหมใช้ใจตอบ แต่เป็นทัศนคติ ไม่มีผิดถูก เข้าใจไหมครับ..
    ที่คุณบอกว่า ไม่มีผิดถูก ก็เพราะลึกๆคุณได้ตัดสินไปแล้ว



    ส่วนตัวจะตอบว่าจะใช้นิ้วในการพิมพ์ตอบปกติครับ
    คือ ต้องรอให้คุณอนุญาต ให้ผมตอบก่อนหรือเปล่าครับ
    ผมถึงจะตอบได้ ตรงนี้มันสื่อให้รู้ว่า
    คุณไม่มีความสามารถจากการปฏิบัติอะไรเลย
    ที่จะมาเข้าใจในเรื่องนามธรรมพวกนี้.
    .คือคุณดูไม่ออกจริงๆ
    หรือคุณแกล้งเนียนได้แยบยลมาก
    หรือว่าคุณมันแบบ
    ฉลาดน้อยโดยธรรมชาติที่คุณเป็นจริงๆครับ


    นี่ส่วนตัวงงอีกแระ
    เพราะเห็นคุณเคยพูดประหนึ่งว่า การปฏิบัติของคุณเนี่ย
    สำเร็จถึงขั้นอรูปฌานขั้นสุดท้าย
    ซึ่งส่วนตัวเคยแย้งไปว่า เห้ยใช่เปล่า ที่คุณพูดมามันไม่ใช่หรอก
    และไม่มีความสามารถทำได้จริง และคุณไม่ได้แม้แต่รูปฌานอะไร..
    คุณก็ยังแย้งอีกว่า ของคุณเป็นอรูปฌานแบบไร้รูป
    อาจจะเป็นหนึ่งในล้านคนที่ทำได้
    ตอนนั้นเล่นเอาฮากันไปถึงดาวอังคารเลยครับ
    หวังว่าคงจำกันได้


    แต่ไม่ได้บอกตรงๆหลอก แต่บอกว่า ถ้าคุณทำได้อย่างที่ว่าแล้ว
    คุณจะเล่นแร่แปรธาตุได้สบายๆ และจิตจะมีความสามารถทำอะไรได้อีก
    เป็น สิบๆข้อได้ปกติ ซึ่งเคยเขียนไว้ให้แล้ว แต่ว่าคุณก็อ้างอีกว่า
    ไม่ได้มาทางด้านพิเศษ แต่พอกรรมฐานอะไรพิเศษๆ เห็นคุณรีบ
    เข้าไปแนะนำจัง ก็เลยสงกะสัยว่า เห้ย! ทำได้หรือ
    พูดได้ทำได้อย่างนั้น มันเหาะได้ หายตัวได้ แล้วนะ
    ไหนๆขอพิสูจน์ด้วยการแสดงความสามารถระดับพื้นๆ
    ให้ดูหน่อยเป็นขวัญตาซิ ท้ายสุดก็เงียบไปตาม
    เรื่องราวที่เข้าไปบุกวัดดังแห่งหนึ่ง ตามระเบียบ...


    คำตอบที่คุณถาม ไม่ได้คาดว่าคุณจะเข้าใจที่ตอบหรอกนะครับ
    มาร คือการอุปโลกน์ขึ้นมาอย่างหนึ่งครับ
    ถ้าคุณไม่รู้เท่าทันกระบวนการเกิดของมันตรงนี้
    คุณจะยังให้ค่าได้ ตีความความได้ วิเคราะห์ได้ วิพากษ์ วิจารณ์ได้
    และจะ พยายามหาความหมายมาเสริมความเข้าใจ
    ตามแต่สัญญาความจำได้ที่เกิดจากจิตของคุณปรุงร่วมกับความคิด
    ของคุณเองที่คุณยังแยกมันไม่ได้ ณ ทุกวันนี้
    นั่นหละครับ พูดเท่านี้เก๊ทไหมครับ

    ปล.บรรทัดเดียวเนาะ..ที่เหลือน้ำจิ้มประดับคำตอบ
    แต่ว่ารสชาติอาจจะเผ็ดร้อนไปหน่อย
    พอดีเผลอทำมะนาวกับพริกหกลงไป..
    .(คุณจะเก็ทมุขนี้ไหม)
    อ่อๆ การถามตอบแบบทัศนคติ บรรทัดเดียวน้อยไปครับ
    เพราะการตอบจะเป็นเชิงบรรยาย ซึ่งต้องใช้ความคิด
    การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ ก่อนจะออกมาเป็นการถ่ายทอดครับ
    บรรทัดเดียวควรจะเป็นการถามตอบแบบมีคำตอบให้เลือกสองทาง
    เช่น ใช่หรือไม่ใช่ หนึ่งหรือสอง พอเข้าใจนะครับ
    ที่เขียนไม่ได้แนะนำนะครับ จะบอกว่า อย่าไปถามใคร
    แบบนี้อีกนะครับจะได้ไม่ต้องอายเค้าครับ (^_^)
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    นี่คือตัวอย่างการตอบแบบใช้ความเห็น
    ใช้ความคิด ในการวิเคาระห์
    สังเคราะห์
    (สังเคราะห์เป็นคำสุภาพของคำว่าปรุงแต่งมโนมนึก
    คิดเองเอ่อเอง คิดไปเรื่อยเปื่อย คิดไปได้ ช่างกล้าคิด
    คิดไปไกลเกิ๊น คิดแทนคนอื่นๆไปเรื่อยเปื่อย
    คิดว่าเค้าจะเป็นอย่างที่ตัวเองคิด คิดแบบเอาหัวเอาหางมารวมเป็นเรื่องเดียวกันได้
    ที่อุปโลกน์ขึ้นมาใช้กับคุณครับ
    ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกใช้เป็นนามหรือกิริยา
    หรือเป็นคำคุณศัพท์หรือคำวิเศษ ก็แล้วแต่คุณนะครับ)

    อย่างชัดเจนที่สุดที่เกิดจากจิต ที่ไม่ได้มาจากการปฏิบัติครับ
    ซึ่งปรุงร่วมกับความคิดที่เกิดจากจิตตัวเองล้วนๆ
    และปรุงร่วมกับกิเลสในใจตนร่วมด้วย..
    ถ้าไม่เข้าใจว่า เป็นอย่างไร ลองเอาไปให้เด็ก
    มัธยมต้นอธิบายให้ฟังนะครับ เพื่อคุณจะเก็ทบ้าง...(^_^)

    มานึกๆนะ น่าจะเป็นส่วนตัวนะ ที่ต้องบอกว่า
    ''คุณมีความสามารถทางจิตอะไร เชิญใช้ได้เต็มที่เลยนะครับ
    เวลาคุณตอบคำถามอะไร คุณจะเอาตำราอะไรที่คุณเคยได้อ่านมา
    ประกอบกับความคิดคุณเวลาตอบได้เลยให้เต็มที่นะครับ''

    ๕๕๕๕ ประโยคสุดท้าย แค่แซวนะครับ พอขำๆ
     
  5. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +1,938
    อภิสังขารมารคือมารที่ใจเราปรุงขึ้นมา..(อุปโลกน์), มัจจุมาร มารคือความตาย , เทวปุตมาร มารคือเทวดามิจฉาทิฎฐ ประมานนี้ป่าว
     
  6. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014




    งั้นขอถามอีกนิดนึงนะครับ ที่กล่าวว่า
    มาร คือการอุปโลกน์ขึ้นมาอย่างหนึ่งครับ


    ใครคือ ผู้ที่กำหนดหรือ อุปโลกน์มาร ขึ้นมา
    และมารทำหน้าที่ยังไง


    เอาคำตอบ แบบที่สั้นที่สุดครับ หรือ
    ใครเข้าใจ จะตอบก็ได้นะครับ
    แต่ให้ตอบแบบ ภาษาชาวบ้าน
    ไม่ต้องใช้คำบาลี เอาประมาณ
    เราจะสอนชาวบ้านที่ไม่รู้บาลี
    หากในคำตอบ ยังเป็นบาลี
    เค้าจะไม่เข้าใจ และเราจะตกทันที
     
  7. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    เอาใหม่นะครับ
    ขอให้ตัดภาษาบาลีออกไป แล้วใช้ภาษาชาวบ้าน
    มาอธิบาย ประมาณว่า ออกมาจากจิตส่วนลึกของเรา
    ไม่ต้องดึง คำบาลี มาเสริม

    แต่ถ้าหากว่า อธิบายได้ เท่านี้
    เพราะยิ่งอธิบาย ก็จะยิ่งงง
    ผมก็จะได้อธิบายต่อ
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    จขกท. ต้องหาที่ให้มันจับ สมมุติ ใช้ลมเข้า-ออก ตอนนอนก็ให้จิตเกาะลมเข้า กับลมออกเฉยๆ ไม่ต้องไปภาวนาอะไรทั้งนั้น

    ถ้าใช้ท้องพองกับท้องยุบ ก็ให้เกาะพองกับยุบเฉยๆ ไม่ต้องภาวนาอะไรทั้งนั้น

    กล่าวคือให้ตั้งใจหลับอย่างเดียว
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035



    ตกอะไร ทุกวันนี้มีแต่คุณนั่นหละครับ
    ที่ตกซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ว่าเรื่องอะไร
    กล้าเถียงไหม จะเอาเรื่องอะไร

    ส่วนตัวไม่ใช่คนเก่ง คนดีนะครับ
    แต่ถ้ามาพูดฟอร์มโชว์เหนือ สันดานอย่างนี้ พร้อมเจอนะครับ

    จะเอาด้านการปฏิบัติจัดมาเลยได้ทั้ง ๔๐ กองขอท้า
    หรือด้านปัญญาทางธรรมแบบไม่ต้องใช้ตำรา
    เอาไหมหละซักเรื่องไหม ก่อนจะใช้คำว่า ตกนะ..หึๆ..
    จะพูดอะไรหัดดูหนังหน้าตัวเองบ้างนะครับ
    นึกย้อนกลมสันดาน การถ่ายทอดและความสามารถทำอะไร
    ได้หรือไม่ได้ของตัวเองบ้าง. ก่อนจะโชว์เหนือต่อชาวโลก
    เจอส่วนตัวท้า ทำไม่ได้จริง ไม่รู้จริง.
    จะหน้าแหกหนักกว่านี้นะครับ


    ขอตอบแบบโหมดสุภาพเพื่อรักษาหนังหน้าคุณไว้หน่อยนะ.
    โชคดีจังที่ พออ่านข้อความคุณแล้ว รีบไปทานข้าวก่อนครับ
    ไม่งั้นอาจจะมีโมโหหิวแน่ๆ (มุขๆครับ)
    ฮะ ฮะ ฮะ (หัวเราะแบบออกเสียงยาวหน่อยนะครับ)
    ขอตั้งเป็นเสมือนวาระประชุมก่อนนะครับ จะได้รู้ว่า
    จะพูดประเด็นไหนบ้าง....
    วาระที่ ๑ วาระเรื่องภาษาลี (ต่อไปนี้พูดไหนใจนะครับ
    คำว่า มาร เป็นนาม คำว่า อุปโลกน์ เป็น กิริยา
    ไปเปิดดูคำแปล มันก็ไม่เห็นบอกว่าเป็นภาษาบาลีแหะ
    มันภาษาไทยหรือเปล่าวะ นี่ตรู พิมพ์มาตั้งนาน
    ตรูพึ่งรู้ว่าเป็นภาษาบาลีนะเนี่ย.มันบอกให้ตรูพิมพ์
    คำตอบสั้นๆ ตรูก็พิมพ์ คำตอบสั้นสุดแล้ว คือมันจะยังไงวะ
    มันต้องให้ขยายความ อีกหรือวะ งงกับมันจริงๆ จบคิดในใจ)

    วาระที่ ๒ วาระเรื่องการใช้ภาษาแบบชาวบ้าน
    (คิดในใจอีกแล้วตรู เอ่อ งงหาฉิบไม่เจอเลยเว้ย !!! ตรูเขียน
    ภาษาตำรา มีศัพท์แสง อะไรเปล่าว๊า ทำไมมันถึงบอกว่า
    ให้ตรูเขียนแบบภาษาชาวบ้านวะ งงกับ แม รง เติมไม้เอก
    มันจริงๆวะ พอๆๆๆ อย่าคิดมาก)

    วาระที่ ๓ วาระเรื่อง เกี่ยวกับคำตอบ (เอาอีกแระ คิดอีกแระ
    สงสัยกำลังทางธรรมไม่พอวะ ห้ามความคิดไม่ได้แหะ..
    ก่อนหน้านั้น มันบอกว่าอย่าตำรา นี่ก็ขำมันไปหลายแล้วนะ
    มันยังมีมุขบอกอนุญาตให้เราใช้จิตได้ด้วย ฮั่นแน่ สงสัย
    ไอ้นี่มันคงจะความสามารถทางจิตสูงส่งหรือเป่าวะ ๕๕๕
    แต่ดูจากที่มัน อธิบายในอดีตที่ผ่านมา กับพอท้ามันไปแล้ว
    ประกันได้ว่า มัน สำเร็จ วิชา. '' แถยัดเหยียดกล่าวหา
    พลิกพลิวชิวหาหน้าด้านสญาน'' แน่ๆเลยวะ น่าส่งสัยเหอะ
    สงสัยเป็นอภิญญาสายพันธ์ใหม่แน่ๆ ซึกสงสัยว่ามันฝึกมา
    จากดาวไหนวะ เพื่อจะไปลองขึ้นจานบินที่กรุงเพทฯดู
    สงสัยมันมีเนื้อหาเดิมแท้สะสมบารมีทางด้านนี้แน่ๆ
    ไหนมันบอกว่า เป็นทัศนคติ ไหนไม่เห็นมัน
    อธิบายที่มันเข้าใจเลยฟระ ตรงลง มันจะเริ่มใหม่
    ถามใหม่ เอาใหม่ ไม่ต้องตอบนั้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
    หรือเปล่าวะ ไอ้นี่มันแปลกๆเหอะ. มันรู้เรื่องอะไร
    บ้างหรือเปล่าวะ หรือมันไม่เกทจริงๆโดยธรรมชาติวะ
    อุ้ย !!! ระลึกสติได้แระ โห้ ปรุงแต่งไปเยอะเลย
    เอ้าใหม่เริ่มใหม่นะ เลิกคิดแระ เห้ยยังดีวะ
    ปรุงมากก็ไม่เป็นไร ไอ้นี่มันใช้โควต้าอ่านหนังสือ
    ๗ บรรทัดต่อไปแน่ะ ๕๕๕๕๕ เขียนไปเหอะมันไม่อ่านหรอก ๕๕๕)

    คุณอ่านบ้างไหมครับ ที่ตอบไปข้างบน ส่วนตัวมองว่าคุณ
    ไปหัดฝึกมาใหม่ก่อนดีกว่าไหม ไป๊ๆ ชิวๆ.
    อย่ากลัวเสียฟอร์มหน้าแหกอะไรเลย
    คนเค้ารู้ๆกันอยู่หรอกครับ
    เพียงแต่เค้ามีมารยาทพอที่จะไม่ว่าคุณตรงๆ
    คนอื่นๆที่เค้าด่าคุณไปหลายคนก่อนหน้าเรื่องการปฏิบัติ
    เค้าเขียนให้แง่คิดคุณ ป่านนี้คุณยัง ไม่สำเหนียกได้อีกหรือครับ
    ก็รู้ว่า ส่วนตัวชอบว่า แบบตรงๆ คุณก็ยังหาเรื่อง
    ยัดเหยียด กล่าวหา กล่าวตู่ แถ ดำน้ำเน่าไปเรื่อยๆ
    อยู่นั้นหละเนาะ

    ไปหาที่สงบๆซะเนาะ
    เพื่อสมองซีกขวาตรงที่ติดกับกระโหลกด้านข้าง
    ของคุณมันจะยังมีโอกาศหายได้นะครับ
    ถ้ายังดื้อดึง ไม่เลิกนิสัยยัดเยียดข้อกล่าวหา
    พยายามใส่ความเบี่ยงประเด็นอย่างนี้อีก
    เด่วอนาคตสมองซีกขวาคุณจะได้พังจริงๆถาวรนะครับ
    ตอนนี้ก็เริ่มไปแล้วนะครับ จะบอกให้ฉนั้นหาทาง
    ไปรักษาเอาเองนะครับ...นี่เรื่องแรก
    อย่าหาว่าคนอย่างข้าพเจ้าพูดเล่นๆนะครับเรื่องนี้
    เด่วถ้าไม่เชื่อ คุณคอยพิสูจน์สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดกับคุณ
    นะครับว่าจะจริงหรือไม่ เด่วคุณจะแสดงอาการออก
    มาให้ชาวโลกได้รับรู้เองอย่างไม่รู้ตัวเองนั่นหละครับ
    สังเกตุได้นะ เวลาที่ข้าพเจ้าว่าใคร บุคคลนั้นๆ
    จะเป็นอย่างที่ข้าพเข้าพูดหรือเปล่า ไปสังเกตุเองนะครับ..

    พอเขียนแบบปฏิบัติที่ใครๆอ่านก็รู้ได้ทั่วโลก
    คุณก็บอกให้ตอบแบบอย่าใช้ตำรา...นี่คือ นิสัยประปลาด ๑..

    ประหลาดนะครับ อย่าอ่านแล้วคิดว่า เป็น ปราชญ์ นะครับ
    ก่อนหน้านั้นพอจะตอบก็บอกว่า อนุญาตให้ใช้จิตได้
    แล้วบอกว่าเป็นทัศนคติ ซึ่งมันคนระเรื่อง นี่คือ นิสัยประหลาด ๒


    ยังมีอีก ภาษาที่ผมเขียนไม่ใช่ภาษาชาวบ้านหรือครับ
    คุณแยกภาษาชาวบ้านกับภาษาบาลีไม่ออกหรือครับ
    ถ้าบอกว่า เขียนแล้วอ่านไม่เข้าใจ คือ คุณอ่านไม่เข้าใจ
    หรือเปล่า ไม่ต้องไม่ห่วงคนอื่นๆหรอกครับ

    พอเจนตาดีจอมปลอม ตั้งแต่ที่แถเรื่องรูปถ่ายแล้ว....
    ตัวคุณ มะรึง หื่นกาม คิดอยู่คนเดียวเท่านั้นหละ
    ทำมาแถว่า จะมีเณรน้อยพระหนุ่ม แล้วก็แถไปเรื่อย
    สุดท้ายตายด้วยหลักฐาน แล้วทำเป็นเงียบ...

    ยังจะทำมาเป็นห่วงชาวบ้าน ชาวบ้านระดับไหน
    ที่จะเข้ามาเล่น ในห้องพลังจิต และมุ่งตรง
    มาห้องอภิญญาสมาธิครับ เอาตาตุ่มคิดหรือไง
    ทรงผม มีไว้เอาไว้เพื่อปิดหูหรือครับ
    สมองๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มีไว้ทำไม หะ
    มีไว้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้หรือครับ
    คิดบ้าางงงงงง(น้ำเสียงแบบปลงๆ)

    ไหนๆ มีใครไหม ที่บอกว่า ภาษาที่ส่วนตัวเขียนเนี่ย
    ตอนนี้เป็นภาษาบาลี๕๕๕๕๕
    มุขนี้ขำไปถึงดาวพฤหัส ไกลกว่ามุข
    ที่บอกไม่ให้ส่วนตัวเอาตำรามาตอบ
    เรียกง่ายๆว่าเด็ดกว่า ยกให้เป็นมุขยอดเยี่ยมแห่งปี
    แต่ไม่แน่อาจจะเจอมุขที่ขำถึงดาวพูลโต
    ก็ได้ในอนาคตถ้าคุณยังอยู่นะ...๕๕๕ นี่คือ นิสัยประหลาด ๓

    นิสัยขั้นต่อมา ก็คือ เรื่องเจือกเสนอหน้าประหนึ่ง
    ว่าตัวเองเป็นผู้สอน ทำเป็นสู่รู่ มาสอนคืนว่า
    เราจะตกทันที. ไอ้.........เอ้ยยยย
    (ลืมไปว่าต้องรักษาหน้าพี่แก วันพระด้วยแฮะ.
    แต่ถ้าใครอยากเติมอะไรตรงจุดๆ
    ก็เติมเอาแล้วกันนะ)

    ก็คุณ. แม รง เติม ไม้เอก เนี่ย... นิสัย ระบบความคิด
    อย่างนี้หละครับ คุณถึงได้ค่อยๆ แสดงกิริยาที่ส่งผล
    ให้เกิดความที่ฉลาดน้อยมากขึ้นๆเรื่อยๆจนหาที่เปรียบไม่ได้
    จนใกล้จะกลายเป็นเป็นยิ่งกว่านิสัย โดยกมลสันดาน

    .ถามหน่อยนะครับ
    ว่านิสัย ลูกอีช่างติ ลูกอีกช่างยัดเหยียด
    ข้อกล่าวหาให้คนอื่นๆเชิงทำลายดิสเครดิส
    นี่ยังไม่รวมที่ไปก๊อบคำสอนมาเหมือนในอดีต
    แล้วเน้นเฉพาะข้อความที่คุณเคยทำมานะ...
    คุณได้แต่ใดมาครับ
    หวังว่าคงเป็นแค่คุณคนเดียวนะครับ ทั้งต้นตระกูลคุณ
    ถ้าคุณรู้คำตอบตรงนี้ และเข้าใจกระบวณการตรงนี้ได้
    นั่นหละคุณจะเข้าใจคำที่คุณเสนอหน้าซื่อมาถามต่อว่า
    ''คำว่ามารใครเป็นคนอุปโลกน์ขึ้นมา
    และมารทำหน้าที่อย่างไร'' ด้วยตัวคุณเอง...

    แห๋มๆ ญาติฝ่ายชายคุณมั่ง
    จากสำนักวิชา '' แถยัดเหยียดกล่าวหา
    พลิกพลิวชิวหาหน้าด้านสญานมั่ง" เอ้ย !!! พูดประชดนะ
    (ขออภัยที่ต้องบอก เด่วคุณจะไม่เข้าใจว่าประชด)

    เข้าใจหรือยัง. nilakarn หรือ คุณ พลอยทองสีดำ
    (นิล เป็น คำนาม แปลว่า พลอยสีดำ. กาญจน์
    แปลว่า ทอง เป็นคำนาม รวมกันเอาเอง
    เลยแปลว่า พลอยทองสีดำ. เห้ยๆๆๆ
    ต้องแปลอีก เด่วจะว่า ไม่ใช่ภาษาชาวบ้าน
    หรือใช้ภาษาบาลีอีก. ความหมายคือ
    เราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนแปลงธรรมชาติ
    อะไรได้หรอกนะครับ พลอยมันก็คือพลอย
    ธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น ทองคำก็คือทองคำ
    ธรรมชาติมันก็เป็นอย่างนั้น)
    . ไม่ใช่พยายาม
    จะไปหลอก ไปสร้างให้ชาวโลกเค้ารู้ว่าตัวเอง
    เป็นทองคำ ทั้งๆที่ใครๆก็มองออกว่า คุณมันเป็นพลอยสีดำ
    เลิกหลอก เลิกสร้างภาพ หลอกตัวเอง หลอกชาวบ้านเหอะ
    เลิกเหอะ ไอ้นิสัย พลิกพลิวชิวหา
    ปลิ้นปล้อน กระล้อนเงียบพาเพลินเนี่ย

    สงคมยังให้อภัย. ไม่ต้องกลัวเสียหน้าหลอก จะรักษามันทำไม
    ว่าในอดีตตรูสร้างภาพไว้เยอะ ให้จำเอาไว้เป็นบทเรียน
    ยอมรับความจริงๆซะ ก่อนที่จะไม่มีสมองส่วนที่จะ
    ให้ระลึกเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต
    ตอนนั้น จะไม่มีใครสามารถมาเตือน มาบอก
    หรือมาช่วยคุณได้นะครับ
    เข้าใจที่สื่อนะครับ. (........)(ลืมไปวันพระ)
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    วันนี้ไม่ใช่วันพระ..มาต่อ
    การถามแบบนี้ถ้าหากใครเคยได้เข้าไปอ่าน
    เวบท่าขนุนมาบ้าง ก็มักจะเจอคำถามของนักปฏิบัติ
    บางคน ที่ไม่ได้ถามเพื่อที่จะพัฒนาตนเอง
    หรือถามอะไรออกมาแล้วเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นๆ..

    แต่จะเป็นการถามเพื่ออวดตนเอง ถามเพื่อพยายาม
    ยกตัวเอง แต่พอลองได้พูดเกี่ยวกับสภาวะจริงๆ
    ก็จะเกิดความขัดแย้งในตนเอง ฟ้องให้ชาวโลกได้รู้ว่า
    ตนเองนั้น หาได้มีความเข้าใจในสภาวะนั้นๆ
    พูดเหมือนปลาวนในอ่าง ออกแนวเป็นพวกปลาตายน้ำตื่น
    เพราะใช้การปฏิบัติในระบบความคิดนำพาปรุงไปเรื่อย..
    ที่สำคัญ ที่นาย พลอยทองคำสีดำ นี้.
    ยังเป็นการถามที่พยายาม ดิสเครดิสคนที่ถาม
    เรียกว่า ในใจตั้งต้น ตั้งเป้า เพื่อทำลายความ
    น่าเชื่อถือ พูดง่ายๆกะว่าจะถามแบบโชว์เหนือ
    ว่าตนนี่เหนือกว่า กลายเป็นโชว์เหนือจริงๆ
    แต่เหนือตาตุ่มเล็กน้อย ให้ชาวโลกได้รับรู้

    การที่ถามแบบอวดตน ไม่ได้มุ้งประโยชน์
    ในการพัฒนาตนและเกิดประโยชน์อะไรต่อผู้อ่าน
    มองว่า ค่อนข้างจะแย่แล้วนะครับ คือ
    คุณมันเป็นพวก ส้นบาทา เข้าใจเนาะ
    และถามแบบยัดเยียด ข้อกล่าวหา เช่น
    อย่าเอาตำรามาตอบทั้งๆที่ใครอ่านก็รู้ว่าไม่ใช่ตำรา
    อย่าใช้ภาษาบาลีมาตอบซึ่งใครอ่านก็รู้ ฯลฯ
    นี่แสดงสิ่งที่ฝั่งลึกในจิต ที่เป็น กมลสันดานชั่วช้าที่เป็นสุด
    เป็นธาตุแท้ที่ฝั่งแน่นในจิตตนเอง
    ได้อย่างดีที่สุดครับ...เพราะฉนั้น
    ปรับปรุงพฤติกรรมทางจิตซะ
    ชาวโลกยังให้อภัย และต่อไปอนาคตจะได้ไม่เพี้ยน..
    ปล. ลองพิจารณากันให้ดีๆนะครับ
    พูด กับ คุณ nilakarn นะครับ
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    จะสื่อถึงอะไรช่างมันเถอะครับ
    แต่ไม่ชอบรูปโปรไฟล์นี้เท่าไหร่ รูปเดิมดูดีกว่าเยอะเลย:)
     
  12. Kesakesa123

    Kesakesa123 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    .. ที่ทำมันเหมือนสะกดจิตมากกว่าผ่อนคลายจิตคะ
    การที่เรานั้นภาวนา ถ้าเราภาวนาคำ หรือบทสวด หากเราภาวนาด้วยพลังที่ไม่มีตัวอื่นแทรกอยู่ ( มันจะมีติดไปด้วยกับคำภาวนา เช่น นิวรณ์ อยากสงบ อยากหลับ อยากนั้นนี้ อารมณ์เหมือนหมูติดมันนั้นเอง)
    .. ฉนั้นการภาวนา หากเราภาวนาก่อนนอน ให้มองหลักต่างๆประกอบไปด้วย เช่นสถานที่นอน สภาวะ สภาพแวดล้อมในการนอน และเราต้องพร้อมที่จะนอนคะ หากเราภาวนาแล้ว มันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกจิตติดคำภาวนานั้น เราก็กลายเป็นผู้ดูมันภาวนาไปคะ อย่าไปวิ่งตามมันไปภาวนาด้วย เพราะเราจับมันแน่นอยู่ มันวิ่งไปเรื่อย เราวิ่งตาม มันจึงไม่ยอมหลับนั้นเองคะ
    .. เคยเป็นเหมือนกัน ลองทำดูนะคะ เป็นผู้นำก่อนทีแรก จากนั้นก็มองตามมันไปเรื่อยๆคะ เพราะจิตมันวิ่งไปเรื่อยไม่มีวันหยุดคะ
    อนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...