ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    บันทึกลับ! ไพ่ฝากจากทักษิณในรัฐบาลทหาร (ตอนที่ 6) : สับไพ่หลอก โรงไฟฟ้าถ่านหิน !!!?
    โดย ผู้จัดการรายวัน blank.gif 24 กุมภาพันธ์ 2560 12:06 น. (แก้ไขล่าสุด 24 กุมภาพันธ์ 2560 18:19 น.)
    blank.gif
    ณ บ้านพระอาทิตย์
    โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    560000002006001.JPE
    blank.gif
    สัปดาห์นี้มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ควรจะต้องไล่เรียงและตามหาความจริงอีกด้านหนึ่งที่เป็นข่าวตลอดตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว นั่นก็คือ "การคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดกระบี่" ที่ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

    เพราะเรื่องที่น่าสนใจที่สุดก็ตรงที่ว่าในขณะที่กำลังถกเถียงกันว่าควรจะใช้พลังงานอะไรดีที่ "วัตถุดิบถูกที่สุด" หรือพลังงานอะไรที่ "กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพน้อยที่สุด" หรือพลังงานอะไรที่ "มีเสถียรภาพมากที่สุด" ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่รับข้อมูลนั้นหลงประเด็นสำคัญไป

    ที่ว่าหลงประเด็นก็เพราะการถกเถียงดังกล่าวควรจะเกิดขึ้นเมื่อประเทศไทยต้องเร่งหาพลังงานเพื่อผลิตไฟฟ้า เพราะไฟฟ้ากำลังจะขาดแคลน พร้อมกับมี”คำขู่”เสมอว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่ไฟฟ้าจะดับ !!!?

    แต่ถ้าความจริงปรากฏอีกด้านหนึ่งว่า "ปัจจุบันประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้าใช้มากล้นเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของคนในประเทศไปอย่างมหาศาล" หลักคิดและข้อถกเถียงจะเปลี่ยนไปว่าเราควรจะเร่งรีบผลิตไฟฟ้าอย่างที่เป็นอยู่ในเวลาแบบนี้หรือไม่?

    560000002006002.JPE
    blank.gif
    ในชั้นนี้จึงต้องอ้างอิง "แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558 -2579 (PDP 2015)" ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีมาแล้ว

    เพื่อทำความเข้าใจในการอ่านกราฟของแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าตลอด 20 ปี หรือ แผน PDP 2015 จึงต้องเข้าใจความหมายในคำอธิบายได้ดังนี้

    1. ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (กราฟแถบสีน้ำเงิน) คือสถิติหรือการคาดการณ์ความต้องการที่มีประชาชนชาวไทยใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดในปีนั้น ซึ่งจะมีเพียงวันเดียวในเวลาสั้นๆ หรือจะว่าไปแล้วอาจจะไม่เกิน 1 ชั่วโมง ของตลอดทั้งปีเสียด้วยซ้ำ

    การคาดการณ์นี้จัดทำขึ้นโดยใช้แบบจำลองการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยใช้ข้อมูลค่าจริง 10 เดือนของปี 2557 และประมาณการ 2 เดือน เป็นฐานการพยากรณ์ของปี พ.ศ. 2557 จากนั้นจึงใช้ค่าประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะยาว 20 ปี ของปี พ.ศ. 2557 - 2579 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

    ซึ่งการพยากรณ์ของไทยโดยแผน PDP 2015 นั้น ใช้ฐานค่าเฉลี่ยอัตราเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์มวลรวม ตลอด 20 ปีอยู่ที่ เฉลี่ยปีละ 3.94 % ต่อปี

    แต่ในความเป็นจริงประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าที่พยากรณ์ในแผน PDP 2015 มาโดยตลอด เช่น ตัวเลขการพยากรณ์ของอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเกินกว่าความเป็นจริงกล่าวคือ

    ปี พ.ศ. 2557 พยากรณ์อยู่ที่ 2.0% แต่ความเป็นจริงอยู่เพียงแค่ 0.7%,

    ปี พ.ศ. 2558 พยากรณ์เอาไว้ที่ 4.0% แต่ความเป็นจริงอยู่ที่ 2.8%,

    ปี พ.ศ. 2559 พยากรณ์เอาไว้ที่ 4.4% แต่ความเป็นจริงอาจจะเหลือเพียง 2.8% เท่านั้น

    ดังนั้น การพยากรณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ แผน PDP 2015 คลาดเคลื่อนสูงเกินความเป็นจริง 3 ปี ติดต่อกันแล้ว ส่งผลทำให้การพยากรณ์ของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดสูงอาจเกินความเป็นจริงไปด้วย และอาจคลาดเคลื่อนเกินความเป็นจริงสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี ด้วยเช่นกัน

    2. กำลังผลิตสำรองมาตรฐาน 15% (กราฟแถบสีแดง) เพื่อเป็นหลักประกันว่า หากประเทศไทยจะมีความปลอดภัยว่าจะมีไฟฟ้าใช้เพียงพอ ก็ควรจะมี การผลิตไฟฟ้าที่ใช้ได้จริงสูงกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในแต่ละปีประมาณ 15% เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะมีไฟฟ้าทุกวันและทุกเวลาโดยไฟฟ้าไม่ดับอันเนื่องมาจากการผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ

    ส่วนตัวเลข 15% นั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ก็ต้องพิจารณาต่อมาว่าประเทศไทยในช่วงหลังมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงประมาณไม่เกิน 3% เท่านั้น ดังนั้นหากใช้ตัวเลข 15% ก็จะเห็นสัญญาณในการปรับแผนการผลิตไฟฟ้าล่วงหน้าได้ประมาณ 5 ปี ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการรับมือกับสถานการณ์ที่ต้องปรับแผนสร้างโรงไฟฟ้ามากขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่เร็วไปและไม่ช้าไป สอดคล้องกับข้อมูลของอเมริกาตอนเหนือโดย North American Electric Reliability Corporation พบว่ามีการใช้การผลิตสำรองสำหรับโรงไฟฟ้าโดยทั่วไปควรอยู่ที่ 10% ถ้าเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำให้ใช้ผลิตสำรองเอาไว้ควรอยู่ที่ 15%

    ไม่ใช่ว่าเรานึกอยากจะสร้างโรงไฟฟ้ามากเท่าไหร่ก็ได้เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานเป็นหลัก เพราะต้องไม่ลืมว่า "สำหรับประเทศไทย"แล้ว โรงไฟฟ้าที่มากขึ้นเกินความจำเป็น ก็จะถูกนำมาคำนวณรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศทุกคนให้ต้องแบกรับเกินความจำเป็นไปด้วย

    3. กำลังการผลิตติดตั้ง (กราฟแถบสีเขียว) คือ การนำความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของโรงงานผลิตไฟฟ้าทั้งหมดมารวมกันว่าสามารถผลิตได้เท่าไหร่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าไฟฟ้าสำรอง 15% อย่างมหาศาลตลอด 20 ปี อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนว่าจะสามารถใช้ได้จริงตามการติดตั้งทั้งหมดได้เสมอไป เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ใช้ได้เฉพาะกลางวัน, เขื่อนอาจผลิตไฟฟ้าไม่ได้หรือผลิตได้น้อยในเวลาฤดูแล้ง, พลังงานลมทำไม่ได้เวลาไม่มีลม ฯลฯ

    4. กำลังการผลิตพึ่งได้ (กราฟแถบสีเหลือง) คือการนำกำลังการผลิตติดตั้งมาหักลดความเสี่ยงถึงความน่าจะเป็นว่ากำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้จริงนั้นมีเท่าไหร่ ซึ่งคนที่คำนวณตรงนี้ก็คือกระทรวงพลังงาน และระบุอยู่ในหน้าที่ 23 ของ แผน PDP 2015 เองว่าจะหักลดทอนพลังงานแต่ละประเภทอีกเท่าไหร่? ซึ่งตัวเลขกำลังการผลิตพึ่งได้นี้จะมีส่วนสำคัญว่าอย่างน้อยสุดก็ไม่ควรต่ำกว่าการสำรองมาตรฐาน 15%

    ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าเลย แต่ความเป็นจริงประเทศไทยกลับมีปัญหา "ผลิตไฟฟ้าล้นเกินไปอย่างมากมายมหาศาล" ต่างหาก !!!

    ผู้ที่ยืนยันข้อเท็จจริงนี้ได้ คือ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ให้สัมภาษณ์ ในเว็บไซต์ศูนย์ข่าวพลังงาน เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ยอมรับว่า :

    "เนื่องจากปัจจุบันปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศสูงกว่า 30% ของปริมาณไฟฟ้าทั้งประเทศ ซึ่งสูงกว่าปกติที่ควรอยู่ที่ระดับ 15 % โดยปริมาณสำรองไฟฟ้าที่สูงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าโดยรวมของประชาชนให้สูงขึ้น !!!!"

    ประเทศไทยผลิตไฟฟ้าล้นเกินขนาดไหน ก็ลองนำ"แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558 -2579 (PDP 2015)" แล้วนำแบบจำลองดังกล่าวมาเลิกสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมด และเลิกสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดตลอด 20 ปี สิ่งที่ได้ออกมาก็เป็นไปตามกราฟที่เห็น ซึ่งกล่าวโดยสรุปคือ

    ประการแรก แม้เราจะไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือโรงฟ้านิวเคลียร์เลย ประเทศไทยก็จะมีกำลังการผลิตพึ่งได้ สูงกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดตลอด 20 ปี

    ประการที่สอง แม้เราจะไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือโรงฟ้านิวเคลียร์เลย ประเทศไทยก็จะมีกำลังการผลิตพึ่งได้ สูงกว่าการสำรองไฟฟ้า 15% ตลอด 10 ปีแรก (พ.ศ. 2560 - 2570) โดยไม่มีปัญหาใดๆเลย

    ประการที่สาม การไม่ผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหิน และนิวเคลียร์ ส่งผลทำให้ 10 ปีหลัง (พ.ศ. 2570 - 2579) ประเทศไทยมีกำลังการผลิตพึ่งได้ต่ำกว่า การสำรองไฟฟ้า 15% แต่ก็สามารถบริหารจัดการได้ ไม่จำเป็นต้องรีบผลิตตอนนี้ (มีเวลาตัดสินใจและบริหารจัดการนานถึง 5 -10 ปี) เพราะถ้าผลิตไฟฟ้าตอนนี้นอกจากจะเป็นภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าต่อคนในประเทศเกินความจำเป็นแล้ว ยังอาจเสียโอกาสเลือกเทคโนโลยีที่ดีกว่าในอนาคตด้วย เพราะยิ่งมีเวลามากขึ้นเท่าไหร่ เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนยิ่งพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้นทุนต่ำลง และมีเสถียรภาพมากขึ้น อันสืบเนื่องมาจากการแข่งขันพลังงานหมุนเวียนมีการแข่งขันและพัฒนาก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็วตามความต้องการของตลาดโลก

    ส่วนภาคใต้นั้นก็ไม่ได้มีปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะหากมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น การเพิ่มสายส่งจากภาคกลางก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย เพราะแม้แต่แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า PDP 2015 ก็ได้ระบุเองว่าจะเพิ่มสายส่งจากภาคกลางทำให้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ภาคใต้จาก 500 เมกกะวัตต์ มาเป็น 1,150 เมกกะวัตต์ในปี พ.ศ. 2562 จากแผน PDP 2015 จึงแสดงให้เห็นว่าเรื่องการเพิ่มสายส่งจากภาคกลางมาภาคใต้นั้นเป็นเรื่อง "ปกติ" ที่สามารถบริหารจัดการได้

    เราไม่ควรจะหวาดกลัวว่าการส่งไฟฟ้าสายส่งที่ยาวนั้นจะเป็นปัญหา เพราะทุกวันนี้แม้แต่กรุงเทพมหานครก็รับไฟฟ้ามาจากที่ไกลตั้งแต่ระยอง ลำปาง หรือ แม้แต่จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอยู่แล้ว ไม่เคยมีปัญหาใดๆเลย

    และถ้าคิดว่าเราต้องมีโรงไฟฟ้าใกล้ๆกับผู้ใช้ไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียไฟฟ้าและเป็นเรื่องปัญหาใหญ่โต ป่านนี้ประเทศไทยก็คงจะต้องมีโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 15 โรง อยู่ในกรุงเทพมหานครมานานแล้ว

    ปัญหาสายส่งยาวจากภาคกลางไปภาคใต้นั้น ก็สามารถบริหารจัดการแก้ไขความเสี่ยงจากปัญหาแรงดันต่ำด้วยการควบคุมการส่งผ่านกำลังไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้ไม่เกิน 650 เมกกะวัตต์ ทุกช่วงเวลา และถ้าอยากเพิ่มการผลิตไฟฟ้าให้มากกว่านี้ก็สามารถเพิ่มสายส่งมากขึ้นเป็นไปตามแผน PDP 2015

    ประชาชนจึงไม่ควรกลัวการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าจากสายส่งที่ยาว เพราะสำหรับการส่งไฟฟ้าที่ 1,000 เมกกะวัตต์ โดยใช้สายแรงดัน 500 กิโลโวลต์ ในทุกๆ 160 กิโลเมตรไฟฟ้าจะหายไปประมาณ 2.5% แต่ถ้าเราส่งไฟฟ้าต่ำกว่า 1,000 เมกกะวัตต์ การสูญเสียไฟฟ้าจะลดน้อยลงอยู่เพียงแค่ 0.5%- 1.0% เท่านั้น ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็ชาญฉลาดพอที่ส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้ไม่เกิน 650 เมกกะวัตต์ตลอดเวลา ประหยัดกว่าการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ให้เสียเงินมากกว่า จริงไหม?

    แต่สิ่งที่น่าห่วงในวันนี้กลับเป็นเรื่องความพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ให้ได้

    และถ้าจะน่าห่วงกว่านั้นถ้ามีแรงจูงใจอันเนื่องมาจากความต้องการสร้างความร่ำรวยให้กับผู้ลงทุนเหมืองถ่านหิน ที่ราคากำลังตกเพราะความต้องการใช้ถ่านหินทั่วโลกลดลงต่างหาก

    ซึ่งผู้ลงทุนซื้อหุ้นและซื้อเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, อีแกท อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทลูกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร ก็เคยมีข่าวไปเจรจาเสมือนว่าจะซื้อหุ้นเมืองถ่านหินที่ประเทศอินโดนีเซียก่อนหน้านี้เช่นกัน

    เพราะนับตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการยกเลิกเปิดเสรีให้เอกชนเข้ามาผลิตไฟฟ้าได้ไม่จำกัด และมีการปรับปรุงแผน PDP เพื่อให้มีโรงไฟฟ้าระบบก๊าซธรรมชาติ 5,000 เมกกะวัตต์ ภายหลังจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้ยุบสภาไปแล้ว การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็ได้ลงนามสัญญาผลิตไฟฟ้า 5,000 เมกกะวัตต์ให้กับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งปรากฏเป็นข่าวว่าครอบครัวผู้บริหารบางคนของบริษัทดังกล่าวมีความใกล้ชิดสนิทสมกับนายทักษิณ ชินวัตรอีกด้วย

    การมีโรงงานผลิตไฟฟ้าถึง 5,000 เมกกะวัตต์ กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะทำให้แผน PDP 2015 มีไฟฟ้าล้นเกินไปอย่างมากมายมหาศาล เป็นตัวเลขอย่างที่เห็นคือ ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นอีกเลยแม้แต่โรงเดียวยาวไปตลอดอีก 10 ปี

    ผลที่ตามมาคือถ้าไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทยแล้ว บริษัททั้งหลายที่ไปลงทุนซื้อหุ้นและเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียด้วยเงินมหาศาลนั้น จะไปขายถ่านหินให้กับประเทศไหน ในภาวะที่ปฏิเสธโรงไฟฟ้าถ่านหินลุกลามไปทั่วโลก?

    ความต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทั้งๆที่การผลิตไฟฟ้าล้นเกินไป 10 ปี เพื่อจะได้ผ่องถ่ายการลงทุนเหมืองถ่านหิน ใช่หรือไม่? จึงเกิดเหตุการณ์ที่น่าจับตาดังนี้

    1. มีข่าวปรากฏเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ว่า พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ส่งทีมงานเข้าเจรจากับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อขอให้ชะลอโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 5,000 เมกกะวัตต์ ออกไปก่อน เพราะไฟฟ้าล้นเกิน อันจะเป็นเหตุความชอบธรรมในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใช่หรือไม่?

    และยังมีข่าวปรากฏไปไกลกว่านั้นด้วยซ้ำว่ามีการเจรจาเพื่อขอให้บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ลดการใช้ก๊าซธรรมชาติ และให้คืนสัญญาโรงไฟฟ้า 1 โรงเพื่อเปลี่ยนเป็นผลิตไฟฟ้าด้วย "ถ่านหิน" จริงหรือไม่? (แต่ไม่สำเร็จ)

    2. มีข่าวปรากฏว่าโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอร์จี ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าของราชบุรีโฮลดิ้ง ที่กำลังจะหมดสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แต่ยังมีศักยภาพที่จะผลิตไฟฟ้าได้อีก 10 ปี ได้เสนอว่าหากหมดอายุสัญญาแล้วก็พร้อมขายไฟฟ้าให้ประเทศไทยในราคาที่ถูกลง แต่รัฐบาลไทยกลับส่งเสริมให้โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอร์จี ไปผลิตไฟฟ้าป้อนให้ประเทศเมียนมาแทน การทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องการเปิดทางให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่เป็นธงหลักใช่หรือไม่?

    3. ผลการศึกษาของอนุกรรมการชุดที่ 2 ศึกษาศักยภาพพลังงานหมุนเวียน จังหวัดกระบี่ ของคณะกรรมการไตรภาคีโรงไฟฟ้า จังหวัดกระบี่ รายงานเอาไว้ว่าหากรัฐมีความจริงใจและมีสายส่งไปยังโรงงานน้ำมันปาล์มเฉพาะที่จังหวัดกระบี่แล้ว โรงงานน้ำมันปาล์มในจังหวัดกระบี่มีศักยภาพที่จะผลิตไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ 90 เมกกะวัตต์ และศักยภาพชีวมวลที่ 223 เมกกะวัตต์ รวมกันได้ถึง 313 เมกกะวัตต์ (ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว)

    แต่เหตุใดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกประกาศหยุดรับคำร้องและข้อเสนอขายไฟฟ้าโดยอ้างว่าเพื่อรอความชัดเจน ส่งผลทำให้ก๊าซชีวภาพที่เป็นผลิตผลพลอยได้จากโรงงานน้ำมันปาล์ม จังหวัดกระบี่ต้องเหลือใช้ และ“ต้องเผาก๊าซชีวภาพส่วนเกินทิ้งทุกวัน” อย่างน่าเสียดาย การทำเช่นนี้เพื่อลดการผลิตไฟฟ้าของประชาชน เพื่อเป็นเหตุอ้างว่าไฟฟ้าภาคใต้ขาดอันจะนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ใช่หรือไม่?

    4. ในขณะที่รัฐบาลอ้างว่าภาคใต้ไฟฟ้าขาดแคลน และมีปัญหาสายส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้ แต่เหตุใดรัฐบาลจึงยอมให้โรงไฟฟ้า(ของกลุ่มทุนไทย)ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวขายไฟฟ้าให้ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยขายผ่านโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเริ่มกันยายน 2560 นี้ที่ 100 เมกกะวัตต์

    หากเกิดขึ้นจริงก็จะมีการสูญเสียในสายส่งไฟฟ้ามาก ดังนั้นในทางปฏิบัติจึงต้องให้ภาคเหนือและอีสานรับไฟฟ้าจากลาวมากขึ้น และให้ภาคใต้จ่ายไฟให้ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์เป็นการทดแทน “เพื่อเป็นเหตุอ้างว่าไฟฟ้าภาคใต้ไม่เพียงพอ” ต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มเติมที่ภาคใต้ใช่หรือไม่?

    5. ท่ามกลางการผลิตไฟฟ้าในประเทศที่ล้นเกินมากมายขนาดนี้ และกระแสการลดใช้ถ่านหินทั่วโลก เหตุใดรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงได้อนุมัติให้บริษัทลูกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้เข้าซื้อหุ้นเหมืองถ่านหินที่ประเทศอินโดนีเซียจำนวน 11% ด้วยเงินกว่าหมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา สัญญาณดังกล่าวนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการเดินหน้าการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินในประเทศต่อไป โดยไม่สนใจการผลิตไฟฟ้าที่มากล้นเกิน ใช่หรือไม่?

    คำถามที่ตามมาคือ ผู้ติดต่อการซื้อหุ้นเหมืองถ่านหินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และไอ้โม่งและผู้มีอุปการคุณซึ่งมาถือหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คงอาจจะกำลังลุ้นอยู่ว่า ราคาหุ้นจะขึ้นจากนโยบายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินสวนกระแสโลกของประเทศไทย จริงหรือไม่?

    และคำถามสุดท้ายคือ เป็นไปได้หรือไม่ ในการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้ามากเกินความจำเป็นขนาดนี้มีเบื้องหลังมากกว่านั้น เพื่อที่จะรองรับเปลียนภาคใต้จากแหล่งท่องเที่ยวที่งดงาม ให้กลายเป็นอุตสาหกรรมแห่งใหม่ หรือศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีแห่งใหม่สนองความร่ำรวยของผู้ถือหุ้นของกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน?

    http://www.manager.co.th/Weekend/ViewNews.aspx?NewsID=9600000019258
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ยูเครนงดใช้แก๊สรัสเซียและปิดกั้นการขนส่งถ่านหินจากดอนบาสส์โดยหันไปนำเข้าพลังงาจากต่างประเทศที่มีราคาสูงกว่า คือการยิงเท้าตัวเอง อ้างเพื่อทำให้รัสเซียและผ่ายกบฏอ่อนแอ
    ------------

    วันที่ 24 ก.พ.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ยูเครนยิงเท้าตัวเองด้วยการขัดขวางถ่านหินของตนเองจากภูมิภาคดอนบาสอย่างไร" (How Ukraine Shot Itself in the Foot With Its Own Blockade of Donbass)

    เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลยูเครนได้เรียกประชุมเป็นการพิเศษและประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับพลังงานของประเทศเนื่องจากมีการปิดกั้นขบวนรถไฟขนส่งถ่านหินจำนวนมากจากภูมิภาคดอนบาสส์ในยูเครนตะวันออก เขตยึดครองของฝ่ายกบฏยูเครนที่จะขนเข้าไปยังพื้นที่ต่างๆของฝ่ายรัฐบาลกลาง

    นาย Volodymyr Groysman นายกรัฐมนตรีของยูเครนเตือนว่าวิกฤตด้านพลังงานอาจจะนำไปสู่การหยุดจ่ายกระแสไฟในเมืองต่างๆ และทำให้อุตสาหกรรมต่างๆของประเทศต้องหยุดชะงักลง "เราไม่อาจจะเรียกเหตุการณ์นี้ด้วยชื่ออื่นได้นอกเสียจากการพังทะลายของเศรษฐกิจ" นาย Arsen Avakov รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของยูเครนกล่าวว่า ภายใน 16 วันโรงงานต่างๆในเมือง Mariupol และ Kryvyi Rih จะหยุดทำงาน

    + ฝ่ายไหนเป็นสาเหตุของการก่อวิกฤตขาดแคลนพลังงานในครั้งนี้?
    ----------

    วันที่ 24 ก.พ.60 RT รายงานคลิปถ่ายทางอากาศแสดงขบวนรถไฟขนถ่านหินยาวสุดลูกหูลูกตาที่บรรทุกถ่านหินเต็มขบวนจอดแน่นิ่งอยู่ใกล้หมู่บ้าน Yasynuvata ในภูมิภาคโดเน็ทส์ก เขตปกครองของฝ่ายกบฏยูเครน เนื่องจากมีการขวางทางรถไฟโดยกลุ่มนักกิจกรรมของฝ่ายโปร-เคียฟ

    พวกนี้ไม่ใช่แค่นักกิจกรรมธรรมดา แต่เป็นกองกำลังติดอาวุธชาตินิยมที่ไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางยูเครน จริงๆแล้วเป็นกองทัพใต้ดินของฝ่ายรัฐบาลหุ่นเชิดยูเครนชุดปัจจุบันนี้ เป็นพวกนีโอนาซี ฝ่ายขวาจัด พวกที่ก่อเหตุขัดขวางขบวนรถไฟขนถ่านหินในครั้งนี้อ้างความชอบธรรมในการกระทำของกลุ่มตนเองว่า การซื้อถ่านหินจากเหมืองต่างๆที่ควบคุมโดยพวกกบฏเป็น "การขายชาติ" (treason) และจะไม่ยอมเคลื่อนไหวใดๆแม้จะมีการแสดงความกังวลใจว่าโรงงานไฟฟ้าหลายแห่งในยูเครนที่ขาดเชื้อเพลิงอาจจะต้องปิดตัวลง

    เมื่อต้นสัปดาห์นี้ โรงไฟฟ้า Mironovskaya ของยูเครนเป็นแห่งแรกในประเทศที่ต้องหยุดผลิตไฟฟ้าเนื่องจากไม่มีถ่านหิน (anthracite coal) จากภูมิภาคโดเน็ทส์กใช้ในการผลิตไฟฟ้า RT รายงาน

    สาธารณรัฐโดเน็ทส์กและลูกังส์กขายถ่านหินแอนทราไซต์ที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่งสำหรับการผลิตความร้อนและพลังงานให้กับรัฐบาลกลางยูเครน ประเทศยูเครน (ฝ่ายรัฐบาล) พึ่งพาถ่านหินจากภูมิภาคดอนบาสส์ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ก่อนเกิดสงคราม เหมืองถ่านหินเกือบทั้งหมดของยูเครนอยู่ในเขตที่มีความขัดแย้ง หนังสือพิมพ์ Izvestia ของรัสเซียรายงาน โดยอ้างคำพูดของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานยูเครน

    ผลของการปิดกั้นการขนส่งถ่านหินในครั้งนี้ทำให้บริษัท Industrial Union of Donbass Corporation (ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของยูเครน) ในเมือง Alchevsk เขตควบคุมของฝ่ายกบฏ LPR ต้องหยุดกิจการชั่วคราว และทำให้หลายเมืองขาดแคลนไฟฟ้า บริษัทแห่งนี้กล่าวว่า โรงงานผลิตโลหะในภูมิภาค Dnieper (Dnepr) จะหยุดทำงานในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากไม่มีถ่านหินโค้กจาก Alchevsk มาใช้เป็นเชื้อเพลิง

    + นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นเกมของพวกนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลยูเครน และได้แสดงตรรกะเพี้ยนๆของฝ่ายรัฐบาลยูเครนดังต่อไปนี้
    --------------

    1.) กรณีถ่านหิน: กรุงเคียฟต้องการที่จะตัดขาดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทุกด้านกับโดเน็ทส์กและลูกังส์กเพื่อทำให้ฝ่ายกบฏอ่อนแอ
    - ผลก็คือ กรุงเคียฟพบว่าตัวเองขาดแคลนถ่านหิน
    - กรุงเคียฟมองหาถ่านหินจากที่อื่นแทน
    - ดูเหมือนว่าการนำเข้าถ่านหินจากสหรัฐ ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้จะกระทำไม่ได้
    - มีแต่รัสเซียเท่านั้นที่เป็นตัวเลือกที่พอจะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ในแง่ของอุดมการณ์ (แปลว่ากรุงเคียฟจะไม่ยอมใช้ถ่านหินรัสเซีย)

    2.) กรณีสงครามกลางเมือง: กรุงเคียฟกล่าวว่าต้องการนำภูมิภาคดอนบาสส์กลับมาเป็นของยูเครนอีกครั้ง และพิจารณาว่าประชาชนในพื้นที่ที่เกิดความแตกแยกเป็นพลเมืองยูเครน แต่กลับใช้อาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงต่อต้านพลเมืองของตนเอง และหยุดจ่ายเงินเดือนและเงินบำนาญให้กับประชาชนเหล่านั้น เพิกถอนสถาบันต่างๆ และไม่ให้การสนับสนุนด้านมนุษยธรรม

    กรุงเคียฟกล่าวหากรุงมอสโคว์ว่าแทรกแซง และโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่รัสเซียจัดส่งคอนวอยความช่วยเหลือ 60 ขบวนไปในพื้นที่ และต่อกรณีรัสเซียเริ่มรับรองเอกสารท้องถิ่นเพื่อเหตุผลด้านมนุษยธรรม นั่นคือสิ่งที่กรุงมอสโคว์ได้ทำกระให้กับประชากรท้องถิ่นชาวยูเครนซึ่งควรจะเป็นงานของกรุงเคียฟ

    3.) กรณีแก๊ส: ยูเครนเปลี่ยนไปนำเข้าแก๊สจากสหภาพยุโรป และมีข้อผูกมัดที่จะต้องค่าแก๊สด้วยราคาที่สูงกว่าที่จะต้องจ่ายให้กับรัสเซียตามที่บริษัท Gazprom ของรัสเซียเคยเสนอ รัฐบาลยูเครนกล่าวว่ากรุงเคียฟต้องซื้อแก๊สจากอียูในราคา $230 ต่อ 1,000 คิวบิกตันเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ในขณะที่แก๊สจาก Gasprom ของรัสเซียในปริมาณที่เท่ากันมีราคาเพียง $186 เท่านั้น

    [มันเป็นความฉลาดในการเลือกของรัฐบาลที่ฉลาดติดลบมากที่สุดในโลกแบบยูเครน แล้วอียูเอาแก๊สมาจากไหนไปขายให้ยูเครน? มาจากหลายแห่งครับ หนึ่งในนั้นก็ซื้อมาจากรัสเซียนี่แหละ รัฐบาลหุ่นเชิดยูเครนลูกกระเป๋งของอียูและสหรัฐกลัวว่าลูกพี่ใหญ่ที่สนับสนุนการทำรัฐประหารจากรัฐบาลยูเครนชุดก่อนจะไม่ได้รับอานิสงส์ด้วย จึงเลือกนำเข้าแก๊สรัสเซียจากอียูแทน ให้พวกลูกพี่ใหญ่ได้กินค่าหัวคิวบ้าง ส่วนรัฐบาลยูเครนก็กู IMF และอียูมาจากค่าแก๊สนั้น ขึ้นภาษีกับประชาชนชาวยูเครน นักการเมืองนั่งนับเงินสบาย ประชาชนอดตายชั่งหัวมัน - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    25/02/2560
    ----------
    https://sputniknews.com/analysis/201702241050985707-ukraine-donbass-energy-blockade-coal/
    https://sputniknews.com/europe/201702151050716098-ukraine-coal-supplies-blockade/
    https://www.rt.com/news/378547-ukraine-coal-donbass-blockade/
    http://expert.ru/2017/01/12/engie/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    เอสโตเนียเชิญกองทัพสหรัฐและอังกฤษร่วมเดินขบวนพาเหรดเนื่องในวันชาติ ฉลองครบรอบการประกาศเอกราชปีที่ 99 หรือการตกเป็นเมืองขึ้นของสหรัฐและมหาอำนาจนาโต้กันแน่?
    ------------

    วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 (ค.ศ.2017) รัฐบาลเอสโตเนียหนึ่งในสามกลุ่มประเทศบอลติกจัดงานฉลองวันประกาศเอกราช (วันชาติ) ด้วยการเดินสวนสนามของกองทัพเอสโตเนีย และมีรถถังและยุทโธปกรณ์หนักและทหารจากสหรัฐ อังกฤษและบางประเทศจากแก๊งนาโต้ร่วมเดินขบวนพาเหรดในครั้งนี้ด้วย

    ตกลงว่าพวกเขากำลังแสดงออกถึงความเป็นเอกราช หรือว่ากำลังพยายามแสดงความดีใจที่ตกเป็นเมืองขึ้นกรายๆของสหรัฐและอังกฤษแทนนาซีเยอรมันและสหภาพโซเวียตกันแน่?

    จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์นั้น ในอดีตที่ผ่านมาเอสโตเนียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่แทบจะไม่เคยว่างเว้นจากสงครามเลยตั้งแต่ ค.ศ.380 เป็นต้นมา เอสโตเนียเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิรัสเซีย ระหว่างปี 1721-1918 และในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (1914–1918)

    ในปี 1915 กองทัพจักรวรรดิเยอรมัน (1871–1918) เข้าไปในเอสโตเนียเพื่อชิงเอสโตเนียจากจักรวรรดิรัสเซีย (1721–1917) สมัยนั้นชาวเอสโตเนียท้องถิ่นบางส่วนบอกว่า นี่แหละคือกองทัพปลดปล่อยจากเยอรมัน วันที่ 24 ก.พ.1918 กองทัพของทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงยอมถอนทัพออกจากเอสโตเนีย รัฐบาลเอสโตเนียจึงประกาศให้วันนี้เป็นวันประกาศอิสระภาพ (วันชาติ)

    หลังประกาศอิสรภาพได้ 22 ปี ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง (1940-1944) ขึ้นมา อาณาจักรรัสเซียกลายเป็นสหภาพโซเวียต กองทัพโซเวียตเข้ายึดครองเอสโตเนียในปี 1940 ฝ่ายเยอรมันก็มีกองทัพนาซีของฮิตเลอร์เข้าคุมอำนาจทางการเมืองและการทหารทั้งหมดของจักรวรรดิเยอรมัน และเกิดสงครามภาคฤดูร้อน (Summer War) ระหว่างเยอรมันกับโซเวียตขึ้นในเอสโตเนียในปี 1941 ชาวเอสโตเนียก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้าร่วมกับนาซีเยอรมัน อีกฝ่ายหนึ่งเข้าร่วมกับคอมมิวนิสโซเวียต สุดท้ายเซียตเป็นฝ่ายชนะ เอสโตเนียตกอยู่ภายใต้การยึดครองของโซเวียตระหว่างปี 1944-1991 จนกระทั่งโซเวียตล่มสลาย

    วันี้ (24 ก.พ.60) กองทัพสหรัฐและอังกฤษขนรถถังปืนใหญ่และทหารร่วมเดินขบวนพาเหรอเนื่องในวันชาติของเอสโตเนียโดยมีประธานาธิบดีหญิง Kersti Kaljulaid เป็นประธานในพิธี สิ่งที่รัฐบาลเอสโตเนีย สหรัฐ และอังกฤษแสดงต่อชาวโลกก็คือ เอสโตเนียเป็นไทแก่ตัวเอง เป็นเอกราช ไม่ขึ้นตกเป็นเมืองขึ้นหรืออาณานิคมของชาติใด แต่มีกองทัพสหรัฐและอังกฤษถือปืนจ่อคอหอยอยู่ข้างๆ แน่ใจหรือว่านั่นคือ "อิสรภาพ" หรือ "เอกราช" ที่แท้จริง? ถ้าเปลี่ยนจากองทัพสหรัฐและอังกฤษเป็นกองทัพรัสเซียแทน เอสโตเนียยังจะยิ้มหน้าระรื่นพร้อมกับพูดคำว่า "ไชโย เราได้เอกราชแล้ว" อย่างที่แสดงในตอนนี้หรือเปล่านะ? เป็นขี้ข้าของอเมริกาและอังกฤษมันดีกว่าเป็นพันธมิตรกับรัสเซียใช่ไหม?

    ในขณะเดียวกัน กองทัพเยอรมันก็ขนขบวนรถถังจำนวนมากเข้าไปใน ลิธัวเนีย เตรียมประชิดชายแดน เหตุผลเดียวกัน อ้างป้องกันการรุกรานจากรัสเซีย กลุ่มประเทศบอลติกทั้งสามประเทศ (เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิธัวเนีย) เป็นสมาชิกของนาโต้ รัสเซียเสริมกองทัพของตนเองเข้าไปในเบลารุส หนึ่งในพันธมิตรองค์กรความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ (SCO) แก๊งนาโต้ดิ้นจะเป็นจะตายว่ารัสเซียก้าวร้าว และเป็นภัยคุกคามต่อพันธมิตรนาโต้ พอแก๊งนาโต้เคลื่อนกองทัพของตนเองเข้าประชิดชายแดนรัสเซียและพันธมิตรของรัสเซีย อ้างเพื่อปกป้องพันธมิตรของตนเองจากการรุกรานโดยรัสเซีย

    Riho Terras ผู้บัญชาการกองทัพนาโต้แห่งเอสโตเนียกล่าวในพิธีฉลองวันประกาศอิสรภาพปีที่ 99 ว่า "เราต้องการให้พันธมิตรของเรา (นาโต้) มีความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านตัวเองในขณะที่อยู่ในเอสโตเนีย รัฐบาลเอสโตเนียจะคอยอำนวยความสะดวกให้ เราได้สร้างค่ายทหารและขยายเขตฝึกซ้อมออกไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับประชาชนชาวเอสโตเนียก็คือการยอมรับพันธมิตรของพวกเรา เพราะว่านี่เป็นวิธีที่จะเข้าใกล้จุดมุ่งหมายที่จะทำให้เอสโตเนียอยู่ในนาโต้ และนาโต้อยู่ในเอสโตเนียได้ จุดประสงค์นี้จะทำให้พวกเรามีการป้องกันที่ดีขึ้น" Sputnik รายงาน

    เอสโตเนียเป็นประเทศเล็กๆในกลุ่มบอลติก มีประชากร 1.3 ล้านคน (สำรวจในปี 2017)

    จากสภาพที่เห็นในปัจจุบันนี้คือะไร? อียูและสหรัฐกำลังย้ายสนามรบออกจากหน้าบ้านของตนเองไปไว้ที่ ยุโรปตะวันออกแทน หากเกิดสงครามใหญ่ขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่ากลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกก็จะเละเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากเป็นด่านแรกของการปะทะกันระหว่างแก๊งนาโต้กับรัสเซีย (หากเกิดขึ้น)

    เมื่อวันก่อนนี้ปูตินกล่าวว่า "เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของรัสเซีย การปกป้องพลเมืองของตนเองเป็นภารหน้าที่โดยไม่ต้องสงสัย กองทัพของพวกเรามีศักยภาพในการสู้รบขนาดใหญ่ อยู่ในการเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง สามารถปฏิบัติการได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง และมีความมั่นใจในการขับไล่การรุกรานใดๆ" Sputnik รายงานวันที่ 23 ก.พ.60

    ปูตินกล่าวอีกว่า การส่งกองเรือรบ Admiral Kuznetzov เข้าไปในน่านน้ำของซีเรียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นความคิดของเขาเอง RT รายงาน และ พล.ร.อ. Sergey Artamonov ผู้บัญชาการเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetzov กล่าวว่าลูกเรือ Admiral Kuznetzov ของรัสเซียกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อภารกิจใหม่หลังเสร็จสิ้นภารกิจทัวร์ในซีเรีย [รัสเซียไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าภารกิจใหม่ที่ว่านี้คืออะไร จะกลับเข้าไปในซีเรียอีกรอบหรือล่อนาโต้ที่บอลติกดีนะ? ฮ่าๆๆ- ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    25/02/2560
    ----------

    https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_wars_involving_Estonia




    https://www.youtube.com/watch?v=jVcIu9tcp8o
    https://sputniknews.com/military/201702241051015824-estonia-nato-battalion/
    https://sputniknews.com/europe/201702241051014298-nato-muscle-flexing-baltics/
    https://sputniknews.com/russia/201702231050984575-russian-armed-forces/
    https://www.rt.com/news/378386-putin-syria-fighting-terrorists/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “เขื่อนท่าแซะ” บนรอยเลื่อนของเปลือกโลก “หายนะ” ที่มาพร้อมกับเขื่อน / ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ
    เผยแพร่: 25 ก.พ. 2560 15:38:00 ปรับปรุง: 25 ก.พ. 2560 15:50:00 โดย: MGR Online
    [​IMG]

    ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ

    คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


    “เขื่อนท่าแซะ” ที่ขณะนี้มีการใช้กำลังข่มขู่ และจนถึงเริ่มมีการปิดล้อมชาวบ้านไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว รวมทั้งเกณฑ์มวลชนออกมาสนับสนุนการสร้างเขื่อน คือ เขื่อนที่จะสร้างบนรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่มีพลัง

    ภาคใต้มีรอยเลื่อนแผ่นดินไหว 2 กลุ่มที่มีพลังก็คือ
    1.รอยเลื่อนระนอง วางตัวในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ เกือบเป็นแนวตั้ง พาดผ่านพื้นที่ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร และ จ.พังงา มีความยาวประมาณ 270 กิโลเมตร

    2.รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย วางตัวในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ พาดผ่าน อ.บ้านตาขุน และ อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี อ.ทับปุด และ อ.เมือง จ.พังงา ลงไปถึงทะเลอันดามัน ระหว่าง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กับเกาะยาว จ.พังงา มีความยาวประมาณ 148 กิโลเมตร

    สำหรับเขื่อนท่าแซะ และอ่างเก็บน้ำของเขื่อน จะตั้งอยู่บนรอยเลื่อนระนอง ซึ่งรอยเลื่อนแห่งนี้ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ปี 2555 เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4 ริกเตอร์มาแล้ว แต่โชคดีที่มีความลึกลงไปในแผ่นดินประมาณ 10 กิโลเมตร จึงไม่ได้สร้างความเสียหายมาก โดยนักธรณีวิทยา เชื่อว่า การเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนดังกล่าวเป็นผลมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนสุมาตรา

    รอยเลื่อนทั้ง 2 รอยเลื่อน รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระหว่างการประชุมโต๊ะกลม “2012 แผ่นดินไหวข่าวลือ หรือความจริง” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2555 ระบุว่า เคยเกิดแผ่นดินไหวบนบก 6-7 ริกเตอร์ จากรอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว และ 4,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้ “ใกล้คาบอุบัติซ้ำ” ของการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่แล้ว แต่ยังไม่มีแผ่นดินไหวใหญ่เกิดขึ้น โดย รศ.ดร.ปัญญา ระบุว่า รอยเลื่อนกำลังสะสมพลังงานอยู่ และไม่รู้ว่าจะปลดปล่อยออกมาเมื่อไหร่ ซึ่งไม่มีใครระบุได้

    ปัญหาของการสร้างเขื่อนบนรอยเลื่อนของเปลือกโลกก็คือ การเร่งให้เกิดแผ่นดินไหว และทำให้เขื่อนวิบัติ หรือภาษาง่ายๆ คือ “เขื่อนพัง”

    ศ.บรูซ เอ โบลต์ แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบอร์กเลย์ ระบุไว้ในหนังสือเรื่องแผ่นดินไหว (Earthquake) ว่า น้ำในเขื่อนที่สร้างขึ้นบริเวณแนวเลื่อนของเปลือกโลก เปรียบเสมือนตัวการในการลั่นไก (triggering) ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมีผลมาจากน้ำหนักของน้ำที่ไปกระตุ้นให้เกิดพลังงานในชั้นหิน ผู้ที่รายงานแผ่นดินไหวลักษณะนี้ คนแรกคือ คาร์เคอร์ (Carder) เมื่อ พ.ศ.2488 ซึ่งพบการเกิดแผ่นดินไหวจากเขื่อนฮูเวอร์ ในอเมริกา ซึ่งเป็นเขื่อนยุคใหม่แห่งแรกของโลก

    ในชั้นแรกคิดกันว่า แผ่นดินไหวลักษณะนี้เป็นขนาดเล็กๆ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ แต่ต่อมาก็เกิดแผ่นดินไหวกับเขื่อนอื่นๆ อีกหลายเขื่อนที่มีการสร้างหลังเขื่อนฮูเวอร์ ที่รุนแรงก็เช่น ภายหลังการสร้างเขื่อนคอยนา (Koyna) ในอินเดีย ทำให้เกิดแผ่นดินไหวเมื่อ พ.ศ.2510 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 177 คน บาดเจ็บ 1,500 คน บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งที่บริเวณนั้นไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน


    ขณะที่ ศ.ปริญญา นุตาลัย ได้แบ่งสาเหตุการวิบัติของเขื่อนจากแผ่นดินไหวออกเป็น 3 ลักษณะคือ

    ลักษณะแรก เกิดจากหินใต้เขื่อนเลื่อนตามแนวเลื่อนทำให้ตัวเขื่อนฉีกขาดออกจากกัน ตัวอย่างเช่น การพังของเขื่อนบอลด์วินฮิลล์ ในลอสแองเจลิส เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2506 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน บริษัทประกันภัยจ่ายค่าเสียหายร้อยกว่าล้านเหรียญ และมีการฟ้องร้องตามมาอีกมากมาย

    ลักษณะที่สอง เกิดจากการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ตัวอย่างเช่น เขื่อนแวนนอร์แมน (Van Norman Dam) ในลอสแองเจลิส ทำให้สันเขื่อนด้านเหนือน้ำถล่มลงมา

    ลักษณะที่สาม เกิดจากมวลดินถล่มลงมาในอ่างเก็บน้ำ ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในอ่างเก็บน้ำ เช่น เขื่อนไวยอนต์ (Vaiont Dam) ในประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2506 ได้เกิดมวลหินถล่มลงมาทำให้เกิดคลื่นยักษ์กระฉอกล้นออกจากเขื่อน และพัดพาเอาบ้านเรือนท้ายเขื่อน มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,600 คน

    ในประเทศไทยเองก็เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ โดยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2526 มีศูนย์กลางใกล้อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ทำให้หินแตกเลื่อนออกจากกันยาวประมาณ 4 กิโลเมตร และทำให้เกิดดินถล่มลงในอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง และทำให้เกิดคลื่นยักษ์ตามมา แต่โชคดีที่บริเวณดินถล่มห่างจากตัวเขื่อนมาก จึงไม่เกิดหายนะอย่างเขื่อนไวยอนต์

    ประเด็นความปลอดภัยของเขื่อนกับแผ่นดินไหวในประเทศไทย มักถูกละเลยจากนักสร้างเขื่อน ดังจะเห็นได้จากรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ที่มักประเมินว่า แนวเลื่อนของเปลือกโลกที่สร้างเขื่อนนั้นตายแล้ว ทั้งนี้ ก็เพราะเหตุผลทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง เพียงเพื่อให้เขื่อนได้รับการอนุมัติ

    หันมาดูในกรณีของกรมชลประทาน เจ้าของโครงการเขื่อนท่าแซะ หลังเหตุการณ์สึนามิ เคยมีข่าวว่ากรมชลประทานได้เตรียมของบประมาณถึง 3,000 ล้านบาท เพื่อหาทางป้องกันเขื่อนจากแผ่นดินไหว นั่นหมายความว่า ที่แท้แล้ว กรมชลประทานเองก็รู้ว่าเขื่อนไม่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว

    ในกรณีของเขื่อนท่าแซะ ที่ตั้งบนรอยเลื่อนระนอง แน่นอนว่ากรมชลประทานอาจจะโต้แย้งได้ว่า จะออกแบบ และสร้างเพื่อให้เขื่อนมีแรงต้านทานแผ่นดินไหว ที่เรียกว่าค่า “g” เพื่อให้เขื่อนมั่นคงแข็งแรงรองรับแผ่นดินไหวได้ แต่ปัญหาที่กรมชลประทานไม่ได้เปิดเผยก็คือ จะต้องเพิ่มงบค่าก่อสร้างอีกกี่พันล้าน สำหรับการทำให้เขื่อนรองรับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้ และงบที่เพิ่มขึ้นนี้ จะทำให้เขื่อนแห่งนี้ยิ่งไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์มากขึ้นหรือไม่ เพราะปัจจุบันพื้นที่ชลประทานที่อ้างก็เป็นการทำเกษตรกรรมที่ไม่ได้ต้องการน้ำจากระบบชลประทานของเขื่อน

    นอกจากนั้น จะต้องใช้งบประมาณอีกมากแค่ไหนในการจัดทำแผนรองรับความเสี่ยงจากเขื่อนท่าแซะวิบัติ และหากเกิดเขื่อนวิบัติขึ้นกรมชลประทานจะรับมือไหวหรือไม่ เพราะแค่เขื่อนเล็กๆ ที่บางสะพาน แค่น้ำล้นสันเขื่อน กรมชลประทาน ยังไม่มีปัญญาแม้แต่เตือนภัย

    บทความนี้ต้องการให้คนที่อยากได้เขื่อนท่าแซะ ได้คิดสักนิดว่า เขื่อนไม่ใช่แค่ให้น้ำอย่างที่ท่านคิด แต่สิ่งที่จะมาควบคู่กับเขื่อนท่าแซะ คือ ความเสี่ยง และหายนะที่คนที่ออกมาเรียกร้องไม่สามารถจะรับผิดชอบได้ ดังนั้น การตัดสินใจจะเอาเขื่อนหรือไม่เอาเขื่อน จึงต้องมองอย่างรอบด้าน มีเหตุผลหลายๆ มุม และต้องใช้ความรู้ และการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไม่ใช่ใช้วิธีระดมสรรพกำลังทั้งทหาร ข้าราชการ และมวลชนมาหนุนเขื่อน

    http://m.manager.co.th/South/detail/9600000019671
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นักวิชาการจ่อลงศึกษารอยเลื่อนมีพลังที่เพชรบูรณ์8จุด ข่าวภูมิภาค วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 14:39 น.

    ?temp_hash=55af0227ddfb3dce1889a3fa90099fc3.jpg

    นักวิชาการจ่อลงภาคสนามศึกษารอยเลื่อนมีพลังที่จ.เพชรบูรณ์ 8 จุด ขอชาวบ้านอย่าตื่นตระหนก
    นายชาญชัย ศรศรีวิชัย นายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ได้รับการประสานจาก ดร.สมฤดี สาธิตคุณ ปฎิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคมนี้ ทางภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาสกร ปนานนท์ ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการศึกษาฯ จะลงพื้นที่ภาคสนามเพื่อศึกษารอยเลื่อนมีพลังในจังหวัดเพชรบูรณ์ในพื้นที่ 8 แห่งได้แก่ 1.บ้านปากช่อง ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก 2.บ้านห้วยแหน ต.ห้วยใหญ่ อ.เมือง 3.บ้านซำบอน ต.ห้วยใหญ่ อ.เมือง 4.บ้านหัวนา ต.ท่าพล อ.เมือง 5.บ้านนางั่วเหนือ ต.นางั่ว อ.เมือง 6.บ้านพนานิคม ต.บ้านโตก องเมือง 7.บ้านเนินสะเดา ต.ท่าแดง อ.หนองไผ่ 8.บ้านสามแยกวิเชียร ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จึงได้แจ้งกำชับไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่เหล่านี้ ให้ช่วยชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เพื่อป้องกันความแตกตื่นและความเข้าใจผิด ด้านนายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า รอยเลื่อนเพชรบูรณ์เป็นรอยเดี่ยวและเป็นเส้นตรงดิ่งลงมายาวประมาณ 110 กิโลเมตร ซึ่งตามข้อมูลระบุว่าไม่ได้เป็นรอยเลื่อนชุดเหมือนรอยเลื่อนพะเยาหรือรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ที่ผ่านมาเพชรบูรณ์ยังขาดข้อมูลการศึกษารอยเลื่อนเพชรบูรณ์ค่อนข้างมาก การที่มีทีมนักวิชาการลงจะลงศึกษาในภาคสนามถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี และหลังการศักษาเสร็จสิ้นแล้วขอให้ทีมศึกษาช่วยแจ้งผลการสำรวจศึกษาให้ชาวเพชรบูรณ์ได้รับทราบด้วย
    โดยก่อนหน้านี้มีข้อมูลรายงานจากทางกรมทรัพยากรธรณีวิทยา จับตารอยเลื่อนที่มีพลังภายในประเทศจำนวน 14 แห่ง ซึ่งหนึ่งในรอยเลื่อนเหล่านี้มีรอยเลื่อนเพชรบูรณ์ปรากฎในข้อมูลดังกล่าวด้วย
    http://m.innnews.co.th/mobile/shownews?newscode=766044
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 766044-02.jpg
      766044-02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.5 KB
      เปิดดู:
      44
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ก่อนนี้ยูเครนก็เป็นพันธมิตรบ้านพี่เมืองน้องกับรัสเซีย เพราะว่าเคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตมาก่อน เพิ่งจะมาแตกคอกับรัสเซียในปี 2014 หลังจากที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นโปรรัสเซียถูกยึดอำนาจจากฝ่ายโปรนาโต้ เพราะไปรับเงินกู้จากรัสเซีย $2 พันล้านเป็นก้อนแรกจากทั้งหมด $15,000 ล้าน อียูและสหรัฐก็ต้องการที่จะปล่อยเงินกู้ก้อนนี้ให้ยูเครนเช่นกัน แต่ถูกรัสเซียชิงตัดหน้าไปก่อน จึงแค้นมาก ยุให้เกิดกระแสต่อต้านรัสเซียและปลุกกระแสให้นิยมอียูต้องการจะเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพอียู เกิดการประท้วงและก่อจลาจลในช่วงเดียวกับที่ไทยมีม็อบกปปส.นั่นแหละครับ หลังจากฝ่ายโปรนาโต้ยึดอำนาจของรัฐบาลวิคเตอร์ ยานูโควิช ได้แล้ว สหรัฐและอียูก็รีบให้มีการเลือกตั้งในช่วงที่เกิดสงครามในยูเครนตะวันออก และได้รัฐบาลหุ่นเชิดนำโดยปธน.เปโตร โปโรเชนโก้ รัฐบาลปัจจุบันของยูเครน เข้ามาบริหาร สืบเลือดสูบเนื้อประชาชนชาวยูเครนแทน รัฐบาลชุดนี้เป็นเครื่องมือของสหรัฐและอียูของแท้ จากนั้นเป็นต้นมายูเครนก็แตกหักกับรัสเซีย ฝ่ายกบฏสองแคว้นในยูเครนตะวันออกขอปกครองตนเองอย่างเป็นอิสระ โดยการสนับสนุนจากรัสเซีย รัฐบาลกลางของยูเครน ไม่ยอม จึงเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมา
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ศึกชิงเกาะ Dokdo หรือ Takeshima (Liancourt Rocks) ระหว่างม็อบญี่ปุ่นกับม็อบเกาหลีใต้ที่เมือง Matsue จังหวัด Shimane ประเทศญี่ปุ่นเนื่องในวัน Takeshima ปัจจุนี้กลุ่มหินหรือหมู่เกาะขนาดเล็กแห่งนี้ตั้งอยู่ในทะเลญี่ปุ่น อยู่ภายใต้การยึดครองของเกาหลีใต้ มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างหลายอย่างบนเกาะแห่งนี้ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาและแก๊สธรรมชาติ ญี่ปุ่นไม่ยอมรับการยึดครองของเกาหลีใต้ และอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ก็บอกว่าเป็นของตนเอง เกาะ Dokdo/Takeshima อยู่ห่างจากหมู่เกาะ Oki ของญี่ปุ่น 157 กม. อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ญี่ปุ่น 211 กม. อยู่ห่างจากเกาะ Utsuryo ของเกาหลีใต้ 92 กม. อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของเกาหลีใต้ 215 กม.
    ----------------

    .
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    คลิปปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่ไอซิสด้วยโดนสังหาร CH-48 ที่กองทัพอิรัคซื้อมาจากจีนในจังหวัด Niniveh ทางภาคใต้ของอิรัค (23 ก.พ.60)
    ----------------

    .
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    พวกไอซิสก็มีอากาศยาน (โดรน) สำหรับต่อสู้เหมือนกัน ในศึกโมซูล และนิยมส่งโดรนไปหย่อนระเบิดใส่พาหนะของกองทัพฝ่ายรัฐบาลอิรัคอยู่เรื่อยๆ (23 ก.พ.60)
    ----------------

    พวกไอซิสใช้โดรนหลายแบบในการหย่อนระเบิดใส่กองทัพของฝ่ายรัฐบาลอิรัคในโมซูล (13 ก.พ.60)
    ----------------

    .
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    รายงานสถานการณ์ในซีเรีย ตอนนี้กองทัพตุรกีและพวกกบฏซีเรียลูกน้องตุรกีสามารถยึดเมือง al-Bab จากพวกไอซิสได้แล้ว (24 ก.พ.60)
    -----------------

    .
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    *GRAPHIC* ความจริงจากสนามรบในโมซูล ประเทศอิรัค ที่สื่อกระแสหลักของตะวันตกนำโดยสหรัฐไม่กล้านำเสนอ จากปฏิบัติการกวาดล้างไอซิส มีเด็กและผู้หญิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ต่างกับตอนที่เครื่องบินรบของรัสเซียและฝ่ายรัฐบาลซีเรียถล่มพวกผู้ก่อการร้ายในซีเรีย จะเห็นว่ามีพวกนักการเมืองและสื่อกระแสหลักของตะวันตกรวมทั้งแก๊ง NGO เติมเงินต่างๆ ออกมาประท้วงและคัดค้านมากมาย แต่ถ้าเกิดขึ้นในอิรัค โดยกองทัพพันธมิตรนำโดยสหรัฐมีส่วนร่วม ข่าวแบบนี้จะไม่ออกสื่อหลักเด็ดขาด (24 ก.พ.60)
    ---------------------


    .
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    รถปิ๊กอัพพุ่งชนฝูงชนในขบวนพาเหรดงาน Krewe of Endymion ในนิวออร์ลินส์ รัฐหลุยเซียนา มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 28 คน

    ?temp_hash=5825b9a3615fb03824b5ecca6dedf30e.jpg

    ------------
    วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "บาดเจ็บหลายสิบคนจากเหตุการณ์รถบรรทุกพุ่งเข้าชนฝูงชนในขบวนพาเหรดในนิวออร์ลีนส์" (Dozens Injured as Truck Plows Into Parade Crowd in New Orleans)
    เจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 28 คนในเหตุการณ์นี้ และนำตัวส่งโรงพยาบาลท้องถิ่นแล้ว 21 คน เหยื่อที่เด็กที่สุดมีอายุเพียงแค่ 3 ขวบ รายงานท้องถิ่นกล่าว
    "รายงานเบื้องต้นได้แสดงให้เห็นว่ามีประชาชนประมาณสิบกว่าคนได้รับบาดเจ็บสาหัส" Ambria Washington โฆษกตรวจกล่าว The Daily Star รายงาน "จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอาจจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ"
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ขบวนแห่กำลังผ่านสี่แยกไฟแดงถนน Carrollton และถนน Orleans ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นการโจมตีโดยเจตนาหรือไม่ เนื่องจากพยานบางคนในที่เกิดเหตุอธิบายว่าคนขับรถบรรทุกสีเทาที่ขับรถพุ่งเข้าชนฝูงชนดูเหมือนอยู่ในอาการมึนเมาและไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ
    Michael Harrison หัวหน้าตำรวจกล่าวว่า ได้มีการควบคุมตัวชายคนหนึ่งไว้ และกำลังทำการตรวจสอบกรณีเมาแล้วขับ The Guardian รายงาน ฝ่ายตำรวจยังไม่เชื่อว่าก่อการร้ายเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 25 ก.พ. เวลา 6:45 p.m. ตามเวลาท้องถิ่น
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    26/02/2560
    ----------
    https://sputniknews.com/us/201702261051046522-dozens-injured-new-orleans/
    http://www.cbsnews.com/news/car-runs-into-new-orleans-crowd-police-say/
    http://www.nola.com/traffic/index.ssf/2017/02/12_hurt_when_vehicle_plows_int.html
    http://www.wdsu.com/article/nopd-do...ehicle-crashes-into-crowd-in-mid-city/8981048
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    In Clip:สัมพันธ์ร้าว ทรัมป์ประกาศ ไม่ร่วมงานกาล่าดินเนอร์สื่อทำเนียบประจำปี หลังแบน CNN-นิวยอร์กไทม์ส ไม่ให้เข้าทำข่าวทำเนียบขาว
    โดย MGR Online blank.gif 26 กุมภาพันธ์ 2560 14:27 น.
    blank.gif
    560000002062101.JPE
    blank.gif
    รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในวันเสาร์(25 ก.พ) ไม่เข้าร่วมงานดินเนอร์สมาพันธ์นักข่าวทำเนียบขาวประจำปีในปีนี้ ซึ่งถือเป็นงานที่ดึงดูดเหล่าดารา นักการเมือง และผู้มีชื่อเสียงทั่วสหรัฐฯ หลังก่อหน้านี้มีรายงาน 5 สื่อค่ายยักษ์มะกัน CNN นิวยอร์กไทม์ส โพลิติโก แอลเอไทม์ส และบัซฟีด ถูกทำเนียบขาวห้ามไม่ให้ร่วมในการแถลงข่าวของโฆษกทำเนียบขาว ณอน สไปเซอร์

    รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(25 ก.พ)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มักตื่นตอนตี 3 เริ่มต้นของวันรวมไปถึง การโทรศัพท์ถามที่ปรึกษาเพื่อต้องการทราบว่า ดอลลาร์แข็งหรืออ่อนนั้นจะดีต่ออเมริกา ได้ออกมาประกาศผ่านทวิตเตอร์ในวันเสาร์(25 ก.พ)ว่า เขาตัดสินใจไม่เดินทางไปร่วมงานกาล่าดินเนอร์สื่อทำเนียบขาวประจำปีในปีนี้

    โดยในแถลงการณ์ ผู้นำสหรัฐฯแถลงว่า “ผมจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงดินเนอร์สมาพันธ์นักข่าวประจำทำเนียบขาวที่ถูกจัดขึ้นในปีนี้ ได้โปรดขอให้ทุกคนมีความสุขและรื่นเริงต่อการเลี้ยงอาหารค่ำที่จะมีขึ้น”

    รอยเตอร์รายงานว่า ทั้งที่ผ่านมาในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และในทำเนียบขาว ทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับกลุ่มนักข่าว ที่ผู้นำสหรัฐฯได้ประกาศว่า “สื่อคือศัตรูประชาชน” และผู้นำสหรัฐฯมักจะออกมาตำหนิค่ายสื่อมวลชน รวมไปถึงนักข่าวรายคนที่ออกมาเสนอข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเขา หรือรัฐบาลของเขา

    แต่อย่างไรก็ตาม หลังการแถลงจากทรัมป์ บรรดาสื่อมวลชนทำเนียบขาวได้ประกาศว่า พวกเขาและเธอจะยังคงเดินหน้าเข่าร่วมงานกาล่าดินเนอร์ประจำปีที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 เม.ย นี้ถึงแม้ว่าจะไม่มีโดนัลด์ ทรัมป์เข้าร่วมก็ตาม ซึ่งถือเป็นงานระดับประเทศที่มีสีสัน สร้างแรงดึงดูดจากบุคคลในวงการต่างๆของสหรัฐฯมาร่วมงานเพื่อเข้าฟังมุขตลกจากผู้นำสหรัฐฯที่ยังนั่งอยู่ในตำแหน่ง โดยที่ผ่านมาในสมัยของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา งานกาล่าดินเนอร์สื่อทำเนียบขาวถูกแปลงเป็น “เนิร์ดพร็อม” ที่มีอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน มาพร้อมแว่นตากันแดดเรย์แบรนด์ และรถสปอร์ตเหลืองสดคู่ใจ และนักแสดงจากซีรีส์ชุดสุดดัง VEEP ร่วมในโฆษณางานเลี้ยงรื่นเริงนี้

    โดยเจฟ เมสัน( Jeff Mason) นักข่าวรอยเตอร์ประจำทำเนียบขาวเป็นพ่องานกาล่าดินเนอร์สื่อทำเนียบขาวในปีนี้แถลงว่า “งานเลี้ยงจะยังคงมี และจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อเฉลิมฉลองสิทธิพลเมืองสหรัฐฯมาตราที่ 1 ที่ว่าด้วยสิทธิการออกมาให้ความเห็น และความสำคัญของสื่อมวลชนในสังคมประชาธิปไตยที่สมบูรณ์”

    รอยเตอร์ชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯคนสุดท้ายที่ไม่ได้เข้าร่วมในงานกาล่าดินเนอร์สื่อทำเนียบขาวคือ อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ในปี 1981 ซึ่งเป็นปีที่เขาถูกยิงลอบสังหาร

    ในขณะที่สื่อค่ายยักษ์ใหญ่บางค่าย เช่น บลูมเบิร์ก นิวส์ และ เดอะนิวยอร์กเกอร์ ออกมาระบุว่า จะไม่เข้าร่วมแบกรับภาระค่าใช้จ่ายหลังงานเลี้ยงกาล่าดินเนอร์ที่หรูหรา เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายจากงานเลี้ยงในปีก่อนๆหน้านี้

    การประกาศไม่เข้าร่วมของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่ในวันศุกร์(24 ก.พ) ที่มีรายงานว่า สื่อค่ายยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ 5 แห่ง คือ CNN นิวยอร์กไทม์ส โพลิติโก แอลเอไทม์ส และบัซฟีด ถูกทำเนียบขาวสั่งห้ามไม่ให้นักข่าวจากสื่อมวลชนจากค่ายเหล่านี้เข้าร่วมรับฟังการรายงานสรุปประจำวันจากโฆษกทำเนียบขาว ณอน สไปเซอร์ และทำให้เกิดการประท้วงจากสื่อตามมา รอยเตอร์ชี้




    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000019902
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เรื่องที่หลายคนยังไม่รู้! “ท่าเรือถ่านหินกระบี่” จะส่งผลกระทบถึงชามก๋วยเตี๋ยว “เย็นตาโฟ”
    เผยแพร่: 27 ก.พ. 2560 13:00:00
    [​IMG]

    ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ
    คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม



    ขณะที่ยังเถียงกันไม่จบว่าตกลงรัฐบาลจะให้ทำ EHIA โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และ EIA ท่าเทียบเรือถ่านหินที่คลองรั้วใหม่หรือไม่ ตอนนี้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้านทั้งจากแหลมหิน-คลองรั้ว และหมู่บ้านอื่นๆ อีกหลายแห่งตามชายฝั่งทะเลอันดามันก็กำลังเข้าสู่เทศกาลการตัก “บอบอ” หรือ “แมงกะพรุน” ไปขาย

    โดยมาชุมนุมกันตักแมงกะพรุนบริเวณอ่าวคลองรั้วและช่องแหลมหิน ซึ่งบริเวณนี้จะถูกใช้เป็นท่าเทียบเรือและช่องเดินเรือขนาด 10,000 ตันสำหรับการขนส่งถ่านหินจากอินโดนีเซียเข้ามา ขณะที่รายงาน EIA ท่าเทียบเรือคลองรั้วฉบับ “เจ้าปัญหา” ไม่ได้มีการศึกษาประเด็นนี้แต่อย่างใด

    วันนี้ ผมจึงขอนำเอาข้อมูลเกี่ยวกับเแมงกะพรุนที่อ่าวคลองรั้วและช่องแหลมหินจากงานวิจัยมหาลัยเลมาให้อ่านกันครับ

    ชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดกระบี่เป็นแหล่งแมงกะพรุนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในรอบหนึ่งปี ทะเลอันดามันจะมีแมงกะพรุนถึง 7 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน แมงกะพรุนมี 2 ชนิดคือ แมงกะพรุนลอดช่องและแมงกะพรุนหนัง แมงกะพรุนลอดช่องมีชุกชุมมาก ส่วนแมงกะพรุนหนังมีค่อนข้างน้อย บริเวณที่มีแมงกะพรุนชุกชุม ได้แก่ ทะเลระหว่างเกาะปู แหลมนาง คลองหวาย ไปจนถึงเกาะปันหยี และเกาะภูเก็ต

    [​IMG]


    ในช่วงที่มีแมงกะพรุน ชาวประมงจะนำเรือไปตักแมงกะพรุน และเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ ตามการเคลื่อนตัวของแมงกะพรุน บางครั้งเดินทางไปตักแมงกะพรุนถึงเกาะภูเก็ต แมงกะพรุนหนังซึ่งมีน้ำหนักตัวละ 10-20 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 1.50-2 บาท ส่วนแมงกะพรุนลอดช่องราคาตัวละ 4-5 บาท แต่ในช่วงที่มีแมงกะพรุนน้อยราคาจะสูงขึ้นเป็น 2 เท่า

    ช่วงฤดูแมงกะพรุน ในตำบลตลิ่งชันจะมีแพแมงกะพรุนมากกว่า 20 แพ ตั้งอยู่บ้านปากหราประมาณ 10 กว่าแพ ฝั่งตะวันออกของบ้านคลองรั้ว 2 แพ ปากคลองรั้ว 2 แพ (บางปีเคยมี 4 แพ) ปากบ้านแหลมหิน 4 แพ และหัวแหลม 2 แพ เจ้าของแพแมงกะพรุนบางรายที่มาลงทุนที่บ้านแหลมหินมาจากหมู่บ้านอื่นด้วย เช่น แพยี่สู้ เดิมอยู่บ้านหาดยาว มาตั้งแพที่แหลมหินเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว

    หลังจากแพรับซื้อแมงกะพรุนจากชาวประมงพื้นบ้านแล้ว จะมีพ่อค้าแมงกะพรุนจากระนองมารับซื้ออีกทอดหนึ่ง เช่น เอนกแพแมงกะพรุน จากนั้นเจ้าของแพก็ส่งให้แหล่งรับซื้อแมงกะพรุนเพื่อ แปรรูปที่อันดามัน เจลลี่ ฟิช ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปแมงกะพรุน ตั้งอยู่ที่ดอนหอยหลอด ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสงคราม

    สำหรับกระบวนการแปรรูปแมงกะพรุน เมื่อได้แมงกะพรุนแล้ว จะต้องตัดหัวตัดตัวแยกกัน เพราะราคาไม่เท่ากัน จากนั้นนำไปดองเกลือโดยเอาน้ำใส่บ่อและย่ำก่อนทิ้งไว้ครึ่งคืน จากนั้นแช่น้ำ 2 โดยมีน้ำเกลือผสมโซดาจืด ชนิดเดียวกับที่ใช้สำหรับทำขนมปัง และสารส้ม 2 คืน แล้วนำมาล้างน้ำซาวเกลือ ก่อนนำไปดองด้วยน้ำเกลือผสมโซดาจืด และสารส้มอีก 2 รอบๆ ละ 2 คืน จนได้ที่ จึงแพ็คส่งขายโดยมีการโรยหน้าด้วยเกลือ ก่อนนำไปรับประทานจะต้องล้างน้ำให้หายเค็มก่อน

    [​IMG]

    แมงกะพรุนที่แปรรูปแล้ว ก็จะส่งไปยังตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าแมงกะพรุนในชามก๋วยเตี๋ยว โดยเฉพาะเย็นตาโฟ ที่พวกเรากินกันทุกวันนี้ รวมถึงแมงกะพรุนในภัตตาคารอาหารจีนหรูๆ ส่วนใหญ่ก็มาจากที่แหลมหิน-คลองรั้วนี่แหละครับ

    หากว่ามีการสร้างท่าเทียบเรือที่อ่าวคลองรั้วและใช้ช่องแหลมหินเป็นเส้นทางเดินเรือขนถ่านหิน นอกจากจะทำให้ชาวประมงเดือดร้อนแล้ว เราก็จะไม่มีแมงกะพรุนรสชาติอร่อยๆ กินด้วยครับ

    ผมถามหน่อยว่า หากมีการสร้างท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินที่คลองรั้ว และช่องแหลมหินถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเรือถ่ายหินจากอินโดนีเซีย และแมงกะพรุนลดหรือหายไปจากทะเลอันดามัน ชาวประมงพื้นบ้านขาดรายได้ ธุรกิจต่อเนื่องที่ส่งออกแมงกะพรุนล่มสลาย และเราไม่มีแมงกะพรุนกิน ใครจะรับผิดชอบ?่่
    http://m.manager.co.th/South/detail/9600000020177
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เขาหลอกเราแน่แล้ว!? คนอันดามันนัดชุมนุมใหญ่ หลัง กฟผ.-สผ.เมินนายกฯ สั่งเริ่มใหม่ EIA-EHIA ถ่านหินกระบี่
    เผยแพร่: 27 ก.พ. 2560 14:11:00
    [​IMG]

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ออกแถลงการณ์จี้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหิน จ.กระบี่ ใหม่ทั้งสองฉบับ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ขีดเส้นตาย 28 ก.พ.หากยังไม่เห็นความคืบหน้า นัดมวลชนชุมนุมใหญ่

    วันนี้ (27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2560 ระบุว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมใหม่ทั้งสองฉบับ กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหิน จ.กระบี่

    คำสั่งดังกล่าวมิได้ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเพียงคำบัญชานายกรัฐมนตรีที่มีลักษณะทางการบริหาร กลับปรากฏปัญหาที่คาดคิดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นคือ หน่วยงานผู้รับผิดชอบไม่รับคำสั่งนายกรัฐมนตรีและนำไปดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติและเกิดผลในทางกฎหมาย

    หน่วยงานที่รับผิดชอบซึ่งจะต้องนำคำสั่งนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นจริงคือ สำนักงานนโยบายและแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยหน่วยงานแรกได้ปฏิเสธคำสั่งนายกรัฐมนตรีด้วยการปฏิเสธการออกหนังสือเพื่อทำให้รายงานฉบับเก่าเป็นโมฆะ และให้เริ่มจัดทำรายงานฉบับใหม่ตามข้อตกลงระหว่างกัน ส่วน กฟผ.ได้แสดงเจตนารมณ์มาตลอดว่าไม่ได้ยอมรับคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้ทำรายงานอีไอเอใหม่ แต่กลับมีความพยายามในการปรับปรุงรายงานฉบับเก่า

    เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินได้พิจารณารอคอยมาเป็นเวลา 6 วันแล้ว โดยได้ใคร่ครวญว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการดำเนินการตามข้อตกลงหรือไม่ ทั้งนี้ครั้งแรกได้กลับคำไม่ออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี มาจนถึงปัจจุบันหน่วยงานระดับกรมคือ สผ.ยังไม่ออกเอกสารอย่างเป็นทางการเพื่อทำให้รายงานฉบับเก่าเป็นโมฆะ ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าจะมีการทำรายงานฉบับใหม่จริง เพราะหน่วยงานเจ้าของโครงการยืนยันมาตลอดว่าจะปรับจากรายงานฉบับเดิม สิ่งเหล่านี้ทำให้เครือข่ายเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะเบี้ยวเป็นรอบที่สอง

    ทางเครือข่ายได้ประชุมหารือกันอย่างรอบคอบแล้วมีมติว่าจะให้โอกาสรัฐบาลแสดงความจริงใจโดยการให้ สผ.ออกหนังสืออย่างเป็นทางการว่ารายงานเดิมทั้ 2 ฉบับเป็นโมฆะภายในวันอังคารที่ 28 .กพ.ซึ่งได้ครบกำหนด 7 วันพอดี หากรัฐบาลยังเพิกเฉยต่อการแสดงความจริงใจดังกล่าว เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินจะกลับมาชุมนุมใหม่ดังที่ได้เคยตกลงไว้เมื่อครั้งเจรจากับแม่ทัพภาคที่ 1 ว่าหากรัฐบาลเบี้ยวแม่ทัพจะออกเงินให้เครือข่ายมาชุมนุม

    ทั้งนี้รัฐบาลได้ดำเนินการผิดพลาดอย่างมหาศาลในการจัดการทรัพยากรของชาติ ด้วยการนำพื้นที่ชุ่มน้ำกว่า 1 แสนไร่ที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติว่าเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยการยกระดับพื้นที่กระบี่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ (แรมซ่าร์ไซด์) ให้โรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งทั้งโลกพิสูจน์แล้วว่าสกปรกที่สุด ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนมากที่สุด มาตั้งอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่นานาชาติให้การรับรองว่าควรค่าแก่การรักษาไว้

    รัฐบาลได้ตัดสินใจผิดพลาดอย่างรุนแรงในการนำพื้นที่การท่องเที่ยวซึ่งได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดอันดับต้นของโลก อย่างจังหวัดกระบี่มาเป็นสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินและให้เกิดการขนส่งถ่านหินผ่านทะเลอันงดงาม โดยความงดงามของกระบี่และอันดามันสามารถทำรายได้ทั้งอันดามันให้ประเทศปีละ 4 แสนล้าน ก่อเกิดการจ้างงานหลายแสนคน มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวนับ100 ธุรกิจ และรัฐบาลได้ตัดสินใจให้เกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินตรงบริเวณนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวเกิดอาการมึน งง กันทั้งโลกว่ารัฐบาลไทยคิดอะไรอยู่ นำสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดที่ทั้งโลกยกย่องมาทำลายทิ้ง

    สิ่งที่รัฐบาลนี้คิดไม่เป็นคือ การประเมินเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) ว่าพื้นที่ไหนควรจะพัฒนาอะไร การจัดการทรัพยากรของประเทศควรทำอย่างไร ภายใต้รัฐบาลทหาร ใครใหญ่ใครก็สามารถชี้นิ้วว่าจะเกิดโครงการทำลายสิ่งแวดล้อมตรงไหนก็ได้ ประเทศเราจะพังพินาศ เพราะการไม่ประเมินการจัดการทรัพยากรของชาติในเชิงยุทธศาสตร์ ทำลายได้แม้กระทั่งพื้นที่ซึ่งโลกให้การยกย่อง

    ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าการรอคอยของเราจะสิ้นสุดลงเมื่อครบ 7 วันคือวันอังคารที่ 28 ก.พ. หากรัฐบาลจริงใจในคำสัญญาเพียงแค่สั่งการให้หน่วยงานระดับกรมออกหนังสือมาแผ่นเดียว หากยังทำเรื่องเท่านี้ไม่ได้ ก็ถือเป็นการแสดงว่าเจตนาเบี้ยวประชาชน หากวันพรุ่งนี้ยังไม่มีหนังสือแสดงความจริงใจของรัฐบาลออกมา เครือข่ายจะออกแถลงการณ์ชุมนุมต่อไป

    http://m.manager.co.th/South/detail/9600000020223
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หายนะ! “คลองชลองแวง” บทเรียนจาก “ปราจีนฯ” ถึง “กระบี่” เมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินทำพื้นที่ผลิตอาหารล่มสลาย
    เผยแพร่: 27 ก.พ. 2560 15:26:00 ปรับปรุง: 27 ก.พ. 2560 15:32:00 โดย: MGR Online
    [​IMG]

    *หมายเหตุ จากงานวิจัยเรื่อง “พื้นที่ปนเปื้อนสารปรอทของประเทศไทยแหล่งโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงผลิตเยื่อกระดาษตําบลท่าตูม อําเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี”


    รายงานการศึกษาในโครงการรณรงค์เพื่ออนาคตอันปลอดสารปรอท เครือข่ายระหว่างประเทศว่าด้วยการกําจัดสารพิษตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อม (International POPs Elimination Network - IPEN) โดยมูลนิธิบูรณะนิเวศ (ประเทศไทย) สมาคมอาร์นิกา (สาธารณรัฐเช็ก) และคณะทํางานด้านโลหะหนัก เครือข่ายระหว่างประเทศว่าด้วยการกําจัดสารพิษตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร - 3 มกราคม 2556

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    http://m.manager.co.th/South/detail/9600000020275
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub
    อียูเละจริงๆนะจะบอกให้

    อียูปั่นป่วนหนักแน่ๆในปีนี้ แต่จะล่มสลายหรือไม่ต้องดูอีกที ในช่วงที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นอนาคตที่มืดมนสำหรับยุโรป

    1. นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางนิโคล่า สเตอร์เจิ้น นายกรัฐมนตรีของสก็อตแลนด์ได้มีการหารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะให้สก๊อตแลนด์ทำประชามติเพื่อขอออกจากเครือจักรภพอังกฤษเป็นครั้งที่2 หลังจากที่อังกฤษจะยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกของอียูอย่างเป็นทางผ่านมาตรา 50ของสนธิสัญญาลิสบอนในช่วงปลายเดือนนี้ สก็อตแลนด์ต้องการคงสถานภาพการเป็นสมาชิกของอียู ส่วนอังกฤษต้องการออก เมื่อสก็อตแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของเครือจักรภาพอังกฤษจึงทำให้เรื่องนี้พันกันนัวเนีย ดังนั้นเมย์ และสเตอร์เจิ้นจึงมีการถกกันว่าจะให้มีการทำประชามติสก็อตแลนด์ออกจากเครื่อจักรภาพอังกฤษรอบ2หรือไม่ หลังจากที่การทำประชามติในปี2014 ปรากฎว่าชาวสก็อตส่วนใหญ่ตัดสินใจอยู่ในเครือจักภาพต่อไป ถ้าจะมีประชามติสก็อตแลนด์ขอแยกตัวจากอังกฤษรอบ2 น่าจะมีขึ้นในปีหน้า
    http://www.independent.co.uk/news/u...nce-referendum-union-uk-britain-a7596881.html

    2.สส.ของดัทช์โหวตอย่างท่วมท้นให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาว่าผลกระทบของการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำของธนาคารกลางของสหภาพยุโรปมีผลกระทบอย่างไรบ้างต่อผู้ออมเงินชาวดัทช์ และนอกจากนี้ยังให้มีการพิจารณาของความเป็นไปได้ที่จะให้เนเธอร์แลนด์ลาออกจากเขตยูโรโซน หรือยกเลิกการใช้เงินสกลุร่วมยูโร โดยจะกลับไปใช้เงินสกุลกีลเดิอร์เดิม ในขณะเดียวกันในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคมนี้ พรรคParty of FreedomของนายGeert Wildersที่มีนโยบายขวาจัดต่อต้านอิสลาม และต่อต้านสหภาพยุโรปกำลังได้รับคะแนนความนิยมสูง และอาจจะชนะการเลือกตั้ง http://www.breitbart.com/london/2017/02/25/netherlands-hold-inquiry-whether-can-ditch-euro/

    3. เกิดเหตุจลาจลเผารถทำลายทรัพย์สินที่กรุงสต็อกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน โดยผู้อพยพมุสลิมที่มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสังคมสวีดิช https://www.rt.com/news/378071-stockholm-riots-police-shots/

    4. นางMarine Le PenจากพรรคNational Frontประกาศว่า ถ้าเธอได้รับเลือกตั้งชนะเป็นประธานาธิบดีในเดือนพฤษภาคมนี้ เธอจะมีนโยบายให้ฝรั่งเศสกลับไปใช้เงินฟรังค์ โดยจะยกเลิกการใช้เงินสกุลร่วมยูโร ที่ช็อคตลาดการเงินคือเธอบอกว่า เธอจะแปลงหนี้สาธารณะของฝรั่งเศส2ล้านล้านยูโร ให้เป็นเงินฟรังค์ของฝรั่งเศส ซึ่งอาจจะทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่ผิดนัดชำระหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์ก็ได้ เพราะว่าไม่มีใครรู้ว่าค่าเงินฟรังค์จะอยู่ที่ใดเมื่อมีการแปลงหนี้ยูโร เป็นเงินฟรังค์ http://www.cnbc.com/2017/02/22/fran...n-history-with-serious-contagion-effects.html

    5. โพลเยอรมันนีชี้ให้เห็นว่า ถ้าหากมี่การเลือกตั้งวันนี้ นายMartin Schulz แห่งพรรคSocial Democratsจะชนะนางแอลเกลล่า เมอร์เกิ้ล ดับความฝันของเมอร์เกิ้ลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี4สมัย เยอรมันนีจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกันยายนนี้ เมื่อไม่มีนางเมอร์เกิ้ลที่เป็นเสาหลักของสหภาพยุโรป อนาคตของยุโรปยิ่งจะมีความไม่แน่นอนสูงขึ้นเนื่องจากกระแสขวาจัดทางการเมืองกำลังมาแรงทั่วยุโรป
    http://gulfnews.com/news/europe/ger...es-social-populist-attack-on-merkel-1.1982258

    thanong
    27/2/2017
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    นักรบฮูติแห่งเยเมนยิงเครื่องิบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศจอร์แดนหนึ่งในพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียตกในพื้นที่จังหวัด Najran ประเทศซาดอุดิอาระเบียใกล้ชายแดนเยเมนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 Press TV และสื่อท้องถิ่นรายงาน ทางกองทัพจอร์แดนยืนยันว่าเครื่องบินรบ F-16 ของตนเองหายไปในซาอุดิอาระเบีย 1 ลำ นักบินดีดตัวออกได้ และเดินทางกลับถึงจอร์แดนแล้ว
    -----------




    http://www.presstv.ir/Detail/2017/0...ooting-down-Jordanian-jet-Saudi-Arabia-Najran
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายกฯ สั่งยกเลิก EIA+EHIA โรงไฟฟ้ากระบี่
    วันจันทร์ 27 กุมภาพันธ์ 2017 7:16 pmการเมือง, ข่าว, ทันเหตุการณ์

    3251.jpg
    นายกฯ สั่งยกเลิก EIA+EHIA โรงไฟฟ้ากระบี่

    -27ก.พ.60- พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดกรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหนังสือไปถึงกระทรวงพลังงาน เพื่อแจ้งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยกเลิกผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ โดยนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงเรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

    “ปัจจุบันมีปัญหาบ้านเมืองมากมายที่รัฐบาลต้องดำเนินการแก้ไขและปฏิรูป เพื่อให้เกิดมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยคำนึงถึงความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับกรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ที่ได้รับฟังเสียงของประชาชนแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่เห็นต่างเปิดใจกว้างรับฟังรัฐบาลด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งยึดหลักกฎหมายเป็นบรรทัดฐานไม่ว่าจะดำเนินการใด ๆ โดยเฉพาะการระดมมวลชนเพื่อชุมนุมเรียกร้องต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย ไม่ให้เกิดลัทธิเอาอย่างจนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้งนี้ หากมีการฝ่าฝืนไม่ว่ากรณีใด ๆ อันก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเฉียบขาด”

    http://www.springnews.co.th/th/2017/02/27756/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    อัพเดทศึกสี่ก๊กสนามรบ Al-Bab ระหว่างกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรีย-ตุรกี-เคิร์ด-ไอซิส
    ----------

    วันที่ 27 ก.พ.60 AMN ของเลบานอนพาดหัวข่าวว่า "กองทัพซีเรียตัดแนวหน้าระหว่างกองทัพตุรกีกับไอซิส - อัพเดทแผนที่" (Syrian Army cuts off frontline between Turkish Army and ISIS – Map update)

    หลังจากปลดปล่อยหมู่บ้านได้หลายสิบแห่งจากการยึดครองของขบวนการก่อการร้ายไอซิสในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาได้แล้ว ขณะนี้กองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรีย (SAA) ได้แยกพื้นที่ทางตะวันออกของจังหวัดอะเลปโปออก ซึ่งเป็นการตัดการเชื่อมต่อระหว่างกองกำลังที่นำโดยตุรกีกับกองกำลังของขบวนการก่อการร้ายไอซิส

    ในทางเทคนิค ยังมีหมู่บ้านขนาดเล็กอีกสองแห่งที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของไอซิส แม้ว่าพวกผู้ก่อการร้ายจีฮาดิสต์เหล่านั้นจะย้ายออกไปจากพื้นที่ก่อนที่จะมีการปิดล้อมแล้ว แต่ก็ได้วางกับระเบิดเอาไว้ด้วย

    กองทัพของฝ่ายรัฐบาลตุรกีและกบฏ FSA ที่โปร-ตุรกีได้ยึดเมือง Al-Bab ไว้เรียบร้อยเมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดการปะทะกันระหว่างฝ่ายตุรกีกับกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียในบางพื้นที่ เนื่องจากฝ่ายตุรกีพยายามจะขยายพื้นที่ยึดครองของตนเองจากทางเหนือลงมายังพื้นที่ยึดครองของกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรีย โดยอ้างว่าเพื่อปราบปรามขบวนการก่อการร้ายไอซิส แม้ว่าในพื้นที่เหล่านั้นจะไม่มีไอซิสเหลืออยู่แล้ว

    ในขณะเดียวกัน กองทัพฝ่ายตุรกีและพวกกบฏซีเรียโปร-ตุรกีก็ปะทะกับกองกำลังชาวเคิร์ดที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ฉากหน้าทั้งฝ่ายรัสเซีย ซีเรีย ตุรกี ต่างก็บอกว่าร่วมมือกันปราบปรามไอซิสในเซีย แต่ในทางปฏิบัติก็คือ ตุรกีพยายามวยึดพื้นที่ในซีเรียโดยเฉพาะฝ่างตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติสให้ได้ทั้งแถบ แต่ต้องเผชิญกับการสะกัดกั้นจากกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรีย และกองกำลังชาวเคิร์ด

    หลังจากที่ฝ่ายตุรกียึดเมือง Al-Bab ได้แล้ว ก็มีความพยายามที่จะไล่ตามไอซิสที่ถอยร่นลงมาทางใต้ และเพื่อขยายพื้นที่อิทธิพลของตนเอง กองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียตัดสินในโจมตีไอซิสจากด้านข้าง (จากตะวันตก) เพื่อตัดเส้นทางหนีของไอซิสและสามารถตีไปถึงแนวหน้าของกองกำลังชาวเคิร์ดที่อยู่ทางเหนือได้สำเร็จ

    ผลก็คือกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียสามารถปิดล้อมไอซิสทางเหนือได้ และสามารถตัดเส้นทางหนีและสนับสนุนของไอซิสจากทางใต้กับทางเหนือได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของกองทัพซีเรียก็คือเพื่อสะกัดกั้นไม่ให้กองทัพของตุรกีขยายพื้นที่อิทธิพลลงมาทางใต้ตามแม่น้ำยูเฟรติสมากกว่านี้

    วันเดียวกันนี้คนใกล้ชิดปธน.แอร์โดกันกล่าวว่า ตุรกีจะหยุดปฏิบัติการ Euphrates Shield หลังจากยึดเมือง Manbij ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังชาวเคิร์ดและสหรัฐแล้วเท่านั้น และอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติสด้วย

    ขณะเดียวันกัน FAR News ของอิหร่านรายงานว่า กองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียก็ขยายแนวรบออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของอะเลปโปด้วยเพื่อปราบไอซิสและตัดเส้นทางของฝ่ายตุรกีที่จะมุ่งหน้าไปยังเมือง Manbij ทั้งฝ่ายตุรกีและฝ่ายรัฐบาลซีเรียต่างก็เสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ ในพื้นที่เหล่านี้กองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียและกองกำลัง SDF ของชาวเคิร์ดไม่ได้เป็นศัตรูกัน

    เมื่อกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียสามารถเชื่อต่อแนวรบด่านหน้าถึงที่ตั้งของกองทัพ SDF ของพวกเคิร์ดได้แล้ว นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการตัดขาดเส้นทางลำเลียงน้ำมันเถื่อนของพวกไอซิสที่จะขนจากซีเรียและอิรัคเข้าไปยังตุรกีด้วย ด้วยเหตุนี้ตุรกีจึงพยายามใช้พวก FSA บุกตีฝ่าแนวปิดกั้นของกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียให้ได้ แต่ซีเรียก็มีกองทัพอากาศของรัสเซียให้การสนับสนุนด้วย ในขณะเดียวกันเคิร์ดก็มีเครื่องบินรบของฝ่ายพันธมิตรนำโดยสหรัฐคอยหนุนหลังด้วยเช่นกัน

    ตอนนี้ภารกิจหลักของกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียในพื้นที่ทางตะวันออกของอะเลปโป ก็คือต้านการรุกของฝ่ายตุรกีให้ได้ และรีบชิงพื้นที่ทางใต้คืนจากพวกไอซิสให้ได้มากที่สุดและอย่างรวดเร็วด้วย

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    28/02/2560
    ----------
    https://www.almasdarnews.com/article/syrian-army-cuts-off-frontline-turkish-army-isis-map-update/
    https://www.almasdarnews.com/articl...forces-vie-control-northern-syria-map-update/
    https://www.almasdarnews.com/article/damascus-opens-trade-route-kurds-northern-syria/
    https://www.almasdarnews.com/article/syrian-army-neutralizes-turkish-backed-troops-near-al-bab/
    https://www.almasdarnews.com/articl...llages-near-al-bab-amid-clashes-turkish-army/
    http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13951209001547
    http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13951209001422
    http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13951209001498
    http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13951209000950
    http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13951209000183
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...