1. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน เล่าให้ฟัง
    การสะสมพระของผมเริ่มขึ้นเมื่อประมาณสัก ๓๐ ปีก่อน เกิดขึ้นจากความเมา แล้วทำพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมกรุเก่าของพ่อหาย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมจึงได้ออกแสวงหาพระสมเด็จบางขุนพรหม แต่ไม่เคยได้พบเจออีกเลย มันคงเป็นวาสนาของใครของมันนะครับ สิ่งที่ผมเช่าในครั้งแรก ไม่ใช่พระหรอกครับ กลับเป็นเพียงเหรียญเสี้ยวเก่า ๆ เหรียญหนึ่งเท่านั้น ในสมัยนั้นอำเภอหนึ่ง จะมีแผงพระอยู่สักแผงสองแผง ส่วนมากมักจะกรอบพระไปในตัว สำหรับพระสมเด็จนั้น มีเกลื่อนกลาด หากประสงค์จะเช่า คงจะเก็บได้เป็นเข่ง แต่ก้อไม่รู้ว่าจะแท้หรือไม่ ดังนั้นผมจึงไม่ยอมเช่าเลย ผ่านมา ๓๐ ปี ผมเช่าพระสมเด็จได้เพียง ๓ องค์เท่านั้น เป็นเรื่องที่ตลกมาก และถือว่าประหยัดเงินมาก จึงใคร่แนะนำความรู้ที่มี อาจจะมีประโยชน์แก่ผู้เริ่มต้นบ้าง
    ความลับในพระเครื่อง
    ๑. อย่าเช่าด้วยความโลภ
    ๒. พระผงจะมีกลิ่นเสมอ จะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับอายุพระ
    ๓. พระแท้ไม่ได้มีมากมาย ยิ่งเป็นพระที่นิยม โอกาสเจอมีน้อยมาก ๆ ส่วนมากมักเป็นของปลอม หากจะเช่าหา ให้พิจารณาความประหลาด
    ๔. ในบรรดาพระเก๊ย่อมมีพระแท้ปะปนเสมอ อาจจะไม่เป็นที่นิยม แต่ก้อนำมาเป็นองค์ครูได้
    ๕. พระเครื่องมีหลากหลาย พยายามเรียนรู้ธรรมชาติ วิวัฒนาการการสร้าง และศิลปะบนองค์พระ ตามยุคตามสมัย
    ๖. ราคาพระเครื่องเป็นสิ่งสมมุติขึ้น เพื่อสร้างกระแส อย่าคาดหวังว่าจะถูกรางวัลที่ ๑ นะครับ เพราะเท่าที่รู้มา พระแท้ไปประกวดแล้วหายบ้าง ให้ราคาถูก ๆ จนเจ้าของพระไม่ยอมขาย ต่อด้วยการล่าพระอีกตังหาก พึงระวังโดยเฉพาะท่านที่ไม่ได้อยู่ในวังวนเซียนพระ
    ๗. รู้จักพอ เมื่อถึงเวลาท่านจะได้พบปฏิหารพระแท้
    ๘. คำว่า นิยม หมายถึง มีมาก ถ้าจะปล่อยต้องรีบปล่อย ไม่อย่างนั้นก้อจะคาเต็มคอ
    ๙. พระบางองค์อาจเป็นของคู่บุญท่าน ควรคิดให้รอบคอบ ชีวิตจะได้ไม่ตกต่ำ
    สุดท้ายนี้ ผมก้อไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว คงจะต้องปล่อยในกระทู้นี้ตกไป และเชิญเจ้าของพื้นที่กลับมาเติมสีสัน ในห้องนี้ได้แล้วครับ
     
  2. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน ดูพระเนื้อชิน
    เรื่องพระสมเด็จวัดระฆังนั้น หากมีผู้ใดตามอ่าน ก้อคงจะรู้แล้วว่า พระพิมพ์ฐานสามชั้น ซึ่งสร้างเพื่อบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ของสมเด็จโตนั้น ท่านสร้างพระจากการกวนยาโบราณ เนื้อพระจะหนึก แก่น้ำอ้อย เมื่อพระถูกใช้งานไป เนื้อพระจะแกร่งหนึก เนื้อพระจะออกไปสีโทนขาวงาช้าง ใครมีพระลักษณะดังกล่าว ก้อสามารถนำไปพิจารณาดูมวลสารในเนื้อพระเอง ท่านก้อจะพบมวลสารดังกล่าว ส่วนพระที่ช่างหลวงทำขึ้น เนื้อพระจะออกแกร่ง แก่ปูน จะพบเศษอิฐ หินขาว เพราะสมเด็จโตท่าน เอาเศษพระซุ้มกอติดย่ามมาไม่มาก ดังนั้น หากใครจะหาพระซุ้มกอ ก้อพิจารณาดินในพระสมเด็จได้เลย พึงจะได้ของแท้แน่นอน สำหรับพระที่สร้างจากปูน เนื้อแกร่ง ๆ การเช่าควรระวังให้มาก เพราะปูนมีอายุเสมอ
    ต่อไปจะกล่าวถึง พระเนื้อชิน เป็นศิลปะทางสุโขทัย ซึ่งมีอยู่หลายกรุด้วยกัน ซึ่งเซียนพระมักจะพยายามกล่าวอ้างว่า มีอยู่ไม่กี่กรุเท่านั้น โดยทั่วไป พระเนื้อชินจะถูกห่อหุ้มด้วยไข เมื่อองค์พระผ่านกาลเวลามานาน ผิวองค์พระก้อจะเกิดคราบสนิม สีเปลือกมังคุด ไล่ระดับกันไป ส่วนภายในองค์พระก้อจะเกิดสนิมเหมือนกัน เกิดเป็นรูเล็ก ๆ ภายในองค์พระ ซึ่งทำให้ไขสามารถซึมเข้าไปในเนื้อพระเช่นกัน สำหรับพระเนื้อชินนั้นได้ขึ้นจากกรุนานแล้ว ปัจจุบันองค์พระจะแลดูมันนิด ๆ มีฟิลม์บาง ๆ เคลือบผิว เนื้อพระจะออกโทนสีเปลือกมังคุด วิธีการทดสอบ ว่าเก่าจริงหรือเปล่า ให้เอาผ้าเช็ดองค์พระดู หลังจากนั้นให้นำพระใส่กรอบแล้วนำไปตากแดด เมื่ออุณหภูมิขององค์พระสูงขึ้น ไขที่อยู่ในองค์พระจะละลายออกมาให้เห็นในลักษณะเยิ้ม ให้ท่านนำพระกลับเข้าร่ม อุณหภูมิขององค์พระจะค่อย ๆ เย็นลง ไขก้อจะกลับเข้าสู่องค์พระเช่นเดิม นี้คือพระเนื้อชินเก่าแท้แน่นอน ลองไปทดลองทำดูนะคับ หากผิดลักษณะที่ว่านี้ ท่านต้องทำใจแล้วล่ะครับ ขอให้โชคดี ได้พบพระขุนพลเสียที 1476.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1476.jpg
      1476.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.8 KB
      เปิดดู:
      99
    • 1477.jpg
      1477.jpg
      ขนาดไฟล์:
      126.9 KB
      เปิดดู:
      194
  3. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน พระสกุลลำพูน
    หากจะกล่าวถึงพระสกุลลำพูนนั้น คงจะต้องยกให้พระรอดมหาวัน แต่สืบไปสืบมา พบว่า เป็นพระมาจากพม่ารามัญ สร้างกันที่เมืองพุกาม นำเข้ามาสร้างในสมัยพญามังราย หรือพ่อขุนเม็งราย ผู้ซึ่งรวบรวมอาณาจักรลานนา ซึ่งตรียัมปวาย เห็นว่านึกว่าเป็นพระเก่าแก่แห่งสกุลช่างหริภุณไชย จึงจัดให้เป็นหนึ่งในเบญจภาคี แต่หากสืบค้นไปอีก ก้อจะพบหนังสือ ตำนานพระพิมพ์ ซึ่งบันทึกโดย ศาสตราจารย์ ยอช เซเดส์ ได้กล่าวถึง พระเครื่องขนาดเล็กที่เก่าแก่ที่สุด แบบที่ ๖ ซึ่งพบที่วัดพระคง เป็นพระพิมพ์พระพุทธเจ้าประทับนั่งใต้บังลังโพธิพฤษก ชาวบ้านเรียกขานนามว่า พระอยู่คง แต่ไม่ได้แสดงรูปให้ดู ซึ่งเนื้อหาองค์พระน่าจะเก่ากว่า พระที่มาจากเมืองพุกาม ซึ่งโพธิพฤกษ ถือได้ว่า เป็นต้นแบบศิลปะของสกุลช่างหริภุณไชย จึงนำมาแสดงไว้ป้องกันข้อครหา ว่ามิมีเอกลักษณะของหริภุณไชยจริง ๆ คงกระพันนารี.jpg คงกระพันนารี2.jpg 5209.jpg
    หลังจากพญามังรายหรือพ่อขุนเม็งราย ได้ปกครองหริภูญไชยแล้ว มีการสร้างพระรอดล้านนาขึ้นมาใหม่ เป็นศิลปะลูกผสม พบได้ทั่วไป ตามอาณาบริเวณดินแดนล้านนา 5203.jpg 5208.jpg 5211.jpg
    หวังไว้ท่านคงจะเข้าใจนะคับ
     
  4. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน ปลาหมอตายเพราะปาก
    ในบรรดาพระเครื่องในประเทศไทย พระสกุลลำพูน ซึ่งมีการแกะลวดลายเป็นใบโพธิฤกษ์ ถือว่าเป็นงานสร้างพระเครื่องได้วิจิตรที่สุด ละเอียดอ่อน และสมดุลย์อย่างยิ่ง การใช้ตาเปล่าพินิจพิจารณาย่อมมองไม่เห็นชัดถึงความละเอียดได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้แว่นขยายในการพินิจพิจารณา จึงจะเห็นความละเอียด อ่อนช้อยในเชิงช่าง แต่ในทางกลับกัน ช่างแกะพระก้อต้องใช้แว่นขยายเหมือนกันในการสรรสร้าง แล้วแว่นขยายน่าจะมาจากไหนกัน หากจะพิจารณาความเป็นไปได้ คำตอบคงต้องมาจากจีนเป็นแน่ เนื่องจากในสมัยโบราณ จีนมีความก้าวหน้าทางวิทยาการสูง บรรดาเจ้าเมืองผู้ปกครองแว่นแคว้นต่าง ๆ มักส่งคนไปศึกษาเล่าเรียนที่จีนเป็นส่วนมาก แต่คนที่แกะพระคงได้ต้องถือว่า ไม่ธรรมดา อย่างน้อยต้องเป็นบรมครูในด้านงานแกะโดยตรง ทำให้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะพบในดินแดนสุวรรณภูมิ หากจะสืบดูเหตุการณ์ในอดีตพบว่า ในกลางปีพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เจ่งกีสข่านแห่งมองโกเลีย ได้เข้ารุกรานจีน และยึดได้เมืองหลวงของจีน มีการเข่นฆ่าอย่างมโหราญ อันพอจะเป็นชนวนเหตุให้ช่างหลวงของจีน เกิดการอพยบหนีตายเข้ามายังดินแดนสุวรรณภูมิ ประกอบกับในช่วงเวลานั้น ดินแดนแถบสุวรรณภูมิ เกิดเหตุอาเภท แผ่นดินไหวรุนแรงและบ่อยครั้ง เจ้าเมืองผู้ครองนคร กับสมณะ คงจะมีกุศโลบาย สร้างพระบรรจุกรุ เพื่อแก้เคล็ด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวประชา จึงพออนุมานว่า การกำเนิดของพระเครื่องน่าจะเริ่มในปลายศตวรรษที่ ๑๗ นั่นเอง สำหรับพื้นที่ประเทศไทยแล้ว การสร้างพระขนาดเล็กคงจะเริ่มที่ภาคเหนือเป็นลำดับแรก หากจะนำพระเครื่องในโซนภาคเหนือมาวิเคราะห์อายุทั้งหมด คงต้องยกให้กับพระคงดำลำพูนนั่นเอง สำหรับผู้ที่ศึกษาพระคง จะพบว่าพระคงจะมีอยู่พิมพ์เดียวเท่านั้น ในแรกเริ่มน่าจะสร้าง พระอยู่คง เนื้อว่าน กับพระคงโค่ง(พระคงใหญ่)เนื้อแกร่งแข็ง ซึ่งพระคงโค่งสามารถนำมาเป็นแม่พิมพ์พระตัวผู้ได้ ซึ่งหากผู้ใดประสงค์จะสร้างพระคงบรรจุกรุ จำเป็นต้องหาพระคงโค่งดำเสมอ ซึ่งหลังจากสร้างพระเสร็จแล้วมักจะพบว่ามีการบรรจุพระคงดำรวมไว้ด้วย กรุละองค์สององค์ และผมคิดว่าคงไม่มีใครที่คิดจะแกะพระคงขึ้นมาใหม่เป็นแน่แท้ การเช่าหาก้อดูอายุจากดินเป็นสำคัญ โดยสรุปอายุพระน่าจะก่อนเมืองเชียงใหม่เล็กน้อย ก้อประมาณ ๘๐๐ ปี ส่วนใครที่คิดว่าอายุมากกว่านั้น คงต้องไปหาใบรับรองมาแสดงแล้วกระมัง เห็นไปหาตั้งแต่ปี ๕๘ ปัจจุบัน เงียบกริบ ยิ่งมีระบุว่าอายุประมาณ ๑,๒๐๐ ปีขึ้นไปแล้วนั้น ได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยของนักสะสมยิ่งนัก ให้พึงระวัง ปลาหมอตายเพราะปาก
     
  5. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน พระคงโค่ง
    พระคงโค่ง หรือพระคง พระบาง ที่เรียกกันในปัจจุบัน มีการอยู่พิมพ์เดียว โดยสังเกตุจากตำแหน่งของใบโพธิ์ แต่มีการปั๊มซ้ำหลายครั้ง เมื่อแม่พิมพ์ไม่ชัด ก้อพยายามแกะเพิ่ม มีหลายเซียนพยายามชี้ตำหนิ แต่พระคงนั้นมีหลายกรุ หากจะว่า พระคงกรุอื่นเก๊คงดูกระไร มาลองทัศนาพระผมดู ว่าพอจะดีไหม แต่เนื่องจาก องค์พระได้ผ่านกาลเวลามานาน ตลอดจนการใช้บ้าง ย่อมทำให้ความชัดเจนบางส่วนขาดหายไป แต่คิดว่า คงพอจะดูกันได้ ซึ่งพระคงนั้น โดยหลักแล้ว มีกำไลมือ กำไลเท้า อย่างละ ๒ วง แถมมีหัวแม่มือด้านซ้ายงอเข้าหาลำตัว จึงจะถือว่าเป็นพิมพ์ที่สมบูรณ์แห่งพระคง
    ภาพนิ่ง1.JPG ภาพนิ่ง2.JPG ภาพนิ่ง4.JPG ลูกตาอยู่ด้านข้าง
    ภาพนิ่ง3.JPG
    จมูกโด่งเชียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    เป็นกำลังใจให้นะครับ หาเรื่องมาเล่าบ่อยๆ ตอนนี้ตามอ่านหน้าแรกอยู่
    หาเรื่องก่อนเดี๋ยวมาแชร์ด้วยนะครับ
     
  7. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ขอบคุณครับ ที่เข้ามาคอมเม้นท์ให้
     
  8. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน พระเนื้อดำ

    พระเนื้อดำ จัดว่าเป็นพระที่มีความประหลาด อาจจะทำให้หลายคนเข้าใจว่า เป็นพระเนื้อดินเผาชนิดพิเศษ แต่จริง ๆ แล้ว พระเนื้อดำไม่ได้ผ่านการเผาเลย และมีสูตรการสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งโดยปกติสูตรและตำราการสร้างมักมีการถ่ายทอดกันอยู่แล้วในหมู่พระสงฆ์ และผมสันนิฐานว่า เป็นสูตรการสร้างพระเครื่องในยุคแรกเริ่ม ท่านจะพบพระเนื้อดำ ตามกรุพระเนื้อดินเผาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพระสกุลลำพูนในยุคแรก พระซุ้มกอ พระผงสุพรรณ หรือ พระนางพญา โดยมีอายุไล่เลียงไปตามลำดับ ประหนึ่งคล้ายกับการทำแม่พิมพ์พระตัวผู้ เพราะพระเนื้อดำที่พบ จะมีลักษณะความคมชัดสูง ความสมบูรณ์ของพุทธศิลป์ชัดเจนมาก กว่าพระเนื้อดินเผา ตลอดจน การมีลักษณะเนื้อพระแกร่ง มีความมัน สีดำสนิท ซึ่งหากมองผิวเผินก้อจะคล้ายกับพลาสติก แต่กลับมีน้ำหนักตึงมือเล็กน้อย และยิ่งทำการขูดดูเนื้อกลับไม่เหมือนพลาสติกซึ่งปกติมักจะฟูเป็นใย ทำให้ผมคิดว่า คงจะมีส่วนผสมของยางรักสีดำอยู่ร่วมด้วยเป็นแน่ สำหรับของดำ มักสร้างเพื่อบูชาพระราหู ดังจะเห็นจากความเชื่อในปัจจุบันที่สืบทอดกันมา ด้วยปัจจัยที่สร้างพระเนื้อดำ ก้อเพื่อแก้ไขอาเภท อันเกิดจากภัยพิบัติตามธรรมชาติ ได้แก่ แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ตามเคยได้กล่าวไว้ จนอาจจะกล่าวว่า พระเนื้อดำ ก้อคือ แม่พิมพ์องค์ครูนั่นเอง
     
  9. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน พระกรุเนื้อดินโบราณ

    ๑. พระกรุต้องมีคราบกรุ

    แม่ผมเล่าให้ฟังว่า สมัยตอนที่ยังเป็นเด็ก มักไปหาฟืนแถวกู่เจดีย์เก่า และได้พบเห็นพระเครื่องกระจัดกระจายอยู่ตามลานวัดเต็มไปหมด ครั้นใครเก็บมาบูชาที่บ้าน มักไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะมักจะมีสุนัขเห่าหอนทั้งคืน จนต้องนำกลับไปไว้ที่เดิม ดั่งเช่นบันทึกของ ศาสตราจารย์ ยอช เซเดส์ ที่กล่าวไว้ว่า หากใครมีบุญไปเขี่ยดินแถวบริเวณวัดพระคง ก้อจะได้พบพระอยู่คง จึงสามารถกล่าวได้ว่า พระเครื่องกรุเนื้อดินได้กระจัดกระจายอยู่ตามบนพื้นดินเป็นเวลานานแล้วหลายร้อยปี ย่อมทำให้ดินแทรกซึมไปอยู่ตามเนื้อพระ ยากที่จะทำให้สะอาดหมดจดโดยง่าย ย่อมปรากฏคราบกรุเสมอ ถึงแม้ว่าองค์พระนั้นจะขึ้นจากกรุนานแล้ว ให้ดูในซอกลึก ๆ เพราะองค์พระปนอยู่กับดินหลายร้อยปี

    ๒. เป็นพระเนื้อดินเผาเคลือบผิว

    การสร้างพระด้วยดินและว่าน มีความจำเป็นต้องเผาด้วยไฟให้สุกก่อน เพราะถ้าไม่ได้เผาด้วยไฟ จะทำให้องค์พระละลายซึ่งไม่ใช่ลักษณะพระกรุเนื้อดิน หลังจากเนื้อพระแกร่งดีแล้ว ก้อจะนำไปแช่น้ำว่านเพื่อเคลือบผิว หรือทายางรัก เพื่อรักษาผิวองค์พระก่อนนำไปบรรจุกรุเสมอ

    ๓. ต้องเป็นพระที่มีปีก

    ปีกพระเกิดจากการกำหนดตำแหน่งกรอบเส้นแม่พิมพ์การแกะพระให้อยู่ภายในเส้นกรอบ ทำให้มีพื้นที่เหลือจากการแกะองค์พระ ซึ่งจะยื่นออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยจะทำให้องค์รวมเกิดความสมดุลแลดูสวยงาม

    ๔. ลายนิ้วมือ

    ลายนิ้วมือมักพบในตำแหน่งด้านหลังองค์พระ กับด้านฐานพระ เกิดจากการกดพิมพ์และงัดพระออกจากแม่พิมพ์ ซึ่งจะต้องมีทุกองค์ อาจจะติดหนาบางไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความอ่อนนิ่มของดินที่นำมากดพระ

    ๕. อายุพระ

    เนื่องจากมีการบรรจุเป็นพระกรุที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปี จึงมีการซ่อมสร้าง และบูรณะกันหลายครั้งหลายคราว ก่อให้เกิดศิลปะซ้อนศิลปะขึ้นภายในกรุ การศึกษาจำเป็นต้องอาศัยการเทียบเนื้อเท่านั้น จึงจะรู้ว่าองค์ใดเก่ากว่ากัน แต่โดยหลักแล้ว ของที่เก่ากว่าจะมีลักษณะที่เป็นจิตนาการเกี่ยวกับเทพเจ้าก่อน ต่อมาภายหลังจึงมีลักษณะศิลปะคล้ายมนุษย์มากขึ้น อย่างไรก้อตาม เนื่องจากมีพระเนื้อดำปรากฏอยู่ร่วมภายในกรุเสมอ และสามารถนำมาทำเป็นแม่พิมพ์ตัวผู้ได้ จึงต้องพิจารณาเนื้อพระดูอีกครั้งหนึ่งเสมอ ซึ่งจากการสังเกต ของที่เก่ากว่า ดวงตาจะอยู่ด้านข้าง ส่วนที่อายุน้อยกว่า ดวงตาจะอยู่ด้านหน้า

    ๖. การแยกพระตามกรุ

    พระเนื้อดินส่วนใหญ่ กำเนิดจากแม่พิมพ์ตัวเดียวกันเป็นส่วนมาก ในการที่จะแยกพระตามกรุที่พบนั้น ต้องอาศัยหลักการพิจารณาจากเนื้อพระเป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งจะไม่ขอลงไปในรายละเอียด เพราะพระมีหลายกรุ อีกทั้งเนื้อหาก้อใกล้เคียงกันมาก หากต้องการจำแนกจำเป็นต้องอาศัยผู้ชำนาญเฉพาะท้องถิ่นเท่านั้น

    ๗. เรื่องการสร้างพระบรรจุ จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ เป็นเรื่องที่มโนกันขึ้นมาเอง ซึ่งอาจจะมีเพียงพระที่สร้างในยุคหลัง ๆ นี้เท่านั้น เพราะหากครั้งเริ่มแรกสร้างกันขนาดนี้ พระเครื่องคงเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด เพราะมีพระเครื่องบรรจุแทบทุกเจดีย์ที่เก่าแก่

    ๘. พระปลอม

    พระปลอมนี้มีการปลอมมานานแล้ว เนื่องจาก คนกรุงเทพก้ออยากได้พระกรุ คนบ้านนอกก้ออยากได้พระสมเด็จ เรียกได้ว่า ต่างคนต่างปลอม คงไม่ต้องไปโทษใคร ให้พิจารณาจากข้อ ๑. เป็นสำคัญ และพระแท้ส่วนมากมักสึกเสมอ เพราะว่า มีพระดีแล้วไม่ได้ใช้ ก้อไม่รู้จะหาไว้ทำไม ส่วนพระปลอมหากเหลือมากก้อนำไปไว้วัดเช่นกัน อย่าคิดมาก

    ๙. ลักษณะพระแท้ที่เก่า จะดูเหลื่อมๆ มีราศีเสมอ หากได้เอามือลูบดู หรืออาจทดสอบด้วยการหยดน้ำ น้ำจะแห้งไวมาก และเมื่อนำไปฉีดน้ำแล้วคราบกรุจะไม่ละลายหลุดร่อน พร้อมกันนี้ท่านอาจพบเม็ดเงิน เม็ดทอง ตามผิวพระ จึงเป็นลักษณะพระเครื่องโบราณที่ถูกต้องเสมอ
     
  10. พรหมธรรม

    พรหมธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +496
    มีข้อคิดดีๆ มีประโยชน์ ขอบคุณครับ
     
  11. ์ITTILIT

    ์ITTILIT Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +39
    แล้วพระสมเด็จองค์นี้ เป็นของวัดระฆังรึเปล่าครับ แท้หรือทำขึ้นครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1059.jpg
      DSC_1059.jpg
      ขนาดไฟล์:
      398.1 KB
      เปิดดู:
      188
    • DSC_1544.jpg
      DSC_1544.jpg
      ขนาดไฟล์:
      204.5 KB
      เปิดดู:
      128
    • DSC_1554b.jpg
      DSC_1554b.jpg
      ขนาดไฟล์:
      239.7 KB
      เปิดดู:
      169
    • DSC_1556b.jpg
      DSC_1556b.jpg
      ขนาดไฟล์:
      470.9 KB
      เปิดดู:
      178
  12. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    พระองค์นี้ขาดศิลปะช่างหลวง ความคมชัดไม่ค่อยมี ลักษณะทำผิวสองชั้น จะว่าเป็นคราบกรุก้อไม่ใช่ ส่วนการลงรักปิดทองนั้น นิยมลงชาด ลงรักก่อนปิดทอง เพื่อรักษาองค์พระ อันที่จริงพระสมเด็จของวัดระฆัง ส่วนมากถูกนำไปทำยารักษาโรคอหิวาต์ระบาด ของแท้ ๆ จะเหลืออยู่น้อยมาก ผมเป็นคนสะสมดูพระสายเนื้อ การดูพระเครื่องต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พิจารณา ไม่มีของแท้และของเทียมในองค์เดียวกันเสมอ แต่โดยมาก พระแท้จะดูง่ายและเนื้อพระจะสัมพันธ์กับกาลเวลา แต่เราจะต้องรู้ก่อนว่าเขาใช้อะไรสร้าง ถ้าเนื้อหาใช่ เดียวพิมพ์ก้อตามมาเอง สำหรับเรื่องความเข้าใจที่ผิดพลาด ถือว่าเป็นธรรมดาของนักสะสมทุกคน จะต้องยอมรับ คิดซะว่า ผิดเป็นครูครับ
     
  13. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน ถึงบางอ้อ

    สำหรับผู้ที่ติดตามอ่าน คงจะรู้แล้วว่า พระรอดลำพูน มาจากคำว่า พระฤาษีนารอด นั่นเอง ซึ่งหลังจากผมได้ศึกษาพระสมเด็จ พระสกุลลำพูน อันได้แก่ พระคงโค่งและพระรอดลำพูนจนเข้าใจดีแล้ว ผมก้อเริ่มหาพระอื่น ๆ เข้ามาศึกษาบ้าง โดยมุ่งประเด็นไปที่พระเนื้อดำเป็นหลัก ตามความเข้าใจของผม และผมมีความเชื่อว่า ของแท้ดั้งเดิม มันหายาก และเซียนพระก้อจะนิยมของกลาง ๆ เพราะมีปริมาณมากพอให้หมุนเวียนเล่น ทั้งนี้ ตรียัมปวายก้อยังไม่ได้ศึกษาพระเนื้อดำอย่างจริงจัง นั่นย่อมเป็นโอกาสทอง และผมเชื่อว่าพระรุ่นแรกมักเป็นพระเนื้อดำที่มีปริมาณน้อย จึงถูกมองข้ามเสมอ

    ไม่ทราบว่า ท่านใดเคยศึกษาพระสมเด็จนางพญาบ้างครับ ซึ่งในตอนนี้ ผมจะนำท่านเข้ามาศึกษา พระสมเด็จนางพญา ตำราโบราณ กล่าวไว้ว่า สมเด็จนางพญา หูยานถึงบ่า หนาเท่าเส้นตอก หักศอกเป็นเบ็ดกุ้ง

    คำถามแรกของผม ทำไมเขาถึงไม่เรียกว่า พระสามเหลี่ยม กลับเรียกว่า สมเด็จนางพญา ซึ่งจากการพิจารณาของผม การเรียกชื่อพระแบบนี้ คงต้องหมายถึง องค์พระจะต้องมีลักษณะเป็นผู้หญิงชัดเจนแน่นอน คำตอบคือ ลักษณะมวยผมนั่นเอง ข้อต่อมา ทำไมถึงต้องหนาเท่าเส้นตอก ซึ่งปกติ พระเนื้อดินกรุอื่น ไม่มีการกล่าวถึงความหนาขององค์พระสักกรุ แถมลักษณะ สมเด็จนางพญาที่เล่นหากันอยู่ มันมีความหนาที่ผิดปกติจากการสร้างพระเนื้อดินทั่วไป จนกระทั่ง ผมบังเอิญได้พระสมเด็จนางพญาเนื้อดำ จึงได้รู้ว่า เหตุที่องค์พระหนาก้อเพราะใส่กริ่งไว้นั่นเอง ดังนั้น เมื่อต้นฉบับ องค์พระหนา การปั๊มซ้ำย่อมหนาตามของเดิมเป็นธรรมดา จึงทำให้ผมถึงบางอ้อเลย เพราะว่า สมเด็จนางพญา เป็นพระกริ่ง ครับ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ ลองหาพระมาศึกษาดูก้อแล้วกัน และรูปพระจะลงให้ดูวันหลังนะครับ
     
  14. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ลองพิจารณาพระตามรูปดูนะครับ ช่วงนี้แสงสว่างไม่ค่อยมี องค์นี้เป็นพระกริ่งนะครับ
    ภาพนิ่ง1.JPG รูปนี้ติดเกล็ดเงินหน้าพระครับ ภาพนิ่ง2.JPG ภาพนิ่ง3.JPG
     
  15. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน วิเคราะห์พระเนื้อดำ
    สำหรับพระเนื้อดำนั้น บางท่านก้อว่าผ่านการเผา แถมเผาแล้ว เนื้อพระยังเหี่ยวอีกตังหาก สำหรับผมแล้ว นึกไม่ออกว่าเขาสร้างพระกันอย่างไร อันที่จริงพระเครื่องเขาก้อสร้างกันธรรมดา ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย เริ่มจากแกะแม่พิมพ์ ผสมมวลสาร แล้วก้อนำวัสดุไปปั๊มหรือหล่อ หากเป็นพระเนื้อดินก้อนำไปเผาให้แกร่งเพื่อคงรูป นึกดูแล้วแล้ว วิธีการก้อไม่ได้ยุ่งยากอะไร คงมีแต่พระของบรรดาเซียน มันพิสดาร ราวกับว่า มีมนุษย์ต่างด้าวมาสร้างพระให้ เรามาวิเคราะห์กันดีกว่า ว่าจะมีจริงหรือไม่
    ประเด็นแรก พระเครื่องเมื่อปั๊มพระเสร็จแล้ว ตากแห้งแล้วเอาเข้าเตาเผา แล้วพระที่ได้จะเนื้อดำ(ดำนอกดำใน) มีจริงหรือ
    คำตอบ คือ ได้ ถ้าพระนั้นสร้างจากไม้ คือ ถ่านไม้ แต่ไม่มีความคงทน หากเป็นดินผสมว่าน จะเผาอย่างไรมันก้อไม่ดำจริง ๆ ยิ่งเผานานมากเท่าไหร่ เนื้อพระจะแดงมากขึ้นเท่านั้น สังเกตได้จากอิฐ ส่วนวัสดุอื่น คงไม่มี นอกเสียจากจะแกะพระทั้งองค์แล้วเอาเข้าเตา เช่น สร้างพระจากหินอุกาบาต แต่ผิวพระจะพรุ ส่วนมวลสารที่เซียนท่านมโนไว้นั้น ถ้าเราสามารถหลอมวัสดุได้ขนาดนั้น เราคงไม่ถูกพม่ายึดหรอกครับ แค่หลอมปืนใหญ่ยังแตก ฤาจะมีปัญญาสร้างเตาหลอมสูงๆได้อีกหรือ
    ประเด็นที่สอง พระเนื้อดินที่ผ่านการเผาแล้ว ดินเหี่ยว มันก้อแปลกดี การที่เขาเอาพระเข้าเตาเผา ก้อเพื่อให้พระคงรูป ผลออกมา เนื้อพระจะต้องแกร่ง เพราะเวลาผมไปเที่ยวโบราณสถาน มองดูอิฐเก่า ๆ ไม่เคยเห็นอิฐก้อนไหนมันเหี่ยว มีแต่แตก หรือกะเทาะ แค่นั้น ยกเว้น พระไม่ได้เผาถึงจะเหี่ยวได้ เหี่ยวกับย่นไม่เหมือนกันนะครับ พระที่ดูย่นเกิดจากน้ำว่านเคลือบนะครับ
    ประเด็นที่สาม พระเนื้อดำที่ผ่านการเผาแล้ว ยังสามารถมีความมันได้อีก นี่สุดยอด สงสัยเขาคงสร้างพระเนื้อชินมากกว่าเนื้อดำ เพราะว่า เมื่อเผาเสร็จแล้วต้องนำไปแช่น้ำมันให้มีความมันอีก อนึ่งความมันก้อคือน้ำมันดี ๆ นี่เอง
    ประเด็นที่สี่ ถ้าเผาวัสดุเสียก่อน แล้วนำไปขึ้นรูป ดั่งเช่น พระผงใบลาน ไม่จำเป็นต้องเผาซ้ำ อันนี้มีการสร้างได้จริง
    ประเด็นสุดท้าย เราอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง การเรียนรู้ทุกสิ่ง ต้องสามารถอธิบายด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้เสมอ ถ้าตอบคำถามได้ จะเกิดการยอมรับเอง
    สรุปแล้ว การสร้างพระเนื้อดำ ใช้อะไรสร้าง อุณภูมิในห้องเผาอย่างน้อยต้องเท่าไหร่สำหรับมวลสารเซียน ให้ดำได้ทั้งองค์ และมีความมัน แถมยังเหี่ยวได้ คงรูปก้อได้ด้วย เป็นพระมหัศจรรย์แท้ ๆ แต่สำหรับผมแล้ว พระเนื้อดำ เป็นพระที่ไม่ผ่านการเผาจะดีกว่า การที่องค์พระมีความมันก้อเพราะผสมยางรักดำ ผงใบลาน ผงว่าน และดินเหนียว ผ่านการเคี่ยวผสมกัน แล้วนำมาปั๊มพิมพ์ จึงพอจะอธิบายความได้ดี
     
  16. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน ศึกษาพระรอดประหลาด

    พระรอด กล่าวกันว่า สร้างในสมัยพระนางจามเทวี อายุน่าจะ 1300 ปี มีตำนานการสร้างว่า ต้องเผาไฟไว้ถึง 7 วัน 7 คืน แล้วนำมาแช่น้ำว่านไว้ สำหรับประวัติการพบพระรอดนั้น ต้องขุดหาบริเวณพื้นที่โดยรอบเจดีย์ จะพบพระรอดกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นดิน ก้อด้วยมาจากมีการบรรจุพระรอดไว้ต้องปล้องยอดเจดีย์ เมื่อเจดีย์หัก จึงพบพระกระจัดกระจาย สำหรับผู้ที่ศึกษาพระรอด คือ ตรียัมปวาย กล่าวว่า มีการสร้างพระรอดอยู่หลายครั้ง ซึ่งตำราดังกล่าว ผมไม่มี แต่ได้พบข้อความว่า หน้าพระรอด คล้ายกับตั๊กแตน เงยหน้าเล็กน้อย ส่วนความเห็นของคนในพื้นที่ จะกล่าวกันว่า เนื้อพระรอด จะกรีดกระจกเป็นรอยได้ เริ่มวิเคราะห์ว่าองค์นี้ใช่หรือเปล่า ครับ 5206.jpg


    ๑. พระรอดนั้นส่วนประกอบหลักคือดิน ผ่านการเผาถึง 7 วัน 7 คืน เนื้อพระจึงแกร่งเป็นหิน กรีดกระจกเป็นรอยได้ ก้อเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ได้ทดลองกรีดกระจกน้ำหนักพอตึงมือ กลัวพระหัก พบว่า เสียงกรีดกระจก กังวานมาก เพราะเนื้อพระแกร่งจัด พระไม่มีรอยบิ่น

    ๒. เนื้อพระรอด ส่วนใหญ่สร้างจากดิน ผ่านการเผาถึง 7 วัน 7 คืน ควรจะสีอะไร ผลที่ได้ คือ สีส้ม ถึง แดง เพราะเนื้อพระสุกจัด องค์นี้สีส้ม

    ๓. พระรอดพบกระจัดกระจายจึงต้องขุดหา ทำให้ต้องปรากฏร่องรอยการขุดหาที่องค์พระบ้าง เมื่อผังดิน ก้อต้องพบคราบดินปะปนกับผิวพระบ้าง มีครบ

    ๔. องค์นี้หน้าตาก้อคล้ายกับความเห็นของ ตรียัมปวาย เข้าลักษณะ หน้าตั๊กแตน เงยหน้า

    ๕. รูปแบบวิธีการสร้าง ดูเรียบร้อย สวยงาม สมกับเป็นงานช่างหลวง

    ๖. พระเนื้อดิน สูตรโบราณ มักเคลือบผิวด้วยน้ำว่าน องค์นี้มี

    ได้ผลลัพธ์ 100 % เป็น พระรอดจามเทวี

    แต่ข้อสุดท้ายนี้สำคัญมาก เซียนใหญ่ มีหรือเปล่า คำตอบคือ ไม่มี สรุปได้ว่า องค์นี้เก๊ ครับ จบข่าว ใครชอบก้อศึกษาเอานะครับ แสงสว่างไม่ค่อยมีครับ องค์เดียวกัน สงสัยกระทู้นี้ข้อมูลน่าจะเต็ม อัพรูปไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2017
  17. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ปรับขนาดภาพได้แล้วครับ พระไม่ได้ล้างให้นะครับ ตามสภาพ ภาพนิ่ง2.JPG ภาพนิ่ง1.JPG ภาพนิ่ง3.JPG ภาพนิ่ง4.JPG ภาพนิ่ง5.JPG
     
  18. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน ถอดปริศนาคงดำ

    ประวัติการพบพระคงดำ พระคงดำจะถูกพบปะปนกับพระคงเนื้อดินตามกรุต่าง ๆ กรุละองค์สององค์ และไม่เคยได้พบในปริมาณมาก แต่พระคงดำนั้นกลับมีชื่อเสียง เนื่องจากได้รับเกียรติสูงสุดจากบรรดาพระกรุที่ค้นพบในสมัยของรัชกาลที่ ๕ โดยนำไปบรรจุบนยอดธงชัยเฉลิมพลผืนแรก ในคราวสงครามปราบฮ่อ ครั้งที่ ๓ ตามบันทึกเรื่องเล่าเมืองอุตรดิตถ์

    สำหรับพระคงนั้น ผู้ที่ศึกษาศิลปะพระเครื่อง นักวิชาการ ตลอดจนบรรดาเซียนพระผู้เชี่ยวชาญ ต่างให้ความเห็นเกี่ยวกับพระคงว่า ลักษณะพระคงมีใบโพธิ์จะเห็นชัดเจน แต่ในส่วนของตัวองค์พระคงนั้น กลับมีลักษณะที่ไม่ชัดเจน น่าจะเป็นการสร้างแม่พิมพ์พระจากองค์พระที่มีอยู่แล้ว โดยสันนิฐานว่า พระคงน่าจะกำเนิดจากพระคงองค์เดียว บางท่านก้อให้ความเห็นต่อไปอีกว่า น่าจะเป็นพระที่แกะจากหินอุกบาตร

    จากข้อมูลดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า พระคงดำ นั้น ต้องเป็นพระรุ่นแรก จึงจะได้รับเกียรติในการบรรจุบนยอดธง แถมซ้ำยังเป็นพระต้นพิมพ์อีกตังหาก ส่วนที่ว่าสร้างจากหินอุกบาตรนั้น คงจะเป็นเรื่องตลก เพราะรายละเอียดของพระคงนั้นทำได้ค่อนข้างยาก อีกทั้งอุปกรณ์ที่จะสามารถใช้แกะของที่แข็ง ๆ ขนาดเล็ก ๆ ยังไม่สมควรที่จะสามารถประดิษฐ์ได้ในสมัยนั้น หรือหากแกะได้ ด้วยความเป็นหิน การกระเทาะของผิว ย่อมทำให้ความคมชัดมีน้อย จึงยิ่งเป็นไปไม่ได้ แล้วทำไมพระคงถึงเป็นอย่างนั้น ลองคิดกันดูนะครับ

    สุดท้าย สำหรับผู้ที่ต้องการจะตามหาคงดำ คงต้องพิจารณาจากศิลปะ เนื้อพระ และความเก่า เท่านั้น จึงจะพบคงดำ ซึ่งบางทีอาจจะอยู่กับคุณแล้วก้อได้ แต่คุณดูไม่เป็นเอง โชคดีครับ
     
  19. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน เหนือกว่าเซียน

    ในยุคที่เซียนเก๊เกลื่อนกลาด เซียนแท้หรือเกจิอาจารย์หลบลี้หนีหลาย ทำให้นักสะสมหลายคนเริ่มทาง บ้างเอาพระเก่าให้ดู ก้อว่า เก๊มั่ง ผิดพิมพ์มั่ง ไม่เก่ามั่ง เอาแต่พระตัวเองแท้อย่างเดียว นึกแล้วก้อรู้สึก หดหู่ชอบกล ทำตัวราวกับตัวเองเกิดทัน เห็นเขาสร้าง เพราะองค์ไหนๆก้อไม่ใช่ ฤาไม่ใช่พระที่ตนสร้างเองกับมือ ถึงจะใช่ ปวดใจดีเหมือนกัน ขีนเช่าไป วันนี้ใช่ พรุ่งอาจจะไม่ใช่ ทำให้มึน ๆ งง ๆ กับบรรดายอดเซียน สุดท้ายแล้วควรจะทำอย่างไร ในเมื่อใจมันศรัทธา อันที่จริง คนที่ศรัทธาในพระเครื่องนั้น ย่อมมีความเชื่อในบรรดาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์อยู่แล้ว สำหรับเรื่องภูตผีปีศาจ ย่อมจะต้องมีความเชื่ออยู่บ้าง เป็นธรรมดา ฤาท่านว่าจะไม่เชื่อเลย ซึ่งในบรรดาความเชื่อนั้น มีอยู่อย่างหนึ่ง ที่คนทางภาคเหนือ ภาคอิสาน ยังคงมีการสืบทอดอยู่ คือประเพณีถือผี การทรงเจ้าเข้าผีของบรรพบุรุษ อันเป็นของสืบทอดกันมา ผีบรรพบุรุษนั้น ท่านเป็นพวกกึ่งเทพ คอยปกป้องรักษาลูกหลาน ให้ทดลองเอาพระแท้พระเก๊ ไปให้ดูท่าน ไม่ต้องกลัวว่าพระจะทำร้ายท่านหรอกครับ เพราะพระเครื่องที่ปกป้องเรา ไม่มีผลกับผีบรรพบุรุษครับ เดี๋ยวท่านก้อดูให้ แถมบอกได้ละเอียดยิบ พระดี ท่านก้อว่าดี พระเก๊ ท่านก้อให้เอาไปไว้วัด สุดยอดกว่าเซียน และไม่ต้องกลัวว่าท่านจะโกหก เพราะเราเป็นลูกหลานท่าน เหนือกว่าเซียนนะครับ.... ท่านดูให้แล้ว คล้องคอแสนสบายใจ ดีนักแล
     
  20. ต้องตรา

    ต้องตรา เก๊ แท้ คือ ความว่างเปล่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +85
    ตอน ปริศนาพระรอด พระเลี่ยง

    สำหรับพระกรุสกุลลำพูน ผู้นิยมพระเครื่องสกุลลำพูนรุ่นเก่า มักกล่าวว่า ถ้าผู้ใดไม่มีพระรอด ให้ใช้พระเลี่ยงแทน ซึ่งหมายความว่าพระเลี่ยงก้อมีพุทธคุณเช่นเดียวกับพระรอด นับว่าเป็นปริศนาอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่พระรอดกับพระเลี่ยง เป็นพระคนละพิมพ์ มีวิธีการสร้างก้อแตกต่างกัน พระรอดนั้นได้เผาไฟไว้ถึง ๗ วัน ๗ คืน แล้วจึงนำไปแช่น้ำว่านเคลือบ ส่วนพระเลี่ยง น่าจะเผาแบบอิฐแล้วนำไปลงรักน้ำเกลี้ยง เหตุไฉน จึงมีพุทธคุณเหมือนกัน หากจะนำ พระรอด พระเลี่ยงมาพิจารณา ท่านจะได้พบความประหลาดอยู่หนึ่งจุด ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาลักษณ์ของเกจิอาจารย์ผู้สรรสร้าง พระรอดนั้นพบตรงสะดือ ส่วนพระเลี่ยงพบตรงใต้มือซ้ายอยู่ระหว่างบนขาทั้งสองข้าง เป็นรู คล้ายกัน จึงพอจะอนุมานได้ว่า สร้างโดยเกจิองค์เดียวกัน ย่อมมีพุทธคุณเหมือนกัน คงจะเป็นจริง

    อย่างไรก้อแล้วแต่ ผู้ที่แสวงหาพระสกุลลำพูน พึงระวัง พระลำพูนนั้น เป็นพระที่สร้างกันหลายครั้งหลายคราว ควรศึกษา ศิลปะ วิธีการสร้าง และอายุพระที่ควรจะมี เพื่อความไม่ประมาท อัตตาหิ อัตโนนาโถ นะครับ พระเลี่ยง.jpg ภาพนิ่ง2.JPG
     

แชร์หน้านี้

Loading...