ลักษณะจิต ที่เป็นสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราบเทวดา, 6 มิถุนายน 2017.

  1. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เกร็ดธรรม
    หลวงปู่พุธ ฐานิโย

    วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา


    เมื่อสมาธิธรรมชาติ มันเกิดขึ้นแล้ว
    นักปฏิบัติ ไม่สามารถที่จะน้อมจิตน้อมใจไปไหนได้ดอก
    นอกจาก จิตจะปฏิวัติตัวไปเอง
    โดยพลังของ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ประชุมพร้อมแล้ว

    ซึ่ง เราสวด สติปัฏฐานสี่ เมื่อซักครู่นี้ว่า
    เอกายะโน มัคโค สัมมะทักขาโต สัตตานัง วิสุทธิยา
    เมื่อ อริยะมรรค เมื่อศีล สมาธิ ประชุมพร้อมรวมเป็นหนึ่ง
    ศีลก็เป็นอธิศีล สมาธิก็เป็นอธิจิต ปัญญาก็เป็นอธิปัญญา
    ในเมื่อศีล สมาธิ เป็นอธิ ผู้ยิ่งใหญ่
    ก็สามารถปฏิวัติ ภูมิจิต ภูมิธรรม ไปตามขั้นตอน
    ซึ่งสุดแท้แต่ พลังนั้น จะบันดาลให้เป็นไปอย่างไร
    ผู้ปฏิบัติ ไม่มีทางที่จะมีสัญญาเจตนาจะน้อมจิตไปอย่างไร
    จิตจะออกนอกเป็นเรื่องของจิต
    จะจะเข้าในเป็นเรื่องของจิต
    จิตจะมากำหนดรู้อยู่ที่จิตเป็นเรื่องของจิต
    ซึ่งเค้าจะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ในขณะที่จิตเป็นไปเช่นนั้น

    จะไปรู้ไปเห็นอะไรก็เพียงแต่ว่าเฉยๆ นิ่งๆ อยู่เฉยๆ เท่านั้นแหล่ะ
    เช่นอย่างรู้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    รู้ความเปลี่ยนแปลง ของสภาวะทั้งหลายทั้งปวง
    ก็สักแต่ว่ารู้อยู่เฉยๆ

    คำว่าอนิจจังก็ไม่มี ทุกขังก็ไม่มี อนัตตาก็ไม่มี
    ถ้าขืนไปมีแล้ว สมาธิมันจะถอน

    เราอาจจะพิจารณา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    ว่าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยงเป็นทุกเป็นอนัตตา
    เราว่าได้ตั้งแต่จิตยังไม่สงบเป็นสมาธิ
    เมื่อจิตเป็นสมาธิดีแล้วนี่
    มันจะปรากฎแต่ สิ่งที่ เกิด-ดับ เกิด-ดับ อยู่เท่านั้น

    แล้วคำพูดที่ว่า อะไรเป็นอะไร มันจะไม่มี

    มันจะมีต่อเมื่อ จิตถอนจากสมาธิมาแล้ว
    มันจึงจะพูดเป็น เพราะมันมีกายเป็นเครื่องมือแล้ว
    อันนี่ ทางเป็นไปของจิตทางหนึ่ง
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    เมื่อเป็นอธิจิตจะรู้แค่การเกิด กับการดับ เท่านั้น
    เลยขั้นวิปัสสนาไปแล้ว ใช่ไหมครับ
     
  3. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ยัง... ตรงนี้เพิ่งเป็น วิปัสสนา เบื้องต้น เป็นประตูก้าวแรกเท่านั้น เฉพาะผู้ที่ "ผ่าน" ตรงนี้มาแล้วเท่านั้น จึงทราบได้

    +++ ผู้ที่ทำตรงนี้ได้จะมีอาการของ "สติ ที่ตั้งมั่น จนกลายเป็น สมาธิ ด้วยตัวของมันเอง โดยไร้อารมณ์ของ ฌาน ทุกชนิด (สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)" เท่านั้น

    +++ ดังนั้น "อาการของ สติ ตรงนี้ จึงไม่ใช่อาการของการ ระลึก (จำ) แต่อย่างใดทั้งสิ้น"

    +++ ตรงนี้เป็นอาการของ "ดวงตาเห็นธรรม" เฉย ๆ คือ "เห็น สิ่งหนึ่งใด เกิด/ดับ เป็นธรรมดา" ยังห่างจากการเข้าสู่ระดับ "สักกายะทิฐิ" อีกระยะหนึ่ง

    +++ คุณ Neoworld ปฏิบัติแบบ "ทำสติ ให้เป็น สมาธิ" ไปเรื่อย ๆ ก่อน สักวันก็น่าจะทราบได้เอง

    +++ ตรงนี้ยังเป็น "อจินไตย" ของคนที่ไม่ได้ปฏิบัติถึงจุดนี้ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ "วิปลาส" เกิดขึ้น ผมจึงขอ "งด" การอธิบายใด ๆ ทั้งปวงลงแต่เพียงแค่นี้ นะครับ
     
  4. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เข้าใจว่า
    ยังไม่เลยวิปัสนาครับ

    จิตที่รู้แค่การเกิดดับ
    เป็นจิต ที่ผ่านอารอบรมมาอย่างโชกโชน

    จิตที่เห็นเกิดดับ แรกๆ จะ งงหน่่อยๆ เพราะมันจะเป็นอะไรที่ไม่รู้ไม่เห็นมาก่อน
    เป็นสิ่งที่ไม่มีสมมุติบัญญัติ ภาษา มาเขียน เรียกว่า เป็นการเห็นขั้นปรมัตถ์
    รู้แต่เพียงว่า สิ่งใดเกิดขั้น สิ่งนั้นดับไป สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดับไป
    เป็นการเริ่มภาวนาขั้นปรมัตถ์
    เป็นการเริ่มการเดินปัญญาอย่างแท้จริง
    ถ้าเทียบลงภาษาตำราภิธรรม เรียก เริ่มเห็น รูปนามปริเฉท

    และลักษณะความเป็น จะเป็นไปอย่างอัตโนมัติ

    อัตโนมัติในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า พอมันเป็นอัตโนมัติ
    ก็ไม่ต้องภาวนาแบบเดิม ไม่ใช่หมายความอย่างนั้น

    ความเป็นอัตโนมัติในที่นี้หมายความว่า
    จิตเห็นเกิดดับ โดยไม่มีการจงใจ
    ไม่มีตัวตน ไม่มีความเป็นเราเข้าไปภาวนา
    มีแต่สภาพ ของจิต เจตสิก ที่เกิดดับ และรู้อยู่ เห็นอยู่ เท่านั้น

    แม้ในขณะที่รู้อยู่เห็นอยู่ ก็ไม่มีการยึดถือมั่นมาเป็นเราด้วย
    เรียกว่า มีความรู้พร้อม ปล่อยวางพร้อม ด้วยตัวมันเอง
    หรือบางที จะเรียกว่า การรู้ทันสภาวะ เมื่อรู้ทันสภาวะ การปล่อยวาง จะวางโดยทันที
    เรียกว่า รู้ ตื่น เบิกบาน

    ฉะนั้นแล้ว
    หากภาวนามาเห็นตรงนี้ได้
    ก็ให้ทำแบบนั้นละ ทำซ้ำๆๆไปเรื่อยๆ

    จิตจะเห็นเกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ
    ความอัดแน่นที่จิตเห็นตรงนี้
    ธรรม ในโพชฌงค์ ที่เรียงต่อมาจาจาก สติ
    มันจะเรียงลำดับกันตามมาเองเป็นอัตโนมัติ

    และส่วน สิ่งที่จะตัดสิน
    ผลของวิปัสนา

    เข้าใจว่า จิตจะตัดสินความเป็น ไตรลักษณ์ ของมันเอง

    ฉะนั้น การปฏิบัติธรรม ควรทำความเพียร ไปดั่ง คนปลูกมะม่วง
    สิ่งที่ทำได้ คือดูแล รักษากำจัดวัชพืช รดน้ำพรวนดิน สม่ำเสมอ
    สำหรับผลของมะม่วงนั้น เมื่อการดูแล ขยันหมั่นเพียรของเรา
    เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ต้นมะม่วงมันก้็เจริญไปตามลำดับของมันเอง
    และในที่สุด ผลของมันจะออกมาเอง ในความดูแลของเรา


    อีกอย่างหนึ่ง
    เข้าใจว่า การที่จะเลยวิปัสนา มีอยู่อย่างเดียว
    คือ จิตตัดสินผลของวิปัสนา นั่นคือ จิตรู้แจ้งเห็นจริง ในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
     
  5. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ถ้าไม่คิดมาก

    ก็ก้อบปี้โหลด ตามเวปก็ได้ครับ

    พิมกูเกิ้ลก็ขึ้นมาเยอะ
    เซฟไปปริ้นเข้ากรอบได้เลยครับ
    หรือ ก้อปปี้รูปในเวปนี้ครับ
    http://www.thaniyo.com/
     

แชร์หน้านี้

Loading...