การเล่นหุ้นมีความเสี่ยง แหล่งทำเงินของบางคน

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 1 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    อดทน.jpg
     
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ธรรมทานนั้นไม่แรงเท่าวัตถุทาน

    ชั้นของการให้ทาน มี 3 ชั้น คือ วัตถุทาน ธรรมทาน และอภัยทาน

    ธรรมทานนั้นสูงกว่าวัตถุทาน 1 ระดับ แต่จากประสบการณ์จริงของผม ที่เป็นเจ้าของเว็บธรรมะมานานเป็น 10 ปีหรือ 10 กว่าปี พบว่า เวลาขอให้บุญเก่ามาช่วย บุญจากวัตถุทานนั้นเห็นผลแรงกว่าธรรมทาน ธรรมทานนั้นอานิสงส์ทำให้มีปัญญา แต่เวลาขอให้บุญเก่ามาช่วย คิดว่าบุญจากวัตถุทาน ส่งผลตรงและเห็นผลชัดเจนกว่าธรรมทาน ธรรมทานนั้นบางเบา วัตถุทานเห็นเป็นเนื้อหนัง หรือมีคนเอาอาหาร-ขนมหรือเงินมาให้ ซึ่งการได้วัตถุนั้นสำคัญกว่า เหมือนกับไม่ค่อยมีกิน จะให้อ่านหนังสือธรรมะหรือจำแต่คำธรรมะ คงไม่ค่อยมีประโยชน์นัก อาหารหรือเงินหรือวัตถุสำคัญกว่า ดังที่ว่า ต้องให้คนมีกิน มีเงินก่อน เขาถึงพร้อมจะรับธรรมะ

    ดังนั้นการส่งผลของธรรมทาน อาจไม่เห็นผลเท่าวัตถุทาน และวัตถุหรืออาหารหรือเงินนั้นสำคัญกว่า ที่ทำให้กายธาตุไม่อดยาก

    ดังนั้นคนที่คิดจะหวังผลจากธรรมทาน จึงพึ่งพิจารณาให้ดี ทางที่ดี ทำให้ครบทั้ง 3 อย่าง ก็คือ การให้ทาน(วัตถุทาน-ธรรมทาน-อภัยทาน) การรักษาศีล และการเจริญภาวนา จะดีสุด

    และผลบุญจากภาวนา ซึ่งให้ปัญญาระดับสูง ก็ดีกว่าธรรมทาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2017
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    สัตว์โลกย่อมเดินไปตามกรรม

    คนเราเกิดมาแล้ว ก็ต้องเกี่ยวข้องกับ บุญๆ กรรมๆ บุญเก่า กรรมเก่า บุญใหม่ และกรรมใหม่

    บุคคลที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุดก็คือ ผู้ให้กำเนิด ถัดมาก็คือญาติพี่น้อง ถัดมาก็คือเพื่อน และเพื่อนร่วมงาน แต่ละชั้น ล้วนย่อมมีบุญกรรมต่อกัน มากน้อยก็อยู่ที่บุพกรรมและกรรมใหม่ในปัจจุบัน

    คนไม่เคยมีบุพกรรมต่อกัน ก็ย่อมไม่มีใจต่อกัน เงินสักบาทก็ไม่มีทางจะได้หรอก

    คนมีวาสนา เกิดมาก็รวย การศึกษาดี การงานดี คู่ครองดี เพื่อนที่ดี สังคมที่ดี ฐานะดี ก็สบาย แต่หากติดสุข ติดสบาย ก็มองไม่ค่อยเห็นทุกข์ในชีวิตการเกิด

    คนมาสร้างบารมี อาจต้องทุกข์ทนมากมาย ยากจน ขาดเพื่อนที่ดี มักอยู่โดดเดี่ยว หรือมีโรคภัย สู้สุดๆ

    คนมาใช้กรรม ที่ไม่ใช่เสวยบุญ ก็ต้องสู้สุดๆ ตั้งแต่เด็กจนแก่ ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใด

    คนหมดทาง ก็คงหมาย อาจมีโรคระยะสุดท้ายหรือร่างกายยำแย่สุด หรือไปกระทันหัน หรือตกมากๆ หรือคนขาดเงินมาก เหมือนใกล้ขาดใจ หรือปัญหาการงานรุ้มเร้า มองไม่เห็นทางออก หากไม่มีบุญเก่าที่พิเศษมาช่วยเสริม หรือคนมีบุญมาช่วย ก็อาจต้องกลับบ้านเก่าอย่างเร็ว หรือชีวิตหักเหไปอีกทาง

    ยกเว้น คนมาเร็วไปเร็วบางคนนั้นไม่ได้หมายถึงว่าหมดบุญ แต่บางคนนั้น จำต้องเกิดอีกไมเกิน 7 ชาติ เขาจึงต้องมาเร็วไปเร็ว

    การมีชีวิตนานๆ ไม่สำคัญเท่ากับว่าขณะมีชีวิตได้ทำความดีไว้มากเพียงใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2017
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    วิธีที่จะให้ผลบุญส่งผลอย่างรวดเร็วในชาตินี้

    [​IMG]
    ถาม : เคยอ่านที่พระอาจารย์บอกว่า การทำบุญในปัจจุบัน เราจะไม่ได้ผลในชาตินี้ นอกจากทำบุญอย่างต่อเนื่องเป็นสิบปี แล้วทำไมการทำแท้งจึงให้ผลชาตินี้ครับ ?

    ตอบ : โยมทำบุญแล้วเคยนึกถึงบุญที่ทำบ้างไหม ? แต่คนทำแท้งนั้นตอกย้ำตัวเองทุกวินาทีว่าเขาทำความชั่ว ในเมื่อเขามุ่งใจจดจ่ออยู่ตลอดเวลา ตรงดิ่งอย่างเดียวเลย ผลกรรมจึงเกิดเร็ว แต่เราเองทำบุญมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง น้อยครั้งที่เราจะนึกว่าทำอะไรไปบ้าง

    เพราะฉะนั้น.. ถ้าโยมต้องการที่จะให้ผลบุญนั้นส่งผลอย่างรวดเร็วในชาตินี้ เราก็ต้องจดจ่อต่อเนื่องอยู่กับผลบุญนั้น ก่อนจะทำก็มีความปีติยินดีว่าเราจะได้ทำ กำลังทำก็มีความปีติยินดีว่าเราได้ทำ เมื่อทำได้แล้วนึกถึงเมื่อไรก็มีความปีติยินดีว่าเราได้ทำบุญนั้นแล้ว ถ้าสามารถรักษากำลังต่อเนื่องอย่างนี้ได้ตลอดเวลาผลก็จะเกิดเร็วเหมือนกัน

    เมื่อวานมีพระมาทำบุญ ท่านบอกว่า "ทำบุญอุทิศให้ลูก ผมฆ่าลูก"อาตมาถามว่าไปฆ่าอีท่าไหน ? ท่านบอกว่า “ทำแท้งครับ” นั่นขนาดผู้ชายใจยังจดจ่ออยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองได้ทำในสิ่งที่ไม่ดีแล้ว ลองคิดดูว่าถ้าคนที่ทำเป็นผู้หญิงเขาจะรู้สึกอย่างไร ? เลือดในอกของตัวเองโดนคว้านทิ้งไปอย่างนั้น จะเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันรักษาหาย กระทบแล้วเจ็บอยู่ตลอดเวลา

    ใจที่จดจ่ออยู่ตลอดเวลา มโนมยา ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ ในเมื่อคุณไปคิดอยู่ว่าได้ทำสิ่งที่ไม่ดี ๆ ๆ ๆ อยู่ตลอดแล้วผลจะไปดีได้อย่างไร ถึงเวลาสิ่งนั้นก็สนองเร็วมาก เพราะว่าเราไปตอกย้ำเพิ่มโทษให้อยู่ตลอดเวลา

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕

    ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ - หน้า 4 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


    เครดิต : http://palungjit.org/threads/วิธีที่จะให้ผลบุญส่งผลอย่างรวดเร็วในชาตินี้.612691/
     
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    พระคาถารักษาได้ทุกโรค - พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯ)

    คาถาบทหนึ่งที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ ว่าคาถาบทนี้ถ้าทำน้ำมนต์แล้วรักษาได้ทุกโรค นั่นคือ “ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปติจฉามิ” ก็นึกในใจว่าถ้าคาถาบทนี้ ถ้ารักษาตัวเราเองไม่หาย จะไปรักษาใคร ในเมื่อท่านให้เรา เราก็จะลองรักษาตัวดู ถ้าคาถาบทนี้รักษาเราไม่หาย ก็จะไม่เกิดประโยชน์กับใคร ก็พอดีคุณสมนึก(ไม่ชัด)สุพัตรา เธอรักษาภรรยาเธอ ให้ภรรยาเธอภาวนาคาถาบทนี้ ใช้มีดหมอแกะ เธอหายปวดจากร่างกายและหายป่วยเป็นอัศจรรย์ ก็นอนภาวนาคาถาบทนี้เป็นฌาน คิดว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การภาวนาทุกอย่างจะใช้คาถาบทนี้เรื่อยไป จนกว่าโรคจะหาย แทนคำว่า “พุทโธ”, “สัมมาอรหัง” แทนทุกอย่างที่ใช้ เว้นไว้แต่บางกรณี บางขณะเราจะไปสวรรค์ เราจะไปพรหมโลก เราจะไปนิพพาน ตอนนั้นอีกเรื่องนึงต่างหาก ถ้าอยู่ปกติจะภาวนาว่า “ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปติจฉามิ” ว่าเรื่อยๆตามสบายๆ ก็เริ่มภาวนา พอเริ่มภาวนาอารมณ์ก็เริ่มเป็นสุข ...

    เครดิต : http://palungjit.org/threads/พระคาถารักษาได้ทุกโรค-พระราชพรหมยาน-หลวงพ่อฤาษีฯ.612880/

     
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ถ้าตั้งใจภาวนา.jpg
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    อย่าทำร้าย.jpg
     
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ปฏิจจสมุปบาท 12

    ปฏิจจสมุปบาท เรียกอีกอย่างว่า อิทัปปัจจยตา หรือ ปัจจยาการ เป็นหลักธรรมที่อธิบายถึงการเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น เช่น ทุกข์เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัย 12 เรื่องเกิดขึ้นสืบ ๆ เนื่องกันมาตามลำดับดังนี้ คือ

    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
    เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
    เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
    เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
    เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปทานจึงมี
    เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
    เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
    เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
    ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี


    ...

    แสดงให้เห็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ ปฏิจสมุปบาทที่แสดงแบบนี้เรียกว่า อนุโลมปฏิจจสมุปบาท

    (ดังแสดงสองตัวอย่างที่ผ่านไป เป็น อนุโลมเทศนา และ ปฏิโลมเทศนา ของอนุโลมปฏิจจสมุปบาท ตามลำดับ)

    การแสดงตรงกันข้ามกับข้างต้นนี้ เรียกว่า นิโรธวาร คือฝ่ายนิโรธ ใช้เป็นคำอธิบาย อริยสัจข้อที่สาม (นิโรธสัจจ์) เรียกว่า ปฏิโลมปฏิจจสมุปบาท แสดงให้เห็นความดับไปแห่งทุกข์ ด้วยอาศัยความดับไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย สืบทอดกันไป เช่น

    เพราะอวิชชาสำรอกดับไปไม่เหลือสังขารจึงดับ เพราะสังขารดับวิญญาณจึงดับ ฯลฯ เพราะชาติ ดับชรามรณะ (จึงดับ) ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส ความคับแค้นใจ ก็ดับ

    ดังนี้เรียกว่า อนุโลมเทศนา ของ ปฏิโลมปฏิจจสมุปบาท

    ส่วนปฏิโลมเทศนา ของ ปฏิโลมปฏิจจสมุปบาท ก็พึงแสดงย้อนว่า ชรามรณะเป็นต้น ดับเพราะชาติดับ ชาติดับเพราะภพดับ ฯลฯ สังขารดับเพราะอวิชชาดับ


    เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/ปฏิจจสมุปบาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2017
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    เมื่อไหร่มีรัก เมื่อนั้นมีทุกข์

    ดวงตา.jpg

    ถ้าเอ่ยถึงดารารุ่นใหญ่ที่มีนิสัยเป๊ะเว่อร์ ขึ้นชื่อเรื่องขี้วีน จนเป็นที่รู้ดีของคนที่ต้องร่วมงานกับเธอว่า อย่าทำให้เธอโกรธเป็นอันขาด เกริ่นมาถึงจุดนี้หลายๆ คนคงจะพอเดาได้แล้วว่าเธอนั้นก็คือ ตุ๊ก ดวงตา ตุงคะมณี ที่ชีวิตในอดีตของเธอขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ที่โมโหร้าย แต่จะมีใครเคยรู้มั้ยว่า ต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อารมณ์ของเธอเป็นแบบนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร วันนี้เธอพร้อมที่จะมาเล่าทุกเรื่องราวความรักแบบหมดเปลือก ในรายการ คลับ ฟรายเดย์ โชว์ทางช่อง GMM25 (กดเลข 25)

    โดยพี่ตุ๊ก ดวงตา เล่าว่า ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก ยอมรับเป็นคนเจ้าชู้ เป็นคนชอบหยอด ความรักที่ผ่านมาถึงไม่ค่อยดีเท่าไร สเปกของตนเป็นคนชอบผู้ชายในเครื่องแบบ 3 เหล่าทัพ แต่ไม่ชอบตำรวจ ความรักครั้งแรกคือพ่อของลูก เป็นเจ้าบุญทุ่ม ก็ได้เจอกันเพราะเพื่อน เพื่อนชวนกินข้าวก็เลยได้เจอกัน

    พอรุ่งขึ้นเค้าก็ชวนไปกินข้าวอีก เค้าพาไปกินโอเรียนเต็ล ซื้อแหวนเล็กๆ ให้ ไปเมืองนอก 4 วันก็ไปกับเค้าตลอดเลย แต่มีคนไปด้วยตลอด พอเรากลับมาเค้าก็โทรหา เค้าอยู่อเมริกา เขียนจดหมาย แต่โทรหาเรา เราก็เริ่มรู้สึกชอบ แต่เค้าก็บอกทีหลังว่าเคยแต่งงานและมีลูกแล้ว ตอนนี้กำลังรอศาลดำเนินเรื่องการหย่า

    พอรู้ทางบ้านเราก็ไม่ชอบเพราะเรายังเด็ก น่าจะมีโอกาสได้เลือก เวลายังมีอีกเยอะ เราเป็นลูกรักพ่อ พ่อตามใจทุกอย่าง แล้วเราเป็นคนยิ่งห้ามยิ่งยุ ไม่ให้คบแต่เราคบ ก็เลยเสียตัวให้เค้าเลย ได้แต่งเพราะท้อง ตอนนั้นอายุประมาณ 21 ปี โลกทัศน์แคบมาก ตอนนั้นที่ท้องก็ไม่กลัวว่าที่บ้านโกรธ ท้องก็บอกว่าท้อง

    แต่ตอนนั้นเราก็รู้ว่าเค้าเจ้าชู้มากตอนอยู่เมืองนอก เราก็เลยขู่ว่าจะทำแท้ง เค้าถึงยอมกลับมาแต่งงานที่เมืองไทย แต่ตอนหลังเค้าก็ยังเจ้าชู้อีก เราก็เลิกกับเค้าหลังจากที่คบมา 7 ปี ตอนนั้นก็เริ่มไปหางานทำเอง เลี้ยงลูกเอง พอจะช่วยเหลือตัวเองได้ก็เลยเลิก

    ตอนนั้นร้องไห้แต่ไม่ได้เสียใจที่เลิกกับเค้า แต่เป็นห่วงลูกมากกว่า ซึ่งความรักครั้งนี้ พี่คิดว่าเป็นความหลงมากกว่า ซึ่งความรักครั้งนี้สอนให้รู้ว่าไม่จำเป็นต้องรีบมีความรักหรือรีบแต่งงาน ไม่มีใครขอก็ไม่เป็นไร ถ้าจะคบใครก็ใช้เวลานานๆ แต่ก็อยากฝากถึงพ่อแม่ว่า อย่าใช้ไม้แข็งกับลูก

    เข้าวงการมาเจอรักครั้งที่ 2 ซึ่งเราเป็นนางแบบแล้ว คิดว่าอันนี้เป็นความรัก อายุใกล้กัน เหมือนคุยภาษาเดียวกัน ไปในทางเดียวกัน เป็นนักธุรกิจ แล้วเราก็ไปเดินแฟชั่น เค้าเห็นเรา แล้วชอบ เค้าก็ไปบอกเพื่อนรุ่นพี่ว่าชอบเรา เค้าก็แนะนำให้รู้จัก คุยกัน 2 ปี คนนี้รวย โสด งานดี เงินดี ตอนนั้นวาดหวังอนาคตสดใสแน่ๆ เค้าไม่รังเกียจลูกเรา รักลูกเรา เป็นคนอารมณ์ดี เราก็แฮปปี้เลย มองถึงอนาคตรำไร

    รักกัน 2 ปี เสร็จเค้าก็มาบอกว่า เค้าต้องไปแต่งงานแล้ว ซึ่งก่อนหน้าเค้าเคยบอกไว้ แต่เราไม่ได้คิด เค้าเคยบอกว่าต้องหมั้นหมาย ผู้ใหญ่หาไว้ให้แล้ว ซึ่งเค้าเป็นลูกชายคนโต รวยมาก แล้วครอบครัวคนจีนจะรับมั้ย แม่ม่ายลูกหนึ่ง ตอนนั้นเราเสียใจมาก แต่ทำยังไงได้ เพราะเค้าแต่งกับเราไม่ได้ ต้องปล่อยเค้าไป ตอนที่คบกัน ครอบครัวเค้ารู้นะ แต่พี่ไม่เคยไปบ้านเค้า ไม่เคยเจอ

    พี่ไปพบแสงสว่างในชีวิต จนกระทั่งเราเปลี่ยนนิสัยตัวเองได้ เปลี่ยนบางอย่างได้ เราไปวัดจนเราใสจริงๆ เชื่อมั้ยเราโทรไปหาผู้ชายคนนี้ ให้เค้าอโหสิกรรมให้เรา หมดเวรหมดกรรมกันตรงตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แล้วไม่ต้องพูดว่าจะเอาเงินมาคืน เหมือนเราได้ใช้เงินคืนเค้าในชาติที่แล้ว พอพูดแล้วทุกอย่างเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย

    ก็เลยกลายเป็นว่า ตอนหลังธรรมะจัดสรร เราโทรไปเค้าก็รับนะ คุยกันดีๆ เป็นชั่วโมงเลย ไม่ใช่แค่คนนี้นะ พี่ขอขมาคนใช้คนเก่าที่พี่ถีบตกกระได เนื่องจากเค้าไปขโมยทอง เราก็เรียกเค้าไป เราก็กราบเค้าเลย แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ ต่างคนต่างขอขมา

    เราขอบคุณทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากชีวิตเรา เพราะทุกเหตุการณ์มันสอนเรา ถ้าผิดหวังจากความรัก ชีวิตมันไม่พังหรอก กว่าพ่อแม่จะตั้งท้องเรา ถ้าคิดว่าชีวิตตัวเองจะพัง ต้องคิดถึงพ่อแม่ก่อนเลย กว่าเค้าจะเลี้ยงเรามา กว่าเราจะมีผัว กว่าจะเลิกกับผัวได้ทุกวันนี้ เศร้าโศกเสียใจได้แต่อย่านาน ให้นึกถึงตัวเอง รักตัวเองให้มาก

    พี่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายนะ เพราะกลัวบาป สิ่งที่ทำให้มีปัญหาในเรื่องความรัก พี่คิดว่ามันเป็นเวรกรรมนะ เพราะที่ผ่านมาชอบหยอดไง ไม่รู้พี่เคยไปทำร้ายใครบ้าง เคยดูดวงดูหมอเค้าบอกว่า ชาติที่แล้วเราเป็นผู้ชาย แล้วเจ้าชู้มาก

    วันนี้ชีวิตแฮปปี้มาก มากจนไม่มีความทุกข์เลย ถ้าถามว่าจะมีความรักอีกมั้ย ไม่เอาแล้วค่ะ ถามว่าเข็ดมั้ย เข็ดค่ะ ตลอดเวลาที่มีแฟนแล้วเหมือนมีความสุข มันเหมือนตอแหลตัวเอง เมื่อไหร่มีรัก เมื่อนั้นมีทุกข์ เพราะฉะนั้นอย่ารักเค้าจนหมดใจ อย่าให้ใจไป 100% ให้รักตัวเองก่อน แล้วค่อยเผื่อแผ่รักให้กับคนอื่น


    ที่มา : https://www.thairath.co.th/content/982902
     
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ท่านที่เห็นทุกข์จริงๆ มักกลัวการเกิดอีก

    พระอริยะเจ้าบางรูป เห็นแล้วในอนาคตชาติ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ท่านไม่อยากกลับมาเกิดอีก เกิดอีกก็เจอความทุกข์อีก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ท่านต้องเร่งทำความเพียร เพื่อให้บรรลุธรรมในชาติปัจจุบัน

    เกิดมาเป็นคนธรรมดา ปุถุชน สิ่งหนึ่งที่ต้องทำหรือหาเหมือนๆ กัน ก็คือ หาเงิน และอีกหลายสิ่งที่มักทำตามๆ กัน เช่น การเรียน การมีความรัก อยากมีคู่ครอง ชอบทำบุญในวันพระหรือวันพระใหญ่ ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2017
  12. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ถ้าไม่มีวาสนาก็ต้องอาศัยศรัทธาเป็นเครื่องนำทาง

    คนเราเกิดมา หากไม่มีบุญวาสนาในสิ่งที่ตนเองต้องการ ก็ต้องอาศัยศรัทธาเป็นเครื่องนำทาง

    บางคนอยากได้เงิน แต่ไม่เห็นทาง บุญวาสนาก็ไม่ค่อยนำส่ง ต้องอาศัยศรัทธา เป็นเครื่องช่วยนำทาง บางคนก็อาศัยขอบารมีครูบาอาจารย์เป็นเครื่องช่วยนำทาง ต้องศรัทธาครูบาอาจารย์รูปนั้นหรือท่านนั้นเป็นอย่างมาก บางคนก็สวดมนต์บูชาครูบาอาจารย์และอธิษฐานขอเป็นประจำ ก็อาจได้บ่อยๆ หรือเป็นประจำ หรืองานเข้าบ่อยๆ หรือมียอดสั่งซื้อมาก

    บางคนก็กราบไหว้รูปครูบาอาจารย์มากมายเป็นประจำ ที่สำเร็จถูกหวยได้เงินหลายล้านบาทก็มี

    บางคนก็ศรัทธาในพระเครื่องวัตถุมงคล อธิษฐานขอเป็นประจำ และก็ขอได้บ่อยเป็นประจำก็มี

    บางคนก็ขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองศรัทธาเป็นประจำ และก็อาจได้บ่อยเป็นประจำก็มี เช่น ขอกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์, บางคนก็ขอกับเด็กผู้ทรงฤทธิ์, บางคนก็ขอกับ... เป็นต้น

    สัตว์โลกย่อมเดินไปตามกรรม บุญๆ กรรมๆ ที่เดินนำหน้ากรรมก็อาจมี บุญจัดสรร บุญที่ทำบ่อยๆ หรือบุญที่ระลึกบ่อยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2017
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    บุญต้องทำบ่อยๆ.jpg
     
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    คนเรามีภูมิจิต.jpg
     
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ทุกข์และสุขจากการมีธาตุ 4

    มนุษย์และสัตว์โลก มีธาตุ 4 อันประกอบไปด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ รวมกันประกอบขึ้นเป็นตัวตนเราเขา

    บางคนกล่าวว่า ร่างกายเป็นบ่อเกิดของโรคภัย บางคนก็บอกร่างกายสัตว์โลกก็เหมือนสุสานเคลื่อนที่ได้ เพราะในกระเพาะอาหารล้วนมีแต่อาหารจากการบริโภคที่รอการย่อยสลาย เช่น ไก่ หมู กุ้ง เนื้อวัว เป็ด ปลาหมึก และอื่นๆ

    เชื้อโรคก็ประกอบด้วยธาตุ 4 เพราะร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุ 4 เชื้อโรคก็เลยอาศัยเป็นที่เพาะพันธ์แพร่กระจายหรือเจริญเติบโต หากมนุษย์ไม่มีกายธาตุ โรคภัยไข้เจ็บก็คงไม่เกิด

    มนุษย์ที่มีธาตุ 4 ขันธ์ 5 ก็สุขและทุกข์แบบมนุษย์

    เทวดาหรือนางฟ้า ก็สุขหรือทุกข์แบบของเขา

    ความสุขที่แท้จริงของมุนษย์มันอยู่ที่ตรงไหน สุขจากการมีเพศสัมพันธ์ ก็ประเดี่๋ยวประด่าว จัดเป็นสุขร้อน สุขจากการได้กินอาหารอร่อย ก็งั้นๆ อาหารลงท้องแล้วก็ไม่รู้สึกรสอร่อยอะไรอีก สุขจากการได้ท่องเที่ยวก็งั้นๆ ไม่จีรัง เพียงแต่ได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง

    สุขเย็นนั้นมาจากการปฏิบัติธรรม

    คนที่มีอายุ 60-70 ปี บางคนนั้นจะพอเข้าใจในบทสรุปแห่งชีวิต เกิดมาเพื่อเรียน ทำงาน หาเงิน มีคู่ครอง ฯลฯ พออายุมากๆ จะเข้าใจใน เกิด แก่ เจ็บ และตา.. จะลุกก็โอ๋ย จะนั่งก็โอ๋ยแล้ว.. แต่คนที่มีธรรมนำหน้า เขาเข้าใจในบทสรุปแห่งชีวิตในวัยกลางคน หรือวัยต้น ไม่จำเป็นต้องเดินตามคนอื่นส่วนใหญ่เขา

    คนที่ไม่มีคู่ครอง ส่วนหนึ่งนั้นเป็นบุคคลที่มีกรรมในเรื่องเพศตรงข้ามในอดีต
    อีกส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยจัดเป็นบุคคลทีี่มีบุญ เพราะไม่มีกรรมเวรเรื่องคู่ครอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2017
  16. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ใช้บุญเป็นเครื่องนำทาง บุญกุศลหนุนนำ

    หลายคนนิยมทำบุญ เพื่อให้บุญกุศลหนุนนำ ในยามคับขัน อาจได้อาศัยบุญรักษา ดูแล คุ้มครอง

    เมื่อดวงจิตผูกไปกับบุญ จิตจะมีพลัง จะได้แช่มชื่น

    คนรู้หลัก ต้องรู้จักทำบุญบ่อยๆ และบุญเก่านั้นมีวันหมด บางคนเบิกบุญเก่ามาใช้บ่อย ดังนั้นจึงต้องรู้จักทำบุญบ่อยๆ ด้วย

    คนรู้ธรรม เข้าใจธรรม จะรู้ว่ากรรมเก่านั้นแก้ไม่ได้ แต่สามารถทำบุญหนีกรรมได้

    บุญเก่ากับบุญใหม่ สิ่งไหน จะทรงพลังกว่า คงน่าจะเป็นบุญที่กระทำไปโดย ไม่มีประมาณ มีเจตนาบริสุทธิ์

    อาทิ ช่วยคนแบบมีประมาณ ก็เป็นบุญกรรมแบบมีประมาณ หากไม่มีประมาณ ก็คงไม่แยกแยะรวยจน ชนชั้น ศาสนา ไม่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน ฯลฯ

    แผ่เมตตาแบบไม่มีประมาณ ก็ไม่ต้องเจาะจง รอบทิศทาง รอบจักรวาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2017
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    เขามีภูมิจิต ภูมิธรรมมากน้อยแค่ไหน ให้ดูจากธรรมรู้ที่เขาเปล่งออกมา ที่ไม่ใช่การไปหยิบยกคำสอนของหลวงพ่อรูปนั้นรูปนี้มาแสดง คนปฏิบัติธรรม ที่เริ่มเข้าใจธรรม ย่อมมีธรรมรู้ของตนเองบ้าง ที่มาจากการอ่านบ้าง การขัดเกลาจิตใจให้สูง ต้องใช้เวลา

    แม้บางคนปฏิบัติธรรมมามาก แต่เวลามีความโกรธ เพราะมีสิ่งมากระทบ จากการถูกว่ากล่าวหรืออื่นๆ ก็เดือดเป็นไฟ แสดงว่าจิตยังไม่เย็น-ไม่ละเอียดพอ บางคนพอมาคิดได้อีกที ถึงได้รู้สิ่งที่มากระทบ สิ่งที่มาทดสอบ

    บารมีบางอย่างใช้เวลาสะสมมาก อย่างการมีสัจจะ อาทิ คนกล่าวว่า จะรับวัตถุมงคลนั้นๆ ไปบูชาแน่นอน พอถึงเวลาเอาเข้าจริง บอกไม่พร้อม และเถียงดื้อๆ ว่าไม่ผิด แบบนี้ก็ไปพิจารณาเอาเอง ว่าผิดสัจจะเพียงใด หรือคิดว่ายังไม่ผิด และคำขอโทษเมื่อทำผิดมีให้คนอื่นไหม?
     
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ชีวิไม่แน่.jpg
     
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ธรรมะนั้นสอนตรง

    หลวงพ่อบางท่านสอนธรรมะแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม และเรื่องธรรมะควรสอนตรง ซึ่งบางคนที่ได้ยินได้อ่านอาจรับไม่ค่อยได้

    สมัยหนึ่งคุณป้าท่านหนึ่ง มีฐานะ พอเข้าสู่สูงวัยก็ตระเวนทำบุญกับกลุ่มเพื่อนๆ หรือตามลำพัง ท่านเคยเล่าให้ท่านผู้มีอภิญญาฟัง

    ท่านผู้มีอภิญญาก็มาเล่าต่อให้ผมฟัง ว่าคุณป้าไปวัดอัมพวันแล้วรับธรรมะตรงๆ ที่หลวงพ่อเทศน์ไม่ค่อยได้ อาจตรงหรือโดนใจเกินไป หลังจากนั้นคุณป้าท่านดังกล่าวก็แทบจะไม่เข้าวัดอัมพวันอีก

    บุคคลที่รับธรรมะตรงๆ ไม่ค่อยได้มีอยู่พอสมควร ส่วนหนึ่งนั้นยังชอบคำที่สวยหรู ต้องเป็นคำประเภท "คุณโยมจ่ะ" "คุณโยมจ๋า" ได้ยินได้ฟังแล้ว รื่นหู อิ่มอก อิ่มใจ

    หากเป็นคนที่เข้าถึงธรรมได้บ้างแล้ว ต้องสามารถรับธรรมะแบบตรงได้ เช่น ถ้ามีใครเขาบอกว่า คุณยังรักษาสัจจะไม่ค่อยได้ หรือยังชอบเสริมความงาม ก็ควรปรับปรุงตนเอง

    ธรรมะที่สอนตรงจากการกระทำ เช่น ในยามที่ผิดหวังเรื่องความรัก จะรู้สึกเจ็บ, ความไม่สมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

    ธรรมะที่สอนตรงจากคำพูด ก็อย่างที่รู้ๆ กัน คนเราส่วนใหญ่ชอบแต่คำพูดที่ดูดี สวยหรู หากมีใครมาว่า หรือมาด่.. ก็คงไม่มีใครชอบ แต่ถ้ารู้ธรรม ก็ต้องเข้าใจ สามารถแปรเปลี่ยนคำพูดที่ไม่สบอารมณ์ เป็น ฟังหนอ หรือรู้หนอได้ และเรียนรู้ในเรื่องของอารมณ์ที่มากระทบ

    สิ่งที่จะมากระทบทางทวารทั้งหกได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    คนชอบแต่อ่านธรรมะ แต่ยังเข้าไม่ค่อยถึงธรรมะ ถ้าได้ยินคำที่ไม่สบอารมณ์อาจโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟ

    หากเป็นคนที่รับธรรมะแบบตรงไม่ค่อยได้ จะเป็นคนที่พัฒนาทางธรรมได้อย่างไร รับธรรมะตรงไม่ได้ จิตยังชอบฟังแต่คำพูดสวยหรู จิตนั้นยังไม่ละเอียดพอ ส่วนหนึ่งแสดงถึงอัตตา อีกส่วนแสดงถึงการติดในความชอบและชังพอควร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2017
  20. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,230
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,514
    ไม่ค่อยมีคนดูกระทู้แล้ว บางโพสต์ก็เลยลบทิ้งไปบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...