คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ประสบการณ์พระพุทโธน้อยและของอธิษฐาน

กราบคุณแม่บุญเรือนด้วยความเคารพครับ
สวัสดีพี่เชษฐ์ พี่น้องทุกท่านครับ
ไร้โรคภัย ไร้อุปสรรค สุข สมหวัง สำเร็จ สมปรารถนา เลื่อนยศตำแหน่ง ร่ำรวยทุกท่านครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขอน้อมรับพรครับ และขอพรที่อวยพรมาสำเร็จแก่น้องและครอบครัวเช่นกันครับ

 

​

วันนี้วันจันทร์ขอพรทางขาวอันศักดิ์สิทธิ์ จงนำทางชีวิตให้ลูกหลานคุณแม่ฯทุกท่านพบเจอทางสว่าง นำทางราบรื่นชื่นจิต คิดสิ่งใดให้สมปรารถนา คิดหวังเงินทองให้เงินทองมากองตรงหน้า คิดหวังยศฐาให้หลากไหลมาในทุกสายงาน เบิกบานแช่มชื่นทุกวันคืนนับแต่นี้เป็นต้นไปเทอญ

 

กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
สวัสดีลูกหลานและศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ​

เริ่มต้นการทำงานวันที่สองกันแล้วนะครับ ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อนุเคราะห์ให้ลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จะคิดการใดใดให้เป็นผล สำเร็จทุกประการบันดาลดล ได้มรรคผลที่ดีจากที่ทำ ที่อยากได้ลาภให้ได้ลาภ แม้คุณแม่ฯได้ทราบอย่าเหหัน มอบพรประเสริฐเหล่านี้ให้ลูกหลานทุกคนพลัน ได้สุขสรรโดยทั่วหน้าไม่คลาดเทอญ

 

พรุ่งนี้ "วันเสาร์"

ศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่าน

อย่าลืมเตรียม "ตั้งน้ำอธิษฐาน"

และ "ของอธิษฐานเป็นยา" กันนะครับ​

 

หลวงปู่เกลี้ยง มนุญโญ วัดเนินสุทธาวาส ได้ละสังขารแล้ว
เมื่อเวลาประมาณ 20.35 น. วันที่ 2 กรกฎาคม 2560
สิริอายุ 99 ปี พรรษา 78
น้อมกราบส่งหลวงปู่ด้วยความเคารพยิ่ง​

 

กราบคุณแม่บุญเรือนด้วยความเคารพครับ
สวัสดีพี่เชษฐ์ พี่น้องทุกท่าน
ขอให้สำเร็จๆๆ ร่ำรวย เจริญๆ ทุกท่านครับ
น้อมกราบหลวงปู่เกลี้ยง มนุญโญ สาธุ สาธุ สาธุ

 

พระพุทโธจัมโบ้ ท่านเจ้าคุณอุดม ตามหามานาน กำลังรอรับพระ

 

สาธุ สาธุ สาธุครับ

 

ยินดีด้วยครับ ของดีครับ ต่อไปจะหายาก

 

กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
สวัสดีลูกหลานและศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ
​

เดินทางมาถึงวันพุธ วันทำงานกลางสัปดาห์แล้วนะครับ ช่วงวันที่ 4 - 10 กรกฎาคม มีประกาศแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่าจะมีฝนตกชุกและตกหนักในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเตรียมตัวรับมือกันด้วยนะครับ เดินทางอย่าลืมเผื่อเวลาไว้หน่อย ติดอุปกรณ์กันฝนไว้เสมอ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงป้องกันการเจ็บป่วยด้วยนะครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการทำงานและการดำเนินชีวิตตลอดวัน ขอบารมีคณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม มอบพรให้ทุกท่านมีความสุข ไร้ทุกข์และโรคภัย กอปรกิจการงานใดใด ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ให้มากมีด้วยโภคทรัพย์ ถึงระดับเป็นเศรษฐี เป็นผู้มากด้วยบารมี ทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ

 

ผ่านช่วงวันแห่งความหวังมาแล้ว 4 วัน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ มีโชค มีลาภ มีเงินใช้สมปรารถนาหรือเปล่า ได้มากได้น้อยก็ถือว่ามีโชคดีครับ อย่าลืมแบ่งปันเงินไปทำบุญและทำทานด้วยนะครับจะได้ต่อโชคต่อลาภไว้อีกและป้องกันเงินที่ได้เป็นเงินทุกขลาภ ท่านใดไม่มีโชคครั้งนี้ก็ไม่ต้องท้อแท้เสียใจไปนะครับ โอกาสของเราอาจจะยังไม่ถึงแต่อย่าลืมนะครับซื้อหาอย่าให้เดือดร้อนเงินทองที่เอาไว้กินไว้ใช้ หวังว่าถ้าถูกเยอะจะได้รวยๆแต่อย่าลืมคิดด้วยว่าถ้าไม่ถูกล่ะเงินจะมีใช้จ่ายหรือเปล่า อย่าหลงเพลินกับการเสี่ยงโชคมากเกินไปจนขาดสติ ขาดความรอบคอบในการพิจารณาไปนะครับ โอกาสหน้าขอให้ทุกท่านโชคดีมีเงินใช้ทั่วหน้าทุกท่านเทอญ

 

​

ท่านเจ้าคุณอุดมวัฒนมงคล เจ้าอาวาสวัดถ้ำวัฒนมงคล อาพาตด้วยโรคปอดบวม ได้เข้ารับการรักษาอาการอาพาตที่โรงพยาบาลได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เมตตาอนุเคราะห์รักษาอาการอาพาตของ ท่านเจ้าคุณอุดมวัฒนมงคลในครั้งนี้ให้หายในเร็ววัน มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง อายุวัฒนมงคลถึงร้อยปี เพื่อทำนุบำรุงเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง สร้างรากฐานให้มั่นคงสืบไปด้วยเทอญ ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมเป็นที่พึ่ง

 

พระผงของขวัญ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม หลังยันต์พุทโธ ปี 2560
ท่านเจ้าคุณอุดมวัฒนมงคล เมตตาอธิษฐานจิต​

 

กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
สวัสดีลูกหลานและศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ
​

เดินทางมาถึงวันสุดท้ายของการทำงานสัปดาห์นี้แล้วนะครับ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้จะได้หยุดพักผ่อนเพิ่มอีก 1 วันสำหรับงานเอกชน และ 2 วันสำหรับงานราชการ เนื่องในวันหยุดชดเชยวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ช่วงวันหยุดพักผ่อนนี้ขอให้ทุกท่านได้พักผ่อนหรือทำกิจกรรมกับครอบครัว คนที่รักอย่างมีความสุข จะเดินทางไปทางใดก็อย่าได้ประมาท ให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุและภัยทุกประการ สำหรับวันนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการทำงานและการดำเนินชีวิต ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม คุ้มครองลูกหลานและศานุศิษย์ทุกท่านให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ไร้อุปสรรคใดใด จะทำกิจการงานใด ให้แคล่วคล่องว่องใวดังใจหมาย ให้มีแต่ความสุขกายสุขใจตลอดวันด้วยเทอญ

 

กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
สวัสดีลูกหลานและศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ

วันนี้ "วันเสาร์" ศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่าน

"ตั้งน้ำอธิษฐาน" และ "ของอธิษฐานเป็นยา" กันนะครับ​

 

​

วันอาสาฬหบูชา (บาลี: อาสาฬหปูชา; อักษรโรมัน: Āsāḷha Pūjā) เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธนิกายเถรวาทและวันหยุดราชการในประเทศไทย[1] คำว่า อาสาฬหบูชา ย่อมาจาก "อาสาฬหปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ" อันเป็นเดือนที่สี่ตามปฏิทินของประเทศอินเดีย ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนกรกฎาคมหรือเดือนสิงหาคม แต่ถ้าในปีใดมีเดือน 8 สองหน ก็ให้เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 8 หลังแทน

วันอาสาฬหบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 คือวันอาสาฬหปุรณมีดิถี หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ[2] ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นกาสี อันเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาคือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแก่ปัญจวัคคีย์[3]

การแสดงธรรมครั้งนั้นทำให้พราหมณ์โกณฑัญญะ 1 ใน 5 ปัญจวัคคีย์ เกิดความเลื่อมใสในพระธรรมของพระพุทธเจ้า จนได้ดวงตาเห็นธรรมหรือบรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน ท่านจึงขออุปสมบทในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา พระอัญญาโกณฑัญญะจึงกลายเป็นพระสาวกและภิกษุองค์แรกในโลก และทำให้ในวันนั้นมีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วันนี้ถูกเรียกว่า "วันพระธรรม" หรือ วันพระธรรมจักร อันได้แก่วันที่ล้อแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้หมุนไปเป็นครั้งแรก และ "วันพระสงฆ์" คือวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก อีกด้วย

เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีการบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาในประเทศพุทธเถรวาทมาก่อน จนมาในปี พ.ศ. 2501 การบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาจึงได้เริ่มมีขึ้นในประเทศไทย ตามที่คณะสังฆมนตรี ได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2501 โดยคณะสังฆมนตรีได้มีมติให้เพิ่มวันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธในประเทศไทย ตามคำแนะนำของ พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี)[4] โดยคณะสังฆมนตรีได้ออกเป็นประกาศสำนักสังฆนายกเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501[5] กำหนดให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาพร้อมทั้งกำหนดพิธีอาสาฬหบูชาขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีพิธีปฏิบัติเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชาอันเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล

อย่างไรก็ตาม วันอาสาฬหบูชาถือเป็นวันสำคัญที่กำหนดให้กับวันหยุดของรัฐเพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชา

ความสำคัญ

วันอาสาฬหบูชา หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมที่ตรัสรู้เป็นครั้งแรก จึงถือได้ว่าวันนี้เป็นวันเริ่มต้นประกาศพระพุทธศาสนาแก่ชาวโลก และด้วยการที่พระพุทธเจ้าทรงสามารถ แสดง เปิดเผย ทำให้แจ้ง แก่ชาวโลก ซึ่งพระธรรมที่ตรัสรู้ได้ จึงถือได้ว่าพระองค์ได้ทรงกลายเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ คือทรงสำเร็จภารกิจแห่งการเป็นพระพุทธเจ้าผู้เป็น "สัมมาสัมพุทธะ" คือเป็นพระพุทธเจ้าผู้สามารถแสดงสิ่งที่ตรัสรู้ให้ผู้อื่นรู้ตามได้ ซึ่งแตกต่างจาก "พระปัจเจกพุทธเจ้า" ที่แม้จะตรัสรู้เองได้โดยชอบ แต่ทว่าไม่สามารถสอนหรือเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ตามได้ ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชาจึงมีชื่อเรียกว่า "วันพระธรรม"

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่ท่านโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมสำเร็จพระโสดาบันเป็นพระอริยบุคคลคนแรก และได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสมบทเป็นภิกษุองค์แรกในพระศาสนา และด้วยการที่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในโลกดังกล่าว พระรัตนตรัยจึงครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชาจึงมีชื่อเรียกว่า "วันพระสงฆ์"[6]

ดังนั้น วันอาสาฬหบูชาจึงถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนาดังกล่าว ซึ่งควรพิจารณาเหตุผลโดยสรุปจากประกาศสำนักสังฆนายกเรื่องกำหนดพิธีอาสาฬหบูชา ที่ได้สรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวันอาสาฬหบูชาไว้โดยย่อ ดังนี้

1. เป็นวันแรกที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศศาสนาพุทธ
2. เป็นวันแรกที่พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมจักร ประกาศสัจธรรม อันเป็นองค์แห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ
3. เป็นวันที่พระอริยสงฆ์สาวกองค์แรกบังเกิดขึ้นในโลก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา ในวันนั้น
4. เป็นวันแรกที่บังเกิดสังฆรัตนะ สมบูรณ์เป็นพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดในวันอาสาฬหบูชาในพระพุทธประวัติ

หลังจากได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมแล้ว พระองค์ได้ประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่บริเวณสัตตมหาสถานโดยรอบต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นเวลาถึง 7 สัปดาห์

และในขณะทรงนั่งประทับเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 5 หลังการตรัสรู้ ภายใต้ต้นอชปาลนิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ได้ทรงมานั่งคำนึงว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเป็นของลึกซึ้ง คนจะรู้และเข้าใจตามได้ยาก ตามความในมัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์[7] ว่า


... บัดนี้ ไม่สมควรที่เราจะประกาศธรรมที่เราตรัสรู้ เพราะธรรมที่เราตรัสรู้นั้นเป็นสิ่งที่คนทั่วไป ที่ถูกราคะ โทสะครอบงำอยู่จะไม่สามารถมองเห็นได้โดยง่าย, คนที่ถูกราคะย้อมไว้ ถูกกองมืด (คืออวิชชา) หุ้มไว้มิดทั้งหลาย ย่อมไม่สามารถที่จะเข้าใจธรรมะของเราที่เป็นสิ่งทวนกระแส (อวิชชา) ที่มีสภาพลึกซึ้ง ละเอียดเช่นนี้ได้เลย...


— 'มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ทรงท้อพระทัยในการแสดงธรรม'

กิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติในวันอาสาฬหบูชา

วันอาสาฬหบูชา พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมทำบุญตักบาตรในตอนเช้า และตลอดวันจะมีการบำเพ็ญบุญกุศลความดีอื่น ๆ เช่น ไปวัดรับศีล งดเว้นการทำบาปทั้งปวง ถวายสังฆทาน ให้อิสระทาน (ปล่อยนกปล่อยปลา) ฟังพระธรรมเทศนา และไปเวียนเทียนรอบโบสถ์ในเวลาเย็น[44]

โดยก่อนทำการเวียนเทียนพุทธศาสนิกชนควรร่วมกันกล่าวคำสวดมนต์และคำบูชาในวันอาสาฬหบูชา โดยปกติตามวัดต่าง ๆ จะจัดให้มีการทำวัตรสวดมนต์ก่อนทำการเวียนเทียน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมทำการเวียนเทียนอย่างเป็นทางการ (โดยมีพระภิกษุสงฆ์นำเวียนเทียน) ในเวลาประมาณ 20 นาฬิกา โดยบทสวดมนต์ที่พระสงฆ์นิยมสวดในวันอาสาฬหบูชาก่อนทำการเวียนเทียนนิยมสวด (ทั้งบาลีและคำแปล) ตามลำดับดังนี้

1. บทบูชาพระรัตนตรัย (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อรหัง สัมมา ฯลฯ)
2. บทนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า (นะโม ฯลฯ ๓ จบ)
3. บทสรรเสริญพระพุทธคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อิติปิโส ฯลฯ)
4. บทสรรเสริญพระพุทธคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:องค์ใดพระสัมพุทธ ฯลฯ)
5. บทสรรเสริญพระธรรมคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:สวากขาโต ฯลฯ)
6. บทสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:ธรรมมะคือ คุณากร ฯลฯ)
7. บทสรรเสริญพระสังฆคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:สุปฏิปันโน ฯลฯ)
8. บทสรรเสริญพระสังฆคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:สงฆ์ใดสาวกศาสดา ฯลฯ)
9. บทสวดพระธรรมจักกัปปวัตตนสูตรบาลี (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:เอวัมเม สุตัง เอกัง ฯลฯ) (ฟัง)
10. บทสวดบูชาเนื่องในวันอาสาฬหบูชา (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:ยะมัมหะ โข มะยัง ฯลฯ)

จากนั้นจุดธูปเทียนและถือดอกไม้เป็นเครื่องสักการบูชาในมือ แล้วเดินเวียนรอบปูชนียสถาน 3 รอบ โดยขณะที่เดินนั้นพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ ด้วยการสวดบทอิติปิโส (รอบที่หนึ่ง) ระลึกถึงพระธรรมคุณ ด้วยการสวดสวากขาโต (รอบที่สอง) และระลึกถึงพระสังฆคุณ ด้วยการสวดสุปะฏิปันโน (รอบที่สาม) จนกว่าจะเวียนจบ 3 รอบ จากนั้นนำธูปเทียนดอกไม้ไปบูชาตามปูชนียสถานจึงเป็นอันเสร็จพิธี

ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/วันอาสาหบูชา

 

​

วันนี้นอกจากจะตรงกับวันอาสาฬหบูชาแล้ว ยังตรงกับวันที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ทำการอธิษฐานศิลาน้ำ ครบ 61 ปี อีกด้วยครับ คุณแม่บุญเรือน ทำการอธิษฐานศิลาน้ำ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2499

 

ไขปัญหาข้องใจกับคำถามเกี่ยวกับศิลาน้ำ คุณแม่บุญรือน โตงบุญเติม

​

เนื่องในวันครบรอบ 61 ปี การอธิษฐานศิลาน้ำ ของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม จึงได้ถือโอกาสอันดีนี้นำบทความการตอบคำถาม ข้อสงสัยเกี่ยวกับศิลาน้ำที่เคยได้ลงไว้สักระยะแล้วมาลงให้ได้อ่านทบทวนกันอีกครั้ง หรือเป็นความรู้สำหรับท่านที่มาใหม่ไปด้วยครับ

จากคำถามที่หลายๆท่านได้มีการสอบถามเข้ามาเกี่ยวกับการเก็บรักษา "ศิลาน้ำคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม" ว่า ตามที่คุณแม่ฯได้ระบุไว้ว่าอย่าให้ศิลาน้ำแห้งนั้น เมื่อกาลเวลาผ่านไปการเก็บรักษาศิลาน้ำหลายที่ก็ไม่สามารถทำตามที่คุณแม่ฯบอกได้ บางบ้านเก็บไว้บูชาอย่างดีแต่น้ำแห้งจะทำยังไง บางท่านได้บูชามาจากที่ที่มั่นใจได้เมื่อนำมาบูชาไม่ทันได้ระมัดระวังและไม่รู้ว่าอย่าให้ศิลาน้ำนั้นแห้งเลยไม่ได้นำศิลาน้ำนั้นแช่น้ำไว้ตลอดจะทำอย่างไร หลายท่านพกติดตัวสอบถามอีกว่าชิ้นที่พกติดตัวนั้นต้องมีน้ำด้วยหรือไม่หรือถ้าหากพกแบบแห้งๆแล้วพุทธคุณของศิลาน้ำจะยังคงเดิมหรือไม่ วันนี้เราจะมาคลี่คลายเรื่องราวข้อสงสัยต่างๆนี้กันครับ จากคำถามมากมายข้างต้นที่มีสอบถามเข้ามาประจำ เพิ่งมีโอกาสได้สอบถามคุณยายน้อยลูกศิษย์คุณแม่ฯซึ่งยังมีชีวิตอยู่เกี่ยวกับเรื่องศิลาน้ำนี้และได้นำมาลงเผยแพร่ไปก่อนหน้าแล้ว ทำให้ทราบว่า "ศิลาน้ำ" มีความศักดิ์สิทธิ์เสมอไม่มีวันเสื่อมคลายรวมถึงของอธิษฐานต่างๆของคุณแม่ฯท่านด้วย

เรื่องที่ 1 เรื่องที่คุณแม่ฯสั่งไว้ว่าให้เก็บรักษาศิลาน้ำไว้อย่าให้แห้ง ?

คุณยายน้อยบอกว่าคุณแม่ฯท่านไม่ได้บอกเหตุผลใดใดไว้เลย แต่คุณยายน้อยมั่นใจว่าต้องมีเหตุผลที่อาจจะบอกไม่ได้หรืออธิบายไปอาจจะทำให้เกิดผลเสียบางอย่างกับการบูชาก็เป็นได้(ในส่วนนี้ผมสันนิษฐานว่า เพราะศิลาน้ำนี้เดิมทีอยู่ในน้ำ อยู่ในที่มีน้ำขังเสมอน้ำไม่เคยจะเหือดแห้งไป หากนำมาบูชาแล้วปล่อยให้แห้งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับก้อนศิลาน้ำได้ เช่นบางคนที่ได้ไปบูชาไม่ระวังไม่เห็นความสำคัญนำศิลาน้ำไปวางไว้ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด มีแดดจัด ส่องกระทบศิลาน้ำตลอดเวลาและไม่ได้มีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่นั้นความร้อนที่ซึมผ่านเข้าไปในเนื้อศิลาน้ำทำให้เกิดการแตกร้าวเสียหาย เสียรูปไป ซึ่งจุดนี้คุณแม่ฯท่านได้กำชับไว้เช่นกันว่าศิลาน้ำที่ท่านเมตตาอธิษฐานให้แล้วนี้ห้ามนำไปทุบ เจียรนัยหรือแปรสภาพใดใด ต้องให้อยู่คงสภาพเดิมไม่เช่นนั้นพุทธคุณจะหายไป นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ในเรื่องการห้ามให้ศิลาน้ำแห้ง อีกเหตุผลที่น่าจะเป็นได้ก็คือหากปล่อยให้ศิลาน้ำที่เก็บไว้แห้งแล้ว ศิลาน้ำก็เหมือนไม่มีสิ่งใดห่อหุ้มป้องกันเมื่อแห้ง(ซึ่งเดิมอย่างน้อยก็มีน้ำล้อมรอบกันการถูกสิ่งปนเปื้อนได้ชั้นหนึ่งไม่ถูกตัวศิลาน้ำได้โดยตรง) ฝุ่นผงสิ่งสกปรกต่างๆก็อาจจะมาเกาะมากมายจนเลอะสกปรกไม่สามารถนำมาใช้ประกอบการตั้งน้ำได้อีกเพราะเกรงกลัวว่าจะมีเชื้อโรคที่ไม่พึงประสงค์ติดปนมา หากจะให้นำมาขัดจนสะอาดก็อาจจะกระทบศิลาน้ำทำให้เกิดการถลอกเปลี่ยนสภาพหมดพุทธคุณไปอีก ถ้าอยู่ในน้ำหากเกิดตะไคร่หรือมีสิ่งสกปรกตกลงไปก็ยังทำความสะอาดได้ง่ายกว่าเพียบเช็ดๆเล็กน้อยก็หลุดไปไม่กระทบกระเทือน คุณแม่ฯจึงกำชับไว้ว่าอย่าให้ "ศิลาน้ำ" ที่บูชาหรือใช้ตั้งน้ำอยู่นั้นแห้ง)

เรื่องที่ 2 ศิลาน้ำ พกพาได้หรือไม่และเวลาพกติดตัวถ้าแห้งจะผิดคำสั่งคุณแม่ฯหรือไม่ ?

เรื่องนี้ก็สอบถามมามากเช่นกันเพราะเกรงว่าจะขัดคำสั่งที่คุณแม่ฯท่านให้ไว้ว่าอย่าให้ศิลาน้ำแห้ง แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงกังวลใดใดครับ เพราะในคำบอกกล่าวเกี่ยวกับพุทธคุณศิลาน้ำที่คุณแม่ฯได้บอกกับลูกศิษย์ไว้มีชัดเจนว่า เมื่อ ใส่ศิลาน้ำลงในน้ำ น้ำนั้นก็จะเป็นน้ำอธิษฐาน เมื่อใส่ศิลาน้ำลงปูนก็จะเป็นปูนเสก เมื่อพกพาศิลาน้ำนั้นติดตัวก็จะคุ้มกันภัยอันตรายต่างๆได้ ดังนั้นหากท่านจะพกติดตัวไม่ต้องกังวลครับคุณแม่ฯท่านบอกไว้ชัดเจนว่าสามารถพกพาติดตัวได้ไม่จำเป็นต้องเปียก(เป็นกรณีเดียวที่คุณแม่ฯท่านให้ศิลาน้ำแห้งได้) แต่สำหรับท่านที่สอบถามมาว่าจะนำมีศิลาน้ำเพียงก้อนเดียวและพกติดตัวอยู่จะนำมาใช้ตั้งน้ำได้หรือไม่ ข้อนี้ผมขอบอกว่าได้ครับแต่ไม่ควรเพราะเราพกศิลาน้ำก้อนนี้ติดตัวไปมาเจอสิ่งต่างๆมากมายอาจจะทำให้เกิดความสกปรกที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นจึงไม่ควรนำมาใช้ประกอบการตั้งน้ำอธิษฐานครับ หาเพิ่มอีกสักก้อนจะดีกว่า

เรื่องที่ 3 ศิลาน้ำที่แห้งแล้วจะมีความศักดิ์สิทธิ์และนำมาใช้เหมือนเดิมได้หรือไม่ ?

ข้อสงสัยนี้ก็มีสอบถามมามากเลยทีเดียวไม่น้อยไปกว่าสองข้อข้างต้น ตามคำบอกของคุณยายน้อยที่นำมาลงไว้แต่ต้นแล้วว่า "ศิลาน้ำ มีความศักดิ์สิทธิ์เสมอ ไม่มีวันเสื่อม" ดังนั้นคำถามนี้จึงตอบได้ว่า ศิลาน้ำนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์คงเดิมครับและสามารถนำมาใช้ตั้งน้ำได้เช่นเดิม แต่ขอให้ท่านระมัดระวังในการทำความสะอาดก้อนศิลาน้ำที่แห้งแล้วให้มาก อย่าทำให้เกิดความเสียหายกับตัวศิลาน้ำได้ และเมื่อใช้ตั้งน้ำแล้วก็เก็บรักษาไว้อย่าให้แห้งตามคำบอกของคุณแม่ฯไว้เสมอจะดีที่สุดครับ

เรื่องที่ 4 ไม่สะดวกตั้งน้ำอธิษฐานในวันเสาร์ สามารถตั้งก่อนหรือวันที่สะดวกได้หรือไม่ ?

คำถามนี้ก็สุดฮอตเหมือนกันครับ ตอบง่ายๆเลยครับว่า "ได้ ถ้าหากมีศิลาน้ำ" ใส่ลงไปในน้ำด้วย เพราะศิลาน้ำคือตัวแทนคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม นั่นเองดังนั้นเมื่อใส่ศิลาน้ำลงไปก็เปรียบเสมือนคุณแม่ฯท่านมาอธิษฐานให้ ด้วยตัวเองและมีความศักดิ์สิทธิ์แม้จะไม่ได้ตั้งในวันเสาร์ ส่วนที่ว่าให้ตั้งในวันเสาร์นั้น เป็นการทำเหมือนครั้งที่คุณแม่ฯยังมีชีวิตอยู่สืบต่อมารวมถึงคนที่ไม่มีศิลา น้ำของคุณแม่ฯประกอบการตั้งน้ำด้วย คุณแม่ฯจะได้เมตตาอธิษฐานธรรมให้ในวันนี้เหมือนตอนที่ท่านยังอยู่ครับ สรุปว่าสำหรับท่านที่มีศิลาน้ำอยู่หากมีความจำเป็นต้องตั้งในวันอื่นนอก เหนือจากวันเสาร์สามารถทำได้ครับ หรือว่าจะใช้ตั้งน้ำแบบเร่งด่วนเพื่อให้คนป่วยเฉพาะหน้าก็ได้เช่นกัน แต่หากไม่มีศิลาน้ำแล้วควรตั้งในวันเสาร์เช่นเดิมครับและในระหว่างการ อธิษฐานควรตั้งสมาธิให้มั่นด้วยครับเพื่อจะได้สื่อสารถึงคุณแม่ฯได้ถึง

หวังว่าเนื้อหาไขข้อสงสัยที่ได้ลงไว้ข้างบนทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ลูกหลานและศิษยานุศิษย์คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมทุกท่านที่มีข้อสงสัยอยู่ได้มีความเข้าใจและคลายความสงสัย ความวิตกกังวลต่างๆที่มีอยู่ได้อย่างมากนะครับ และเมื่อได้อ่านข้อมูลนี้แล้วก็อย่าลืมว่า "อย่าปล่อยให้ศิลาน้ำแห้ง" นะครับ

 

กราบคุณแม่บุญเรือนด้วยความเคารพครับ
สวัสดีพี่เชษฐ์ พี่น้องทุกท่านครับ
จงสำเร็จๆๆ ทุกประการเทอญ