เรื่องเด่น เปิดตำนาน "วิชาปรอท" ...เผยธรรมเนียมของพระอภิญญา ล้วนกระโดดลงจากยอดเจดีย์ เมื่อสำเร็จวิชาปรอท !

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 15 กรกฎาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    อภิญญา-ปรอท-พลังจิต-01.jpg


    ธรรมเนียมของพระอภิญญา

    วิชาปรอท เป็นหนึ่งในวิชามหัศจรรย์ที่คนโบราณพยายามคิดค้นและพยายามทำให้สำเร็จ แต่มีน้อยคนนักที่จะสำเร็จปรอทขึ้นมาได้ ปรอทตามธรรมชาติเป็นโลหะธาตุเหลว และแม้ว่าจะเป็นโลหะเหลวที่ยังไม่ได้หุง แต่ก็มีอำนาจในตัว เช่นมีอำนาจด้านการกันไข้ป่า และโรคภัยต่างๆ และหากนำมาฆ่าพิษปรอท และหุงขึ้นรูปจนสำเร็จปรอทออกมาแล้วก็ยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นทั้งคงกระพันชาตรี มีตบะอำนาจ เมตตามหานิยม กันโรคภัยไข้เจ็บและทำให้อายุวัฒนะยืนยาวอีกด้วย คนที่มีปรอทวิเศษ ท่านว่ารางกายจะเบาเหมือนประหนึ่งว่าจะลอยได้ แต่หากสำเร็จขั้นสูงสุดก็จะสามารถเหิรฟ้านภากาศไปไหนต่อไหนได้ตามใจชอบ จะไปฟ้าป่าหิมพานต์ก็ยังได้


    สมัยที่หลวงพ่อโอภาสีอยู่วัดบวรนิเวศน์ เคยสร้างข่าวครึกโครมตื่นตระหนก ด้วยหลังจากหุงปรอทและสำเร็จปรอท ท่านก็ปีนเจดีย์ไปถึงยอดแล้วกระโดดลงมาตัวปลิว ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใดกระโดดลงมาเสร็จก็เดินเข้ากุฏิหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่ท่านไปปักกลดที่วัดศรีประวัติ จ.นนทบุรีท่านก็ปีนเจดีย์แล้วกระโดดลงมาอีกเช่นกันไม่ได้รับอันตรายใดๆทั้งๆที่เจดีย์สูงใหญ่ถ้าคนธรรมดาแข้งขาหักหรืออาจเสียชีวิตลงได้



    เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีหลวงพ่อโอภาสีท่านแรกที่ทำ เพราะย้อนไปในสมัยราวรัชกาลที่ ๔ ก็มีขรัวตาแสง แห่งวัดมณีชลขันธ์ เมืองลพบุรี ผู้เป็นบูรพาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี ซึ่งกล่าวกันว่า สมเด็จโตฯ ร่ำเรียนวิชาย่นระยะจากขรัวตาแสงจาก ข้อมูลจากหนังสือ สมุดสมเด็จ พ.ศ.๒๕๕๑ อนุสรณ์ ๒๐๐ ปี แห่งชาตกาลสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตารามโดย พระครูกัลยาณานุกูล (พระมหาเฮง อิฏฺธาจาโร) หน้า ๑๘๒ บันทึกไว้ว่า

    “คราว หนึ่งมีผู้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปในงานพิธีมงคลโกนจุก ที่จังหวัดอ่างทอง ท่านได้เริ่มออกเดินทางก่อนกำหนดเวลาเพียง ๓ ชั่วโมง มีคนสงสัยกันว่าท่านจะไปทันเวลากำหนดได้อย่างไร ถึงกับได้สอบถามไปยังเจ้าภาพในภายหลังต่อมา ก็ได้รับคำตอบว่าท่านไปทันเวลาตามที่กำหนดในฎีกาไม่คลาดเคลื่อน ว่าวิชานี้ท่านได้ศึกษามาจากพระอาจารย์แสง ที่จังหวัดลพบุรี”

    โดยท่านขรัวตาแสงผู้นี้ก็ได้อภิญญาสำเร็จปรอทสร้างเจดีย์กลางเมืองคนเดียวอีกด้วย ซึ่งพอถึงยอดก็กระโดดลงมาแล้วเดินหายลับ ไป


    มาถึงยุคไล่เลี่ยกันกับหลวงพ่อโอภาสีก็ยังมีหลวงพ่อเชย แห่งเขาปากแรด จ.ชลบุรี ครูบาอาจารย์ของเซียนสูง “พรหมเชยธีระ” อีกท่านหนึ่ง ที่ท่านเล่นปรอทและสำเร็จปรอทเช่นกัน และมีพฤติกรรมเช่นเดียวกันกับหลวงพ่อโอภาสี คือท่านปีนไปบนต้นตาลแล้วตะโกนว่ากูจะเหาะแล้วโว้ยๆ จากนั้นก็กระโดดลงมาปรากฏว่าท่านตกลงมาบนพื้นไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด เดินตัวปลิวให้คนที่เฝ้ามองตื่นเต้นและงง

    เรื่องการกระโดดลงมาจากที่สูงดูเหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สำเร็จปรอท สำเร็จอภิญญา เพราะแต่ละท่านที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ล้วนสำเร็จปรอททั้งสิ้น ทิ้งไว้แต่ความอัศจรรย์ใจของคนปุถุชน เพราะท่านเหล่านั้นล้วนเป็นบุคคลอจินไตย





    ที่มา : Jaruvat Chanposri

    หนังสือ บารมีเหนือโลก หลวงปู่เทพโลกอุดร


    เรียบเรียงโดย

    จินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์


    -----------------------------------

    http://www.tnews.co.th/contents/336699
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ขออนุญาติร่วมแชร์เรื่องนี้บ้าง พอดี
    เคยได้พอมีโอกาสเฉียดๆเข้าไปบ้าง
    แต่พอดี ตอนนั้นโดนพระมีชื่อ ความ
    สามารถทางจิตสูงท่านหนึ่งปรามไว้
    ถึง ๓ ครั้งว่าห้ามเข้าไปยุ่ง
    ช่วงที่กำลังใช้งานทำอะไรเกี่ยวกับกสิณ ๑๐ อยู่
    เอาว่าเหตุเพราะอะไรอย่าเล่าดีกว่า
    แต่ก็มีแอบแบบแว๊บๆบ้าง

    เรื่องการที่จะต้องกระโดดจากที่สูงนั่น
    ส่วนตัวไม่มีประสบการณ์หรือเคยได้ยิน
    เรื่องนี้มาก่อนครับ เท่าที่พอจะมีประสบการณ์นะครับ
    แต่ทราบว่า ท่านที่ทำปรอทได้ ไม่ใช่ปรอทหุ่ง
    ที่มีต้นตำรับจากท่านอาจารย์ทางประเทศพม่านะครับ
    อย่างนั้นใช้เวลาจริงๆแล้วไม่ต่ำกว่า ๒ ปีนะครับ
    กว่าจะออกมาอย่างที่เราเห็นคล้ายๆ ตะกั่วได้
    ส่วนตัวเชื่อว่า ที่อ้างๆว่าเป็นปรอทนะปัจจุบันนี้
    จะหาที่เป็นแบบต้นฉบับจากทางพม่าน้อยมากครับ

    เอาว่าที่ว่าเป็นนิทานนะครับเพราะว่า ค่อนข้างอจิณไตยเล็กน้อย
    ปรอทอย่างที่จะเล่า จะเป็นปรอทที่เราเรียกเอาทาง
    สมาธิครับ หลักการก็คือด้วยการนั่งสมาธิในโหมดอรูปฌาน
    ที่ต้องมีกำลังจากการผ่านรูปฌานมาก่อนนะครับ
    ถ้าไม่เคยผ่านอรูปฌาน นั่งชาตินี้ยันชาติหน้าก็ไม่มีผลครับ
    และเข้าอรูปฌานแบบเพียวๆในระยะเวลาประหนึ่ง
    ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิสะสมของท่านนั้นๆ
    แล้วก็จะเกิดเป็น คล้ายๆเม็ดใสๆล่วงแหวก เหนือศรีษะ
    เราไม่เกิน ๑ เมตรมาทางด้านขวา
    (ไม่ใช่แบบล่วงจากต้นไม้สูงๆที่เป็น
    เพชร เพิ้ท อะไรนะครับ)คนละแบบ และผ่านอากาศ
    ล่วงลงมา ถ้าที่ผ่านอากาศแบบนี้สังเกตุได้ง่ายคือ
    ถ้าตกลงถึงพื้น จะหายไปได้ครับ
    ในการเรียกปรอทก็จะใช้วิธีการประมาณนี้หละครับ
    และจะเกิดเป็นสีเงินคล้ายๆปรอท ในพานที่ได้เตรียมไว้ครับ
    ที่เล่าให้ฟังมา คือวิธีการพื้นฐานเบสิคทั่วไปนะครับ
    แต่ในระดับครูบาร์อาจารย์นั้น ตัวจิตท่านจะเลยอรูปฌาน
    ที่ ๓ ไปสำเร็จอรูปฌานอีกขั้นหนึ่ง ที่เราเรียกว่า
    ระดับจิตธาตุครับ ซึ่งดวงจิตที่จะเข้าถึงในระดับนี้ได้
    จะเป็นดวงจิต ที่แทบจะไม่สนใจ ในลาภ ในยศ ในสุข
    และสรรเสริญอะไรเลยแม้แต่น้อยครับ
    ทำให้สามารถที่จะพลิกนามธรรมเป็นรูปธรรมได้ ก็คือ
    นึกจะหยิบจับ โดยยื่นมือออกไป หรือทำให้ปรากฏต่อ
    หน้าต่อหน้าต่อได้เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องมีลีลา
    และมีท่ามาก(เหมือนบางท่านที่อ้างแล้ว
    ต้องพลิกมืออะไรไปข้างหลัง
    อะไรนะครับ) และนอกจากปรอทก็ทำได้
    เช่นกันครับ ส่วนเรื่องที่หายตัวได้ หรืออจิณไตยอื่นๆ
    เป็นเรื่องปกติที่เกิดได้ในกำลังระดับจิตธาตุ
    ที่ตัด ลาภ ยศ สุข สรรเสริญได้เป็นปกติครับ
    ส่วนตัวเชื่อสมัยก่อนจะมีหลายท่านทำได้เยอะ สมัยนี้
    ตอนแรกก็นึกว่า จะไม่พบท่านแบบนี้ครับ
    เสียได้ว่า ได้เจออยู่ท่านหนึ่ง ที่มีความสามารถ
    ทางจิตทำได้จริงๆ มีความสามารถทางจิตสูงมาก
    ระดับทะลุทะลวง
    มีความสามารถสูงจริงๆ แต่กลับเน้นสอนเรื่องปัญญาล้วนๆ
    และเสียดายมากที่ท่านพึ่งละสังขารได้ไม่นาน
    เป็นที่น่าเสียดายยิ่งหนัก

    ปล.ปัจจุบันก็ยังคิดว่า จะยังเจอท่านที่พลิกนามธรรม
    เป็นนามธรรมอย่างท่านที่ได้กล่าวถึงอีกซักท่าน
    ก็ถือว่าโชคดีแล้วครับ....
    ย้ำว่า นิทานนะครับและอจิณไตยเล็กน้อย
    ฟังหูไว้หูครับ



     
  3. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    เป็นธรรมเนียมครับ
    เพื่อเป็นการปเองกันผู้แอบอ้างว่าสำเร็จแต่แท้จริงแล้วไม่สำเร็จ
    อีกอย่างเพื่อเป็นการยืนยันให้ตัวผู้สำเร็จวิชานั้นมีความมั่นใจในสิ่งที่ตนสามารถกระทำได้
    ที่ให้กระโดดลงมาจากยอดเจดีย์นั้น เพราะในสมัยก่อนไม่มีอะไรสูงกว่ายอดเจดีย์ครับ
    ๕๕๕๕๕๕๕
    ไม่งั้นคงให้ไปโดดยอดตึกใบหยก
    ๕๕๕๕๕๕๕
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อืมจริง ลืมคิดประเด็นนี้ ๕๕
    ถ้าสมัยนี้ ที่อ้างว่าตนสำเร็จ
    ลองได้กระโดด เรียกรถ
    มูลนิธิรอได้เลย ๕๕๕
    ตึกใบหยกเสียตังค์ขึ้นชั้นบนสุดนะ
    อย่าลืมพกตังค์ไปด้วย ๕๕
     
  5. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    เสียตังค์????
    โห
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    จำไม่ได้ว่าค่าขึ้น ๔ หรือ ๖ ร้อยนี่หละ
    ก็เลยข่างหัวป้ามัน ไปเดินดู
    ของกินดีกว่า ๕๕๕
     
  7. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ไม่เคยขึ้นไปเลยตึกใบหยก;)
     
  8. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ถ้าเป็นสายวิชาในดงนอกดงเขามีโดดเหวกันด้วยนะแต่มิได้สำเร็จทุกคนท่าน
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ใช่ครับเฉพาะในดงนะ
    หาคนสำเร็จได้ยากครับ
    เพราะระดับสุดท้ายคือจิตธาตุ
    มันฝึกเอาไม่ได้ครับ
    มันทิ้งเอาครับงงไหม

    เรียกว่าจะสำเร็จได้แถบไม่เอาอะไรเลย
    สังเกตุง่ายๆนะครับ
    ผู้ที่สำเร็จจะใช้การเรียกเอาครับ
    เรียกว่าปรอทเงิน หรือปรอทธาตุครับ
    ถ้าเหล็กไหล หรือพระธาตุ
    เห็นท่านเรียกภูตอากาศครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...