เรื่องเด่น กรรมจากการขวางบุญผู้อื่น และเรื่องในพระไตรปิฏก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 26 กรกฎาคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    buddha034.jpg

    การขวางบุญผู้อื่น


    การขวางบุญผู้อื่น ถือว่าเป็นกรรมฝ่ายอกุศลกรรมอีกชนิดหนึ่ง ถือว่าเป็นกรรมใหญ่ที่บั่นทอนรายได้และความเจริญอย่างมาก มีหลายชนิดดังนี้

    การขวางบุญโดยไม่ให้ผู้อื่นรักษาศีลและนั่งสมาธิ ถือว่าเป็นกรรมใหญ่ เพราะศีลเป็นบุญชั้นกลาง สมาธิเป็นบุญชั้นสูง คือเป็นครุกรรม คือกรรมหนักฝ่ายกุศล ถ้าผู้ใดไปขวางบุญชนิดนี้ จะทำให้ผู้นั้นได้รับความทุกข์ยากลำบากเป็นอย่างมาก

    การขวางบุญในการแสดงธรรม-การฟังธรรม คือ ในขณะที่อาจารย์สอนธรรมะให้คนทั่วไปฟังอยู่นั้น หรือในขณะที่พระทำพิธีสวดมนต์อยู่นั้น อาจจะมีบางคนพุดคุยกันในที่แห่งนั้น ซึ่งทำให้ผู้ที่ถูกชวนคุยนั้นฟังที่อาจารย์สอนไม่รู้เรื่อง และยังทำให้คนข้างๆ เสียสมาธิในการฟังด้วย เป็นการรบกวนคนอื่นรอบข้าง หรือการกระทำใดๆก็ตามคนที่ฟังธรรม ในที่แห่งนั้นเสียสมาธิในการฟัง หรือถูกรบกวนการฟังธรรม ทั้งที่ผู้ที่กระทำนั้นไม่ได้มีความตั้งใจหรือมีเจตนา แต่เขาผู้นั้นจะต้องได้รับกรรมชดใช้ และกรรมของการขัดขวางบุญผู้อื่นแน่นอน และผลกรรมที่ได้รับก็คือ เขาจะเป็นผู้ตาบอด หูหนวก เป็นต้อเนื้อ ต้อกระจก ปากแหว่ง หรืออาจจะปากเสีย

    หรือฟันในปากมีปัญหาทำให้ได้รับความเจ็บปวดมาก อาจจะเป็นคนปากเหม็นมาก หรืออาจจะทำให้เขาผู้นั้นเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา ซึ่งจะอยู่กับกรรมที่ทำมา ว่าเขาขวางบุญมากหรือน้อยแค่ไหน แต่เขาจะได้รับโทษอย่างแน่นอน ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนก็จะต้องเป็นชาติต่อๆ ไปโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

    และใครจะเอาเด็กไปฟังธรรมด้วย ก็ขอให้ดูแลให้ดี มิฉะนั้น ตัวเด็กจะทำบาปโดยไม่รู้ตัว เช่น การส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น

    หลายคนอาจสงสัยว่า แค่พูดกันหรือแค่โทรศัพท์อาจจะรบกวนคนอื่นบ้าง แต่ทำไมต้องได้รับโทษขนาดนั้น ก็จะขออธิบายว่า...

    การฟังธรรมะ...ไม่เหมือนกับการฟังอาจารย์สอนความรู้วิชาการด้านต่าง ดังที่เราได้เคยร่ำเรียนมา เพราะความรู้เหล่านั้น ไม่สามารถที่จะทำให้เรากลายเป็นคนดีได้ จนทำให้เราพ้นจากนรกหรืออบายภูมิ และความรู้เหล่านั้น ก็ไม่สามารถทำให้เราตายแล้ว ไปเกิดบนสวรรค์ได้ จึงถือว่าเป็นความรู้ที่ธรรมดา ไม่เหมือนกับความรู้ที่ได้จากธรรมะ เพราะถ้าผู้ใดสามารถรู้ และเข้าใจจนสามารถพิสูจน์ได้ เขาผู้นั้นก็จะกลายเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนใคร และเมื่อตายไปก็จะรอดพ้นจากนรกหรืออบายภูมิได้ และธรรมะยังทำให้เขารู้หนทางที่จะไปเกิดบนสวรรค์ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นความรู้ในธรรมะจึงถือว่าเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่มีความรู้ใดเทียบเท่าได้

    เพราะฉะนั้นการขวางบุญในการฟังธรรม จึงเท่ากับขวางแสงสว่างในชีวิตของคนบางคน และขวางความเจริญรุ่งเรืองทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆ ไป ของบุคคลผู้นั้นด้วย จึงทำให้ผู้ที่ขวางบุญคนอื่นนั้นได้รับผลกรรมที่หนักพอสมควร ดังที่กล่าวมาแล้วนั่นเอง

    การขวางผู้อื่นทำทาน คือ เมื่อเห็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือแฟน สามี มิตรสหายจะทำบุญหรือให้ทาน เช่น จะทำทานสร้างโบสถ์หรือวิหารสักแห่ง ประมาณ ๑,๐๐๐ บาท ผู้ที่ขวางบุญก็จะบอกว่า ทำแค่ร้อย สองร้อย ก็พอ หรือจะให้เงินขอทานสัก ๒๐ บาท ผู้ที่ขวางบุญก็จะบอกว่า อย่าไปให้เลย เพราะจะเป็นการสนับสนุนเขาให้เป็นขอทาน แต่พอถามว่า เมื่อเขาเป็นคนพิการ คุณจะพาเขาไปหางานทำหรือจะช่วยเหลือเขาหรือเปล่า ผู้ขวางบุญกลับบอกว่า ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม ซึ่งฟังแล้วแปลกดี

    ไม่มีหน้าที่..ช่วย แต่กลับมีหน้าที่..ขวาง..บุญ ซึ่งผลกรรมในการขวางบุญ เรื่องการให้ทานนี้ จะทำให้เขาเป็นผู้ทำมาหากินลำบาก ถูกขัดขวาง เกิดอุปสรรคมากมาย ลาภผลที่จะได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และที่สำคัญ เมื่อเขาตายไปแล้ว ถ้ากลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง

    อาจจะเป็นมนุษย์ตัวเตี้ยผิดปกติ จนไปถึงกลายเป็นคนแคระก็อาจเป็นไปได้ เป็นผลมาจากการขวางบุญที่เขาเคยทำในอดีตชาตินั่นเอง จะเตี้ยมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่ที่กรรม ขวางบุญคนอื่นมากน้อยเพียงไร

    ---------------------------------

    ชาติก่อนเคยขวางบุญไว้

    ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำวัตรอยู่ในโบสถ์มีอุบาสกคนหนึ่งมีความประสงค์จะไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
    จึงเดินเข้าไปในโบสถ์ พอไปถึงหน้าโบสถ์เห็นเป็นเณรยืนอยู่ มีลักษณะตัวเล็ก จึงเข้าไปลูบหัวด้วยความเอ็นดูรักใคร่
    เสร็จแล้วได้เเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในโบสถ์ เมื่อกราบนมัสการเสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าทรงถามอุบาสกว่า
    "อุบาสกเดินเข้ามาได้เห็นพระอรหันต์องค์หนึ่งอยู่หน้าโบสถ์หรือไม่" อุบาสกตอบว่า
    "ข้าพระพุทธเจ้าไม่เห็นพระอรหันต์สักองค์หนึ่งเลย เห็นแต่สามเณรน้องน่ารักอยู่องค์เดียวเท่านั้นพระเจ้าข้า"

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นั่นแหละ พระอรหันต์ละ"

    อุบาสกเมื่อรู้ว่าสามเณรน้อยน่ารักผู้ที่ตัวเองได้ลูบศีรษะนั้นคือพระอรหันต์ก็รู้สึกตกใจมาก และได้ถามถึงบุรพกรรมของสามเณรว่า
    ทำไมถึงได้มีร่างกายเล็กและเตี้ยเหมือนกับเด็ก พระพุทธเจ้าจึงเล่าถึงอดีตชาติของพระอรหันต์องค์น้อยว่า
    "ในอดีตชาติ ท่านได้เป็นอุบาสกผู้มีใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและได้ร่วมกับพรรคพวกของท่านวางแผนสร้างเจดีญืขึ้นหนึ่งองค์
    ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มีความเห็นว่าต้องการที่จะสร้างเจดีย์ให้สูงเท่านกเขาเหิน แต่ตัวท่านกลับเห็นว่าสูงเกินไป และให้ความเห็นแก่ทุกคนว่า
    พวกเราไม่ควรสร้างให้สูงปานนั้น ควรจะสร้างให้ต่ำๆ จะดีกว่า ทุกคนจึงมีความเห็นตามอุบาสกผู้นี้พูด และได้ตกลงสร้างเจดีย์ตามนั้น
    เพราะกรรมการบั่นทอนหรือขวางบุญผู้อื่น ซึ่งบุญที่คนทั้งหลายควรจะได้มากหรือได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่เมื่อถูกเราไปขวาง
    จึงทำให้สิ่งที่เขาควรจะได้รับนั้นลดลง หรือบางทีอาจจะไม่ได้เลย กรรมอันนี้นี่เองที่ทำให้ในชาตินี้ท่านจึงได้เกิดมาตัวเตี้ยผิดจากมนุษย์ธรรมดา"





    ที่่มาของบทความ... http://dhammavoice.blogspot.com/2009/09 ... st_24.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2017
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ผู้ที่ขัดขวางการปฏิบัติธรรม มีโทษอย่างไร

    ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของนักปฏิบัติธรรมว่าอยู่ในระดับใด ถ้าปฏิบัติขั้นต้นๆ เช่น ใส่บาตรทุกเช้า ผู้ใดขัดขวางห้ามมิให้ใส่บาตร บาปที่ผู้นั้นจะได้รับก็น้อยลง ผู้ที่นำอาหารไปถวายพระที่วัด รักษาศีลฟังธรรม ผู้ที่ขัดขวาง บาปที่ได้รับก็มากขึ้น สำหรับผู้ที่ไปบวชชีพราหมณ์ ๓ วัน ก็ดี ๗ วันก็ดี ผู้ที่ขัดขวาง บาปที่ผู้นั้นจะได้รับยิ่งมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีความตั้งใจมั่นที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อชำระกิเลสให้หมดไปจากจิตใจ หวังเข้าสู่แดนวิมุต หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ผู้ที่ขัดขวาง บาปที่ผู้นั้นจะได้รับมากเป็นพันเท่าทวีคูณ

    ตัวอย่างเช่น ภรรยาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ทุกวัน สามีขัดขวาง ไปเกิดชาติหน้าสามีจะเป็นคนจนและโง่เขลา เบาปัญญา ถ้าภรรยานำอาหารไปถวายพระที่วัด รักษาศีล ฟังธรรม สามีขัดขวาง ไปเกิดชาติหน้าสามีจะเป็นคนยากจน เป็นอันธพาลโง่เขลา เบาปัญญามากขึ้น ถ้าภรรยาไปบวชชีพราหมณ์ ๓ วัน ๗ วัน สามีขัดขวาง ไปเกิดชาติหน้าสามี จะทำอะไรไม่สำเร็จ จะมีคนมาขัดขวางอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นคนล้มเหลวในชีวิต

    ภรรยาตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อชำระกิเลสให้หมดไปจากจิตใจ หวังเข้าสู่แดนวิมุตหลุดพ้น จากการเวียนว่ายตายเกิด สามีขัดขวาง บาปที่สามีจะได้รับหนักมาก ตายไปตกนรกหมกไหม้หลายชาติ เมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีก จะไร้ญาติขาดมิตร อดอยากยากจน ข้นแค้น ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีอาหารการกิน เป็นคนใจร้าย รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ในชาติต่อไปจะไม่ได้พบกันอีก ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอีกต่อไปเพราะการกระทำในชาตินี้ต่างกัน คนหนึ่งทำแต่ความดี อีกคนขัดขวางและไม่ทำความดี ไม่มีศีลไม่มีธรรม ประกอบแต่กรรมชั่ว เป็นคนตระหนี่เห็นแก่ตัว ปากร้าย พูดแต่คำหยาบ ทำให้ผู้อื่นเสียหาย การกระทำอย่างนี้อาจจะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ได้รับความทุกข์ทรมานเป็นเวลายาวนาน

    เพราะฉะนั้นผู้ใดก็ตามที่ขัดขวางการประพฤติปฏิบัติธรรมดังกล่าวมาแล้ว จะเป็นสามีขัดขวางภรรยา ภรรยาขัดขวางสามี ลูกขัดขวางพ่อแม่ พ่อแม่ขัดขวางลูก หรือญาติพี่น้องขัดขวาง บาปที่ได้รับจะส่งผลเหมือนกัน ดังที่อธิบายมาแล้วข้างต้น...นั้นแล... b48.gif b48.gif


    ที่่มาของบทความ... http://porjarearntum.igetweb.com/index. ... art=389295
     
  3. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    อนุโมทานาครับ
     
  4. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +1,095
    sa319.jpg
     
  5. ssjtadaporn

    ssjtadaporn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +37
    อนุโมทนาสาธุค่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...