เราจะรู้ตัวได้ยังไงคะว่าตัวเองไม่ใช่มาร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 10 ตุลาคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ตามหัวข้อกระทู้ค่ะ
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ทำความรู้จักมารก่อน แล้วก็จะรู้ว่าตนเองเป็นมารหรือเทพบุตร เทพธิดา


    มาร สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากความดี หรือจากผลที่หมายอันประเสริฐ, ตัวการที่กำจัดหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี มี ๕
    คือ
    ๑. กิเลสมาร มารคือกิเลส

    ๒. ขันธมาร มารคือเบญจขันธ์

    ๓. อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขารที่ปรุงแต่งกรรม

    ๔. เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร

    ๕. มัจจุมาร มารคือความตาย


    มัจจุมาร ความตายเป็นมาร เพราะตัดโอกาสที่จะทำความดีเสียทั้งหมด
     
  3. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014

    มีวิธีสังเกตอย่างนี้ คือ

    เมื่อใด ที่จิตของเรา คิดในสิ่งที่เป็น กุศล หรือ ความดีงาม
    จิตของเรา ก็คือ จิตเทพ ในตอนนั้น
    แต่ถ้าเมื่อใด ที่จิตของเรา คิดในสิ่งที่เป็น อกุศล หรือ ความชั่ว
    จิตของเรา ก็คือ จิตมาร นั่นเอง

    แต่ถ้าเมื่อใด ที่จิตเราเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย ทั้ง ความดี และ ความชั่ว
    นั่นก็คือ จิตพระอริยะเจ้า


    จิตเทพ จิตมาร จิตพระอริยะ
    ล้วนดำรงอยู่ในใจของเรา ตลอดเวลา
    จะไปคิดว่า มารคือผู้อื่น ก็ไม่ถูกนัก
    มารทั้งห้าอย่าง ล้วนเกิดจากใจเรา
    มารเค้าอยู่เฉยๆ แต่ตัวเรานี่แหละ
    ที่ไปคิดเรื่องที่ไม่ดีงาม
    จนมาร เค้าได้ช่อง แล้วก็ผสมปนเป
    จนเราโดนมาร มากระทำย่ำยีได้

    ขอถามกลับว่า ถ้าจิตเราเป็น เทพ หรือ อริยะ
    มารจะได้ช่องได้อย่างไร
    ต้องจิตของเราเป็น มาร เท่านั้น
    มารถึงจะมาจับจองห้องใจของเราได้
    แล้วก็ใช้งานเรา เยี่ยงทาส
    เพราะใจของเรา ตกต่ำ ลงไปเอง
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    อภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งแห่งการกระทำของบุคคล, เจตนาที่เป็นตัวการในการกระทำกรรม มี ๓ อย่าง คือ

    ๑. ปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นบุญ

    ๒. อปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นปฏิปักษ์ต่อบุญ คือ บาป

    ๓. อาเนญชาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นอเนญชา คือ กุศลเจตนาที่เป็นอรูปาวจร ๔

    เรียกง่ายๆได้แก่ บุญ บาป ฌาน

    ปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นบุญ, สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี ได้แก่ กุศลเจตนา (เฉพาะที่เป็นกามาวจร และรูปาวจร)


    อปุญญาภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายชั่ว ได้แก่ อกุศลเจตนาทั้งหลาย

    อเนญชาภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งภพอันมั่นคง ไม่หวั่นไหว ได้แก่ ภาวะจิตที่มั่นคงแน่วแน่ด้วยสมาธิแห่งจตุตถฌาน

    ตามหลักเขียนอาเนญชาภิสังขาร
     
  5. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เอามาจากใหนความคิดนี้ฮื้อ
    ดูหนังมากไปรึเปล่า
    หนูสวยมากนะ
    จากความดี
    คนมีความดีจะเป็นมารได้อย่างไร
    ยิ่งทำความดี ยิ่งสวยขึ้นทุกวัน
    ความดีมากความสวยยิ่งมาก
    แค่อย่าหยุดทำ
    เพราะกรรมจะมาเร็วนะ
    ออกมาทำความดีกันเหอะ
     
  6. kuzawa

    kuzawa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +35
    “ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ”

    ผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้เฉพาะตน
     
  7. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ลองพิจารณาตามอนุบุฟพิกถาดูสิ
    มารอยู่ในบรรพใด
    พ้นได้แล้วหรือ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จิต ตัวเอง มี สติ เป็นผู้รู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...