เรื่องเด่น พิธีบวงสรวง (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 15 พฤศจิกายน 2017.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,731
    พิธีบวงสรวง

    222.jpg


    “เมื่อวันก่อนได้เห็นพิธีบวงสรวงของหลวงพ่อ อยากกราบเรียนถามว่า ทำไมจึงต้องมีพิธีบวงสรวงครับ…?”

    เราเรียกพิธีบวงสรวง ตามศัพท์ไสยศาสตร์นะ แต่ความจริงมันไม่น่าจะเรียกว่าบวงสรวง จะเรียกชื่อคนอื่นก็ไม่รู้จัก
    “ควรจะเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ…?”

    อันนั้นล่ะคือ การเชิญเทวดา บวงสรวงคือเชิญท้าวจาตุมหาราชพร้อมทั้งอินทกะและบริวาร แต่พิธีนี้ไม่ใช่พิธีที่เราจะสร้างขึ้นมาเองได้ คือว่าสมัยหลวงพ่อปาน ท่านเริ่มทำการก่อสร้าง

    ท้าวเวสสุวัณกับอีก ๓ องค์ มาหาท่านในขณะที่เจริญพระกรรมฐาน บอกว่าท่านทำงานนี้เป็นบุญเป็นกุศล ผมขอโมทนาด้วย ถ้ามีงานสำคัญเกิดขึ้นขอให้บวงสรวงด้วยวิธีนี้ ท่านบอกแม้แต่คำสวด คำสวดบทมหาสมัยในตอนท้าย อภิกามุง ภิกขุนัง ท่านตัดออก เอา อัฏฐังสุ แทน แล้วก็ของทุกอย่างท่านสั่งทั้งหมด และของที่มีอยู่ให้ทำตามนั้นแล้วก็จะมาช่วยงาน เป็นอันว่าเชิญเทวดาท่านมารับทราบ แล้วก็จะขอร้องให้ท่านช่วย มันอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก พิธีนั้นถ้าทำขึ้นมาถ้ามีอะไรควรรู้ท่านจะบอก
    “เป็นอันว่าบวงสรวงนี้ควรจะเรียกว่าเชิญเทวดานะครับ”
    ใช่ คือท่านมาบอกพิธีกรรมเอง และก็บอกคาถาบทสวด ต่อมาฉันก็เรียนต่อจากหลวงพ่อปาน ก่อนจะเรียนต่อ หลวงพ่อปานท่านก็ถามท้าวเวสสุวัณก่อนว่า รับหรือไม่รับ ถ้ายอมรับก็ทำพิธีนี้ได้ ถ้าไม่ยอมรับเราทำพิธีนี้ก็ไม่มีผล ท่านไม่ช่วย ท่านก็บอกยอมรับ รับก็ทำต่อมาได้

    “อย่างหลวงพ่อขึ้น ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา อย่างนึ้ พระพุทธเจ้าท่านจะเสด็จไหมครับ….?”

    ถ้าใจเรานึกถึงล่ะ ขึ้น สัคเค ทีไร นึกถึงท่านก็เห็นทุกที คือว่าคาถาอะไรก็ช่าง อยู่ที่ใจเราต่างหาก ที่ว่าน่ะว่าตามพิธีกรรมเฉยๆ แต่ถ้ามุ่งแค่สัคเคก็มีผลน้อยเกินไป ทีนี้ใจเรานึกถึงใคร องค์นั้นท่านมา คือพูดเป็นสัญลักษณ์เท่านั้นเอง
    “อย่างองค์เป็นๆจะมาไหมครับ…?”
    จะเชิญน่ะรึ
    “ระลึกถึงน่ะครับ”
    ได้
    “โอ…น่ากลัวเมื่อยแย่เลยองค์เก่งๆน่ะ”
    ถ้าอยากนึกก็นึกไป ข้าไม่เกี่ยวเสียอย่าง แต่เขาไม่เหนื่อยหรอก เขาไม่ได้ใช้อะไรนี่ ใช้ แสงเค้ากวง นิดเดียว ไม่เหนื่อยเลย คือสามารถจะเห็นได้ จะคุยได้ แต่ตัวเขาอยู่ที่เดิมนั่นแหละ ผีมาแทน
    “อ้าว…ก็ของปลอมน่ะสิครับ”
    ไม่ปลอม ผีแท้มา
    “เอ…ไม่เข้าใจครับหลวงพ่อ”

    ถ้าใช้กำลังของอภิญญาในวินาทีเดียวกัน คนกี่แสนล้านคนต้องการพบก็พบได้ ต่างคนต่างคุยในเรื่องของตัวเองได้ ไม่ใช่ว่าแต่ละคนคุยแล้วคุยแบบเดียวกันหมด ไม่ใช่อย่างนั้น นั่นมันเป็นเรื่องของ อภิญญา นะ การใช้แสงเค้ากวงก็คือ รัศมีกำลังบุญ แผ่คลุมได้ทันที อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ฉัพพรรณรังสีนั่นแหละ มี ๖ สี พระสาวกมีไม่ถึง แต่เขามีกี่สีไม่สำคัญเขาใช้ได้เหมือนกัน แต่ทำไม่ได้เท่าพระพุทธเจ้า ถ้าเท่าพระพุทธเจ้า เรานั่งอย่างนี้ถ้าต้องการให้เราพบเราจะพบเหมือนกับท่านนั่งข้างหน้าแล้วคุยเลย พระพุทธเจ้ากำลังสูงมาก พระสาวกทำไม่ได้ ทำได้อย่างเดียว คือมาแบบผี แต่ว่าคนสามารถเห็นผีได้ก็เห็นได้เหมือนกัน แต่พระพุทธเจ้าไม่ใช่อย่างนั้น ขนาดเห็นเป็นองค์ท่านเลย
    “ลักษณะเป็นยังไงครับ…?”
    รูปเดิมของท่านแหละ
    “เป็นมนุษย์หรือครับ…?”
    ก็เป็นมนุษย์นั่นแหละ อย่าง พระวักกลิ จะโดดเขาตายยังไงล่ะ ท่านเปล่งฉัพพรรณรังสีไปข้างหน้า เหมือนพระองค์นั่งข้างหน้าเลย ท่านตรัสว่า
    “บุคคลใดเห็นธรรม บุคคลนั้นเห็นเราตถาคต”
    ท่านตรัสเท่านี้พระวักกลิเป็นอรหันต์เลย และท่านก็ทำเรื่อยๆนะ ไม่ใช่เฉพาะองค์นะ

    อย่างตอนเช้ามืดวันหนึ่ง พระมหากัสสป ตื่นขึ้นมาก็คิดว่า การดูอุปนิสัยของสัตว์ พระพุทธเจ้าองค์เดียวย่อมเหนื่อยมาก เราเป็นสาวกควรจะช่วยบ้าง ไม่ใช่กำลังของพระสาวกทำก็หนักเหนื่อย พระพุทธเจ้าก็ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสี ท่านอยู่ห่างกันมาก พระมหากัสสปอยู่ ปิปผลิคูหา ก็เห็นเหมือนพระองค์นั่งอยู่ข้างหน้าตรัสว่า
    “งานนี้เป็นงานของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่งานของพระสาวก เธออย่าทำเลย ตถาคตไม่เหนื่อยหรอก เป็นงานเฉพาะ”
    พระมหากัสสปท่านมีความกตัญญูสูงแล้วก็ท่านทำเป็นปกติ ทีนี้เวลาพวกเราขึ้นไปพบพร้อมๆกันก็เหมือนกัน นั่นเป็นฉัพพรรณรังสี
    ตอนก่อนๆฉันก็เกรงใจท่านไม่ค่อยอยากจะพบท่าน พระพุทธเจ้าไม่ควรจะแตะต้องมากเกินไปใช่ไหม มีวันหนึ่งขึ้นไปพบท่านบอกว่า
    “คุณไม่ต้องวิตกกังวลหรอก ไม่ต้องกลัวบาป ฉันไม่เหนื่อยอะไร ถ้าแกคิดถึงฉันเมื่อไหร่ แกไปถึงวิมานของฉัน นั่นแหละฉันแน่” ถ้าเห็นตามทางไม่ใช่แน่เป็นฉัพพรรณรังสี แต่มีผลเสมอกัน
    “พูดจารู้เรื่องกันได้หรือครับ”
    เท่ากันแหละ ต่างคนต่างพูดเรื่องของตัวไงล่ะ อย่างคนหนึ่งต้องการกะปิ คนหนึ่งต้องการเกลือ ต้องการพริก ต้องการหอม ในเวลาเดียวกันได้รับคำตอบเหมือนกัน คือว่าต่างคนต่างพูดได้ นั่นเป็นด้วยกำลังบารมี ความจริงเขาบอกมีอะไรก็ถามพระพุทธเจ้า เราก็นึก เอ…พระพุทธเจ้าองค์เดียวดีไม่ดีต้องไปรอคิวถามแย่นะ ท่านเลยบอกว่า ถ้าเป็นสาธารณะทั้งโลกต้องการเห็นในวินาทีเดียวกันก็จะเห็นพร้อมกัน ใครต้องการเรื่องอะไรก็คุยเฉพาะเรื่องของตัวไป ฉันเลยเบาใจ ถ้าท่านไม่บอกเองก็แย่เหมือนกัน
    “ก็แสดงว่าที่พบกันได้เยอะแยะอย่างนี้ก็อาศัยฉัพพรรณรังสี”
    ก็มีผลเสมอกัน คือผลต้องการอะไรถ้าหากเราถามว่า การปฏิบัติของเรานี่ยังบกพร่องอะไร ควรจะปฏิบัติจุดไหนก่อน ท่านจะบอกมาอย่างสั้นๆให้เข้าใจ ความจริงผู้ที่สามารถพบพระองค์ได้นี่มีบุญมาก สมัยก่อนเขาเรียกปฏิบัติพระกรรมฐานเขาถือว่า ถ้าพบอาจารย์ที่เป็นมนุษย์ยังไม่ได้ปฏิบัติพระกรรมฐานแท้ ต้องปฏิบัติให้ได้อาจารย์ที่ไม่ใช่มนุษย์ ก็เลยปลุกปล้ำแทบแย่ ปลุกปล้ำมากเกินไปใช้กำลังมากเกินไป ก็ไม่พบอีกเหมือนกัน ทีนี้เมื่อพบท่านแล้ว ข้อวัตรปฏิบัติเราควรจะถามท่าน ถ้าขึ้นไปถึงท่าน จุดบกพร่องยังมีอยู่ในการตัดกิเลส เวลานี้เราควรจะทำอะไรก่อนท่านก็จะบอกมา ท่านบอกมาแล้วเราก็ปฏิบัติตามนั้น เราจะเปลี่ยนต่อไปเมื่อท่านสั่งเปลี่ยน
    ฉันก็โดนหลายหนเหมือนกัน ท่านสั่งเปลี่ยนแล้วก็ลอง ขี้เกียจเปลี่ยน เปลี่ยนใหม่ก็ขลุกขลัก อารมณ์ก็ไม่เรียบใช่ไหม ท่านบอกแล้วทำได้ประเดี๋ยวก็กลับทำแบบเดิมใหม่ เสียงตวาด “กูบอกมึงไม่เอารึ” ภาษาไทยเดิม ต้องทำตามนั้น ถ้าระยะใกล้ (มรรคผล) เข้าไปท่านจะกำหนดวัน อย่างนี้ต้องทำให้ได้ภายในกี่วัน

    อันดับแรกที่สุดท่านจะบอก บารมี ๑๐ ต้องครบถ้วน เรื่องนี้เรื่องใหญ่มาก บารมี ๑๐ นี้ต้องใช้กำลังให้ครบถ้วน กำลังใจนะ ถ้าตัวนี้ครบถ้วนทุกอย่างมันก็คล่องตัวหมด ก็มีตัวสำคัญอย่าง วิริยบารมี นี่สู้แหลก ใช่ไหม ขันติบารมี อดทน ยังไงก็ต้องสู้กันล่ะ ถ้าเป็นนักสู้ถ้าขาดความอดทนก็สู้ไม่ไหว อดทนอย่างเดียวถ้าไม่สู้ก็ไปไม่ไหว ทีนี้บารมีทั้ง ๑๐ ก็ต้องครบถ้วน กำลังใจต้องครบถ้วนตามนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะไม่ยาก แต่ก็ยากตอนต้นยาก สังโยชน์ ๓ เพราะเป็นของใหม่ ยากเท่านั้นเอง ถ้าผ่านนี้แล้วไม่ยาก อารมณ์ทรงตัวแล้ว แบบบ้านเขาปลูกอยู่เขามีบันใดใช่ไหม ถึงชานบ้านได้แล้วก็เรื่องเล็ก จะเข้าห้องไหนล่ะ เข้าห้องนอน เข้าห้องครัว เข้าห้องส้วม ก็เลือกเอาตามสบาย

    ข้อมูลจาก หนังสือ “ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๑” โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หน้า ๓ – ๙
    โพสต์โดย achaya



    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  2. madeaw23

    madeaw23 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +188
    กราบสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...