ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ๏ ครบรอบ 7 ปี วันละสังขารหลวงพ่ออมร เขมจิตโต ๏

    วันนี้ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 เป็นวันครบรอบ 7 ปี แห่งการละสังขารของพระมงคลกิตติธาดา (หลวงพ่อมหาอมร เขมจิตโต) วัดป่าวิเวกธรรมชาน์ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี

    พระมงคลกิตติธาดา (อมร เขมจิตโต) พระผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและศิษยานุศิษย์ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ท่านเป็นพระปฏิบัติด้านวิปัสสนากรรมฐาน โดยเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ของพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    -:- ชาติกำเนิด -:-

    หลวงพ่อมหาอมร เขมจิตโต เดิมชื่ออมร บุตรศรี เกิดเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2474 (ตรงกับวันจันทร์แรม 11 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะแม) ที่บ้านหนองขุ่น ตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายหลอด บุตรศรี มารดาชื่อ นางกว้าง บุตรศรี มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน เป็นบุตรคนที่ 2

    -:- ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ -:-

    หลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านหนองขุ่น ขณะที่มีอายุได้ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหนองขุ่น ตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ. 2487 โดยมีพระครูอัครธรรมวิจารณ์ (เลิศ ฉนโน) เจ้าอาวาสวัดหนองหลัก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาสามเณรอมร บุตรศรี ก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนโดยสามารถสอบได้นักธรรมตรีได้ในปีแรกที่บรรพชา และสอบได้นักธรรมโทในอีก 2 ปีถัดมา หลังจากนั้นท่านเริ่มมีความคิดอยากจะไปศึกษาต่อในตัวเมืองอุบลราชธานี แต่พระอุปัชฌาย์แนะให้ไปเรียนที่กรุงเทพฯ โดยฝากให้ไปอยู่กับท่านเจ้าคุณปริยัติยานุรักษ์ ที่วัดทองนพคุณ คณะ 10 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร โดยสามเณรอมร บุตรศรีก็เดินทางเข้ามาศึกษาบาลีไวยากรณ์ต่อที่วัดทองนพคุณ กรุงเทพมหานคร ในปีพ.ศ. 2491 ท่านมีความอุตสาหวิริยะจนสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค (ได้คะแนนเต็มทุกวิชา) และสอบได้นักธรรมชั้นเอกในปี พ.ศ. 2494 ขณะที่ยังเป็นสามเณร

    จนกระทั่งอายุครบ 20 ปี (พ.ศ. 2494) ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดทองนพคุณ กรุงเทพมหานคร โดยมีพระเทพวิมล (ชุ่ม ติสาโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระภัทรมุนี (อิ๋น ภัทรมุนี) เป็นพระกรรมวาจารย์ พระปริยัตยานุรักษ์ (สมบูรณ์ เตมิโย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทท่านก็ยังไม่ได้ละมานะที่จะเรียนบาลี โดยท่านสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยคในปี พ.ศ. 2497 และในปี พ.ศ. 2499 ท่านได้เดินทางกลับวัดหนองขุ่น ท่านเป็นเปรียญธรรมรูปแรกของบ้านหนองขุ่น

    ในปี พ.ศ. 2508 เป็นครั้งแรกที่หลวงพ่อได้พบกับหลวงพ่อชา สุภัทโท ที่วัดหนองหลัก ท่านเล่าความรู้สึกในครั้งนั้นว่า นึกชอบในอากัปกิริยาที่ดูเคร่งขรึมอันสำรวมของหลวงพ่อชา แต่ด้วยเหตุที่ยังหยิ่งในภูมิปริยัติของตนเอง ที่ได้เปรียญ 6 ประโยคจากกรุงเทพฯ ส่วนหลวงพ่อชาแม้จะเป็นนักธรรมเอกแต่ก็เป็นพระบ้านนอก จึงทำให้ในขณะนั้นท่านยังไม่รู้สึกเลื่อมใสหลวงพ่อชามากนัก ในที่สุดแล้ว ท่านก็ได้ตัดสินใจไปวัดหนองป่าพง โดยตั้งใจครั้งแรกว่าจะไปทดลองดูก่อน เมื่อเหยียบย่างเข้าไปในวัดหนองป่าพงครั้งแรก หลวงพ่อเกิดความรู้สึกประทับใจ และเกิดความเลื่อมใสในหลวงพ่อชาเป็นอย่างมาก หลวงพ่อจึงได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อชา ที่วัดหนองป่าพง จนถึงปี พ.ศ. 2513 ท่านได้รับบัญชาจากหลวงพ่อชา ให้ไปอยู่อบรมสั่งสอนญาติโยมที่สำนักใหม่ในอำเภอม่วงสามสิบ ซึ่งก็คือวัดป่าวิเวก(ธรรมชาน์) ในปัจจุบัน

    -:- มรณภาพ -:-

    พระมงคลกิตติธาดา(หลวงพ่อมหาอมร เขมจิตโต) ได้อาพาธและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ด้วยอาการโรคหัวใจ ความดันโลหิต และโรคปอดบวม ทางแพทย์ได้ดูแลเยียวจนสุดความสามารถ แต่อาการก็มีแต่ทรงและทรุดมาตลอด จนมรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน 2553 สิริอายุ 79 ปี 59 พรรษา

    _/_ _/_ _/_

    -ครบรอบ-7-ปี-วันละสังขารห.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ❀อดีต อนาคต ปัจจุบัน

    สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรไปทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งของที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง แม้จะทำความผูกพัน และมั่นใจในสิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบัน ก็เป็นไปมิได้

    ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้น เป็นทุกข์แต่ผู้เดียว โดยความไม่สมหวังตลอดไป อนาคตที่ยังมาไม่ถึง ก็เป็นสิ่งไม่ควรยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน

    อดีตควรปล่อยไว้ตามอดีต

    อนาคตก็ควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน

    ปัจจุบันเท่านั้นที่จะสำเร็จเป็นประโยชน์ได้

    เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    -อนาคต-ปัจจุบัน.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “เลี้ยงหมูขายบาปไหม”

    (พ่อค้าเลี้ยงหมูสงสัยว่า การมีอาชีพเลี้ยงหมู่ เลี้ยงแล้วก็ขายไปจะเป็นบาปหรือไม่”

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย กล่าวไว้ว่า…..”ถ้าเรานึกว่ามันบาป มันก็บาป นึกว่าไม่บาป มันก็ไม่บาป เราเลี้ยงให้มันโต เราขายไป เขาจะไปทำอะไรเราไม่สนใจ

    เอาแบบคนเลี้ยงปลาที่จังหวัดจันทบุรี ก่อนที่แกจะลงมือเลี้ยงปลานี่ แกจุดธูปเทียนไหว้พระแล้วแกก็อธิษฐานจิต ว่า”ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าการเลี้ยงสัตว์ขายมันเป็นบาป แต่ข้าพเจ้าไม่มีทางออก มองเห็นทางเดียวเท่านี้ พอที่จะหาอยู่หากินเอาตัวรอดได้ ข้าพเจ้าขออนุญาตเลี้ยงปลาขาย ในเมื่อร่ำรวยมั่งมีตั้งเนื้อตั้งตัวได้แล้ว ข้าพเจ้า่จะเลิก”

    แกก็ทำป แล้วแกก็บรรลุผลสำเร็จ แล้ววันที่แกจะเลิกนั่น แกทำบุญต่อเนื่องกัน ๗ วัน เอาลูกปลามาปล่อยวันละแสนตัว แล้วแกก็เลิก”

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ความดีความสุขความสบายมีอยู่กับทุกคน ถ้าเราพยายามทำตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เราจะเจอความสงบเย็นใจไปโดยลำดับ ความแปลกประหลาดก็คือใจจะเป็นผู้แสดงอาการอันแปลกขึ้นมาเมื่อได้รับการรื้อฟื้น ได้รับการถอดถอนสิ่งที่กดขี่บังคับจิตใจให้หมอบ หรือให้เสือกคลานอยู่ตลอดเวลาออกมาได้โดยลำดับ จิตจะแสดงความเป็นอิสระขึ้นมา ความเป็นอิสระของจิตไม่เหมือนอะไรเป็นอิสระ แต่จะแฝงขึ้นมาด้วยความแปลกประหลาดอัศจรรย์ พร้อมกับความสุขที่เกิดขึ้นโดยลำดับตามกำลังแห่งจิตที่มีอำนาจขึ้นมา ด้วยอำนาจแห่งความเพียรคือสติปัญญาเป็นเครื่องแก้ไข

    ความสุขที่เราพึงหวังที่โน่นที่นี่ กาลโน้นสมัยนี้ หรือที่โน่นจะมีความสุข ที่นี่จะมีความสุข นั้นมันวาดภาพหลอกเจ้าของ ให้กำหนดลงที่ใจซึ่งกำลังเป็นความทุกข์ความลำบาก หรือสร้างความกังวลให้แก่ตนอยู่เวลานี้ด้วยสติปัญญา ด้วยความอดความทนต่อสู้ โดยถือจุดนั้นเป็นจุดพิจารณา หรือเป็นสนามรบเป็นชัยสมรภูมิ หรือเป็นเวที มันยุ่งขึ้นที่ตรงไหน จะดูความยุ่งอันนี้ ให้รู้ที่นี่ ถ้ายังไม่มีกำลังพอ เอาพุทโธตั้งไว้ที่ตรงมันยุ่งๆ นั้นถี่ยิบเข้าไปความยุ่งนั้นก็หาย ความยุ่งวุ่นวายก็หายไปเพราะอำนาจแห่งคำบริกรรมถี่ยิบในงานอันเดียว ในคำบริกรรมอันเดียว จะเป็นพลังขึ้นมาแล้วเป็นความสงบสุขได้ในเวลานั้น ยิ้มแย้มได้ในขณะนั้นทีเดียว ให้พยายามดัดแปลงตนเอง ให้เราพึ่งตัวของเราได้

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๑๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…พระสยามเทวาธิราชมากราบท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต…”

    เหตุการณ์ครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่านพระอาจารย์มั่น(ภูริทัตโต) เล่าว่า…

    …คราวหนึ่งท่านพักอยู่ที่ดอยมูเซอ วันหนึ่งตอนท่านออกไปบิณฑบาต ได้สังเกตเห็นชาวบ้านจับกลุ่มสนทนากันด้วยท่าทางตื่นเต้น ฟังไม่ค่อยรู้ภาษา ได้ยินแต่ว่า “ยาปาน…ยาปาน…”

    พอกลับถึงวัด ท่านจึงถามคนในวัดด้วยภาษาคำเมืองว่า “เขาพูดอะไรกัน?” ก็ได้ความว่า “ทหารยาปาน (ญี่ปุ่น) บุกขึ้นประเทศไทยที่เมืองสงขลา การรบเป็นไปอย่างหนักหน่วง มีแม่ค้าขายของเข้าร่วมรบด้วย นักรบแม่ลูกอ่อนก็มี แม่ลูกหนึ่งลูกสองก็มี..”

    หลวงปู่มั่น(ภูริทัตโต)ฟังแล้วก็ยิ้ม

    ต่อมาได้มีคำสั่งจากรัฐบาลถึงกองทัพให้ทหารไทยหยุดยิง โดยอ้างว่า ญี่ปุ่นไม่ต้องการรบกับไทย แค่ขอผ่านทางเฉย ๆ แต่ทหารไทยประจำแนวหน้า พร้อมทั้งนักรบแม่ลูกอ่อนก็ยังไม่หยุดยิง และไม่ยอมถอย ทหารญี่ปุ่นจึงขึ้นบกไม่ได้ ตายเขียวไปทั้งทะเล จนรัฐบาลต้องส่งกองทหารอื่น เข้าไปสั่งให้ทหารญี่ปุ่นหยุดยิง แล้วขอสับเปลี่ยนกองทหาร ทัพแนวหน้าและนักรบแม่ลูกอ่อน จึงได้หยุดยิงแล้วถอยเข้ากรมกอง ฝ่ายกองทัพญี่ปุ่นจึงขึ้นบกได้

    หลวงปู่มั่น(ภูริทัตโต)ทราบข่าวแล้วก็ไม่ได้ถือเอา เป็นอารมณ์ ด้วยคิดว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก

    เช้าวันต่อมา จวนจะสว่าง หลวงปู่มั่นเกิดวิตกว่า “ชะตากรรมของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรกันหนอ” … พลันก็ปรากฏนิมิตขึ้นว่า…

    “…ประเทศไทยคล้ายภูเขาสูง บนยอดมีธงไทยสามสีปลิวสะบัดอยู่ และมีพระแก้วมรกตประดิษฐาน อยู่เหนือธงไทย … มองดูตีนเขาลูกนั้นก็เห็นมีธงชาติต่าง ๆ ปักล้อมรอบเป็นแถว ๆ”

    ท่านจึงพิจารณาได้ความว่า…

    “..ประเทศไทยไม่เป็นอะไรมาก นอกจากผู้มีกรรมเท่านั้น และต่อไปนานาประเทศจะยอมรับนับถือ เพราะประเทศไทยพระพุทธเจ้าสอน ไม่ให้เบียดเบียนรังแกข่มเหง เพื่อนมนุษย์และสัตว์ และประเทศไทยก็ไม่เคยข่มเหงประเทศใด นอกจากป้องกันตัวเท่านั้น ชาติต่าง ๆ จึงยอมรับนับถือเป็นกัลยาณมิตร”

    ในเวลาต่อมา..วันหนึ่งพระสยามเทวาธิราช พร้อมคณะเทพบริวาร ได้พากันมากราบนมัสการท่านพระอาจารย์มั่น(ภูริทัตโต) ซึ่งกำลังเดินจงกรมอยู่ พอรายงานตัวเสร็จ ท่านพระอาจารย์มั่น(ภูริทัตโต) ถามวัตถุประสงค์

    พระสยามเทวาธิราช ตอบว่า..

    “…เวลานี้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิด กรุงเทพฯ อย่างหนักหน่วง พวกข้าพเจ้าป้องกันเต็มที่…”

    หลวงปู่มั่น(ภูริทัตโต) ถามว่า “มีคนบาดเจ็บล้มตายไหม”

    พระสยามเทวาธิราช ตอบว่า “มี”

    หลวงปู่มั่น(ภูริทัตโต) ถามว่า “ทำไมไม่ช่วย”

    ตอบว่า “ช่วยไม่ได้ เพราะเขามีกรรมเวรกับฝ่ายข้าศึก
    จะช่วยได้แต่ผู้ไม่มีกรรม สถานที่สำคัญ และพระพุทธศาสนาเท่านั้น”

    หลวงปู่มั่น(ภูริทัตโต) ถามว่า “มานี้ประสงค์อะไร”

    ตอบว่า “ขอให้ท่านบอกคาถาปัดเป่าลูกระเบิดไม่ให้ตกถูกที่สำคัญด้วย”

    หลวงปู่มั่น(ภูริทัตโต) จึงกำหนดพิจารณาหน่อยหนึ่ง
    ได้ความว่า….

    “นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา”

    เทพคณะนั้นก็ได้สาธุการ แล้วลากลับไป ไม่เห็นกลับมาอีกเลย…

    หนังสือ “รำลึกวันวาน” บันทึกโดย หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ
    เกี่ยวกับเกร็ดประวัติและปกิณกธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1511508452_213_พระสยามเทวาธิราชมากรา.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…สมบัติของแผ่นดิน…”

    ท่านเล่าย้อน ถึงประวัติที่มาของทองรัดพาหา… ให้ฟังว่า…

    สมัยนั้นท่านเป็นเด็กอายุเพียง ๘-๙ ขวบ มีคนป่วยคนหนึ่งเป็นโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน เที่ยวซัดเซพเนจรมาหาหมอดีรักษาโรคของตน ปกติโรคนี้ก็ไม่ร้ายแรงเท่าไร แต่ไม่ทราบว่าสำหรับกรณีชายคนนี้เป็นอย่างไร เลือดจึงออกไม่หยุดไปรักษาที่ไหน หมอก็บอกศาลา บอกว่า รายนี้โรคไม่มีวันหาย มีแต่ตายลูกเดียว

    คนเจ็บก็ยิ่งตกใจ แกมาถึงบ้านโยมบิดาท่านอาจารย์ซึ่งเป็นหมอแผนโบราณ ขออาศัยรักษาตัวด้วย เล่าให้ฟังว่า เจ็บอย่างนี้ ไปหาใครก็ไม่มีคนยอมรักษา ผมถ้าจะตายครั้งนี้กระมัง

    โยมพ่อก็ปลอบใจ ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ของพรรค์นี้มันหายได้ ทำใจให้สบายก็แล้วกัน อยู่กับพ่อที่นี่ก็ได้ ยามีก็กินไป จะช่วยรักษาให้ ทำใจให้สบาย…คงหายแน่หรอก

    แกอยู่ด้วย โยมพ่อก็รักษาไป

    ชายคนนั้นเป็นคนเจ็บที่หงุดหงิด อารมณ์ร้อน โกรธเก่ง ขี้บ่น บางครั้งไม่ได้ดังใจก็ด่าว่า แต่โยมพ่อก็ไม่ถือสา คงรักษาให้อย่างเมตตา ท่านอาจารย์เสียอีก ที่จะทนไม่ได้ หากโยมพ่อก็ว่า ช่างเถอะลูก คนป่วยไข้ ก็หงุดหงิดอย่างนี้แหละ สงสารเขาเถอะ

    คนเจ็บมีของอย่างหนึ่ง ที่รัก ทะนุถนอมมาก ห่อผ้า เดินไปไหนก็เอาติดตัวไปด้วย วันหนึ่งก็บอกกับโยมพ่อว่า เป็นของมีค่า ตัวได้มาจากถ้ำแห่งหนึ่ง แถวเชียงตุงหรือเชียงแสนก็จำไม่ได้ ผมขอฝากไว้กับพ่อ ขอให้ช่วยเก็บไว้ด้วย ผมเชื่อว่าพ่อคงไม่เอาของผมหรอก เพราะเท่าที่สังเกตดู พ่อมีแต่เมตตาผม ให้ผมอาศัยอยู่กิน รักษาให้โดยไม่คิดเงินทองเลย

    โยมพ่อก็ว่า พ่อไม่เอาหรอก จะเก็บไว้ให้

    เก็บไว้ทั้งห่อผ้าเก่าๆ นั้น จนกระทั่งวันหนึ่งคนเจ็บนั้นก็ตายลง ทางบ้านพ่อหมอก็ต้องนำศพไปเผาจี่ ตามประเพณีนิยม ก่อนตายได้ออกปากยกของมีค่าในห่อให้พ่อหมอเป็นเครื่องบูชาคุณ เพราะตนเองก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก

    เมื่อโยมบิดามารดานำห่อผ้านั้นมาเปิดดู ก็เห็นเป็นกำไล หรือที่เรียกว่า ทองรัดแขน หรือทองรัดพาหา ลักษณะเป็นวงใหญ่ คนโบราณคงมีรูปร่างใหญ่โต กำไลวงนั้นจึงใหญ่โต หนักมาก มีอักขระเขียนไว้เต็ม บนยอดตรงกลางมีพลอยหัวแหวน ๓ เม็ด

    ต่อมาโยมพ่อก็มอบให้ท่านอาจารย์ ท่านถือว่าเป็นของที่พ่อให้ เป็นตัวแทนของพ่อ พ่อบอกว่าเป็นของโบราณศักดิ์สิทธิ์ ท่านไปไหนก็เก็บไว้ก้นย่ามหอบไปด้วยเสมอ

    ในใจคิดว่า ของนี้เป็นของโบราณ อยู่กับเราก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร เราเป็นพระสงฆ์องคเจ้า ไม่ต้องการเครื่องประดับเอาไปทำอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราก็มี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งอยู่แล้ว

    ใจคิดอยากจะสละให้ไป แต่ก็ยังนึกว่า จะต้องหาโอกาสอันเหมาะสม บุคคลอันเหมาะ..สมควรรับให้ได้เสียก่อน

    แล้วก็คิดขึ้นมา เวลาเราเดินธุดงค์ได้พบคนทุกข์ คนยากอนาถาเข็ญใจอย่างไรก็ตาม หากเขาปวารณาตัวว่า…ท่านมีอะไรจะให้ผมช่วยท่านได้บ้าง ประสงค์อะไร จะให้ช่วยเหลือโดยไม่เหลือวิสัย ผมยินดีจะปวารณาช่วย…ขอให้ได้ฟังเพียงแค่นี้ ก็จะชื่นใจ ของชิ้นนี้ก็จะให้เลย

    เดินธุดงค์ไป ๔-๕ ปี ก็ไม่มีใครเสนอตัวอย่างนั้นเลย….

    กำไลนี้แปลกอยู่อย่างหนึ่ง เวลา ๒ ยาม ทำวัตรทำวากับหมู่พวก หรือทำวัตรเสร็จแล้ว หรือกำลังพูดคุยกับเพื่อนๆ ก็ตาม ท่านเล่าว่า พอถึง ๒ ยาม จะต้องมีอะไรมาบังคับดลใจให้กลับที่พัก เข้าที่ภาวนา

    แล้วก็จะมีปรากฏการณ์เกิดขึ้น คล้ายๆ ฝัน แต่ก็ประหลาดเป็นฝันที่ซ้ำซากวกวนกันอยู่กับภาพ และเสียงเหล่านี้ กล่าวคือจะมีเสียงน้ำพุ เสียงน้ำในลำธารไหล เสียงในป่า ในปราสาทราชวัง บรรเลงเพลงอย่างไพเราะเสนาะหู มีร่างหญิงเจ้าของกำไลผุดขึ้น จากอุทยานกลางโขดหิน กลางภูเขาลำธาร แต่ละครั้งที่ปรากฏภาพขึ้น จะเป็นภาพอันวิจิตรพิสดาร สวยงามยังกับแดนวิมานบนสวรรค์

    หนึ่งชั่วโมงพอดี จาก ๒ ยาม ถึง ตีหนึ่ง แล้วภาพนี้ก็จะหายไป

    ท่านเล่าเรื่องถวายท่านอาจารย์เจริญ(ญาณวุฑโฒ) วัดถ้ำปากเปียง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แล้วยืนยันว่า….

    “ผมขอถวายท่าน เป็นสิทธิของท่าน ของชิ้นนี้ เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ท่านอาจารย์จะปลูกสร้างอะไร คงจะสำเร็จ”

    ท่านอาจารย์เจริญ(ญาณวุฑโฒ)รับไว้ ไม่นานก็นำมาคืนท่านอาจารย์ไพบูลย์ สุมังคโล …เล่าว่า ท่านเก็บไว้อย่างไม่สู้สบายใจนัก เพราะคิดว่าไม่อยากจะสะสมอะไร จึงพยายามมองหาผู้ที่สมควรจะได้ของมีราคานี้ไป

    รายแรกที่ท่านอาจารย์เจริญ(ญาณวุฑโฒ)คิดจะให้ เป็นผู้ที่มาช่วยเหลือเจือจานกิจการที่วัดถ้ำปากเปียง ท่านก็ตั้งใจว่า ถ้าหากเขาสมควรจะได้…พรุ่งนี้ขอให้มีแต่สิ่งที่ดีงาม เป็นมงคล
    .
    ปรากฏว่า เพื่อนที่มาด้วยกัน ตอนเช้าก็ด่าโขมงโฉงเฉง ท่านอาจารย์เจริญเลยเก็บไว้
    .
    ต่อมาพระครูอีกองค์หนึ่งมาพัก ท่านอาจารย์เจริญ(ญาณวุฑโฒ) ก็จะเอากำไลแขนวงนั้นถวาย ก็เช่นเดิม วันรุ่งขึ้นแต่เช้า ด่าพระ ด่าเณร เอ็ดตะโรใหญ่ ท่านอาจารย์เจริญ(ญาณวุฑโฒ) จึงล้มความคิด อยู่ไปคิดจะไปให้ใคร ก็ลืมเอาไปทุกครั้ง ท่านอาจารย์เจริญ(ญาณวุฑโฒ)เลยนำมาคืนท่านอาจารย์ไพบูลย์ สุมังคโล

    “ผมว่า ของนี้คงเป็นของของท่าน ควรเป็นของท่าน จะให้ใครก็มีอันเป็นไปทุกทีเลย”
    .
    ท่านอาจารย์เลยบ่นว่า งั้นของนี้ก็ไม่น่าจะเป็นของสมณะ ควรเป็นสมบัติของแผ่นดิน คืนให้แผ่นดินดังเดิม
    .
    เมื่อนำกำไลไปขัดถู สีดำคล้ายทองเหลืองที่เห็นข้างนอกก็จางหายไป กลายเป็นทองคำสุกปลั่ง ท่านให้ศิษย์คนหนึ่งนำไปให้ช่างทองดู ก็ยืนยันว่าเป็นทองคำจริงๆ หนักถึงร้อยกว่าบาท และพลอยหัวแหวน ๓ เม็ดนั้นก็ล้วนเป็นทับทิมสีแดงน้ำงามทุกเม็ด เป็นสมบัติของแผ่นดินที่ประมาณราคาไม่ได้จริงๆ !
    .
    ลูกศิษย์รุ่นหลังๆ ใคร่ขอชม ท่านอาจารย์ก็บอกว่า ท่านได้ทูลเกล้ากระหม่อมถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปแล้ว เมื่อวันเสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์ ศาลาการเปรียญ วัดรัตนวนาราม ในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๓

    สำหรับวิญญาณเจ้าของกำไลแขนนั้น หลังจากที่ท่านรับคืนของจากท่านอาจารย์เจริญ(ญาณวุฑโฒ)แล้ว ก็มาปรากฏร่างและภาพนิมิตทั้งปวงให้ท่านเห็นอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนท่านจะทูลเกล้าฯ ถวายและบอกลาว่า ต่อนี้คงจะไม่ได้พบกันอีก ขอลาก่อน ท่านหมดสิทธิความเป็นเจ้าของแล้ว

    เชื่อว่า นางคงจะคุ้มครองถวายท่านผู้เป็นเจ้าของพระองค์ใหม่ต่อไป สมบัติของแผ่นดิน ก็คืนถวายแผ่นดิน และสำนึกปณิธานอันนี้ สมบัติของแผ่นดิน ควรถวายแผ่นดิน ควรทำถวายแผ่นดิน …จรรโลงพระพุทธศาสนา …ถวายเป็นสมบัติของแผ่นดิน ก็ดูจะเป็นสำนึกปณิธานที่ท่านอาจารย์ถือมั่น อยู่ตลอดมา…”

    ทีมา : สุมงฺคลปูชา หลวงปู่ไพบูลย์ สุมงฺคโล วัดอนาลโยทิพยาราม ต.ต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา

    ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1511512111_3_สมบัติของแผ่นดิน.jpg
    1511512111_491_สมบัติของแผ่นดิน.jpg
    1511512111_933_สมบัติของแผ่นดิน.jpg
    1511512111_699_สมบัติของแผ่นดิน.jpg
    1511512112_488_สมบัติของแผ่นดิน.jpg
    1511512114_184_สมบัติของแผ่นดิน.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    *** ปิดยอดรับบริจาคแล้ว ***

    ขอขอบคุณและอนุโมทนากับญาติธรรมทุกท่าน ที่ร่วมบริจาคปัจจัยสมทบโครงการทำบุญตักบาตรอาหารสด-อาหารแห้ง พระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวน 20 รูป และรับฟังพระธรรมเทศนาพ่อแม่ครูอาจารย์ ในวันเสาร์ ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 เวลา 07.30 น. ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี แห่งการก่อตั้งชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จำนวน 40,700.19 บาท

    ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธรรมสาร สมบัติ พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล ด้วยลาภ ยศ สุข สรรเสริญ และอธิบดีอันเป็นทิพย์ยิ่งยิ่งขึ้นไป ท่านคิดปรารถนาสิ่งใด ขอจงได้สำเร็จสมความปรารถนาทุกสิ่งทุกประการตลอดเวลา ให้ปราศจากภัยอันตรายจะมาแผ้วพาน ขอให้เจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่งทุกประการ จนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาลอันใกล้นี้ด้วยเทอญ.

    ๏ กำหนดการ ๏

    -:- วันเสาร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2560 -:-

    เวลา 07.00 น. พ่อแม่ครูอาจารย์เดินทางมาถึงห้องนิติรัฐ ชั้น 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
    เวลา 07.30 น. พ่อแม่ครูอาจารย์ รับบิณฑบาต หน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

    *** รายนามพ่อแม่ครูอาจารย์ที่กราบอาราธนามาร่วมงานในครั้งนี้ ***

    1. พระราชภาวนาวิกรม (หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
    2. พระครูพัฒนกิจวิศาล (หลวงปู่คำ นิสโสโก) วัดไทยพัฒนา อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
    3. พระครูสุวรรณโพธิเขต (หลวงปู่คูณ อัคคธัมโม) วัดป่าโพธิ์สุวรรณ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    4. หลวงพ่อไพฑูรย์ ขันติโก วัดสุภัททมงคล อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี
    5. พระครูสุชีพภาวนาภิวัตร (หลวงปู่เข็ม สุชีโว) วัดป่าโนนนิเวศน์ (ห้วยซันเหนือ) อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
    6. พระวิบูลธรรมาภรณ์ (หลวงเตี่ย/ชาย ชาคโร) วัดสุปัฏนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    7. พระวิชัยมุนี (หลวงพ่อไพฑูรย์ เมตตจิตโต) วัดสำราญนิเวศ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ
    8. พระครูบรรหารอุบลคุณ (หลวงพ่อกิตติ ติสโร) วัดป่าสนามชัย อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    9. พระครูอุบลธรรมวิศิษฏ์ (พระอาจารย์วิศิษฏ์ศักดิ์ กัลยาโณ) วัดบูรพา อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    10. พระครูสมุห์มงคล เตชธโร วัดสระประสานสุข อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    ( รวมพ่อแม่ครูอาจารย์และพระติดตามเป็นทั้งหมด 20 รูป )

    เวลา 08.00 น. ประธานฝ่ายฆราวาสจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย , พิธีไหว้พระ , รับศีล , พ่อแม่ครูอาจารย์เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา 08.30 น. ถวายภัตตาหารพ่อแม่ครูอาจารย์ , พ่อแม่ครูอาจารย์ให้พร , ฉันภัตตาหาร
    เวลา 09.30 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยพระราชภาวนาวิกรม (หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
    เวลา 10.15 น. เสร็จพิธี

    ************************

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    *** ยอดปัจจัยถวายวัดต่างๆ ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 9,776.11 บาท ***

    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคปัจจัยตามกำลังศรัทธา เพื่อถวายวัดต่างๆ ในโครงการธรรมะสัญจร ครั้งที่ 7 จำนวน 12 วัด จัดโดยชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ในระหว่างวันที่ 6-11 ธันวาคม พ.ศ.2560 ณ จังหวัดเชียงใหม่-ลำปาง-พิษณุโลก

    1. วัดป่าหนองทับเรือ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก (หลวงปู่ลี ถาวโร)
    2. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก (พระพุทธชินราช)
    3. วัดสันติธรรม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่มหาทองอินทร์ กุสลจิตโต , หลวงพ่อสีนวล วิมลโล)
    4. วัดป่าอาจารย์มั่น อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
    5. วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)
    6. วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร , พระอาจารย์เมธา สุเมโธ)
    7. วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ( หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม , หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ)
    8. วัดปางกื้ด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร)
    9. วัดพระพุทธบาท 4 รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    10. วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่มหาจันทร์ กุสโล)
    11. วัดสามัคคีบุญญาราม (คีรีสุบรรพต/วัดดอย) อ.เมือง จ.ลำปาง (หลวงปู่หลวง กตปุญโญ , หลวงพ่อชายแดน สีลสุทโธ)
    12. วัดป่าสมบูรณ์ธรรม อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก (หลวงปู่สมบูรณ์ กันตสีโล)

    ➥ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญถวายวัดต่างๆ จำนวน 12 วัด ได้ที่ : ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 986-0-40617-0 ชื่อบัญชี นางสาวอิจฉราภรณ์ สินป้อง

    ➥ กำหนดการจัดโครงการ : https://www.facebook.com/1376384156...384156019597/1954780121513328/?type=3&theater

    ➥ สอบถามรายละเอียด โทร. 086-4017809 , 063-5082286

    1511541271_600_ยอดปัจจัยถวายวัดต่างๆ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เราไม่ต้องพูดเรื่องผู้อื่น สมัยอื่น ให้เยิ่นเย้อไปมาก
    แม้ตัวเราเองยังแสดงความหยาบกระทบกระเทือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
    ทั้งที่เป็นนักบวชและนักปฏิบัติ ซึ่งกำลังใจเข้าใจว่า
    ตัวประกอบความเพียรอยู่เวลานั้น ด้วยวิธีเดินจงกรมอยู่บ้าง
    นั่งสมาธิภาวนาอยู่บ้าง แต่นั่นเป็นเพียงกิริยาแห่งความเพียรทางกาย
    ส่วนใจมิได้เพียรไปตามกิริยาเลย
    มีแต่ความคิดสั่งสมกิเลส ความกระเทือนใจอยู่ตลอดเวลา
    ในขณะที่เข้าใจว่าตนกำลังทำความเพียรด้วยวิธีนั้นๆ
    ดังนั้น ผลจึงเป็นความกระทบกระเทือนใจโดยไม่เลือกกาลสถานที่
    แล้วก็มาเหมาเอาว่า ตนทำความเพียรเจียนตายแต่ไม่ได้รับผลเท่าที่ควร
    ความจริงตนเดินจงกรม นั่งสมาธิสั่งสมยาพิษทำลายตนโดยไม่รู้สึกตัวต่างหาก
    มิได้ตรงความจริงตามหลักแห่งความเพียรเลย
    ฉะนั้น ครั้งพุทธกาลที่ท่านทำความเพียร ด้วยความจริงจัง หวังพ้นทุกข์จริงๆ
    กับสมัยที่พวกเราทำเล่นราวเด็กกับตุ๊กตาจึงนำมาเทียบกัยไม่ได้
    ขืนเทียบไปมากเท่าไร ยิ่งเป็นการขายกิเลสความไม่เป็นท่าของตัวมากเพียงนั้น

    .
    หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…อย่าส่งจิตใจไปอื่นนอกจากกายกับจิต ให้เกินกว่าเหตุ จะเสียเวลา ทั้งจะนำความกังวลเดือดร้อนมาเผาผลาญเราเปล่า ๆ
    และขอแนะนำย้ำอีกว่า… อย่าแสวงหาสันติธรรมคือพระนิพพาน
    นอกไปจากกายกับจิต

    ปัจจุบันเป็นบ่อเกิดแห่งบุญแลบาป อดีตอนาคตไม่ใช่บุญแลบาป และมิใช่บ่อเกิดแห่งบุญแลบาป ปัจจุบันนี้เองเป็นตัวบุญตัวบาป เมื่อเรารักษาจิตให้อยู่ในปัจจุบัน ด้วยความมีสติแล้ว
    กิเลสบาปธรรมที่ไหนจะเลื่อนลอยมาครอบงำจิตให้เราได้รับความเดือดร้อนเล่า

    เหตุที่เราจะเดือดร้อนขุ่นมัว ก็เพราะปล่อยจิตให้คว้าโน่นคว้านี่
    ไม่อยู่เป็นสุข คือคว้าอดีต-อนาคต ซึ่งเหมือนน้ำลายถ่มทิ้งแล้ว
    คว้ากลับเข้ามาใส่ปากอีก ย่อมน่าสะอิดสะเอียนต่อลิ้นไม่น้อยเลย อารมณ์หรือสิ่งที่ชั่วอะไรก็ตามที่ผ่านพ้นไปแล้ว เราก็รู้แล้วว่าไม่ดียังคว้ากลับคืนมาเผาจิต อันนี้ยิ่งร้ายกว่าน้ำลายที่ถ่มทิ้งเสียอีก เลยหาความเย็นไม่ได้เลย

    เราอยู่ดีกินดีอย่าหาเรื่องใส่เรา เราต้องการจะให้ไฟดับ ต้องไสฟืนออก แล้วไฟจะค่อยดับเอง จิตถ้าได้เชื้อ คือ อดีต อนาคต เป็นปัจจุบันหนุนหรือส่งเสริมอยู่แล้ว ก็จะไปกันใหญ่เหมือนไฟได้เชื้อฉะนั้น ดังนั้น จึงควรรักษาจิตให้มีอารมณ์ที่ดีเป็นเครื่องดื่มโดยปัจจุบัน ก็นับวันจะสงบสบายคลายจากสิ่งที่เป็นข้าศึก
    จะมีแต่ความสงบสุขทุกอิริยาบถ จึงจะสมนามว่าผู้ฉลาดทรมานจิตให้หายพยศได้

    อนึ่ง สัตว์พยศเขายังทรมานได้ ธรรมดาจิตเมื่อมีกิเลสก็ต้องมีพยศ เราจะหักห้ามหรือทรมานให้จิตหายพยศไม่ได้ จะเรียกว่าคนฉลาดที่ตรงไหน เมื่อเราทรมานจิตได้มากน้อยก็ชื่อว่าเป็นคนฉลาดโดยลำดับ จนถึงเรียกว่าเป็นคนฉลาดได้ยอดนักปราชญ์ เอวํ สวัสดี…”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศนาธรรม ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…อริยะอรหันต์…”

    ….ไม่มีใครเกิดมาแล้วบรรลุได้ทันทีหรอกนะ
    มันต้องเรียนรู้การละ การวาง การปล่อย
    มันต้องเพิ่มเติมปัญญาในอุเบกขาญาณ ทำตัวให้เป็นตัวเอง
    อัตตาวางลงเป็นอนัตตา ไม่มีตัวเองเมื่อใดแล้ว เมื่อนั้นลุอนัตตา
    ง่ายๆนะ หากเราเป็นคนอื่นเมื่อใดอยู่ เราก็ยังจะมีตัวมีตนอยู่เช่นกัน อนัตตาในธรรมก็ไม่เป็นไปตราบนั้น…

    มหาปุญโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ธรรมะคำสอน : มองจิตเห็นสติ มองสติเห็นจิต
    ว่าด้วย ‘ สติ ’

    ‘…ความระลึกได้
    ความรู้ตัวทุกขณะ
    เป็นธรรมะสำคัญของผู้ที่จะได้รู้แจ้งธรรม
    เพราะเหตุว่าทำให้ตนของตนได้ตรวจสอบตนเองอยู่ทุกขณะ

    ความระลึกได้ ความสำนึกรู้

    อยู่กับพุทฺ – โธ ก็ระลึกรู้อยู่กับ พุทฺ – โธ
    จดจ่อลมหายใจ ก็รู้อยู่กับลมหายใจ
    ว่าง่ายๆ คือ อยู่กับรู้ , สำนึกอยู่กับรู้
    ประคับประคอง ‘รู้’ ให้รู้อยู่กับอารมณ์
    อันเดียวเปรียบกับเชือกผูกล่ามตัวรู้ผู้รู้เอาไว้

    การพยายามให้อยู่กับผู้รู้นั่นหล่ะชื่อว่า ภาวนา
    ระลึกอยู่กับผู้รู้ หากแต่มิใช่ผู้รู้
    สติระลึกรู้ สัมปชัญญะรู้ตัว จิตเป็นผู้รู้…’

    มหาปุญโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -มองจิตเห็นส.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ประมวลภาพ งานทำบุญตักบาตรอาหารสด-อาหารแห้ง พระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวน 20 รูป และรับฟังพระธรรมเทศนาพ่อแม่ครูอาจารย์ ในวันเสาร์ ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 เวลา 07.30 น. ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี แห่งการก่อตั้งชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

    ๏ รายนามพ่อแม่ครูอาจารย์ที่กราบอาราธนามาร่วมงานในครั้งนี้ ๏

    1. พระราชภาวนาวิกรม (หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
    2. พระครูพัฒนกิจวิศาล (หลวงปู่คำ นิสโสโก) วัดไทยพัฒนา อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
    3. พระครูสุวรรณโพธิเขต (หลวงปู่คูณ อัคคธัมโม) วัดป่าโพธิ์สุวรรณ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    4. หลวงพ่อไพฑูรย์ ขันติโก วัดสุภัททมงคล อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี
    5. พระครูสุชีพภาวนาภิวัตร (หลวงปู่เข็ม สุชีโว) วัดป่าโนนนิเวศน์ (ห้วยซันเหนือ) อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
    6. พระวิบูลธรรมาภรณ์ (หลวงเตี่ย/ชาย ชาคโร) วัดสุปัฏนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    7. พระวิชัยมุนี (หลวงพ่อไพฑูรย์ เมตตจิตโต) วัดสำราญนิเวศ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ
    8. พระครูบรรหารอุบลคุณ (หลวงพ่อกิตติ ติสโร) วัดป่าสนามชัย อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    9. พระครูอุบลธรรมวิศิษฏ์ (พระอาจารย์วิศิษฏ์ศักดิ์ กัลยาโณ) วัดบูรพา อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    10. พระครูสมุห์มงคล เตชธโร วัดสระประสานสุข อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    ( รวมพ่อแม่ครูอาจารย์และพระติดตามเป็นทั้งหมด 20 รูป )

    -งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596171_381_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596171_86_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596171_606_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596171_385_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596172_573_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596172_405_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596173_196_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596174_822_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596174_217_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596174_138_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg
    1511596175_371_ประมวลภาพ-งานทำบุญตักบา.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ธรรมะ คือ เห็นความแปรปรวน เปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป..การดับไปของสังขารทั้งปวง นั่นคือ เห็นธรรมชาติของสติสังขาร เห็นอย่างรู้ทัน เห็นอย่างรู้แจ้ง เห็นอย่างรู้ได้ เห็นแล้วเข้าใจ…”

    มหาปุญโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -คือ-เห็นความแปรปร.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    การคิดไปคิดมา นั่นเป็นการทำงานทางขันธ์ ฝืนคิดมากเข้ามันก็ไม่ได้เรื่อง จะฝืนคิดก็ไม่ได้ นี่ก็รู้ชัดอยู่ภายในใจ มันเหมือนกับเราดึงสายยาง ดึงออกไปยาวๆ เพื่อจะใช้ พอวางมันก็ดีดพับเข้ามา ดึงออกไปวางก็ดีดพับเข้ามา ฝืนดึงต่อไปคือฝืนคิดต่อไปเลยไม่ออกไม่ปรุงไม่หมาย ทั้งสังขาร ทั้งสัญญา หดตัวเข้าก็อยู่เฉยๆ อย่างนั้นแลไม่ทำงานให้ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องหยุดพัก ที่จิตคิดเรื่องนั้น วาดภาพเรื่องนี้ ก็เพื่อใช้การใช้งานนั่นเอง ยิ่งเป็นการกะการตวงการคำนวณด้วยแล้ว ยิ่งจะใช้สัญญากับสังขารเกี่ยวข้องกันอย่างมากมาย ทีนี้เวลาใช้นานๆ เข้ามันก็ทำให้อ่อนเพลียได้ ต่อไปก็ไม่ทำงานให้ ย่อมเหนื่อยภายในธาตุขันธ์ เฉพาะอวัยวะส่วนละเอียดก็ปรากฏเหนื่อยอ่อนเพลียขึ้นมา ก็จำต้องระงับเสียด้วยวิธีสมาธิภาวนา ดังพระพุทธเจ้าทรงเข้าสมาธิสมาบัติ พระสาวกก็เข้าที่ภาวนา เพราะเป็นเครื่องบังคับกันอยู่ในตัว

    พอกำหนดเข้าที่จิตก็ปล่อยงานทันทีทันใด เพราะอยากจะปล่อยอยู่แล้ว เนื่องจากงานนั้นไม่ใช่งานยึดงานถือ ไม่ใช่งานถอดถอนกิเลสแต่อย่างใด เป็นงานที่ทำไปธรรมดาๆ ถ้าเป็นงานยึดงานถือที่เรียกว่าอุปทานแล้วก็ปล่อยได้ยาก เพราะจิตไม่ยอมปล่อยมันเสียดาย แต่งานของพระขีณาสพท่านไม่ได้มีอะไรเสียดาย ทำไปตามความจำเป็นเกี่ยวกับสมมุติเท่านั้น คิดปรุงด้วยเรื่องราวที่มีความจำเป็น พอคิดจะปล่อยเท่านั้น ท่านก็ปล่อยของท่านได้อย่างรวดเร็ว อาการแห่งขันธ์ทั้งหลายก็สงบตัว จะสงบนานเท่าไรนั้น แล้วแต่ความพอของธาตุขันธ์ หรือจิตถอยตัวออกมารับสมมุติ รับรู้สิ่งต่างๆ

    เมื่อออกจากที่นั้นแล้วธาตุขันธ์ก็สบาย กระปรี้กระเปร่าภายในธาตุขันธ์ ทราบได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับคนที่ทำงานเมื่อยหิวอ่อนเพลียเต็มที่ มารับประทานแล้วนอนพักผ่อนร่างกายให้สบาย พอตื่นขึ้นมาก็มีความสุข ธาตุขันธ์ก็แข็งแรง

    ระหว่างจิตกับขันธ์ที่พักกันโดยความถูกต้องเหมาะสม ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน อายุขัยที่จะเป็นไปได้ตามกาลตามเวลา ก็เพราะการปฏิบัติระหว่างขันธ์กับจิตให้ถูกต้องเหมาะสมแก่กันนั่นแล ความเกี่ยวข้องกับกิจการงานมากๆ ฝืนอยู่เรื่อยๆ จิตอยากจะพักก็ฝืนกัน ฝืนกันไปฝืนกันมา ความแพ้ก็มาแพ้ที่ขันธ์นี้แหละ ให้แพ้ที่จิตจริงๆ ที่บริสุทธิ์แล้วนั้นไม่มีทางแพ้ เพราะนั้นหมดเรื่องความแพ้ความชนะไปแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ได้บรรลุธรรม ความแพ้ความชนะเป็นอันว่าหมดปัญหาไปในทันทีทันใด แต่การที่จะทรงธาตุขันธ์ให้เป็นไปตามอายุขัยนั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติระหว่างจิตกับขันธ์ให้เหมาะสมกัน ไม่ให้มากเกินไป ซึ่งเป็นการตัดทอนอายุขัยลงโดยลำดับที่ฝืนความพอดี

    พ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -นั่นเป็นก.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ผู้ภาวนาย่อมสามารถเข้าถึงหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ…”

    ผู้ที่ศรัทธาในแนวทางที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เคยสอน ภาวนาถึงท่านก็เท่ากับภาวนาถึงหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ภาวนาถึงหลวงปู่ทวดก็เหมือนภาวนาถึงพระศรีอาริย์ ภาวนาถึงพระศรีอาริย์ฯ ก็เหมือนภาวนาถึงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ภาวนาถึงองค์ใดองค์หนึ่งก็โยงไปทั่วถึงกันทั้งสามองค์ ระลึกถึงหลวงปู่ทวดก็ถึงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ระลึกถึงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ก็ถึงหลวงปู่ทวด ถึงพระศรีอาริย์ฯ เหมือนกันหมด

    การภาวนาไตรสรณคมน์ด้วยความเคารพในหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ก็เป็นการบูชาในคุณของหลวงปู่ทวด บูชาในคุณพระศรีอาริย์ฯ ทั้งบูชาในพระรัตนตรัยในปัจจุบันนี้ด้วย บุญบารมีนั้นสืบเนื่องโยงใยกันไปมาน่าอัศจรรย์ อานิสงค์ในการภาวนาจึงมีมากมายยิ่งนัก

    การภาวนาไตรสรณคมน์หรือการสวดมนต์บทบูชาพระของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านเป็นกรรมฐาน ก็เท่ากับว่าผู้นั้นมีครูกรรมฐานเป็นองค์พระศรีอาริย์ฯ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ พร้อมกันในตัว นี่ก็จัดเป็นวาสนาอีกข้อหนึ่งของบุคคลผู้นั้น

    การทำกรรมฐานภาวนาเป็นบุญอันละเอียดอ่อน ผู้ที่รักใคร่ในการภาวนาแล้วย่อมเป็นที่รักของครูบาอารย์ผู้เป็นครู แม้ว่าท่านอยู่คนละภพก็ยังส่งจิตมาติดตามดูแล เพราะถือว่าการประคองจิตให้ศิษย์เป็นหน้าที่ของท่าน และเป็นเหตุแห่งการสืบพระศาสนาให้มั่นคงยิ่งขึ้นไปด้วย…..

    หนังสือหัวใจกรรมฐานจากหลวงปู่ทวดสู่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ••••• ทิพยจักร •••••

    ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “… อย่าฝึกนิสสัยพาล ไม่รับฟังคำสอนใดๆโงาทึบ อวดรู้อวดฉลาด ไม่รู้บุญรู้บาปดีชั่วนรกสวรรค์ ตายไปก็ไปนรก …”

    มหาปุญฺโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ

    คัดจากหนังสือ (๑๐๔ ปี ธรรมวิพากษ์ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ)

    ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ไม่รั.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “… จงยินดีในการปล่อยวาง
    จงพอใจในความมิยึดมั่นมิถือมั่น
    เพราะยึดมั่นมาก ยิ่งทุกข์มาก
    ยิ่งปล่อยวางมาก ยิ่งมีสุขมาก
    ‘วาง’ จึงสุขเท่ากับโลก …”

    มหาปุญฺโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ

    ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...