บริโภคสื่อยังไงไม่ให้จิตตก

​

<TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>ทุกวันนี้เราถูกสื่อและเนื้อหาของสื่อจำนวนมหาศาลท่วมทับจนแทบจะไม่มีช่องให้เราพักหายใจ

และเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีจนถึงขั้นทำให้เรารู้สึกแย่ไปด้วย

ถ้าเอาความรู้สึกแย่ๆทั้งหมดมากองรวมกันหน้าตามันคงจะเหมือนกองขยะกว้างใหญ่ แล้วมีเรายืนอยู่ตรงกลางหาทางออกไม่เจอ หลายคนปรับตัวกับมันด้วยการกลายร่างเป็นคนเก็บขยะ คือวันๆมองหาแต่ข่าวร้ายมาเสพ ยิ่งทุกวันนี้สามารถโต้ตอบกันได้ง่ายๆทางอินเตอร์เน็ต ก็เลยเพิ่มหน้าที่ตัวเองในการเติมขยะลงไปในระบบ ความอิสระในการเข้าถึงและตอบโต้สื่อแบบ real time ทำให้เรากลายเป็นผู้เสพขยะและสำรอกขยะออกมาทางความคิดอยู่ตลอดเวลา และความอิสระอาจจะไม่ได้หมายถึงสิ่งดีๆอีกต่อไปเหนื่อยกันไหมครับที่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวพอกลับมาบ้านเปิดทีวีก็มีแต่ข่าวร้ายๆท่วมโลกไปหมด เปิดเน็ตก็เจอแต่พวกคิดลบจนเราจิตตกทุกวัน​

;aa24

เราควรจะเลิกเป็นคนเก็บขยะกันได้แล้ว
เราควรประกาศอิสรภาพจากการถูกสื่อจูงได้แล้ว;aa54​

วิธีการในการเสพสื่อไม่ให้เกิดอาการจิตตกนั้นง่ายนิดเดียว แต่ยากตรงสร้างความเคยชินให้เกิดขึ้นเป็นอัตโนมัติ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีเดียวกับการเจริญสตินั่นแหละครับ แต่เอามาเพียงส่วนเดียวเพื่อใช้ในการรู้ทันจิตที่กำลังตกสู่ที่ต่ำ และดึงสติกลับมาที่กายและใจ​

เมื่อคุณดูข่าว อ่านข่าว เสพข่าว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นไปในแง่ลบ แง่เลว แล้วจิตเริ่มตกมันเป็นเพราะว่า เรามีขยะเก่าๆอยู่เต็มหัวไปหมด แล้วจิตเราก็เอาขยะใหม่มาผสม แล้วจิตคุณก็บอกกับตัวเองว่า “เอาอีกแล้วเหรอ” จากนั้นจิตคุณก็จะถอยออกมามองภาพรวมของข่าวทั้งหมดเพื่อสรุปไปในทางเดียวว่าโลกนี้มันมีแต่เรื่องแย่ๆ การทำงานของความคิดนั้นง่ายมากคือ ลงรายละเอียด วิเคราะห์ ถอยออกมามองภาพรวมแล้วสรุป จากนั้นก็ขึ้นกระบวนการใหม่ต่อเนื่องไปเรื่อย ทีนี้เราจะมาสกัดกั้นกระบวนการสรุปความคิดกันใหม่

ครั้งต่อไปที่คุณจะเสพสื่อ เมื่อคุณอ่านเอาความ หรือดูข่าว สมองของคุณจะนำเนื้อหานั้นไปเทียบกับความจำเก่าๆ แล้วความคิดของคุณเริ่มลงต่ำเพราะเรามีแต่เรื่องแย่ๆเต็มหัวไปหมด ถึงตรงนี้ก็ขอให้คุณสูดหายใจลึกๆ ช้าๆ รู้สึกถึงลมเข้าออกตรงปลายจมูก ละสายตาจากข่าวนั้น แล้วระลึกรู้ลมที่ปลายจมูกต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจิตคุณจะสงบลง ถ้าจะหลับตาด้วยจะดีมากๆ​

​

วิธีนี้เป็นวิธีเรียกสติให้กลับคืนมาอยู่กับกาย(ที่ลมหายใจ) เมื่อสติกลับมาเราจะพบว่าตัวเรายังมีชีวิตปลอดภัยดีอยู่ เรื่องร้ายๆในข่าวยังไม่ได้มาเคาะประตูบ้านสักหน่อย สติที่กลับมาจะช่วยให้เราค่อยๆคิดจากพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่จากข้อมูลที่เราเสพเข้าไป

นี่เป็นวิธีการง่ายๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เครื่องมืออะไรเลย แต่ส่วนที่ยากของมันก็คือทำให้เป็นความเคยชิน เป็นอัตโนมัติ วิธีการทำให้เป็นอัตโนมัติก็ต้องเริ่มจากเล็กๆก่อน ด้วยการเจียดเวลาวันละครึ่งชั่วโมงนั่งดูข่าว ตั้งใจว่าครึ่งชั่วโมงนี้เราจะรู้สึกตัวอยู่บ่อยๆ คือทำให้เป็นแบบฝึกหัดประจำวัน ทำสัปดาห์แรกให้คล่องก่อนเมื่อคล่องดีแล้ว คราวนี้มันจะเริ่มอัตโนมัติไปกับช่วงเวลาอื่นๆด้วย แต่เพื่อให้ความเคยชินนั้นติดทนนาน อย่าเพิ่งทิ้งแบบฝึกหัดครึ่งชั่วโมงนั้นไป ให้ทำเรื่อยๆ สม่ำเสมอ ทุกวัน จนกว่าการรู้ลมหายใจจะเป็นอัตโนมัติจริงๆโดยเราไม่ต้องฝืนเลย เผลอปั๊บรู้ตัว เผลอปั๊บรู้ตัว ทำอย่างนี้ไปจนกว่าจิตมันจะจำสภาวะได้ ​

ถ้าคุณฝึกวิธีนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อมีเรื่องร้ายๆเกิดกับคุณ เมื่อนั้นคุณก็สามารถรับมือมันได้อย่างมีสติครับ ​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ที่มา http://www.oknation.net/blog/lifesession/2008/12/04/entry-1

 

จริงครับ

คนเราเดี๋ยวนี้ชอบเก็บขยะ

 

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยย....ฝึกยาก..ไม่เข้าใจ......เจ๊มาช่วยฝึกให้หน่อยดิ๊........เร็วๆๆเลยอ่ะ จุ๊บๆๆๆ หุ หุ หุ

 

หรอครับ
ถ้าอย่างงั้น ผมจะพูดว่า "ก็หัดไม่บริโภคสื่อมันบ้างซิครับ"
เพราะทุก ๆ ครั้งที่เราบริโภคสื่อ ทั้งหู ตา จมูก ปาก และลิ้น มันสัมผัส
เรื่องราวต่างๆ ทุกวี่ทุกวัน ประมาณว่า "ซึมซับ ไปทุกๆวัน ทุกๆเวลา"
จิตของเราก็มัวแต่ พะว้าพะวง จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นๆ (รึว่าไม่จริงครับ)

จิตมันก็จะ จดจำ จดจ่อ ใส่ใจ และก็สนใจกับ(สื่อ)สิ่งต่างๆ เหล่านั้น
และมันก็เป็นเหตุอย่างที่คุณว่าไว้ ก็คือ "จิตตก" เพราะมัวแต่จดจำ
จดจ่อ ใส่ใจ และก็สนใจกับ(สื่อ)สิ่งต่างๆ เหล่านั้น เก็บกลับเอามาคิด
เอามาจำ เอามาใส่ใจ เผลอๆ สนใจนำไปปฏิบัติกับ(สื่อ)สิ่งนั้นๆ ไปด้วย

ไม่ยากครับ งั้นก็ลองปิดทีวีที่บ้าน ไม่ต้องเปิดเพลง งดการเล่นเกมส์ งดชมภาพยนตร์
งดการสนทนา พยายามอยู่แต่ในบ้าน สวดมนต์ นึกถึงแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ภาวนา นั่งสมาธิดูซิครับ เพียงแค่นั้นแหละ จิตของเราก็จะอยู่กับพระ
อยู่กับคำภาวนา ไม่วอกแวกไปไหน
(ไม่ใช่ว่า สิ่งที่ผม พูดออกมา สามารถที่จะทำเพียงครั้งเดียวมันจะได้ผลนะครับ
ลองทำใหม่ๆ ต้องค่อยๆ ฝึกหัดทำไปเรื่อยๆ ทำจนกระทั่งจิตของเรามันชินไปเอง
ปุ๊บปับทำเลย สำหรับคนที่ไม่เคยทำ มันก็จะแย่นะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน)

สมัยนี้ยิ่ง ตาม"บริโภค" สื่อกันเข้าไป มันก็จะยิ่งแย่ เพราะตกเป็น"ทาสกิเลส"
โดยที่ไม่รู้ตัว ในความคิดผม ผมว่า มันก็ไม่เห็นจะจำเป็นอะไรกันมากมายนักหนา
ที่จะคอยไปตาม "ก้น" เทคโนโลยี สื่อต่างๆ เพียงแค่ไม่ให้ตกยุค หรือพลาดข่าวสาร
(ไม่ใช่ว่า ไม่รับรู้อะไรเลยนะ ถ้าจะรับรู้ก็รู้แค่ที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้นเอง)
ผมว่า เอาเวลาบางส่วนที่เหลือจากชีวิตประจำวัน ไปทำประโยชน์ กับสาธารณะชน
นึกถึงครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สวดมนต์ ภาวนา นั่งสมาธิ ค่อยๆ ลด ละ เลิกอบายมุข
ที่แฝงมากับ"สื่อ"ในรูปแบบต่างๆ จะไม่ดีกว่าหรือ

 

เพราะมีสื่อ สำเร็จรุปมาให้รับกัน
เลยจำกัด ความคิดของมนุษย์ไปมาก
ทำให้รู้ข้อมูลไปได้เพียงแค่ทางเดียว
สื่อที่มาจากโทรทัศน์ น่ากลัวสุด เพราะไม่ได้เปิดโอกาสให้คนที่ชม ได้คิดตามไปเลย
มีแต่เอามาให้ดูๆๆๆ แล้วก็จบ
ถ้าเป็นหนังสือพิมพ์หรือวิทยุ ก็จะดีขึ้นมาหน่อย
ยังมีพื้นที่ให้เราได้ คิดเองบ้าง บริหารสมอง บริหารจิต บริหารอารมณ์
ใครคิดยังไงก็ได้ในสิ่งที่คิด
อินเตอร์เน็ท ก็ยังสามารถโต้ตอบถึงข่าวต่างๆๆได้ นับว่าดีมาก หากใช้ใ้ห้เป็น^-^
ตอนนี้ไล้ไม่ได้ดูทีวี มา สองเดือนกว่าแล้ว
หากจะดูอะไร อยากรู้อะไร ก็นั่งอยู่หน้าจอ -*-
ออนแต่พลังจิต กับนิดๆหน่อยๆอีกมากมาย จิตไม่คิดอะไร เพราะไม่ได้ดูทีวี สงบดีอีก
ไม่คิดตาม อ่านเอาจากเน็ท พอรู้เรื่อง จิตก็ไม่ตก^^

 

จิตตก น่ากลัวน้อยกว่า จิต พลุ่งพล้าน ตอนนี้สันโดษ ปฎิบัติตัวอยู่ในศีลธรรมคะ

ไม่อยากทำให้ สาวค่อนโลก เสียใจ อ่ะนะ บาปกรรมเเท้หนอ ....อิอิ:z10

 

อันที่จริงเราเลือกบริโภคได้ค่ะ เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Secret กล่าวไว้ว่า ถ้าคิดบวก คิดเรื่องดี จะดึงพลังด้านดีเข้าสู่ตัว การบริโภคแต่สื่อที่นำเสนอแต่เรื่องร้าย ๆ ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมาได้ มีแต่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง หดหู่ บางคนอาจแย้งว่า ถ้าเราไม่รู้ซะเลยว่าโลกภายนอกเขามีอะไรเกิดขึ้นบ้างจะได้ระวังตัว นั่นก็มีส่วนถูกต้อง แต่คนเราหากตั้งอยู่ในความไม่ประมาทก็จะปลอดภัย ยิ่งสมัยนี้โลกอินเตอร์เน็ตมีการใส่ไข่ ต่อเติมเสริมความคิดเห็นในแง่ร้ายโพสต์กันเข้าไปในกระทู้ต่าง ๆ บางทีต่อว่าด่าทอกันในนั้น ยิ่งเหมือนกับการทิ้งสิ่งสกปรกเหม็นเน่าลงไปในบ่อเดียวกัน เราไปเห็นบ่อนั้นแล้วไปออกความคิดเติมเสริมเข้าไปอีก ก็เท่ากับเราลงไปลุยในบ่อนั้น ตัวเราก็เหม็นเน่าไปด้วย

เราลองมาเปลี่ยนพฤติกรรมเป็น เลือกบริโภคข่าวด้านดี ให้ใจผ่องใส หากต้องรับรู้ข่าวร้าย ก็ให้เอาใจเป็นกลาง เมื่อรู้แล้วก็วางลง ไม่เก็บมาเอาเป็นอารมย์ เห็นสื่อหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับมีแต่การฆ่ากันตาย มีแต่เรื่องร้าย ๆ สิ่งเหล่านี้ เท่ากับจิตวิญญาณของผู้เสพสื่อถูกสะกดจิตโดยสื่อด้านร้ายโดยไม่รู้ตัว

เรามาเลือกบริโภคข่าวที่สร้างสรรค์สังคม งดเว้นการด่าทอส่อเสียด เว้นจากการอยากรู้เรื่องของผู้อื่นจากข่าวซุบซิบดาราว่าใครไปทำอะไรที่ไหนกับใคร อันที่จริงสิ่งเหล่านั้นไม่เกี่ยวกับชีวิตเราเลย ถ้าเราไม่บริโภคข่าวเหล่านั้น ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราแย่ลง และเราบริโภคข่าวเหล่านั้น ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น กลับทำให้เรากลายเป็นคนอยากรู้เรื่องชาวบ้าน เอาชีวิตของผู้อื่นมากล่าวถึง กลายเป็นการนินทาผู้อื่นโดยที่เราไม่รู้ตัวไป ทำให้ศีลข้อ 4 ของเรามัวหมองลงไปอีก

เลือกเถอะค่ะ เลือกบริโภคข่าวที่ดี ๆ กันดีกว่า

 

ขอบพระคุณมากนะคะ

 

จริงค่ะ ช่วงนี้รู้สึกแบบนี้ ต้องให้เวลาตัวเองทบทวนชีวิตนิดนึงว่าสุดท้ายชีวิตเราต้องการอะไร