ปัจจยาการ : หลวงปู่ขาว อนาลโย

ปัจจยาการ : หลวงปู่ขาว อนาลโย

"..อวิชชา (เป็นเหตุ) ให้เกิดสังขาร
สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ
วิญญาณ เป็นปัจจัยให้เกิด นามรูป
ท่านว่าให้ดับ ความโง่ อันเดียว..
เท่านั้น ผลดับหมด

เพราะธรรมทั้งหลาย ไหลมาแต่เหตุ
ธรรมทั้งหลาย ดีก็ดี ชั่วก็ดี
ไหลมาแต่เหตุ...

คือความโง่ ความไม่เข้าใจ คิดว่าเป็นตัวเป็นตน

ก็ได้รับผล เป็นสุข เป็นทุกข์สืบไป
ท่านเรียกว่า วัฏฏะ การวน วนไม่มีที่สิ้นสุด.."

อนาลโยวาทะ
ธรรมโอวาทของหลวงปู่ขาว อนาลโย

 

ปัจจยะการ -นี่แหละ หลวงปู่เอาปฏิจจสมุปบาทมาสอน ทำไม ทามมัย...พี่เสขะ ของน้องจึงเพิ่งเปิดเผยออกมา..ไปขุดจากไหนมาล่ะนี่ ตั้งแต่ พี่ เสขะ ของน้องบรรลุธรรมไปนี่ น้องไม่ค่อยได้เห็นหน้าในบอร์ดเลยยยย อิอิ (รอน้องก่อนก็ไม่ได้-รีบบรรลุจริงๆ)
ว่าแต่ บรรลุขั้นไหนแล้วล่ะ ..ทำยังไงอ่ะบอกน้องมั่งดิ อิอิ

 

ที่ยกมานี่นะ หลวงปู่เอา.. วงจรปฏิจจสมุปบาท.. ขั้น สังขาร-วิญญาณ-นามรูป-สฬายตนะ..ฯล สายเกิด ตามอริยสัจจ์4 มาสอนเลยนะนีี่
พี่เสขะของน้องได้ลายแทงมานานแล้ว ไม่ยอมเปิดเผยให้น้องรู้มั่งเลย มินาสำเร็จ-บรรลุธรรม-ไปแล้วเงียบฉี่เลยนี่..น้องเสียจายยยย พี่ทิ้งน้องได้ไง

 

ที่ยกมานี่นะ หลวงปู่เอา.. วงจรปฏิจจสมุปบาท.. ขั้น สังขาร-วิญญาณ-นามรูป-สฬายตนะ..ฯล สายเกิด ตามอริยสัจจ์4 มาสอนเลยนะนีี่
พี่เสขะของน้องได้ลายแทงมานานแล้ว ไม่ยอมเปิดเผยให้น้องรู้มั่งเลย มินาสำเร็จ-บรรลุธรรม-ไปแล้วเงียบฉี่เลยนี่..น้องเสียจายยยย พี่ทิ้งน้องได้ไง

 

ที่ยกมานี่นะ หลวงปู่เอา.. วงจรปฏิจจสมุปบาท.. ขั้น สังขาร-วิญญาณ-นามรูป-สฬายตนะ..ฯล สายเกิด ตามอริยสัจจ์4 มาสอนเลยนะนีี่
พี่เสขะของน้องได้ลายแทงมานานแล้ว ไม่ยอมเปิดเผยให้น้องรู้มั่งเลย มินาสำเร็จ-บรรลุธรรม-ไปแล้วเงียบฉี่เลยนี่..น้องเสียจายยยย พี่ทิ้งน้องได้ไง

 

ผมหลงไปนาน กำลังหัดสติครับ

 

พี่เกิดหายไปนาน ดูมั่นใจในธรรมมาทีเดียว ศึกษาได้ความรู้ ความเห็นปฏิเวธ อะไรมาแนะนำน้อง ยกข้อธรรมมานำเสนอศึกษาร่วมกันได้ครับ น้องก็รอฟังอยู่นา

 

พุทธวจน..พี่เสขะ พี่จะโล่งโปร่ง-สบายใจในการปฏิบัติ-ทุกอย่างหากไล่สายวงจรปฏิจจสมุปบาทได้- และพี่จะรู้เรื่องจิต(แสงกับฉาก) ...อย่างถูกต้อง อย่างถูกต้อง-คนที่มีพื้นฐานสมาธิแล้วอย่างพี่ รับรอง 3วันรู้เรื่องเลย -สมาธิที่ถูกมีแค่9 ลำดับเท่านั้นครับสาธุ

วงจรปฏิจจะสมุปบาท คือศูนย์กลางของธรรมทั้งหมดที่จะโยงไปทุกอย่าง-ทุกหัวข้อ-ทุกความรู้ในคำสอนพุทธศาสนา-แต่ละวงจร จะแตกออกไปเองในตัวมันครับ ..พี่จะโล่งทิ้งความรู้จากการขัดแย้งกันเองในตำราผิดๆ แค่เรื่องจิต..อย่างเดียว (จิต-มโน-วิญญาณ) พี่ก็โล่ง โปร่งสบาย ไปกว่าครึ่งแล้วครับ-ธรรมทุกอย่างอาศัยกันและกันเกิดทั้งสิ้น ไม่มีเกิดขึ้นลอยๆครับ

ลองทิ้งตำราเดิมๆชั่วคราว ที่มันแปลมาแบบไร้เหตุผล-จาก45เล่ม(มหาจุฬา)-มันแปลเติมมาเป็น 91เล่ม(มหามงกุฏ) มันแบ่งกันขายศรัทธาลวงโลกกันไง พระไตรปิฏกที่ลอกมาจาก ต้นฉบับเดียวกัน (ฉบับสยามรัฐ) มันจึง ตีกันมั่วไปหมด ต้อง พุทธวจน.ฉบับท่านพุทธทาส กับ อจ.คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพงเท่านั้น ในเบื้องต้น (อย่าเชื่อ ลองเรียนรู้แบบปราศจากอคติดูครับ) ที่ไม่มีการแปล-ปลอมปนเข้ามา..เพราะเขาลอกมาทั้งดุ้นเฉพาะ พุทธวจน..จากพระไตรปิฏก ที่ั้งสองสำนัก-แต่ตัดคำแปล-ต่อเติม-แต่งขึ้นใหม่ทิ้งหมดไงครับ สาธุ

 

"พี่จะรู้เรื่องจิต (แสงกับฉาก).."!!! อันนี้มันเหตุผลแบบโลกๆนะ พลังงงพลังงานอะไรพวกนี้ วิทยาศาสตร์ สัมผัสระดับโลกอะไรพวกนี้ เขาพูดกันได้หมด ไม่แตกต่างกัน พูดสูงพูดต่ำ ละเอียดลึกซึ้ง มันเรื่องของสังขารล้วนๆ พี่เสขะต้องเข้าใจ สังขารลวงกิเลส หรือว่ากิเลสลวงสังขาร หรือว่ากิเลสลวงกิเลสกันเอง ลวงกันไปกันมา ทุกข์ไม่สิ้น

 

ปฏิจจสมุปบาท ตามความเห็นผม เป็นธรรมที่ลึกซึ้งมาก คือเป็นอาการของอวิชชา จนให้ผลเป็นทุกข์

ผมคิดว่าเรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทต้องเทียบกับอาการของจิตตน ไล่เหตุมาหาผล ไล่ผลจนพบเหตุ คือกำหนดรู้อุปาทาน ตัดสายสมุทัย เป็นการเจริญมรรคเพื่อความดับอาการของอวิชชา จนถึงดับอวิชชา

ที่ผมยกมาหลวงปู่ขาวท่านชี้ อวิชชา คือ ความไม่รู้คิดว่าเป็นตัวเป็นตน ดับความโง่ตัวเดียวผลดับหมด

ความคิดผมว่าก็น่าสนใจ คือคิดว่าเป็นทางที่ตรง คือเราทำความฉลาดให้เกิดขึ้น เช่นสายวัดป่า(ขอยกบางส่วนนะครับไม่ใช่ทั้งหมด บางท่านเน้นเวทนา บางท่านพิจารนาจิตหรือธรรม) เน้นพิจารนา กายคตาสติ เป็นเครื่องอยู่ เป็นเหตุให้สัมมัปปทาน4เจริญ เป็นการประกอบความเพียรภาวนาให้อินทรีย์พละบริบูรณ์ เป็นเหตุให้เกิดโพฌชงค์7 เป็นองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ รวมลงในการเจริญอริยมรรคทั้งสิ้น ก็ล้วนเป็นเหตุให้เกิดปัญญาว่าขันธ์5ไม่ใช่ตน คือทำวิชชาให้เกิดความโง่ก็ดับได้ พี่ๆคิดว่าทั้งหมดนี้ลงรอยเดียวกับพุทธวจนกับปฏิจจสมุปบาทของท่านพุทธทาสสอนได้ไหมครับ

 

สรุปคือเรื่องของสังขาร อาการคือ ไม่แน่นอน ให้ผลเป็นทุกข์รึป่าวครับเนี่ย

 

ใช่พี่เสขะ พูดได้หมด รู้หมด แต่พอเอาเข้าจริงๆ สติปัญญาไม่ถึง ก็เสร็จคำพูดสวยๆ นั้นอยู่ดี แต่ก็เอาไว้เป็นเครื่องประกอบเตือนสติไปพลางๆ ก่อนก็ยังดี ให้เข้าที่เข้าทางหน่อยก็ยังดีครับ

 

พูดอีกก็ถูกอีกครับ

 

ใช่ครับเหมือนเป็นการฟังลำดับญานก่อนล่วงหน้าทำให้ไปจำได้รุ้ได้ว่าคนที่เห็นๆอะไรมาตนเองยังไม่เห็นเอง แต่ตัวพระท่านก้กล่าวไว้ว่า ให้ผ่านหุผ่านตาไว้ไปเอาผลเบื้องหน้าเอา เหมือนตอนที่พระพุทะเจ้าเข้าป่าไปโปรดสัตวืป่าอะครับพวกลิงพวกช้างฟังธรรมยังไม่ได้เข้าใจธรรมเลยบรรลุเลยแต่สั่งสมไว้ แต่การสอนของแต่ละพระอาจารยืก้แตกต่างกันอยู่ดี พระท่านอื่นๆก้สอนวิทีปติบัติให้พ้นจากทุขด้วยการเดินมรรคพาตัวเองพ้นไปจากทุขด้วยการปติบัติจนรู้ด้วยตนเองได้เช่นกัน
แต่ะรรมของท่านนี้ก้ไม่ได้ด้อยเลยนะครับเป็นที่น่าเลื่อมใสในผลที่ท่านเห็น อยุ่ที่วิทีการสอนธรรมที่แตกต่างของแต่ละบุคคลแล้วล่ะครับ ศิษอาจารเค้าสั่งสมกันมาอย่างนั้น

 

แบบนี้ไปเอาพระอาจารท่านมาเล่นมาโหนไม่ได้นะครับท่านก้เป็นนาบุญท่านหนึ่ง เลยทีเดียว การที่กล่าวอ้างท่านนั้น เราก้ต้องดูเฉพาะคุณธรรมตัวบุคคลที่กล่าวอ้างเท่านั้น จะมุ่งไปที่ตัวพระอาจารท่านนั้นก้ไม่สมควร ท่านเป็นเพียงผู้แสดงธรรมที่ถูกกล่าวอ้างถึง

 

ใช้สติปัญญา ใช้เหตุใช้ผล มาช่วยกันศึกษาข้อธรรมที่ท่านเมตตาสั่งสอนสิครับ อย่าใช้อคติและอารมณ์ น่าจะเป็นเหตุให้มีโยนิโสมนสิการ ความคิดผมน่าจะเป็นคุณต่อเรา

 

ดีแล้วถูกแล้วครับ

 

เหมือนจะงงไปเองหรือเปล่าครับ มีวิธีพิสูจน์อารมณ์ใจตัวเองอยู่นะ ลองทิ้งกระทู้ทิ้งเว็บนี้ไปเลยสักสองสามวัน หรือหลายๆวันได้ก็ดี แล้วค่อยกลับมาอ่านใหม่ สมมุติว่าถ้าติดใจที่ผมโพสต์ ก็อ่านที่ผมโพสต์ใหม่ แล้วดูซิว่ารู้สึกยังไง ยังคิดเห็นแบบเดิมไหม หรือเปลี่ยนไป สรุปเชื่ออารมณ์ใจตัวเองได้แค่ไหน หรือไม่ควรเชื่อเลย เห็นตามความเป็นจริงต่อไปๆๆครับ

 

ไม่งงหรอกครับผมไม่ได้แย้งท่าน ท่านอ่านดีๆ

 

ที่พี่เสขะ..ยกมานั้นผมเห็นด้วยไล่ได้ตามเหตุ-ผล-เกิด-ดับ เพียงข้อมูลสับสน ไม่เรียงลำดับสภาวะที่เกิดและควรปฏิบัติ- ควรเริ่มปฏิบัติ ทำตรงไหนก่อน-หลัง

เช่น..การที่พี่ จะปฏิบัติโดยเริ่มต้นจากการตัดอวิชชา-หรือเวทนา..เลย ตามวงจรปฏิจจะสมุห์ปบาทนั้นเป็นไปไม่ได้-เป็นไปไม่ได้เลย-..มูลมรรค-มูลฐานการปฏิบัติตน ธรรมในขั้นต้น มูลจิตของเรากำลังจิต สมาธิจิต-ทั้งหมดยังไม่มี ไม่เกิดพื้นฐานทางธรรมเลยครับ บุญกริยาวัตถุสาม- ทาน-ศิล-ภาวนา หรือมรรคมีองค์8 -ปัญญา-ศิล-สมาธิ-พี่ต้องใส่ให้จิตก่อน-ล้างจิตเขาก่อนครับ-ตามการปฏิบัติธรรมของ พจ.ที่เราต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนก่อน-หลัง ครับ

อีกอย่างในครั้งโบราณนานมา เคยปรากฏไหมว่า มีพระองค์ไหน นำข้อธรรมที่ปฏิบัติได้สำเร็จ-มาอธิบายให้ญาติโยมได้ฟัง-เข้าใจ ได้อย่างที่พี่เสขะ ยกโยงมาให้ดูหยาบๆๆ..
พระที่ฝึกตนเองได้สำเร็จแบบ ใช้สมาธินำปัญญา -ก็ไม่เคยสอนให้เราดูเกิด-ดับ-เมื่อจิตสงบเลย ตามวงจรปฏิจจะสมุห์ปบาท มีไหมครับ ยกมาให้ผมดูหน่อยกี่องค์..
ส่วนใหญ่เมื่อ"ธรรม" เกิดกับท่าน-ท่านก็จะนำเอาธรรมที่เป็นของตนเอง-ที่เกิดกับใจตนเอง-มาแสดงทั้งสิ้น -จึงเน้นไปที่การเกิด สภาวะกับกริยาจิต-ความประพฤติของคน- ล้วนๆ -ย้ำนี่คือเรื่องจริง-ส่วนใหญ่ท่านไม่เคยนำเอาธรรมของ พจ.มาแสดงประกอบให้ชัดเจนเลย-นำมาประกอบเพียงไว้เล็กๆน้อย..ตามหัวข้อปะปราย
หากมีพระองค์ไหน ที่นำธรรมที่ท่านเกิดมาอธิบายประกอบ กับ ธรรมของ พจ.ตาม วงจรปฏิจจะสมุห์ฯล นี่ ผมรับรองเลยครับ บรรลุธรรมกันไปเกือบหมดประเทศแล้วครับ อย่างน้อยก็กลายเป็นคน-ที่มีคุณภาพพร้อมมูลในธรรมนั้นๆ..โดยแท้รอเวลาทำกาละเท่านั้น แค่แสดงความเห็นส่วนตัว