โครงการ “บัญชีรายชื่อเจ้าภาพล้านบุญมหากุศล บุญละ 20 บาท”

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย Sirius Galaxy, 13 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ธุดงค์ในนครสวรรค์ (ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วีระ ถาวโรมหาเถระ)

    ธุดงค์ออกจากชอนเดื่อผ่านตาคลีไปนครสวรรค์ ความจริงการเดินทางเวลานั้น เดินทางแบบสบาย ๆ เพราะเป็นป่าใหญ่ ป่าทึบ การเดินทั้งหมด เข้าป่าทั้งหมด เพราะว่าไม่ต้องการพบบ้าน พอไปถึงเขตนครสวรรค์ ก็ไม่ทราบว่าตำบลอะไรมันเลยเมือง นครสวรรค์ไป ใกล้ กำแพงเพชร หลวงพ่อปานก็สั่งปักกลด เมื่อปักกลดเรียบร้อยแล้ว ก็หาน้ำอาบกันหาบ่อน้ำอาบ หลวงพ่อปานท่านมีความชำนาญมาก ท่านบอกว่า ที่อาบน้ำ บ่อน้ำมีทางโน้น เป็นน้ำใส ท่านเคยมา

    เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็บอกว่า ทุกองค์พักให้หายเหนื่อย เมื่อพักหายเหนื่อยดีแล้ว ก็เขียนระยะทางที่เราผ่านมา บันทึกภาพใช้ อตีตังสญาณ ใครจะพบใครสมัยไหน ไม่มีความสำคัญ ใครเห็นอะไร พบอะไร เขียนมา แล้วฉันจะพิสูจน์ วันพรุ่งนี้เช้าฉันจะรับมาพิสูจน์ นี่เป็นปกติธรรมดา การเดินทางธุดงค์ ท่านไม่ต้องการให้เดินเฉย ๆ ให้ใช้กำลังฌาน กำลังฌานที่จะพึงได้เป็นการฝึกกัน ไม่ใช่เป็นผู้ชำนาญ

    ทุกคนก็ต่างคนต่างเขียน เมื่อเข้ากลดของตัวแล้ว ก็เขียนเท่าที่จำได้หรือนึกออก แต่ส่วนใหญ่ที่เขียนนี่ไม่ได้ใช้กำลังใจของตนเอง ถามเทวดาที่เดินมาด้วย เพราะการเดินทางมาเทวดาท่านก็มาด้วย เทวดานี่ ท่านมีความเมตตาปรานีจริง ๆ เห็นท่านตลอดเวลาทำให้เราไม่เหงา เดินถึงที่ตรงนั้นถึงที่ตรงนี้ ท่านก็ชี้ว่า ในสมัยนั้นมีอะไร สมัยนี้มีอะไร สถานที่ตรงนี้เขารบราฆ่าฟันกัน ที่นี่มีบ้านมีเมือง มีใครเป็นบุคคลสำคัญ ท่านก็เล่าให้ฟังเรื่อย เวลาเดินกันมาจริง ทั้ง ๔ องค์นี่เงียบกริบ ไม่มีใครพูดกัน ที่ไม่มีใครพูดกัน ก็ต่างคนต่างฟังเทวดาท่านเล่าให้ฟัง และบางสมัยเราเอง ก็เกิดแถวนั้นเหมือนกัน เดินทางผ่านแถวนั้นเหมือนกัน และในสมัยนั้นมีสภาพเป็นเป็นอย่างไร ท่านก็ชี้ให้ดูภาพ เหมือนกับเราดูของจริง

    เมื่อต่างคนต่างเขียนเสร็จ ก็ ทำวัตรสวดมนต์ กันตามธรรมดา ทำวัตรสวดมนต์ก็ใช้อะไรไม่มาก ส่วนใหญ่ใช้การเจริญกรรมฐานให้หนัก การเจริญกรรมฐานเป็นของปกติ ถ้าถามว่า ทำอย่างไร ก็ไม่ต้องถาม เพราะกรรมฐานก็มีเป็นประจำอยู่แล้ว อันดับแรก ต้องมีพรหมวิหาร ๔ พรหมวิหาร ๔ นี่ต้องเป็นฌานสมาบัติ และ ประการที่ ๒ นิวรณ์ทั้ง ๕ ประการ อย่าให้เข้าประจำใจ ถ้าขืนปล่อยให้นิวรณ์ทั้ง ๕ ประการเข้าประจำใจ

    เช้าจะอดข้าว ประการที่ ๓ เราก็นั่งใคร่ครวญ พิจารณาร่างกายตัวเองว่า ร่างกายนี่มันมีสภาพตายในที่สุด เมื่อเราตายแล้ว ร่างกายไม่ได้ไปด้วย จิตใจมันไป ที่เรียกว่า อทิสมานกาย ก็ย่อ ๆ แบบนี้ ตามธรรมดาที่ผ่านมา เพราะว่าเคยกินข้าวจากเทวดาแบบไหน ก็ทำแบบนั้น เพราะกลัวอด ถ้าถามว่านักพรต คือ นักเจริญกรรมฐาน กลัวอดด้วยหรือ ก็ต้องตอบว่า กลัวอดแน่ ๆ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าร่างกายมันต้องการอาหาร

    ในเมื่อถึงรุ่งเช้า ก็เอารายงานไปส่งหลวงพ่อปาน พอส่งท่านแล้วก็ออกเดินทางบิณฑบาตตามปกติ ไปตามธรรมดา ๆ กำหนดว่า จากต้นไม้ต้นนี้ถึงต้นไม้ต้นโน้น เราจะรับบิณฑบาต ถ้าไม่มีใครใส่บาตร เดินไปแล้วเดินกลับ เราจะอยู่ด้วยธรรมปีติ ก็เป็นเรื่องธรรมดาจริง ๆ ว่า ธรรมดาก็มีคนใส่ให้ คนที่ใส่ให้ก็ไม่ใช่รูปร่างเหมือนเทวดา เป็นรูปร่างชาวบ้าน แต่ว่าสังเกตข้าว ข้าวเหมือนกันทุกวัน ข้าวสีเหลืองน้อย ๆ รสหวานหน่อย ๆ มีดอกไม้สวย ๆ นี่เป็นเรื่องธรรมดา ๆ ก็ไม่ควรจะซ้ำซากกัน

    พอฉันข้าวเสร็จ หลวงพ่อปาน ก็เรียกประชุม ท่านก็แนะนำด้านวิปัสสนาญาณว่าสมถภาวนาน่ะใช้กันจนชินได้ดีแล้ว วิปัสสนาญาณอย่าทิ้ง จงอย่าคิดว่า เราจะได้กลับวัด คิดไว้เสมอว่า วันนี้มันอาจจะตายไว้เสมอ ถ้าเราตาย เราจะไปไหน ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของดี มันของเลว มันเป็นเครื่องนำมาแห่งความทุกข์ อย่าไปสนใจในมันให้มากเกินไป ร่างกายจะตายที่ไหน ก็ปล่อยมันตายที่นั่น เราจะไปตามทางของเรา เราจะไปสวรรค์ หรือไปพรหมโลก หรือจะไปนิพพานก็ตามใจ

    หลังจากที่ท่านอบรมตามสมควร ท่านพูดดีมาก หลวงพ่อปาน พูดเพราะ อธิบายจนเข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่าง ต่างคนก็ต่างพักในกลด เข้ามาในกลดสักครู่หนึ่ง เสียงหลวงพ่อปาน ก็ร้องบอกว่า เอ้า...ใครอยากจะเดินชมอะไรบ้าง ก็ไปได้ตามอัธยาศัยทุกองค์ ทั้ง ๓ คนก็ไปกราบท่าน ขออนุญาตเดินเข้าป่า ตอนเดินเข้าป่านี่ เดินเข้าไปสักครู่หนึ่ง ก็พบต้นไม้ใหญ่ ๆ มีต้นยางบ้าง โดยมากเป็นป่าสัก ยางก็มีน้อยกว่าสัก ต้นสักมีมาก เป็นต้นเปล่า ข้างล่างเตียนโล่ง สบาย ๆ เดินไปแบบสบาย ๆ พอไปถึงต้นไม้ต้นสักต้นหนึ่ง มีแสงแดดส่องลงมาบ้าง ก็มี เสือดำ นอนอยู่ ๒ ตัว ยังนึกในใจว่า เจ้าหมาดำนี่ ทำไมตัวมันใหญ่นัก ตัวมันยาวนัก คล้ายเสือ แต่ความจริงนึกว่าหมา ยังไม่รู้จักคำว่า เสือดำ รู้จักแต่เสือลายพาดกลอนบ้าง เสืออะไรต่ออะไรบ้าง เขาเล่าให้ฟัง ก็ไม่รู้จักจริง คำว่า เสือดำ ไม่มีใครเขาพูดให้ฟัง ก็คิดว่าเป็นสุนัขธรรมดา ๆ หรือเป็นหมาป่าธรรมดา ก็คิดว่าคงไม่เป็นไร พอเข้ามาใกล้ เจ้าเสือดำมองดู มันก็ลุกขึ้นมองเฉย ๆ แล้วก็เดินไปเฉย ๆ ไม่แสดงอาการท่าทางดุร้าย จึงนึกในใจว่า หมา ๒ ตัวนี้ มันเหมือนเสือจริง ๆ แต่หน้าตาทำไมเหมือนเสือ แต่พวกเราก็คิดว่าเป็นหมา

    แล้วก็เดินทางต่อไปอีก คราวนี้ก็ไปพบคน ๆ หนึ่ง นุ่งขาวห่มขาว นั่งภาวนาชักลูกประคำ ก็คิดในใจว่า นี่ฆราวาสเขาก็มาธุดงค์เหมือนกันแล้วท่านผู้นั้นเองก็ไม่มีบาตร ไม่มีอะไรทั้งหมด มีแต่ผ้านุ่งกับผ้าห่ม จึงนึกในใจว่าท่านดีกว่าเรามาก เข้าไปใกล้ท่าน นึกอยากจะกราบท่าน แต่ก็กราบไม่ได้เพราะผ้ากาสาวพัสตร์ แต่จิตใจนึกกราบท่านด้วยความเคารพ พอเข้านั่งใกล้ท่านก็ลืมตาขึ้น ท่านถามว่า พวกท่านมาธุระอะไร ก็เรียนว่า ฉันเดินเล่น ท่านถามว่า เดินเล่นนี่ จิตคิดอย่างไร ก็ตอบท่านว่า จิตคิดถึง พุทโธ คือ นึกถึงพระพุทธเจ้า เห็นภาพพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ท่านก็บอกว่า ดีแล้ว อย่างนั้นก็ดีแล้ว เห็นภาพพระพุทธเจ้าแล้วคิดไหมว่า มันอาจจะตาย ก็เลยบอกว่า คิดตั้งแต่เช้า ท่านบอกว่า เรื่องความตายนี่ ควรจะคิดไว้เสมอ ๆ จะได้มีความมั่นใจในพุทโธ เมื่อท่านจะผ่านมาหาผม ท่านเจอะสุนัข ๒ ตัวไหม บอกกับท่านว่า เจอะ ท่านถามว่า สีอะไร ก็ตอบว่า สีดำ ท่านถามว่า คุณเข้าใจว่ามันเป็นสุนัขจิ้งจอก หรือเป็นสุนัขป่า หรือว่าเป็นสุนัขอะไร บอกให้ทราบได้ไหม ก็เลยบอกว่า บอกไม่ได้เพราะไม่เคยรู้จักสุนัขแบบนี้ รูปร่างหน้าตามันคล้ายเสือ ท่านก็เลยบอก
    ว่านั่นแหละเขาเรียก เสือดำ เจ้าเสือดำนี่ มันดุกว่าเสือลายพาดกลอนมาก ที่พวกคุณทั้ง ๓ ผ่านมาได้เพราะอาศัย พรหมวิหาร ๔ และพุทธานุสสติ ฉะนั้นสองอย่างนี้จงอย่าลืม ถามท่านว่า ท่านอยู่ที่ไหน ท่านก็ตอบว่า ที่อยู่ในเมืองมนุษย์ของผมไม่มี

    พอท่านบอกเท่านั้น ก็นั่งจ้องหน้าท่าน ท่านบอก เอ้า...ดูนาน ๆ ซิว่า ตามันกระพริบไหม ก็เป็นอันว่า ตาไม่กระพริบ ท่านถามว่า ในเมื่อท่านเห็นว่า ตาผมไม่กระพริบ ท่านเข้าใจว่าผมเป็นอะไร ทีนี้กลิ่นตัวของท่านสิ กลิ่นตัวคล้าย ๆ กับธูปหอม ถ้ากลิ่นแบบนี้เป็นกลิ่นของพรหม ถ้ากลิ่นตัวเทวดาแล้วเป็นกลิ่นเหมือนดอก ไม้ดอกไม้สด หรือกระแจะ คล้ายคลึงกันทั้ง ๒ อย่าง ก็เลยตอบท่านว่า ท่านคือพรหม ใช่ไหม ท่านก็บอกว่า "ใช่ ถามว่า ท่านเป็นพรหมชั้นไหน ท่านก็ตอบว่า ผมคือ สหัมบดีพรหม ก็ตกใจ นึกอยากจะไหว้ท่าน ท่านบอกว่า เอาแค่นึกนะ อย่าไหว้นะ เพศอย่างนี้ไม่ควรจะยกมือไหว้ฆราวาส ก็ถามท่านบอกว่า ท่านมานั่งนี่ท่านมีความประสงค์อะไร ท่านบอกว่า ผมรู้ว่าคุณทั้ง ๓ องค์จะมาที่นี่ ก็ถามว่า แล้วมีอะไรจะบอกไหม ท่านบอกว่า ผมจะบอกกับพวกคุณอยู่อย่างเดียว คือตั้งใจจะบอกว่า ดินแดนที่คุณเดินผ่านมานี่ คุณเกิดมาแล้ว" ท่านมีความประสงค์อะไร ท่านบอกว่า ผมรู้ว่าคุณทั้ง ๓ องค์จะมาที่นี่ ก็ถามว่า แล้วมีอะไรจะบอกไหม ท่านบอกว่า ผมจะบอกกับพวกคุณอยู่อย่างเดียว คือตั้งใจจะบอกว่า ดินแดนที่คุณเดินผ่านมานี่ คุณเกิดมาแล้วหลายครั้งหลายชีวิต เอากันตั้งแต่สมัยสุพรรณบุรีก็ได้ สมัยสุโขทัยก็ได้ สมัยเชียงแสนก็ได้ ท่านผ่านมาหลายชีวิต ท่านเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดมาหลายชีวิต แต่ละชีวิตของท่าน ไม่ได้มีความสุข

    ก็ขอดูภาพ ๆ หนึ่ง เป็นสมัยเชียงแสน สมัยนั้นเป็นภาพที่มีความแร้นแค้นมากที่สุด เพราะพ่อถูกขอมขับเข้าไปอยู่ป่า มีความอดอยากมาก แต่ทว่าอาศัยมานะทิฏฐิและจิตใจเป็นคนไทย เมื่อโตขึ้นมาก็รวบรวมกำลังไพร่พล ใช้คำว่าไพร่พลก็ไม่ถูก รวบรวมกำลังชาวบ้านด้วยกัน เป็นชาวบ้าน ตั้งเป็นกองทัพ พอถูกพวกขอมรุกรานหนัก ข่มเหงทุกอย่าง ลูกเขาเมียใคร ต้องการเมื่อไร ก็ได้เมื่อนั้น ทรัพย์สินของใคร ต้องการเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น ถ้าไม่ให้ก็ทำร้ายร่างกายเสียบ้าง ฆ่าเสียบ้าง ไม่มีความผิดตามกฎหมายขอม เขาถือว่าคนไทยไม่ต้องการให้มีชีวิตอยู่ เ ขาต้องการทำลายคนไทยทั้งหมด ก็มีความจำเป็น เมื่อถูกกดหนักก็ต้องเด้งขึ้นต่อสู้ แล้วในที่สุด ชีวิตนั้นก็ตาย ไม่ใช่รบกันตายรบชนะขอมแล้ว อยู่นานแล้วก็ตาย ต่อมาก็เกิดใหม่อีก ก็เกิดโผล่ขึ้นที่สุโขทัย ขึ้นมาที่สุโขทัยโผล่ขึ้นมาแล้วไม่ช้าไม่นานก็ตายอีก คราวนี้ตายเป็นพระ แล้วต่อมากโผล่ขึ้นมาอีก โผล่มาในเขตของสุโขทัยเหมือนกัน แล้วก็มาสุพรรณบุรี แล้วก็มา อยุธยา นี่ตามกันมา ตามพวกกันมานะ แล้วในที่สุดก็มาถึงกรุงเทพฯ ในที่สุดก็มาถึงชีวิตสุดท้ายตอนนี้

    จากหนังสือ ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หน้าที่ ๒๐๙ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร 27973607_334426360383181_8039498867295160354_n.jpg
     
  2. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สิ่งที่เป็นอันตรายกับสมาธินั่นก็คือ นิวรณ์ ๕ ถ้าเราไปสนใจกับนิวรณ์ ๕ ว่ามีอะไรบ้างมันก็เสียเวลาอีก เพราะเวลาที่เราจะไปนั่งไล่เบี้ยนิวรณ์ ๕ ว่า

    กามฉันทะ มีอะไรบ้าง โทสะ มีอะไรบ้าง ถีนมิทธะ มีสภาพยังไง วิจิกิจฉา มีสภาพเป็นยังไง มันก็เสียเวลา เสียเวลาที่จิตเราจะเข้าทรงความดี รวมความแล้ว เราไม่สนใจอะไรมันเสียเลย สิ่งที่สนใจในเบื้องต้นหรือถึงเบื้องปลายนั่นก็คือ

    รู้..ลมหายใจเข้าออก เวลาหายใจเข้านึกรู้อยู่ว่า..หายใจเข้า

    เวลาหายใจออกนึกรู้อยู่ว่า..หายใจออก

    หายใจออกยาว..หรือ..สั้น หายใจเข้ายาว..หรือ..สั้นก็รู้อยู่ นี่อย่างหนึ่ง

    จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อ วัดท่าซุง เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๑๐๐ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    27971888_334422853716865_4912915269049529947_n.jpg
     
  3. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

    การพิจารณาอริยสัจ ต้องพิจารณาให้ถึงที่สุดของความทุกข์ แล้วจักเกิดความเบื่อหน่ายไม่อยาก กลับมามีขันธ์ ๕ ให้ต้องได้รับทุกข์อีก

    จิตจักวางทุกข์ เมื่อเห็นธรรมดาของการมีขันธ์ ๕ ก็ต้องพบทุกข์อยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

    เกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากของรักของชอบ ปรารถนาไม่สมหวัง การกระทบกระทั่งกับอารมณ์ที่ไม่ชอบใจนั้นเป็นทุกข์

    การมีขันธ์ ๕ ย่อมหนีไม่พ้นสภาวะเช่นนี้ เจ้าจงพิจารณาให้เกิดความเบื่อหน่ายให้ถึงที่สุด แล้วจิตจักวางอารมณ์ที่เกาะติดร่างกาย เกาะติดทุกข์ไปได้ในที่สุด

    อย่าท้อใจ อดทนต่อสู้กับชีวิตไป ให้ถือว่าทนเป็นครั้งสุดท้าย ตายเมื่อไหร่ไม่ขอกลับมามีภพชาติอีก ตั้งใจไปพระนิพพานจุดเดียว แล้วอย่าลืมควบคุมอารมณ์ อย่าให้ตกอยู่ในราคะ โทสะ โมหะ ให้มากนัก

    จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘ รวบรวม
    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    27972818_334423260383491_1238885192522596130_n.jpg
     
  4. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

    รักษาสุขภาพกาย รักษาสุขภาพจิต เป็นกิจขอผู้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ดังนั้น บุคคลผู้มีความคล่องในการกำหนดรู้กองสังขารแห่งกายและจิตอยู่เสมอ ย่อมเป็นสุขมากกว่าทุกข์ และย่อมดีกว่าผู้ไม่รักษาสุขภาพกายและจิต ปล่อยให้ทรุดโทรม แล้วเกิดอาการเบียดเบียนตนเองทั้งกายและจิต ถ้าอย่างนี้เป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุข เพราะฉะนั้น พึงรักษากายและจิตให้มีสุขภาพดีด้วย จงอย่าเบียดเบียนตนเองเป็นอันขาด เพราะหากกายกับจิตมีสุขภาพดี การปฏิบัติธรรมก็ย่อมมีผลดี มีผลทรงตัวด้วย

    จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘ รวบรวม
    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    27867853_333987577093726_2722750173678087728_n.jpg
     
  5. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

    ใครเขาจักติจักว่าอย่างไรก็เรื่องของเขา ทำจิตของเราให้เป็นปกติก็แล้วกัน จิตปกติคือจิตสงบ ปราศจากอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ไม่ถือเอามาเป็นสาระ ติดข้องอยู่ในอารมณ์ให้เห็นธรรมดาในคำที่เกิดขึ้น ถ้อยคำนั้นเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หาสาระประโยชน์ อันใดมิได้

    เอาจิตรอดเข้าไว้เป็นประการสำคัญ โดยเฉพาะจิตของตนเองนั่นแหละเป็นหลักใหญ่ มิใช่ไปกังวลเรื่องจิตของใครอื่น จิตของเราคิดเป็นกุศลหรืออกุศลก็พึงรู้เข้าไว้ และพึงแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่ถูกที่ควรด้วย

    และอย่าทิ้งการตรวจสอบอารมณ์ของจิตว่า เบียดเบียนตนเองหรือเปล่า เบียดเบียนผู้อื่นหรือเปล่า เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นหรือเปล่า ความสงบของอารมณ์จะสมบูรณ์แบบ ก็จักต้องไม่เบียดเบียนทั้ง ๓ ประการนี้

    ทำบุญเพื่อนิพพานก็ต้องทำจิตเพื่อนิพพานด้วย คือ ทำดีแต่ไม่ติดดี และรู้ว่าสิ่งไหนดี รู้ว่าสิ่งไหนไม่ดี แล้วไม่ทำอารมณ์ให้ไปเกาะทั้งดีและทั้งไม่ดี วางจิตให้อยู่ตรงกลางแบบสบาย ๆ นั่นแหละ คือ การทำจิตเพื่อพระนิพพาน

    ให้เห็นธรรมในธรรม เห็นจิตในจิต เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา พิจารณาไปให้ได้เป็นปกติ แล้วเจ้าจักพบความจริงใน สภาวะธรรมล้วน ๆ อันไม่มีอันใดมาปกปิดนั่นแหละ จิตจักเห็นสภาพธรรม โดยปราศจากอารมณ์ปรุงแต่งธรรม จุดนั้นแหละจักทำให้เจ้ามีความสุขสงบของจิต

    จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘ รวบรวม
    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    27752587_334423427050141_6770337498965979269_n.jpg
     
  6. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    (อัพเดตล่าสุด เวลา ๐๗.๒๓ น. วันที่ ๑๘ ก.พ. ๖๑ )
    รายชื่อผู้ร่วมทำบุญโครงการ ล้านบุญ มหากุศล (เพิ่มเติม) ค่ะ

    ทิพวรรณ สุขประดิษฐ์ ๒ บุญ
    สันติ แก้วน้อย ๑๐ บุญ
    นาย ฐิติณัฐ ศิริสุข และครอบครัว ๕ บุญ
    พรศิริ สีงามสรม ๑ บุญ
    นาย สมิท อ่อนคำ ๒๕ บุญ
    นาย ธีรวัฒน์ อ่อนคำ ๕ บุญ
    นางชิดชม ชาญกลราวี ๕๐ บุญ
    นาง วิชุลี บรรจบพุดซา ๒๕ บุญ
    นาง พเยาว์ บัวรุ่ง ๒๕ บุญ
    นาย วิษณุ ใจชัยภูมิ ๑ บุญ
    นาง ธิดารัตน์ คติการ ๑๐ บุญ
    นาย ศักดิ์สวัสดิ์ จันทรศักดิ์ ๑๐๐ บุญ
    นาง อำพันธ์ เกิดทรัพย์ ๒๕ บุญ
    นาง บรรจง ปานนาค ๒๕ บุญ
    นาง วิไลวรรณ แสงไพบูลย์ ๕ บุญ
    นาง อารีย์ เปี่ยมมงคล ๕ บุญ
    นาย ปกรณ์ - นาง ณัฐิกา เชาวลิต ๕ บุญ
    น.ส. จงกล ศรีรังสรรค์ ๑๕ บุญ
    น.ส. จารุวรรณ จินดามงคล ๑๐ บุญ
    นาง เพ็ญประภา เกษมสุวรรณ ๒๕ บุญ
    น.ส. วิภา กลัดแก้ว ๕ บุญ
    น.ส. ขนิษตา ปะโคทัง ๕ บุญ
    น.ส. พยงค์ สีมาคำ ๑๐ บุญ
    น.ส. วิลาวัลย์ สือสัมพันธ์ ๕ บุญ
    น.ส. ชนิดา พงษ์พานารัตน์ ๕ บุญ
    ตอนนี้ รวมเป็น ๑,๑๗๖ บุญ ค่ะ

    (รวมเป็นเงินที่โอนให้หลวงพ่ออึ่งแล้ว ๒๓,๕๒๐ บาท)

    ที่มา : Facebook ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง
     
  7. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิฐาน หากแม้นท่านทั้งหลายที่ร่วมล้านบุญมหากุศลในครั้งนี้ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่เข้านิพพานฉันใด หากได้มาเกิดในสมัยข้าพเจ้าตรัสรู้ ขอให้ท่านทั้งหลายได้เข้านิพพานในสมัยนั้นเถิด
     
  8. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    พระสมเด็จรวมแร่นานาชาติ หลวงปู่หนุน วัดพุทธโมกพลาราม อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร ครับ 27867899_335026836989800_3687966857178716297_n.jpg 27972302_335026860323131_4563932501718588320_n.jpg
     
  9. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ธุดงค์ในนครสวรรค์ (ต่อตอนจบ) (ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วีระ ถาวโรมหาเถระ)

    รวมความดูแล้ว ดูทุกสมัยที่เกิด ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์ มีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน รุกรานแผ่นดินซึ่งกันและกัน แย่งแผ่นดิน แย่งอำนาจ แย่งความเป็นใหญ่ แต่จะใหญ่ขนาดไหน ในที่สุดก็ต้องตายเหมือนกัน คิดแล้วก็สลดใจ จึงกราบเรียนท่านว่า ชีวิตนี้มันเต็มไปด้วยความทุกข์ ท่านก็เลยบอกว่า เข็ดในการเกิดหรือยัง ก็ตอบท่านบอกว่า เข็ดในการเกิดแล้ว ท่านถามว่า เมื่อก่อนบวชเคยคิดอย่างนี้บ้างไหม ก็กราบเรียนท่านบอกว่าเมื่อก่อนบวช ชีวิตเมามันมาก มีความประมาทในชีวิตมาก ไม่เคยคิดว่าจะตาย เห็นคนอื่นเขาตาย ก็คิดว่า เขาตายไม่ใช่เราตาย เห็นคนอื่นเขาแก่ ก็คิดว่าเขาแก่ คิดว่าเราไม่แก่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเราเคยมีการป่วยไข้ไม่สบาย แต่ก็ไม่เคยคิดถึงความป่วยไข้ไม่สบาย คิดว่าตนเองมีความสุขทั้ง ๆ ที่มีความเหนื่อยยาก ต้องทำการงานเสี่ยงชีวิต ทุกอย่างมีความเหน็ดเหนื่อยทุกอย่างมีความทุกข์ ทุกอย่างมีความแร้นแค้น ทุกอย่างมีความขัดข้อง แต่ก็ไม่เคยคิดถึงความทุกข์ เวลานี้รู้จักความทุกข์แล้ว ท่านก็บอกว่า เป็นความดี คิดอย่างนี้เป็นความดี อาจารย์ของท่านน่ะ ท่านรู้ทุกอย่างนะ ที่ท่านปล่อยให้ท่านมาเที่ยวเพราะท่านทราบว่าจะมาพบกับผมที่นี่ ผมบอกอาจารย์ของท่านว่า ผมจะมาคอยท่านที่นี่ จะอธิบายให้ฟัง

    แล้วท่านก็ชี้ให้ดูสภาพชีวิตของคนที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ละสมัย ๆ ดูแล้ว ก็เพลิน การรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันแต่ละคราว ๆ ต่างคนต่างก็เจ็บ ต่างคนต่างก็ตาย ต่างคนต่างมีความทุกข์ ทหารก็แสนจะลำบาก กินข้าวอิ่มบ้าง ไม่อิ่มบ้าง บางทีกำลังจะกินข้าว ข้าศึกเข้ามา ก็ต้องรบกับข้าศึก ทั้ง ๆ ที่ท้องไม่อิ่ม แล้วที่พัก ที่หลับที่นอน อยู่ในกลางป่ากลางดง ไม่เหมือนบ้าน การรบสมัยนั้นไม่มีพาหนะ มีช้าง ม้า วัว ควาย ก็อาศัยอะไรได้ยาก นอนกับดิน กินกับทราย การรบแพ้ รบชนะก็ไม่ทราบ พลทหารทั้งหมด แพ้ก็แค่นั้น ชนะก็แค่นั้น นั่นก็หมายความว่า ฐานะก็ยากจนตามเดิม ไม่มีอะไรเป็นกรณีพิเศษ เงินเดือนเงินดาวน์ก็ไม่มี เบี้ยเลี้ยงที่เป็นสตางค์ก็ไม่มี มีแต่อาหารกิน แล้วหมอก็มีไป แต่ว่าก็เป็นหมอแผนโบราณแต่ก็ดีมาก แพทย์แผนโบราณจะว่าไป เลือดออกนี่เขาชะงัดมาก บางรายเลือดออกมาปั๊บ หมอจับปั๊บ เป่าพรวดเดียวแผลหาย เขาเรียกว่า ประสานแผล อันนี้เขาเก่งมาก วิชาเวลานี้ไม่มี บางรายก็ใช้ใบตองปิดเป่า ๓ ทีแผลหาย แต่หมอประเภทนี้ก็มีไม่มากนัก เมื่อทหารถูกฟันเข้ามาแล้ว มีการบาดเจ็บมาก กระดูกหัก กระดูกแตก หมอประเภทนี้สามารถต่อกระดูกได้ทันทีทันใด สามารถประสานแผลได้ทันทีทันใด เมื่อแผลหายแล้ว ทหารลุกขึ้นรบใหม่ต่อไปได้อีก แต่ว่า ทหารส่วนใหญ่เวลานั้นก็หนังเหนียว ขนาดแทงด้วยหอกกระเด็นออกมา ไม่มีความรู้สึก วิ่งเข้าไปใหม่ ฟันเจ้าของหอกตายอย่างนี้ก็มี

    รวมความว่าท่านทำให้ดู ท่านบอกว่า คนทุกคนที่ท่านมองเห็นเวลานี้ เขาตายไปหมดแล้ว และในกลุ่มนั้น กลุ่มนี้ ตัวท่านเองก็มีส่วนอยู่ด้วย ท่านก็ชี้ให้ดูตัวว่า นั่นคือท่านคนนี้คือคนนั้น คนนั้นคือคนนี้ เวลานั้นรู้สึกว่ามีความดุดันมากสำหรับกับข้าศึก แต่ถ้ากับคนไทยด้วยกันใจดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะเห็นอกเห็นใจกัน ก็สรุปแล้ว ผลที่สุดก็แก่ตายมองแล้วก็สลดใจ ก็ถามท่านบอกว่า ฉันทั้ง ๓ องค์นี่ตายแล้วจะไปไหน ท่านก็ตอบว่า ในเมื่อท่านมีอาจารย์ดีขนาดนี้แล้ว ท่านยังจะไปนรกผมก็ช่วยท่าน ไม่ได้ แต่จะให้ผมพยากรณ์ ผมพยากรณ์ไม่ได้ ก็สุดแล้วแต่กำลังใจของท่าน เมื่อท่านรักดี ท่านก็ไปสวรรค์ก็ได้ ไปพรหมโลกก็ได้ ไปนิพพานก็ได้ ท่านรักชั่ว จะตกนรกก็ได้ เป็นเปรตก็ได้ เป็นอสุรกายก็ได้ เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ได้ ตามใจท่าน ถามถึงวิธีการสอนของหลวงพ่อปาน ท่านสอนจบหรือยัง ท่านบอก วิชาความรู้ทุกอย่างที่ท่านเรียนมาจบหมดแล้ว แต่ หลวงพ่อปาน ก็ดี หลวงพ่อเนียม ก็ดี หลวงพ่อโหน่ง ก็ดี ท่านสอนมา แต่ละองค์สอนให้จบหมดแล้ว เว้นไว้แต่ท่านจะทำให้จบ หรือไม่จบเท่านั้น

    แล้วหลังจากนั้นท่านก็บอกว่า ทรัพย์สินต่าง ๆ เดิมของท่านทั้งหลาย ฝังแถวนี้ ก็มีท่านต้องการไหม ก็บอกว่า ถ้าต้องการมันก็เกิด ถ้าไม่ต้องการมันก็ไม่เกิด ท่านตอบว่า ถูกแล้ว ตัดสินใจถูก ทรัพย์ทั้งหลายเหล่านั้น ท่านที่มีอยู่แถวนี้ ท่านก็ชี้ให้ดู นี่ทองคำนี่เป็นของท่าน ตุ่มเงินนี่เป็นของท่าน แต่ว่าเจ้าทองคำ กับตุ่มเงินตุ่มนี้ ในสมัยนั้น ชีวิตรูปร่างท่านเป็นอย่างนี้ ท่านก็สร้างภาพให้ดู มีบ้านมีเรือน มีข้าทาสหญิงชายรับใช้ มีบุตรธิดาภรรยาสามีกันเยอะแยะ ในที่สุดก็แก่ตัวไปทุกวัน ๆ ตายแล้วชีวิตมันก็ไปที่อื่น ทองคำกับเงินก็ไม่มีความหมาย ท่านบอกว่า ทรัพย์สินทั้งหลายมันมีประโยชน์เฉพาะสิ่งที่มีชีวิต ในขณะที่มีชีวิตก็มีความจำเป็นต้องใช้มัน แต่ว่าถ้าตายไปแล้วก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ช้าคนอื่นเขาก็มาขุดไป ทองคำมันก็ไม่มาก เงินมันก็ไม่เยอะ ก็ถามท่านบอกว่า ในป่าลึกอย่างนี้จะมีใครมาขุดหรือ ท่านบอกว่า ป่านี้ไม่ช้ามันก็เตียน ในชีวิตของคุณนี่แหละ ไม่ช้าไม่นานแล้ว ในที่สุดคุณก็มาเห็นเป็นทุ่งโล่งเวลานี้เป็นป่าชัฏ

    เมื่อคุยกับท่านพักหนึ่ง ก็ลาท่านกลับ ก่อนที่ท่านจะกลับ ท่านก็ให้พร ท่านบอกว่า คุณธรรมใดที่ท่านปรารถนาขอจงได้คุณธรรมนั้นสมความปรารถนาทุกประการ ท่านบอกว่า ถ้ามีอะไรให้นึกถึงผม ผมคือ สหัมบดีพรหม แต่ก่อนที่พวกคุณจะกลับไป ผมจะแสดงตนให้ทราบ หลังจากนั้นท่านก็เป็นพรหมสวยสดงดงามมาก เครื่องประดับประดาเหลืองอร่าม ท่านบอกว่า การเดินทางกลับของคุณไม่ต้องเดินมากหรอก เพียงแค่หันหลังไปหาทางเดินก็ถึงแล้ว พอหันหลังมาจะเข้าทางเดิน ก็ปรากฏว่าถึงกลดพอดี อันนี้เป็นกำลังของพรหมนะ ไม่ใช่กำลังของฉัน

    เมื่อมาถึงกลดแล้ว หลวงพ่อปาน ก็เรียกไปถาม ถามว่า พวกคุณไปที่ไหนมา ก็ตอบว่า ผมบอกตำบลไม่ได้ขอรับ เพียงแต่เดินทางไปในทิศนี้ ไปในดงสัก ต้นไม้สักมาก แล้วก็ไปพบเสือดำ เสือดำนี่ความจริงเข้าใจว่าเป็นหมา แต่เมื่อลุกไปแล้วไม่ใช่ หมา หน้าตาคล้ายเสือ แต่มันไม่ดุไม่ดัน ท่านบอกว่า เสือดำ ๒ ตัวนี่ความจริงไม่ใช่เสือแท้ มันเป็นเสือเทวดา เขาจะลองใจคุณ เพราะว่าตามธรรมดา แม้จะไม่ใช่เสือดำก็ดี ถ้าเป็นหมาป่า มันก็มีความดุร้าย กำลังใจของคุณจะมีความเข้มแข็งไหม ในเมื่อคุณเดินตรงเข้าไป คุณไม่กลัว เขาก็เลยเดินหนีไป หายไป นั่นเขาเป็นเทวดา แล้วเดินต่อไปอีก ไปเจอะคนนุ่งขาวห่มขาว ใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านว่า ใช่ แล้วทราบไหมว่าเป็นใคร ก็เลยบอกท่านบอกว่า ท่านเป็นสหัมบดีพรหม หลวงพ่อปานก็บอกว่าใช่ สหัมบดีพรหมองค์นี้เป็นพระอรหัตมรรค ใกล้จะนิพพานอยู่แล้ว ท่านสอนอะไรบ้าง ก็บอกกับท่านว่า ท่านสอนทุกอย่างตามที่เล่ามา เหมือนกับดูภาพเดิม

    หลวงพ่อปานก็บอกว่า นั่นแหละเป็นของจริง ฉันอยากจะให้เธอรู้ความเป็นจริงว่า การเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นของธรรมดา และการเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี้มันมีสภาพไม่สูญ ที่ใครเขาว่าสูญเป็นเรื่องของเขา เราเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงมีความเข้าใจตามพระพุทธเจ้าสอน เชื่อพระพุทธเจ้า อย่าเชื่อคนที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า คนที่หันหลังให้พระพุทธเจ้า ก็ดูตัวอย่างเทวทัต เทวทัตหันหลังให้พระพุทธเจ้าฌานสมาบัติก็เลยสลายตัวในที่สุด เทวทัตก็ลงอเวจีมหานรกฉันใด คนทั้งหลายในปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน บางคนห่มผ้ากาสาวพัสตร์มาในนามของพระสงฆ์ในนามของพระพุทธศาสนา เมื่อเวลาบวชก็ดี เชื่อพระไตรปิฎก แต่เวลาบวชนานหนักเข้า ๆ มีลาภสักการะมาก มีคนขึ้นมาก มีคนนิยมมาก ก็ชักจะทิ้งพระไตรปิฎก ถือความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ คุณจงอย่าเอาอย่างนั้นนะ เป็นอันว่าวันนี้เราก็นอนกันที่นี่ กลางคืนจงอย่าลืมเจริญกรรมฐาน ก็กราบเรียนท่านบอกว่ากรรมฐานผมไม่ขาดเลยขอรับ ท่านบอกว่าดี ท่านถามว่า นิวรณ์กวนใจบ้างไหม ก็เลยบอกว่า ตั้งแต่ออกเดินทางมาถึงวันนี้นิวรณ์ยังไม่เคยกวนใจเลย ท่านบอกว่า ดีมาก

    เมื่อถึงเวลาเย็นก็จะไปอาบน้ำ พอเข้าไปใกล้ที่น้ำ ก็ปรากฎว่า มีกลุ่มช้างกลุ่มหนึ่ง ฝูงใหญ่มาก แต่ก็เป็นที่อัศจรรย์ พอเห็นเข้าช้างทุกตัวย่อเข่าทั้งหมด แล้วก็ยกงวงชูขึ้น แสดงเคารพแล้วหัวหน้าก็ชี้งวงไปที่บ่อน้ำเหมือนจะบอกว่า บ่อน้ำอยู่ที่นั้น เราก็ไปกัน แล้วช้างทั้งหมดนั้นก็มายืนล้อมบ่อ หันหน้าออก เมื่ออาบน้ำเสร็จกลับมาหา หลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานถาม ก็บอกตามความเป็นจริง ท่านบอกว่า ที่นี่เสือดุมาก อันตรายมาก ในเวลาที่คุณจะไปอาบน้ำนั่นมันเวลาที่ใกล้เสือจะออกเดินทางใกล้พลบค่ำเต็มที ฉะนั้น ช้างทั้งหมดจึงได้ล้อมบ่อน้ำ หันหน้าออก ถ้าเสือเข้ามา ช้างก็จะจัดการกับเสือ ก็เป็นอันว่า ก็เลยถามว่า ช้างที่เห็นนี่ ช้าง ๆ หรือช้างเทวดาขอรับ ท่านบอกว่า ช้างจริง ๆ แต่ช้างเขามีอารมณ์ใจเป็นทิพย์ เราพูดอะไรทุกอย่างนี่ ช้างได้ยินหมด รู้หมด เขาจะอยู่ไกลแสนไกลขนาดไหนเขาก็รู้ เวลานี้เขารู้ว่าเรามีพรหมวิหาร ๔ ตั้งอยู่ในจิตเมตตา อยู่ในความรัก กรุณา ความสงสาร เป็นต้น และประการที่สอง เราเดินดง ตั้งใจธุดงค์เป็นการทำความดี ช้างเขารู้ ก็เลยถามท่านบอกว่า ถ้าอย่างนั้น กำลังใจช้างก็ดีกว่าคน ท่านบอกว่าไม่แน่นัก คนที่ดีกว่าช้างเขาก็มี คนที่ดีเสมอช้างก็มี คนที่เลวกว่าช้างก็มี แต่ขึ้นชื่อว่า หูทิพย์ ใจทิพย์กันแล้ว ช้างดีกว่าคนมาก

    จากหนังสือ ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หน้าที่ ๒๑๒ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร 27973607_334426360383181_8039498867295160354_n.jpg
     
  10. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

    ให้พิจารณาไปให้เห็นธรรมดาของชาวโลก เห็นอะไรว่าดีก็น้อมเข้าดึงเข้าหาตัวหมด ไม่เหมือนกับชาวธรรม ที่คิดแต่สักสละออก เพราะรู้ด้วยปัญญาว่า ไม่มีใครเอาสมบัติของโลกไปได้ แต่หากสละออกเป็นทาน กลับเอาไปได้เป็นอริยทรัพย์ มีอารมณ์ไม่ฝืนธรรมไม่ฝืนโลก ทุกอย่างอยู่ที่จิตที่ยอมรับกฎธรรมดา หากจิตเข้าใจทั้งทางโลก ก็จักไม่ฝืนโลก หากเข้าใจถึงทางธรรม จิตก็จักไม่ฝืนธรรม เช่น ทางโลกชอบระคนไปด้วยหมู่ เป็นครอบครัว ทางโลกซึ่งเขายึดว่าดี เป็นที่ชุมนุมของขันธ์ ๕ เป็นสภาวะที่ชื่นชอบในความทุกข์ ซึ่งต่างกับทางธรรมไม่ระคนไปด้วยหมู่ มีโอกาสก็ให้หลีกเร้นให้เกิดกายวิเวก มุ่งใช้ปัญญาตัดหรือสละภาระของขันธ์ ๕ ด้วย ภาราหะเวปัญจักขันธา หมู่มากเพียงใดก็ยุ่งมาก กระทบกระทั่งกันมาก ก็ทุกข์มากเพียงนั้น ทางโลกกับทางธรรมจึงดูเหมือนสวนทางกัน เราต้องปรับจิตให้ยอมรับนับถือกฎของธรรมดานั้น ๆ อย่าสักเพียงแต่ว่าฝืนใจ ถ้าฝืนก็ยังไม่จริง และอย่าคิดว่าทำไม่ได้ จักต้องพยายามทำ ถ้าไม่ปล่อยวางอารมณ์พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล สักวันหนึ่งจิตก็จักยอมรับทางโลกและทางธรรม โดยความเป็นจริง เมื่อนั้นจิตก็จักลงตัว เห็นธรรมดาทั้งทางโลกและทางธรรม จักมีอารมณ์สงบและเป็นสุขอย่างยิ่ง

    จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘ รวบรวม
    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    27867855_334894833669667_5682337538489613163_n.jpg
     
  11. Kitsanapong

    Kitsanapong สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +11
    นายพีรภัทร์ แซ่หว่อง 1 บุญ
    นายวรศักดิ์ เจนนฤมิตร 1 บุญ
    นายเจริญ เจนนฤมิตร 1 บุญ
    นายสมจิต เจนนฤมิตร 1 บุญ
    นายชานนท์ เจนนฤมิต 1 บุญ
    รวมเป็นจำนวน 5 บุญ เป็นจำนวนเงิน 100.02 บาท 18-02-61 21:31 น.
    ร่วมทำบุญสร้างมหาวิหารแก้ว 2 ชั้น และสมเด็จองค์ปฐมฯ หน้าตัก 10 เมตร ยอดพระเกศทองคำ
    ตลอดทั้งทุก ๆ บุญที่เนื่องด้วยสมเด็จองค์ปฐมฯ ที่สร้าง ณ วัดนาเดื่อ บ้านนาเดื่อ ตำบลนาแก้ว อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร
    ขอกราบอาราธนาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ พระธรรม ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พรหมเทพทั้งหลาย พรหมเทวดาทั่วสากลพิภพ รวมถึงเทวดาประจำตัวทุกๆพระองค์ ขอได้โปรดอนุโมทนาส่วนบุญกุศลทั้งหมดนี้ของลูกๆด้วยเถิด
     
  12. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สาธุ ขออนุโมทนาครับ
     
  13. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    (อัพเดตล่าสุด เวลา ๑๙.๒๕ น. วันที่ ๑๘ ก.พ. ๖๑ )
    รายชื่อผู้ร่วมทำบุญโครงการ ล้านบุญ มหากุศล (เพิ่มเติม) ค่ะ

    นาย ราชันย์ ปัตถา ๒๕ บุญ
    ชาญชัย นันทวัฒนกุลชัย ๕ บุญ
    น.ส. เมวดี สีวัน ๑ บุญ
    นาย โย แก้วกงพาน ๑ บุญ
    ด.ญ.เมธาพร (คิตตี้) ๑ บุญ
    ด.ช.เมธพนธ์ แก้วกงพาน ๑ บุญ
    ด.ญ.ปัณณพร แก้วกงพาน ๑ บุญ
    แม่สุด สีวัน ๑ บุญ
    พ่อสมัคร สีวัน ๑ บุญ
    นางเอ็ม สีวัน ๑ บุญ
    น.ส.ณัฐนิชา ต่วนชะเอม ๑ บุญ
    น.ส.กฤติยาภรณ์ สุวรรณชาติ ๑ บุญ
    ตอนนี้ รวมเป็น ๑,๒๑๖ บุญ ค่ะ

    รวมเป็นเงินที่โอนให้หลวงพ่ออึ่งแล้ว ๒๔,๓๒๐ บาท

    ที่มา : Facebook ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง
    วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561
     
  14. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    (อัพเดตล่าสุด เวลา ๑๗.๕๓ น. วันที่ ๑๙ ก.พ. ๖๑ )

    รายชื่อผู้ร่วมทำบุญโครงการ ล้านบุญ มหากุศล (เพิ่มเติม) ค่ะ

    นายพีรภัทร์ แซ่หว่อง ๑ บุญ
    นายวรศักดิ์ เจนนฤมิตร ๑ บุญ
    นายเจริญ เจนนฤมิตร ๑ บุญ
    นายสมจิต เจนนฤมิตร ๑ บุญ
    นายชานนท์ เจนนฤมิต ๑ บุญ
    นายกรณ์ พรสมิทธิกุล ๑ บุญ
    นางดุจฤดี พรสมิทธิกุล ๑ บุญ
    ด.ช.ศุภกร พรสมิทธิกุล ๑ บุญ
    ดช.ณัฐวรรธน์ พรสมิทธิกุล ๑ บุญ
    นายถวิล หนูสง ๑ บุญ
    นายสุภิรักษ์ หนูสง ๑ บุญ
    นายสิทธิพงศ์ หนูสง ๑ บุญ
    นายธีรวิทย์ หนูสง ๑ บุญ
    นางกุลนาถ หนูสง ๑ บุญ
    พชรพร ทองคำ ๕ บุญ

    ตอนนี้ รวมเป็น ๑,๒๓๕ บุญ ค่ะ

    รวมเป็นเงินที่โอนให้หลวงพ่ออึ่งแล้ว ๒๔,๗๐๐ บาท

    ที่มา : Facebook ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง
    วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561
     
  15. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

    การเอาศีลเป็นพื้นฐานแก้ โทสะจริต ก็คือ การทรงพรหมวิหาร ๔ นั่นเอง ซึ่งเมื่อรู้เหตุ รู้หนทางแก้ที่ต้นเหตุก็จักดับเหตุได้ แต่ละบุคคลมีจริตต่างกัน จึงพึงหาทางเรียนรู้จุดเด่นของจริตตนเองให้พบ ก็จักหากรรมฐานแก้จริตของตนได้เอง เดินให้ตรงทางอยู่ในศีล - สมาธิ - ปัญญา แล้วผลที่ได้นั่นแหละจักเป็นของจริงที่เจ้าได้แก่จิตของเจ้าเอง

    หมั่นพิจารณาวางภาระอันยึดเกาะขันธ์ ๕ ลงเสีย ให้เห็นโทษของอายตนะสัมผัสอันมีขันธ์ ๕ เป็นเครื่องรองรับ หมั่นชำระจิตให้หลุดพ้นจากการเกาะติดในอายตนะสัมผัสนั้น อย่ามีความประมาทในชีวิต มองทุกอย่างให้เข้าสู่สภาพความเป็นจริง เห็นทุกข์ เห็นอริยสัจให้ชัด แล้ววางภาระและพันธะของจิตที่มีอารมณ์เกาะติดในขันธ์ ๕ ลงเสีย กิจทางพุทธศาสนาก็จักจบลงได้ไม่ยาก ความปรารถนาพระนิพพานในชาตินี้ก็เป็นของไม่ไกล ขอให้ตั้งใจทำจริงเท่านั้น ผลที่ได้ย่อมได้ตามที่ต้องการแน่นอน

    จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    28058832_335474560278361_3133260868351512251_n.jpg
     
  16. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

    สุขภาพไม่ดี ก็ให้หมั่นพิจารณาดูโทษของขันธ์ ๕ ที่สร้างทุกข์ให้กับจิตตลอดเวลา เมื่อเห็นสภาวะที่น่าเบื่อเยี่ยงนี้ จิตจักต้องหาพ้นไปอยู่ตลอดเวลา การพิจารณาร่างกายอยู่เสมอ ๆ เป็นอุบายไม่ให้จิตส่งออกนอกกาย เป็นวิปัสสนาญาณที่ถูกต้องของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นอริยสัจ เป็นหนทางอันจักให้พ้นไปเสียได้จากร่างกาย พ้นเสียจากความเกิด มิใช่ให้ไปดูอื่นไกล ดูอาการของจิตที่เกาะติดยึดมั่นถือมั่นอยู่ในกายนี้ว่าเป็นเรา เป็นของเรานี่แหละเป็นสำคัญ สิ่งอื่นใดที่อยู่ภายนอกมิใช่หนทางพ้นทุกข์ให้พิจารณาให้ลึกซึ้ง ที่เราเกิดโทสะ - ราคะ - โมหะ หรือ โลภะ ก็เนื่องจากการที่จิตเกาะกายเป็นต้นเหตุนี่แหละ พิจารณาอนุโลม - ปฏิโลมให้ลึกซึ้ง แล้วจักเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง เรื่องนี้สำคัญมากไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ นอกเสียจากว่าเราต้องพยายามช่วยเหลือตนเอง

    จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    27972432_335469700278847_750187666015829976_n.jpg
     
  17. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

    อย่าสนใจในจริยาของผู้อื่น ให้หันมาดูจิตของตนเอง ให้รู้ว่าขณะนี้จิตเรากำลังทำสงครามภายใน เพื่อชนะอารมณ์เลวของตนเอง อย่าไปมุ่งชนะความเลวของผู้อื่น

    งานภายนอกเป็นงานประกอบ (งานทางโลก) งานภายในที่จักตัดกิเลส ให้เป็นสมุจเฉทปหานนั้น เป็นงานหลัก (งานทางธรรม) แล้วให้ตรวจสอบดูอารมณ์ยึดมั่นถือมั่นในตัวของตนเองเป็นระยะ ๆ ด้วย อย่าหลงคิดว่า สักกายทิฎฐิ นั้นไม่มีแล้ว เพราะหากยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์เพียงใด สักกายทิฎฐิ ย่อมยังมีอยู่แน่ ดังนั้น ถ้าจักให้ได้ผลในการปฏิบัติ จงหมั่นตรวจตรา สักกายทิฎฐิ ตัวนี้ไว้ให้เนือง ๆ ด้วย

    จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
    โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    28059088_335471263612024_3804591230767027350_n.jpg
     
  18. ยุทธ ปทุม

    ยุทธ ปทุม ยุทธ ปทุม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +179
     
  19. ยุทธ ปทุม

    ยุทธ ปทุม ยุทธ ปทุม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +179
    ข้าพเจ้า นายยงยุทธ และครอบครัว ได้ร่วม โครงการ “บัญชีรายชื่อเจ้าภาพล้านบุญมหากุศล บุญละ 20 บาท”
    โดย เด็ญหญิงปุณยนุช ขจรนิธิพร

    ร่วมสร้างมหาวิหารแก้ว 2 ชั้น และสมเด็จองค์ปฐมฯ หน้าตัก 10 เมตร ยอดพระเกศทองคำ
    ตลอดทั้งทุก ๆ บุญที่เนื่องด้วยสมเด็จองค์ปฐมฯ
    สร้าง ณ วัดนาเดื่อ บ้านนาเดื่อ ตำบลนาแก้ว อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร
    แล้ว 200 บาท ขออนิสงฆ์ผลบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว พบแต่สุข ปราศจากทุกข์ตลอดไป ตราบเข้าสู่พระนิพพาน
     
  20. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สาธุ ขออนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...