ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ผู้ที่จะเป็นนางแก้วหลักที่จะตามพระโพธิสัตว์คู่ของตน
    ไปจนกว่าจะจบกิจได้นั้น ต้องมีความเข้มแข็ง อดทน
    มีเมตตา มีบารมีสูงมาก…หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ จะต้องวางกำลังใจเฉกเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งทีเดียว ต้องบำเพ็ญบารมีหนุนนำพระโพธิสัตว์จนกว่าจะสำเร็จกิจในพระโพธิญาณที่ปรารถนาจนกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งหาได้จะเป็นสตรีนางใดก็ได้
    กำลังพระบารมีท่านบำเพ็ญมาไม่ย่อหย่อนไปกว่าพระโพธิสัตว์คู่บารมี ต้องพานพบเจอความทุกข์มากกว่าสตรีนางอื่น การเสียสละ ขันติบารมี ความเพียร มีจิตเปี่ยมด้วยเมตตาอย่างล้นพ้น
    เนกขัมมะมาอย่างเข้มข้น
    หญิงธรรมดาไม่อาจหยั่งรู้จิตนางแก้วคู่บารมีได้ฉันใด
    ชายธรรมดาก็มิอาจหยั่งรู้จิตพระโพธิสัตว์ได้ฉันนั้น

    กราบอนุโมทนาบุญบารมีกับสตรีผู้เปี่ยม
    ด้วยเมตตาเกื้อกูลแด่เพี่อนสรรพสัตว์ทุกท่านเทอญ…

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    โอวาทธรรมหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระมหาวีระ ถาวโร)

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันโท)

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ถ้าใจของเราทุกคนมีความสงบตั้งมั่น
    คุณสมบัติของธรรมนั้นก็มีกันทุกหัวใจ
    แต่ข้อสำคัญคือใจเราที่ยังไม่สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ
    ที่ทำให้เรายังไม่เห็นอะไรในตัวเอง
    ยังไม่เห็นพระพุทธเจ้า คือพุทโธอยู่ในตัวเอง …
    ต่อเมื่อเราทำใจของเราให้สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว
    เราจะอ๋อ!! คุณของพระพุทธเจ้าอยู่ตรงนี้
    พระธรรมเจ้าก็อยู่ตรงนี้ พระอริยสงฆ์ก็อยู่ตรงนี้
    เราจะอ๋อเลย เราจะได้ไม่ไปหาที่อื่นไกล…”

    หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    โอวาทธรรมหลวงปู่โต พรหมรังสี

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -พรหม.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    คนเราเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
    ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
    ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย
    เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
    เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

    มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก
    คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
    เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย
    ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
    ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า
    คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
    โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
    เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก
    ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

    เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ
    ไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
    ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น
    มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา
    เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน
    แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
    เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ
    จึงบอกว่า ” ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า”

    หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า “อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อยไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว”
    เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่า ตัดสินใจเองไม่ได้ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่า
    “อยากเข้ามา ก็เข้ามา!”

    เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
    ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
    หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า “อาการหนักเลยนะ”

    ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
    หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า
    “โทรมมากเลยนะ” ชายคนนั้นไม่สนใจ
    หลวงตาบอกว่า “ไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ”
    ชายคนนั้นไม่สนใจ

    แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
    เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น
    ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
    กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

    ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
    ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด

    เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
    เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ
    แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา
    เขามองเห็นศพนั้น
    เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุม
    ร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป

    พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
    เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู
    เมื่อพบว่า เป็นศพ ด้วยใจสงสาร
    จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
    เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆ
    กอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
    จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
    จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

    จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพ
    ของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
    พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
    แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

    ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า “ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน”

    เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา
    เด็กรับใช้ตกใจมาก
    หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า “โยมรอดแล้ว
    เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว”

    ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชติดตามหลวงตาองค์นั้นในที่สุด

    คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
    ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
    ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย
    เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
    เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

    ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้
    คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
    เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน
    ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า
    ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้
    ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า
    เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่

    ทุกๆวจีกรรม กายกรรม และมโนกรรม ที่เรานึกคิด
    พูดล้วนเป็นกรรมหมด อยู่ที่เจตนาเป็นบุญหรือบาป ล้วนส่งผลต่อปัจจุบันและอนาคตทั้งนั้น…ธรรมะสาธุ

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    .jpg

    คำสอนของพุทธองค์เข้าใจได้ง่าย
    เพียงแค่ใช้สติและปัญญา
    “ถึงแม้ว่าเราจะโยนสิ่งสกปรกขึ้นฟ้า ฟ้าก็ไม่ต่ำลงมา สิ่งสกปรกนั้นจะย้อนกลับมาหาเราเอง”

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ปัจฉิมโอวาทที่องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถตรัสเป็นปัจฉิมวาจา วันใกล้จะปรินิพพาน ตรัสแก่พระอานนท์ว่า
    อานันทะ ดูก่อนอานนท์ พระธรรมคำสั่งสอนที่เราสอนพวกเธอนั้น ย่อมรวมอยู่ในความไม่ประมาท แล้วองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ ตรัสว่า อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ ซึ่งแปลเป็นใจความว่า ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม
    นี่เป็นอันว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เราไม่ประมาทในการที่จะละความชั่ว หมายความว่า จงอย่าคิดว่านี่เราไม่ชั่ว พระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินศรีสอนไว้บอกว่า อัตตนา โจทยัตตานัง จงเตือนตนด้วยตนเอง นี่ก็หมายถึงว่าพระองค์ไม่ให้เราประมาท จงมองดูความชั่ว มองดูความผิด มองดูความเสียหายของตนเองไว้เป็นปกติ
    ถ้าเรามองความชั่ว มองความเสียหายของตัวไว้แล้ว เราก็มีจะแต่ความดี เราอย่าเป็นคนเข้าข้างตัว เอาพระวินัยมากาง เอาธรรมะมากางเข้าไว้ ดูพระวินัย ดูธรรมะว่าอะไรมันผิดบ้าง แม้แต่นิดหนึ่งก็ต้องตำหนิ เหมือนกับผ้าขาวทั้งผืน มีจุดดำอยู่จุดหนึ่ง ก็ชื่อว่าทำผ้าขาวนั้นให้สิ้นราคา แม้จุดนั้นจะเป็นจุดเล็กเท่ากับปลายปากกาที่จิ้มลงไปก็ตามที เขาก็ถือว่า มีตำหนิ
    นี่เราเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราจะพิจารณาหาความดีของพระองค์ก็ต้องหากันตรงนี้ ว่าพระพุทธเจ้าต้องการให้เรามีจิตบริสุทธิ์ ถ้าจิตบริสุทธิ์แล้วไปไหน
    พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
    “จิตเต ปาริสุทเธ สุคติ ปาฏิกังขา ถ้าจิตบริสุทธิ์แล้วอย่างน้อยเราก็ไปสู่สุคติโลกสวรรค์”
    คำว่า สุคติ นี้ก็ยกยอดไปถึงสวรรค์ก็ได้ พรหมโลกก็ได้ นิพพานก็ได้
    นี่เราก็มานั่งใคร่ครวญความดีของพระพุทธเจ้า นั่งนึกเอาว่าพระพุทธเจ้าจะทรงเป็นพระพุทธเจ้าได้ก็อาศัย ตัดความรัก ตัดความโลภ ตัดความโกรธ ตัดความหลง
    ตัดความรัก พระพุทธเจ้ามีพระชายาอยู่แล้ว มีพระราชโอรส คือ พระราหุล พระราชโอรสคลอดในวันนั้น พระชายาก็ยังสาวอายุเพียง ๑๖ ปี แต่องค์สมเด็จพระชินศรี เห็นว่าการครองเรือนเป็นทุกข์ จึงแสวงหาความสุข คือ พระโพธิญาณ ด้วยการออกบวช ทรงตัดความรักความอาลัยเสียได้ ออกจากบ้านในเวลากลางคืน
    ตัดความโลภ พระพุทธเจ้าทรงทราบอยู่แล้วว่า อีก ๗ วัน ตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดิราชจะเข้าถึงพระองค์ แต่พระองค์ก็ไม่อาลัยใยดีในความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช เพราะการเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ก็ต้องแก่ ต้องตาย ต้องเดือดร้อนเหมือนกัน
    นี่องค์สมเด็จพระภควันต์ แม้จะเป็นเจ้าโลก ก็วางทิ้งไปเสียไม่ต้องการ อันนี้เราต้องปฏิบัติตาม ใคร่ครวญตามว่ามันไม่ดี พระพุทธเจ้าจึงวาง ถ้าดีแล้วก็ไม่วาง อะไรที่พระพุทธเจ้าวางไว้ และเป็นสิ่งที่เกินวิสัยที่เราจะครองได้ เราจะมีได้ แต่ว่าองค์สมเด็จพระชินศรีมีแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้ววางเสีย เราก็ต้องวางตาม เพราะของท่านมากกว่าเรา สูงกว่าเรา หนักกว่าเรา ดีกว่าเรา ที่จะพึงมีท่านยังวาง ถ้าเรามีดีไม่เท่าท่าน ทำไมเราจึงจะไม่วาง
    ประการต่อมา องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงแสวงหาอภิเนษกรมณ์อยู่ในสำนักอาฬารดาบส กับ อุทกดาบสรามบุตร ปฏิบัติในรูปฌานและอรูปฌาน ทั้ง ๒ ประการ จนมีความคล่องแคล่ว มีความชำนาญมาก อาจารย์ยกย่องให้องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นครูสอนแทน แต่พระองค์ก็มาพิจารณาว่า เพียงแค่รูปฌาน และอรูปฌาน ทั้ง ๒ ประการนี้ ไม่ใช่หนทางบรรลุมรรคผล สมเด็จพระทศพลจึงได้วางเสีย แล้วออกจากสำนักของอาจารย์นั้น แสวงหาความดีต่อไป
    ในด้านของสมาธินี่ องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงถึงที่สุดถึงสมาบัติ ๘ ก็ยังเห็นว่าไม่เป็นทางที่สุดของความทุกข์ แต่สมาธินี้ก็ทรงไว้ไม่ทิ้ง หาต่อไปให้เข้าถึงที่สุดของทุกข์ คือ ความไม่เกิด
    ต่อมา องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็พบธรรมะที่ประเสริฐ ที่เรียกกันว่า อริยสัจ คือ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ ปฏิปทาเข้าถึงความดับทุกข์ แล้วก็ความดับทุกข์
    ทุกข์ ได้แก่ อาการที่ทนได้ยาก ก็คือ การเกิดขึ้นมาแล้วมันเต็มไปด้วยความทุกข์ นี่ เราพูกันมานานแล้ว
    เหตุให้เกิดความทุกข์ ก็คือ ตัณหา ความอยากเกินพอดี ความอยากนี่ต้องใช้คำว่า เกินพอดี ร่างกายมันหิวอาหาร ร่างกายมันอยากกินนํ้า ร่างกายมันปวดอุจจาระปัสสาวะ จะต้องไปส้วม ร่างกายต้องการเครื่องนุ่งห่มตามปกติ ร่างกายต้องการบ้านเรือนตามปกติ เป็นไปตามวิสัย อย่างนี้ไม่จัดว่าเป็นตัณหาตามที่พระพุทธเจ้าตรัส เพราะมันเป็นของพอดี พอใช้ที่เราจะพึงใช้ พึงมีตามความจำเป็นของร่างกาย แต่ว่าความตะเกียกตะกายเกินพอดีไม่รู้จักพอ มีแค่นี้พอดิบพอดีแล้วยังตะกายมากเกินไปทำให้เกิดความลำบาก มีความอยากไม่รู้จักจบ อยากอย่างนี้เรียกว่า ตัณหา เป็นเหตุให้เกิดทุกข์
    ทางดับตัณหาตัวนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า มรรค
    มรรคนี่มี ๘ อย่าง โดยย่นย่อเหลือ ๓ คือ
    ศีล สมาธิ ปัญญา
    ศีล คือ การระงับกายวาจาให้เรียบร้อย ให้ดำรงอยู่ในความดีตามขอบเขต ที่เราเรียกว่า พระวินัย
    สมาธิ แปลว่า มีอารมณ์ตั้งมั่นอยู่ในความดี คือ ทรงศีล ทรงทานอยู่ จิตน้อมอยู่ในอารมณ์ทั้งสองประการ อย่างนี้ เป็นต้น
    ปัญญา พิจารณาเห็นว่า ธรรมะที่องค์สมเด็จพระทศพล คือ จริยาที่พระองค์ทรงละความรัก ละความโลภ ละความปรารถนาความมักใหญ่ใฝ่สูง ละการเกิด
    นี่องค์สมเด็จพระมหามุนีทรงปฏิบัติถูกแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงได้เป็นพระอรหันต์ นี่เราปฏิบัติพิจารณาตามประวัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พูดไปอีกนานมันก็ไม่จบ
    รวมความว่า วันหนึ่งเราก็นั่งใคร่ครวญถึงความดีของพระพุทธเจ้าตามหนังสือที่มีมา จับใจตรงไหนยึดตรงนั้นเป็นอารมณ์ อย่างนี้ก็ชื่อว่าเป็น พุทธานุสสติ การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า ถ้าปฏิบัติตามนี้สำหรับพุทธานุสสติ และตามคิดแบบนี้จะทรงอารมณ์อยู่ได้แค่อุปจารสมาธิ นี่เป็นแบบหนึ่ง
    และอีกแบบหนึ่ง ไม่ปฏิบัติอย่างนั้น ท่านสอนให้ภาวนาว่า พุทโธ เวลาหายใจเข้านึกว่า พุท เวลาหายใจออกนึกว่า โธ การหายใจกำหนดตามสบายๆ เป็นการควบกับอานาปานุสสติกรรมฐาน ทำอารมณ์ใจให้สบาย จิตใจชื่นบาน นึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระพิชิตมาร แล้วจับใจว่า พุทโธ พุทโธ ภาวนาไว้
    แล้วขณะใดที่จิตผูกพันว่า พุทโธ หรือลมหายใจเข้าออก ขณะนั้นก็ชื่อว่าจิตของเราเป็นสมาธิ การภาวนาแบบนี้สมาธิจะมีอารมณ์สูงเข้าถึงฌานสมาบัติได้
    การพิจารณาว่า พุทโธ ก็จะขอข้ามอารมณ์ต่างๆ ไป ถ้ากำลังใจของเราทรงมั่น ถ้าจะมีนิมิตปรากฏขึ้นโดยเฉพาะ นิมิตต่างๆ ก็คือ ต้องเห็นเป็นพระพุทธรูป หรือว่าเห็นเป็นรูปของพระสงฆ์ แต่มีรัศมีกายผ่องใส อย่างนี้เขาเรียกว่า นิมิตของพุทธานุสสติกรรมฐาน อย่างนี้จับเอาได้
    ถ้านิมิตอย่างนี้ปรากฏขึ้นมาเมื่อไร ในกาลต่อไปข้างหน้า ถ้าเราจะภาวนาว่า พุทโธ ก็ให้จิตน้อมนึกถึงภาพนั้นไว้เป็นปกติ อย่างนี้เรียกว่า เกิดอุคคหนิมิต
    ถ้านิมิตนั้นเปลี่ยนแปลง ทีแรกเราเห็นเป็นพระพุทธรูปดำบ้าง ขาวบ้าง เหลืองบ้าง แต่ไม่แจ่มใส ต่อไปถ้ามีสมาธิ สมาธิสูงขึ้นก็เห็นเป็นพระพุทธรูปใสขึ้น ใหญ่โตขึ้น เปลี่ยนแปลงมีความงดงามกว่า อย่างนี้เรียกว่า อุปจารสมาธิระดับสูง นี่จิตนึกถึงภาพนะ ภาพปรากฏชัดภายในใจ ไม่ใช่ไปนั่งหาภาพที่จะมาปรากฏใหม่
    ต่อไปเมื่อจิตนึกถึงภาพขององค์สมเด็จพระจอมไตร เกิดมีรัศมีกาย มีอารมณ์ผ่องใสแทนที่จะเป็นสีเหลือง หรือสีเขียว สีดำ สีแดง อะไรก็ตาม สีนั้นเปลี่ยนไปทีละน้อยจากเหลืองเข้มเป็นเหลืองอ่อนๆ มีความใส ต่อไปก็เป็นแก้ว แก้วใสเป็นประกายพรึกเต็มดวง หรือคล้ายกับกระจกเงาที่สะท้องแสงพระอาทิตย์ มีความชุ่มชื่น จะนึกให้ใหญ่ก็ได้ จะนึกให้เล็กก็ได้ อย่างนี้เรียกว่าเป็น ปฏิภาคนิมิต นั่นระดับฌาน
    ถ้าจิตจับอยู่แค่นี้จิตใจของเราชื่นบาน จิตจะทรงฌานไปด้วยอำนาจพุทธานุสสติกรรมฐาน จะมีอารมณ์เป็นสุขตลอดกาล แล้วเมื่อได้ภาพอย่างนี้ จงอย่าคลายภาพนี้ทิ้งไป ให้ดำรงภาพนี้เข้าไว้
    ขณะใดจิตยังนึกเห็น ไม่ใช่เห็นเฉยๆ นึกเห็น เห็นภาพอยู่ตราบใด ขณะนั้นเรียกว่า จิตทรงสมาธิ จิตของท่านจะมีแต่ความสุข
    ถ้าหากว่าทำจิตได้ถึงระดับนี้แล้ว ปรากฏว่า ปัญญาก็จะเกิด คำว่า อริยสัจ ก็จะปรากฏขึ้นแก่ใจของบรรดาท่านทั้งหลาย ความรู้เท่าของคำว่า การเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์ อย่างนี้มันจะเกิดขึ้นแก่ใจเอง ความเบื่อหน่ายในการเกิดก็จะปรากฏ
    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระบรมสุคตศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเราไว้บอกว่า นี่เป็นอธรรมเป็นความไม่ดี จิตใจของเราจะเห็นน้อมไปตามกระแสพระสัทธรรมขององค์สมเด็จพระชินศรี ด้วยอำนาจของปัญญาอย่างแจ่มใส
    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาบอกควรประพฤติปฏิบัติ ควรทำให้เกิดมีขึ้น เพราะธรรมนั้นจะสร้างความชุ่มชื่น คือ ความสุขให้เกิดขึ้นกับใจ
    ใจ คือ ปัญญาของเรา ก็จะเห็นธรรมนั้นได้แบบผ่องใสไม่เคลือบแคลง เกิดเป็นคุณประโยชน์
    การเจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน พระอัตถกถาจารย์ กล่าวว่า เป็นกรรมฐานที่สามารถสร้างความดีให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้ง่าย

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…รู้บุญ รู้บาป รู้ดี รู้ชั่ว…เป็นปัญญาชั้นต้น

    รู้เหตุ รู้ผลของกรรม รู้การเวียนว่ายตายเกิดมาจากที่ใด…เป็นปัญญาท่ามกลาง

    รู้หนทางแก้ไขใจตน รู้พรากใจออกจากกิเลสอาสวะใด ๆ ได้…เป็นปัญญาชั้นสูง…”

    มหาปุญฺโญวาท…หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ครบรอบ ๑๐๘ ปี ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -รู้บาป-รู้ดี-รู้ช.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ทุกๆ วัน อย่างน้อยก่อนหลับ ให้ตรวจตรองดูตนว่า ธรรมบารมีอันตนประกอบมาทั้งวันนั้น วันนี้ได้เครื่องอุ่นใจอันใด หากได้ก็ดี หากรู้สึกว่าเท่าทุนหรือขาดทุน ต้องปรับปรุง ให้ประเมินผลงานอย่างนี้ อย่าประพฤติตนอย่างเหลาะแหละโลเลไร้จุดหมาย อย่างนี้ไม่เอา…”

    มหาปุญฺโญวาท…หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ครบรอบ ๑๐๘ ปี ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -วัน-อย่างน้อยก่อนห.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่องเล่าในพระธรรมบท
    ตอน พระกับพรานผู้คิดร้ายต่อภิกษุ

    นายพรานสุนัขชื่อโกกะ

    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภนายพรานชื่อว่าโกกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
    โย อปฺปทุฏฺฐสฺส นรสฺส ทุสฺสติ เป็นต้น

    เช้าวันหนึ่ง นายพรานชื่อโกกะ พร้อมด้วยสุนัขล่าสัตว์ฝูงหนึ่งจะออกไปล่าสัตว์ ได้ไปพบพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังเดินสวนทางเข้าเมืองเพื่อจะบิณฑบาต พอเห็นพระภิกษุเท่านั้นนายพรานโกกะก็คิดว่าเป็นลางไม่ดีและพึมพำกับตัวเองว่า “วันนี้เราพบคนกาลกัณณีเข้าแล้ว เห็นทีเที่ยวนี้เราจะไม่ได้สิ่งใดแน่ ๆ” คิดพลางเดินเข้าป่าไป เมื่อนายพรานโกกะเข้าป่าไปก็ไม่ได้อะไรเหมือนที่คิดไว้แต่แรก พอกลับมาเจอพระภิกษุรูปเดียวกันนั้นอีกในขณะที่ท่านเดินกลับวัด ก็ได้เข้าไปต่อว่าต่อขานพระว่า ที่เขาเข้าป่าไปล่าสัตว์แต่ไม่ได้อะไรสักอย่างกลับออกมาเช่นนี้ก็เพราะพระเป็นต้นเหตุ นายพรานโกกะจึงส่งสัญญาณให้สุนัขให้เข้ารุมกัดพระ ฝ่ายพระพยายามร้องห้ามแต่นายพรานโกกะก็ไม่ฟังความ พระเห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบปีนขึ้นต้นไม้เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกรุมกัดของสุนัข นายพรานโกกะได้เดินไปที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น แล้วใช้ลูกธนูทิ่มแทงที่เท้าของพระภิกษุเพื่อให้ลงจากต้นไม้ พระพยายามยกเท้าสลับข้างไปมาเพื่อหนีจากการถูกทิ่มแทงด้วยลูกธนูเป็นพัลวัน จนจีวรพลัดหลุดออกจากายของพระ ตกลงมาคลุมที่ร่างกายของนายพรานโกกะที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ พวกสุนัขเข้าใจผิดคิดว่าพระตกลงมาจากต้นไม้จึงรุมกันจนคนที่จีวรคลุมตัวอยู่นั้นซึ่งก็คือนายพรานโกกะเสียชีวิตและช่วยกันแทะกินเหลืออยู่เพียงกระดูก พอถึงตอนนี้ พระจึงหักกิ่งไม้แห้งกิ่งหนึ่งขว้างสุนัขเหล่านั้น พอพวกสุนัขเห็นพระก็เลยรู้ว่า พวกมันกัดกินเจ้านายของมันเสียแล้ว จึงหลบหนีเข้าป่าไป ส่วนพระเกิดความสงสัยว่า “นายพรานเข้าไปอยู่ในจีวรของเราแล้วถูกสุนัขกัดตายเช่นนี้ ศีลของเราจะด่างพร้อยหรือไม่ ?” พอลงจากต้นไม้ก็เดินทางไปสู่สำนักของพระศาสดา กราบทูลเรื่องราวที่เกิดขึ้น และทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุบาสกนั้น อาศัยจีวรของข้าพระองค์จนเสียชีวิตไปแล้ว ศีลของข้าพระองค์จะด่างพร้อยหรือไม่?”

    พระศาสดาตรัสตอบว่า “ภิกษุ ศีลของเธอไม่ด่างพร้อย สมณภาพของเธอยังมีอยู่ เขาประทุษร้าย ต่อเธอผู้ไม่ประทุษร้าย จึงถึงความพินาศ ทั้งนี้มิใช่แต่ในบัดนี้อย่างเดียวเท่านั้น แม้ในอดีตกาล เขาก็ประทุษร้ายต่อผู้ไม่ประทุษร้ายทั้งหลาย ถึงความพินาศแล้วเหมือนกัน” และได้ทรงนำเรื่องในอดีตมาเล่าว่า นายพรานโกกะผู้นี้ในอดีตชาติเคยเกิดเป็นนายแพทย์ วันหนึ่งเดินตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ แต่หาคนไข้รักษาไม่ได้ ถูกความหิวโหยครอบงำ ไปพบพวกเด็กๆกำลังเล่นกันอยู่ที่ประตูบ้านหลังหนึ่ง จึงคิดอุบายจะให้งูกัดเด็กเหล่านั้น จากนั้นตนก็จะทำการรักษาเด็กที่ถูกงูกัดนั้น แล้วนำเงินค่ารักษาไปซื้ออาหารรับประทาน นายแพทย์จึงได้นำงูไปไว้ในโพลงไม้แล้วหลอกพวกเด็กๆว่าในโพลงไม้มีลูกนกสาลิกา เด็กคนหนึ่งหลงกลปีนขึ้นต้นไม้ เอามือล้วงเข้าไปในโพลงไม้ พอรู้ว่าเป็นงูไม่ใช่ลูกนกสาลิกา ได้สลัดงูออกออกจากมือตกลงมาถูกที่ศีรษะของนายแพทย์ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล งูรัดคอของนายแพทย์แล้วกัดอย่างแรงจนนายแพทย์ถึงแก่ความตาย นายแพทย์ ที่เคยประทุษร้ายต่อคนผู้ไม่ประทุษร้ายแล้วถึงความพินาศในครั้งนั้น ก็คือนายโกกะพรานสุนัขในบัดนี้นี่เอง.

    เมื่อพระศาสดาทรงนำอดีตนิทานนี้มาเล่าแล้ว จึงตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า

    โย อปฺปทุฏฺฐสฺส นรสฺส ทุสฺสติ
    สุทธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส
    ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ
    สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโตฯ

    ผู้ใด ประทุษร้ายต่อนรชนผู้ไม่ประทุษร้าย
    ผู้บริสุทธิ์ ไม่มีกิเลส
    บาปย่อมกลับถึงผู้นั้น ซึ่งเป็นคนพาลนั้นเอง
    เหมือนธุลีอันละเอียดที่เขาซัดทวนลมไป ฉะนั้น.

    เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ภิกษุนั้น ดำรงอยู่ในพระอรหัตตผล พระธรรมเทศนา ได้มีประโยชน์แม้แก่พุทธบริษัทผู้มาประชุมกัน.

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    .jpg

    เมื่อไหร่ก็ตามที่คนเรา..
    ยึดมั่นกับหลักการในชีวิตของเขา
    และเมื่อนั้นแล้วเค้าก็จะสูญเสียอิสรภาพ
    เค้าจะกลายเป็นคนที่ยึดติด
    เค้าจะคิดว่าหลักการของเค้านั้นถูกต้องทุกอย่าง
    และความเชื่อของตัวเองนั้นถูก
    ส่วนที่เหลือไม่ใช่เรื่องจริง
    อารมณ์มีด้วยกัน 3 รูปแบบ
    สุข ทุกข์ และวางเฉย
    ทั้งสามแบบรวมอยู่ในกายของเรา และในจิตของเรา
    อารมณ์ก็เป็นเหมือนดังคลื่น ไม่นานก็จางหายไป
    เราต้องเห็น ความลึกในอารมณ์เหล่านี้เสียก่อน
    ต้องเข้าใจมัน รู้จักมัน รู้ว่ามันเกิดมาจากที่ไหน
    ไม่ว่าท่านจะสุขหรือว่าท่านจะเศร้า
    จงดูจากที่มาของมัน เมื่อค้นพบที่มาของมันแล้ว
    ท่านจะรู้ว่าแท้จริงแล้วมันว่างเปล่า มันว่างเปล่า

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    วันนี้ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ อาการโดยรวมขององค์หลวงปู่ ดูจากสัญญาณชีพล่าสุด เพิ่งเข้าไปถ่ายวีดีโอมาเมื่อสักครู่ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าที่ผ่านมา เหมือนคนนอนหลับปกติ เมื่อคืนมีลืมตาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ยังคงต้องให้น้ำเกลือ และให้อ๊อกซิเจนต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็มีพระอุปัฏฐากคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง
    .
    ทุกคนก็หวังที่จะประคองธาตุขันธ์ขององค์หลวงปู่เอาไว้ให้ได้นานที่สุด โดยส่วนตัวเราก็เชื่อว่า ไม่มียาวิเศษใดในโลกที่จะเหนี่ยวรั้งสังขารขององค์หลวงปู่เอาไว้ได้นาน ถ้าเป็นคนธรรมดาคงไปตั้งแต่ตอนที่ความดันขึ้นไป ๒๕๐ แล้ว แต่กับพระอรหันต์ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้
    .
    เพราะอิทธิบาท ๔ ที่ท่านฝึกมาแล้วอย่างเต็มเปี่ยมไพบูลย์ จะอธิษฐานให้ธาตุขันธ์เป็นอยู่อย่างไร ก็ทำได้ตามความปรารถนา พระบรมศาสดาทรงตรัสไว้เอง เมื่อครั้งที่พระอานนท์ทูลขอให้พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนมชีพอยู่ต่อไปถึง ๑๒๐ ปี อย่าเพิ่งด่วนปรินิพพาน
    .
    ดังนั้น ถ้าองค์หลวงปู่จะดำรงทรงธาตุทรงขันธ์เอาไว้ในสภาพเช่นนี้ เราเชื่อว่าองค์หลวงปู่กำลังทำอยู่แล้ว ด้วยอานุภาพของจิตบริสุทธิ์ แต่ต้องไม่ลืมว่า ในจิตพระอรหันต์นั้น ในระหว่างความเป็นกับความตายย่อมมีน้ำหนักเท่ากัน จิตท่านมิได้เอนเอียงไปในทางใดทางหนึ่ง ถ้าอยู่แล้วมีประโยชน์ต่อโลก ท่านก็เลือกที่จะอยู่ แต่ถ้าอยู่แล้วไม่มีประโยชน์อันใดอีก ท่านก็พร้อมที่จะไป
    .
    สำหรับเราเอง เราวางใจไว้เป็นกลาง ๆ ให้แล้วแต่กาลอันควรของธาตุขันธ์ ที่องค์หลวงปู่จะพิจารณาเห็นสมควร พวกเราจงอย่าได้ไปคาดหมายมุ่งหวังให้ท่านเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างโน้น อยากให้อยู่ไปอีกนานเท่านั้น เท่าโน้น นี่! ก็เป็นเรื่องของกิเลสในใจเราปรุงแต่งเอาเอง ไม่ใช่ความจริง คิดไปก็ทุกข์ใจเปล่า ๆ
    .
    องค์หลวงปู่ท่านจะพิจารณากาลอันควรของท่านเองตามอัธยาศัย พวกเราเพียงทำหน้าที่ของศิษย์ที่ดี ทั้งพระและโยมต่างก็ตั้งใจทุ่มเทปรนนิบัติดูแลท่านอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความเสียสละ แล้วแต่ใครจะทำอะไร ก็ปรึกษาหารือกันให้ลงใจกันเสียก่อน อันใดควรทำก็จึงค่อยทำไป ด้วยความสมัครสมานสามัคคีพร้อมเพียงกัน อย่าขัดแย้งกัน อย่าทะเลาะกันเท่านั้นก็พอ
    .
    วันนี้เราคงต้องกลับวัดไปก่อน เพราะภารกิจที่วัดก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะมีหัวโขนสวมอยู่หลายอัน ทั้งเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วยังมีภารกิจภายในเฉพาะตัว ที่ยังต้องเร่งความเพียรเพื่อก้าวไปสู่แดนพ้นทุกข์ตามหน้าที่ของศิษย์พระตถาคตต่อไป
    .
    หากมีข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการขององค์หลวงปู่ ก็จะมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังเป็นระยะ ๆ ไป
    .
    ส่วนเรื่องบัญชีรับบริจาคที่เคยลงไป เราขอลบออกไปก่อน รอให้ทางคณะสงฆ์ตกลงกันให้ชัดเจนก่อนว่า จะปฏิบัติกันต่อไปอย่างไร แล้วเราจึงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ให้รอฟังข่าว!!

    Cr.พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช

    -๒๖-กุมภาพันธ์-๒๕๖.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ภาวนาอย่าเกียจคร้าน
    นอน กิน ถ่าย กาม ไม่เห็นเกียจคร้าน
    วันๆ มัวเมาแต่แก้ไขร่างกาย
    ไม่หาหนทางแก้ไขใจ ใจอยู่กับบุญ
    ใจอยู่กับธรรม ใจอยู่กับการทำความดี
    ต้องให้เป็นอย่างนี้…”

    คัดจากอรรถธรรมคำแก้ว หลวงปู่จาม มหาปุญโญ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ได้ใจแล้ว……คือได้ธรรม

    เห็นใจแล้ว……คือเห็นธรรม

    รู้ใจแล้ว…..คือรู้ธรรมทั้งมวล

    ถึงใจตนแล้ว……คือถึงพระนิพพาน….

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -คือได้ธรรม.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...