เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา

    “…มีเรื่องจะเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้บอกบุญ ไม่ได้เรี่ยไร ยังไม่ต้องทำบุญวันนี้นะ ถ้าขืนทำวันนี้มันได้น้อยและเวลายังอยู่อีกนาน คือว่าเมื่อตอนฉันป่ายหนักเมือพรรษาที่แล้วมานี้ มีพระ ๓ องค์ด้วยกัน ท่านไปช่วยรักษา คือ หลวงปู่สี หลวงปู่โต หลวงปู่ทวด การรักษาของท่านมีผล เวลานั้นอาการหนักมากนะ

    ท่านบอกว่า “ถ้ารักษาหายขอให้สร้างพระยืนสูง ๑๖ ศอก”
    ก็เลยบอกท่านว่า “ถ้าหายจริงๆ จะสร้างถวาย ๓๐ ศอก” เมื่อหายแล้วฉันก็ตั้งสมาธิวิปัสสนาญาณใหม่ คือไม่สร้าง ต่อมาก็นั่งคิดในใจว่าเอ๊ะ…จะเอาพระพุทธรูปไปตากแดด จิตใจไม่ชอบพระตากแดด แต่คนอื่นเขาสร้างอย่าไปตำหนิเขานะ เพราะเรื่องของเจตนาของแต่ละบุคคล จิตเป็นกุศลเหมือนกัน ไม่เป็นไร

    ต่อมาก็ไปพบพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า
    “เอาอย่างนี้ดีไหมล่ะ ฉันเมื่อสมัยมีชวิตอยู่ฉันสูง ๘ ศอกของคนสมัยนั้น เธอก็สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๘ ศอก เป็นพระนั่ง แล้วก็สร้างวิหาร”
    คิดเฉลี่ยแล้วแพงกว่าพระยืนไม่รูกี่สิบเท่า พระยืนจริงๆ ไม่กี่แสนหรอกนะ แต่วิหารจริงๆ หลายล้าน ก็เลยติดท่านว่า อย่างนั้นก็เอา ตกลงว่าจะไม่สร้างพระยืน พอมาถึงเที่ยวนี้ (๑ มิ.ย. ๒๕๒๙) มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งมาบอกว่า หลวงพ่อจะสร้างหรือไม่สร้าง หลวงปู่โตท่านมาหาผม บอกหลวงพ่อไม่สร้างนั่นผิดสัญญา

    ก็บอกว่า “พระพุทธเจ้าให้สร้างพระ ๘ ศอกนี่”
    เขาก็บอกว่า “ถ้าคนอื่นไม่ช่วยผมจะช่วยเองครับ”
    เมื่อคืนขึ้นไปหาสมเด็จฯ ท่านบอกว่า “ถ้ามีคนช่วยก็ควรสร้าง”
    เพราะอะไรรู้ไหม เป็นพระแก้บน
    แต่ความจริงตังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เมื่อปีนั้นตาย พอรู้สึกตัวขึ้นมาท่านบอกให้สร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่ง (ปัจจุบันอยู่ที่วิหารพระสมณโคดม) ตายไปพักหนึ่ง หมดสัญญาไป ๑๒ ปีไงล่ะ ออกไปแล้วไปติดเพดาน เจอเทวดา พรหม เจอพระอริยเจ้า ไปไม่ได้ ท่านกันไว้ไปไม่ได้

    ท่านถามว่า “จะไปไหน”
    ก็บอกท่านว่า “ตอนนี้หมดสัญญา ๑๒ ปีครับ”
    ท่านบอกว่า “ไปไม่ได้”
    ถามว่า “ทำไมจึงไปไม่ได้”
    ท่านบอก “คนของเธอยังไม่หมด คนของโยมเธอก็ยังไม่หมด คนที่ฉันฝากเธอไว้ก็ยังไม่หมด ยังไปไม่ได้”
    ก็บอกท่านว่า “ตั้ง ๑๒ ปี ไม่มีใครมาจะรอใคร ไม่สามารถจะเกณฑ์ใครมาได้”
    โยมท่านก็รับอาสาว่าจะเกณฑ์มาเอง ก็ต้องกลับ พอกลับมาแล้วรู้สึกตัวขึ้นมา อาการหายหมด ท่านก็บอกว่า ให้สร้างพระพุทธรูป ก็ที่ศาลาหลังนั้นแหละ เวลานั้นหาช่างปั้นพระพุทธรูปเป็นไม่มี ก็เลยเอาช่างเสริฐ ช่างไม่เคยปั้นเลย ให้ปั้นองค์นั้นเป็นองค์แรก เวลานี้ถลอกปอกเปิก คิดว่าจะซ่อมก็ไม่มีเวลา ช่างไม่ว่าง ท่านก็เลยบอกว่า พระที่รับอาสาไว้จะสร้างก็ควรจะสร้าง ในเมื่อคนคิดจะให้สตางค์อย่าขัดศรัทธา อีกประการหนึ่งเป็นเรื่องของพวกเราเอง สร้างพระก็ต้องสร้างตึกควบ จะได้ทำหลังคาให้ท่านได้ไงล่ะ ก็เป็นอันว่าจำเป็นต้องทำ วันนี้พอปรารภขึ้นมาก็มีลูกหลานให้เงินไว้แล้ว ๕,๓๑๐ บาท เลยให้สมญาว่า “สมเด็จหลวงพ่อเงินไหลมาเทมา” ใครจะร่วมสร้างก็วันหลังนะ กลับไปนี่จะให้ช่างเขาสร้างฐาน เข้าใจว่าคงไม่ทันน้ำนี่หรอก เริ่มไว้ก่อนนะ คงเสร็จใน พ.ศ.หน้า เพราะนี่น้ำจะมาแล้วนี่ ถ้าไม่ตั้งไว้ก่อนเดี๋ยวจะลืมทำเสียนี่ ถ้าท่านมาทวงอีกทีก็จะกลายเป็น ๖๐ ศอกนะซิ

    ท่านบอกว่า “ถ้าสร้างพระองค์นี้วิหารไม่ต้องทำเป็นทรงไทย ให้ใช้หลังคาแบบปกติ”
    ก็คิดเงินไปล้านกว่า เฉพาะหลังคานี่ล้านกว่านะ ถึงสองล้านแน่ ถ้าทำจริงๆ มันเกินสองล้าน ทีนี้ถ้าสร้างพระองค์นี้แล้วทำตึกควบด้วยก็ไม่เกินล้านบาท ถูกลงไปตั้งเยอะ ท่านลดให้
    “แล้วพระ ๘ ศอกจะสร้างไหมครับ”
    ท่านบอกว่า “พระ ๘ ศอกก็ควรสร้าง แต่ช้าหน่อยก็ได้”

    คำว่าช้าหน่อยหมายความว่าสร้างองค์นี้เสร็จเสียก่อน เพราะเป็นพระแก้บนกันตาย นี่ความจริงถ้าฉันตายก็สบายนะ
    “แต่ว่าเขาบนใหม่นะครับ เขาบนให้หลวงพ่ออยู่”
    ยังงั้นก็ต้องออกสตางค์กันซิ ใครต้องการให้อยู่บ้างยกมือขึ้น ไม่กี่คนเลย กลัวเสียสตางค์นี่ แต่ทำต้องทำแน่ เพราะตามสัญญา ทีแรกความจริงก็ไม่ได้ผิดสัญญา
    แต่สมเด็จท่านบอกว่า “การเอาพระไปตากแดดมันก็ไม่ดีนัก เพราะใจเธอไม่ต้องการ”
    ทีนี้ท่านให้ทำตึกควบ ก็ไม่กว้าง กว้างสัก ๔ เมตร แต่ก็ต้องล้อม ๓ ด้าน ใช่ไหม ขึ้นไปแล้วก็เอาเหล็กพาดทําหลังคาได้ ก็ต้องแถมตึกหลังนั้นด้วย…”
    .
    .
    ที่มาจากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕๒ หน้า ๓-๔-๕
    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม-ท่าซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วิธีปฏิบัติหนีนรก


    อารมณ์หรือการปฏิบัติตนหนีนรก จนนรกตามไม่ทันต่อไปทุกชาตินั้น มีอารมณ์โดยย่อดังนี้

    ๑. มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตายแน่
    ๒. ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า
    ๓. ฆาราวาสมีศีล ๕ ทรงอารมณ์เป็นปกติ

    ทั้ง ๓ ประการนี้เป็นอารมณ์ในขณะที่ปฏิบัติ เมื่ออารมณ์ทรงตัวแล้ว อารมณ์ที่ปักหลักมั่นคงอยู่กับใจจริงๆ ก็เหลือเพียงสอง ที่ท่านเรียกว่า องค์ ก็คือ

    ๑. ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้ามั่นคงจริง
    ๒. มีศีล ๕ บริสุทธิ์ผุดผ่องจริง

    เพียงเท่านี้ นรกก็ดี เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน เราผ่านได้ ไม่ต้องไปอยู่หรือเกิดในเขตนี้อีกต่อไป ถ้าจะถามว่า บาปกรรมที่ทำแล้วไปอยู่ที่ไหน ก็ต้องตอบว่ายังอยู่ครบ แต่เอื้อมมือมาฉุดกระชากลากลงไม่ถึง เพราะกำลังบุญเพียงเท่านี้ มีกำลังสูงกว่าบาป บาปหมดโอกาสที่จะลงโทษต่อไป ”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “บาปถึงแม้มันจะกลั่นแกล้งขนาดไหนก็ตาม แต่ว่าเรามีกำลังบุญสูง คือว่าคล้ายๆ กับสุนัขไล่กัด ถ้าเราวิ่งเร็วมันก็กัดไม่ทัน ถึงกัดทันก็กัดไม่ถนัด”

    พระราชพรหมยาน

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    อย่าทำอารมณ์ให้วุ่นวาย อย่าใจน้อย อย่าคิดมาก จงคิดไว้เสมอว่าเราต้องตาย อย่าห่วงคนอื่นมากเกินกว่ากฎของกรรม จงนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก อย่าทะเยอทะยานเรื่องยศศักดิ์ ถึงเวลามันได้ ถึงเวลามันมี ทำใจสบาย จะมีความสุข เรื่องลูกก็ขอให้ตั้งอารมณ์ไว้ในฐานะพ่อแม่ที่ดี แต่อย่าดิ้นรนเกินพอดี จะเป็นทางตัดนิพพานให้ไกลออกไป

    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร)

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ลูกรักทั้งหลาย ธรรมส่วนใดที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วสอน ที่พ่อจะปกปิดไว้ไม่มี พ่อสอนหมดทุกอย่าง เมื่อพ่อตายแล้ว ขอลูกแก้วของพ่อจงประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยส่วนนี้ทั้งหมด ในเมื่อขันธ์ ๕ มันทรงไม่ไหว พ่อก็อยู่ไม่ได้ พ่อสอนลูกอยู่เสมอว่าขันธ์ ๕ เป็นของธรรมดา มันเกิด แก่ เจ็บ และในที่สุดมันก็ต้องตายเหมือนกันหมด ลูกจะเกาะขันธ์ ๕ ของพ่ออยู่อย่างนี้ตลอดกาลตลอดสมัยไม่ได้ ความดีที่จะเกิดมีขึ้นนั้นไซร้ก็คือ การปฏิบัติตนเอง ฟังแล้วก็จำ จำแล้วก็คิด คิดแล้วก็ปฏิบัติตาม ถ้าสามารถทำได้ ในที่สุดไม่ช้าก็จะบรรลุมรรคผล เป็นพระอริยบุคคล

    โดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    -ธรรมส่วน.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ฝึกทรงอารมณ์

    “..อารมณ์ทรงสมาธิถึงแม้ว่าจะทรงไม่ได้นาน แต่ถ้าทำด้วยความเคารพก็มีผลมหาศาล ตามที่ทราบมาแล้วในเรื่องมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร แต่ถ้ารักษาอารมณ์ได้นานกว่ามีสมาธิดีกว่าจะมีผลมากกว่านั้นมาก การฝึกทรงอารมณ์ให้อยู่นานหรือที่เรียกว่ามีสมาธินานนั้น ในขั้นแรกให้ทำดังนี้
    ให้ท่านภาวนาควบกับรู้ลมหายใจเข้าออกหายใจเข้านึกว่า “พุท” หายใจออกนึกว่า “โธ” ดังนี้ นับเป็นหนึ่ง นับอย่างนี้สิบครั้งโดยตั้งใจว่า ในขณะที่ภาวนาและรู้ลมเข้าลมออกอย่างนี้ ในระยะสิบครั้งนี้เราจะไม่ยอมให้อารมณ์อื่นเข้ามาแทรก คือไม่ยอมคิดอย่างอื่น จะประคองใจให้อยู่ในคำภาวนาและรู้ลมเข้าลมออก ทำครั้งละสิบ
    เพียงเท่านี้ไม่ช้าสมาธิของท่านจะทรงตัวอยู่อย่างน้อยสิบนาที หรือถึงครึ่งชั่วโมง จะเป็นอารมณ์ที่สงัดมาก อารมณ์จะสบาย จงพยายามทำอย่างนี้เสมอๆ ทางที่ดีทำแบบนี้เมื่อเวลานอนก่อนหลับและตื่นใหม่ๆ จะดีมาก บังคับอารมณ์เพียงสิบเท่านั้น ถ้าใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน จะสามารถทรงอารมณ์เป็นฌานได้เป็นอย่างดี..”

    ที่มาจาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้าที่ ๕

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “..คนเมาแต่ธาตุของตัวยังพอดี เรียกว่าทุกข์น้อย ถ้าเมาในธาตุของบุคคลอื่นด้วยเรียกว่าทุกข์หนักขึ้นไป ถ้ายิ่งเมาอยากจะมีลูก เมาอยากจะมีหลาน เมาอยากจะมีเหลน ก็ยิ่งหนักเข้าไปทุกที

    ของที่มันอยู่บนบ่าเราชิ้นหนึ่งก็หนักอยู่แล้ว ไปเพิ่มเข้ามาอีกชิ้นหนึ่ง มันก็หนักเข้าไปอีกเท่าตัว เพิ่มเข้ามาอีกชิ้นหนึ่งหนักเข้าไปอีก ของยิ่งหนักอยู่แล้วไปแสวงหามาให้หนักมากขึ้น

    พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ภาราหะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ทั้งห้าเป็นภาระอันหนัก..”

    โดย…พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง) จาก ธัมมวิโมกข์ฉบับ ๔๑๙ หน้า ๕๗

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ” พระหมอตำแย ”
    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    มีอยู่คราวหนึ่งไปเทศน์ที่อำเภอโพธิ์ทอง พอเราก้าวขึ้นศาลาได้ยินเสียงคนกระซิบว่า “อ๋อ…วันนี้พระหมอตำแยมาเทศน์…” เสียงซุบซิบกันทั่วศาลา บางคนก็หัวเราะคิกคักๆ วันนั้นขึ้นเทศน์กับพระครูวัดโพธิ์ทองซะด้วย แหม…นึกว่าลืมเสียแล้ว ดันจำเราได้อีกแฮะ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากจะเล่าให้ฟัง

    ตอนนั้นจะมีงานวัด ซึ่งเป็นงานประจำปีของวัดบางนมโค ประมาณเดือน ๕ ขึ้น ๑๐ หรือ ๑๑ ค่ำนี่แหละ และถือว่าเป็นวันแจกพระของหลวงพ่อปานครั้งใหญ่ แต่งานประจำปีที่นี่ต้องถูกยกเลิกไปตั้ง แต่หลวงพ่อปานท่านตาย เพราะจัดทีไรขาดทุนทุกที

    เราก็มานั่งนึกดูว่า เอ…วันของพ่อของแม่นี่ตัดไม่ได้หรอก ถ้าใครไม่จัดเราจะจัดเอง

    พวกทายกพากันทักท้วง “ขาดทุนนะครับ”

    “เอ้า…ขาดทุนก็ขาด ฉันไม่ได้เอาสตางค์ของพวกแกมาขาดก็แล้วกัน ฉันออกสตางค์เอง…ฮึ คือใครไม่ทำก็แล้วไป”

    พอใกล้เดือนเมษายน เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน จึงสั่งให้เขาจัดงานทันที สร้างโรงลิเก โรงครัว ปรับพื้นที่ ก็เป็นงานประเภทที่ต้องทำก่อนวันมีงานนั่นแหละ พอตกกลางคืนหลวงพ่อปานมาบอกว่า

    “ลิงดำเอ้ย เหลืออีก ๑๕ วันนะลูก เอาเรือไปที่โพธิ์ทองนะ ไปตั้งต้นจากโพธิ์ทองมาถึงอำเภอเสนาซัก ๗ วัน
    แล้วก็ไปตั้งต้นจากอำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณ มาอำเภอเสนาอีก ๗ วัน บอกเขาว่าเราจะมีงานประจำปีและแจกพระหลวงพ่อปาน”

    อ๊ะ…ครึ้มเลยเรา ท่านบอกอย่างนั้น เราก็ดีใจ
    ตอนเช้าจัดแจงขนเครื่องขยายเสียงลงเรือทันทีเหมือนกัน แต่ไม่ได้เอาขึ้นไปติดตั้งบนหลังคานะ เพราะเราไม่ใช่เรือเรี่ยไรนี่ เราไปประกาศงานวัดเฉยๆ เท่านั้น ไม่ต้องมีอะไรมาก แค่เครื่องขยายเสียงอย่างเดียวก็พอ

    ขณะที่เรือวิ่งไปถึงคลองขุด ใกล้ๆ กับอำเภอ โพธิ์ทอง มีชาวบ้านสองสามคนเอาผ้าขาวม้ามายืนโบกอยู่ข้างตลิ่ง ตะโกนโหวกเหวกๆ ให้เรือจอด ตอนนั้น ไอ้เราก็กำลังหลับอยู่พอดี นายท้ายเรือมาเรียก “ท่านครับ…ท่าน”

    “ฮึ ว่าไง”

    “มีคนโบกเรือให้เราจอดครับ ตั้ง ๓ คนแน่ะ ถ้าโบกคนเดียว ผมไม่จอดแน่ แล้วนี่ทำไงดีครับ”

    “อ้าว…ก็จอดเข้าไปซิ เราไม่มีอะไรให้เขาปล้นหรอก ถ้านักคิดจะปล้นก็ซวยเต็มทีแล้ว”
    นายท้ายก็เหหัวเรือเข้าเทียบริมตลิ่งทันที

    “มีธุระอะไรหรือโยม”

    “เมียผมจะออกลูกครับ ปวดท้องมา ๗ วันแล้ว ยังไม่ยอมออกซักที” หนึ่งในสามคนนั่นรีบบอก

    “แล้วก็ไม่พาไปหาหมอหลวงเขาล่ะ”

    “ครับ หมอหลวง หมออนามัย นายแพทย์จากอ่างทอง อยุธยา มากันหมดแล้วครับ ปล้ำกันคอตกไม่ยอมออก”

    “เด็กมันตายหรือเปล่าล่ะ” แน่ะ…เป็นหมอเองซะแล้ว

    “ไม่ตายหรอกครับ หมอบอกว่ามันขวางอยู่ไม่ยอมออก ต้องใช้วิธีผ่าออก แต่พวกบ้านเขาไม่ยอมให้ผ่าครับ”

    “อ้อ…งั้นเรอะ แล้วจะให้ทำยังไงไม่เห็นเกี่ยวกันเลย ฉันไม่ใช่หมอตำแยนะ”

    “ขอให้ท่านช่วยทำน้ำมนต์ออกลูกง่ายๆ เท่านั้นแหละครับ”

    ตายห่…ไอ้เราก็ทำไม่เป็นเพราะไม่ได้เรียนมา จึงลองถามเลียบๆ เคียงๆ ดูเผื่อว่าจะได้เรื่องมั่ง

    “แล้วโยมรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาถึงได้มาตั้งท่าตั้งทางอยู่เนี่ย”

    “คือยังงี้ครับ…ตอนเช้าซัก ๔ โมงเห็นจะได้ มีพระองค์หนึ่งแก่แล้ว ห่มจีวรสีคล้ำๆ ขี่เรือแกลบผ่านมาทางหน้าบ้าน
    ท่านถามว่า…บ้านนี้ใช่มั้ย ที่ลูกไม่ออกมา ๗ วันแล้ว
    กระผมก็ตอบว่าใช่ครับ
    พระองค์นั้นก็เลยบอกว่า…ไม่เป็นไรหรอกวันนี้ตอนบ่ายๆ จะมีลูกศิษย์หลวงพ่อปานมา แล้วขอน้ำมนต์เขานะ น้ำมนต์ออกลูกง่ายๆ น่ะ
    …แล้วท่านก็บอกชื่อเรือ และลักษณะเรือให้เสร็จ พวกผมถึงได้มานั่งดักท่านตรงนี้แหละครับ”

    เรือยนต์มันไม่ใช่รถยนต์นี่ มันวิ่งช้า เขาอ่านชื่อเรือดูลักษณะเรือตรงตามที่บอกก็ช่วยกันเอาผ้าขาวม้าโบกกันยกใหญ่
    เราฟังเสร็จก็นึกเสียใจ เอ…ถ้าอย่างนี้คงไม่ใช่พระปกติแล้ว ใครจะรู้ว่าเราจะไปล่ะ เพราะไม่ได้โฆษณาไว้ก่อนนี่ สงสัยว่าจะเป็นหลวงพ่อปานเอง เพราะปกติแล้วเมื่อตอนท่านมีชีวิตอยู่ ท่านแจวเรือเก่ง

    จึงบอกให้พวกนั้นตักน้ำมาใส่ขันที่ตั้งอยู่กลางลำเรือ ก็น้ำในคลองนั่นแหละ ไอ้เราไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงจุดธูปเทียนบวงสรวงชุมนุมเทวดา อาราชธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ทั้งหมด ลงท้ายขอให้หลวงพ่อปานมาช่วยด้วย นึกในใจว่า…ถ้าท่านจะช่วยก็ช่วย หรือจะไม่ช่วยก็แล้วแต่ท่าน…

    ประเดี๋ยวเดียวมาแล้ว สมเด็จองค์ปัจจุบัน รัศมีแพรวพราวเลย พระอาจารย์ใหญ่ แล้วก็ หลวงพ่อปาน ท่านมานั่งล้อมขันน้ำมนต์

    “นี่…เราน่ะ สวดอิติปิโสสัก ๗ จบซิ ลืมตาดูน้ำก่อน หลับตา นึกถึงภาพน้ำ แล้วสวดอิติปิโส ๗ จบ พร้อมกับหยดเทียน อธิษฐานขอให้เด็กนี้จงออกง่ายๆ คล้ายกับน้ำที่เทออกจากกระบอก”
    เสียงหลวงพ่อปาน ท่านบอกชัดเจน

    เอ้า…ท่านบอกแค่นั้น เราก็ว่าแค่นั้น ออกไม่ออกก็ช่างมัน อันที่จริง ถ้าดูน้ำก็เป็น อาโปกสิณ ใช่ไหม แล้วเรื่องกสิณน่ะ เรามันทำเป็นปกติอยู่แล้ว น้ำที่เขาตักมาน่ะขุ่นคลั่กเชียว แต่เราหลับตาว่าอิติปิโสยังไม่ทันจบเลย เห็นน้ำใสแจ๋วเป็นประกายแล้ว

    “เออ…เอาไปได้แล้ว ให้ดื่มอีก ๓ อึก แล้วเอาพรมบนหัวอีก ๓ ครั้งนะ” หลวงพ่อปานท่านสั่ง

    พอตักน้ำมนต์ให้เจ้านั่นเสร็จ รีบสั่งนายท้ายเรือตีระฆังถอยหลังทันที เพราะขืนทำรอชักช้าถ้าดื่มแล้วไม่ยอมออก มันจะได้มาไล่เตะเอาน่ะซิ

    “เดี๋ยวครับ ท่านยังออกเรือไม่ได้” นั่นไง…เอาแล้วซี

    “ข้างบนโน่น ยังรอให้ท่านช่วยทำน้ำมนต์อีกตั้งหลายสิบคนแน่ะ”

    พูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้พวกที่อยู่ข้างบนก็พากันวิ่งพรูลงมา จึงถามเจ้าคนนำหน้าว่า

    “นี่พวกโยมรู้กันยังไง ถึงได้ยกพวกมากันตั้งเยอะตั้งแยะ”

    “มีพระแก่ๆ องค์หนึ่ง ท่านเดินผ่านหน้าบ้านมาบอก พวกผมเห็นใกล้เพลและจะตามไปนิมนต์ก็ไม่ทัน พอเดินผ่านหน้าบ้านก็หายไปเลย ถามใครก็ไม่มีใครเห็น”

    นึกว่า…ถ้ากินแล้วไม่ออก ก็ถูกกระทืบตายแน่ รีบตักน้ำมนต์ส่งให้พวกที่มาทีหลังทันที กะว่าเสร็จเมื่อไหร่จะได้รีบไป…โอ๊ะ ที่ไหนได้ ไอ้คนแรกนั่นวิ่งพรวดพราดเข้ามาแล้ว หนีไม่พ้นแน่เรา คราวนี้มีหวังโดนตะพดแน่

    “โอ ท่านครับ ออกแล้ว…ออกแล้วครับ เป็นผู้ชายด้วย”

    เฮ้อ…โล่งอกไปที นึกว่าจะโดนไม้ตะพดเสียแล้วเรา กว่าจะออกเรือได้ก็ ๕ โมงเย็นพอดี เรือเราไม่ได้เรี่ยไร แต่วันนั้นได้เงินตั้ง ๕ พันกว่าบาทได้ ๕ พันสมัยก่อนนี่ไม่ใช่น้อยนะ ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ก็เท่ากับ ๕ แสนนั่นแหละ

    (ที่มา : จากหนังสือธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๑๖๙ )

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “เรื่องความตายนี้จงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ของแปลก และทุกลมหายใจเข้าออก จงคิดไว้เสมอว่า เราอาจจะตายเวลานี้ จะได้ไม่ประมาทในชีวิต”
    (จาก ธัมมวิโมกข์ฉบับ ๑๙๗ หน้า ๗๓)

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    การสวดมนต์ก็ดี เป็นการระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ก็ถือว่าเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ธรรมมานุสสติกรรมฐาน และสังฆานุสสติกรรมฐานด้วย การสวดมนต์นี่ ถือว่าเป็นการฝึกสมาธิได้ ถ้าไม่เป็นสมาธิมันก็สวดไม่ถูก

    จาก ธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๔๓๕ หน้า ๑๙

    -เป็นการร.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    *** ประสบการณ์ตายของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ****

    สมัยหลวงพ่อปานอายุ ๓๘ ปี ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นผู้มีความดีประกอบด้วยความเมตตาปรานี ท่านเป็นพระที่ช่วยป้องกันคนอื่นมามากก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่ากฎของกรรมไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้

    วันหนึ่งหลวงพ่อปานไปที่วัดประตูศาล จังหวัดสุพรรณบุรี วัดนี้อยู่ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้นทางที่จะไปวัดป่าเลไลย์ ในสมัยนั้น ตอนเย็นท่านเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำก็ถอดอังสะ อังสะของท่านมีพระเครื่องอยู่ด้วยแล้วท่านก็ล้มลุกไม่ได้ ท่านถูกบังฟัน เขาใช้คาถาตั้งใจจะฟันคนไหน เขาก็ฟันผักฟันฟักแฟงก็ตาม เขาก็ว่าคาถาจะฟันให้ถูกตรงนั้น เขาฟันวัตถุแต่แผลมาปรากฏในร่างกาย ผิวหนังภายนอกไม่ปรากฏรอยแผล ท่านถูกบังฟันเป็นแผลยาวในอกข้างในและยังเป็นรอยนูน

    ผลที่สุดก็ต้องหามกันลงเรือแจว หลวงพ่อปานเวลาไปไหนท่านใช้เรือสัมปันนีมีเก๋ง ทาสีขาวทั้งลำ มีคนแจวหัวแจวท้าย ในขณะนั้นท่านมีอาการใกล้ปางตาย ท่านขอร้องให้พาท่านกลับวัด พอมาถึงวัดบางซ้ายในปรากฏว่าอาการของท่านหนักมาก ท่านบอกให้แวะเข้าไปที่วัดบางซ้ายในก่อน ให้หามท่านขึ้นไปบนศาลา ก็อาศัยศาลาท่าน้ำนอนอยู่ แล้วให้ไปตามอาจารย์จาบเป็นหมอและเป็นเพื่อนท่าน ต้องใช้ม้าไปรับกันในสมัยนั้น ที่บางบาลมันไกลมาก

    อาจารย์จาบมาถึงจับชีพจรแล้วบอกว่า “ท่านปานยังไม่ตาย ไปธุระประเดี๋ยวก็กลับ”
    อาจารย์จาบบอกว่า “ยาฉันเป็นยาสูง พระต้องใช้ยาสูง ใช้ยาต่ำไม่ได้” สมัยนั้นเป็นป่า เป็นดง เป็นทุ่ง ตลาดไม่มี ท่านก็เดินไปเด็ดยอดไม้ ยอดมันสูง
    ท่านก็บอก “นี่เขาเรียกยาสูง” วันนั้นยังไม่ฟื้น
    ผ่านไปสัก ๖-๗ ชั่วโมงใกล้รุ่ง หลวงพ่อปานจึงรู้สึกตัวและก็ฉันยาของอาจารย์จาบ เป็นอันว่าท่านก็หายและก็เล่าความเป็นมาให้ฟังว่า

    ขณะที่ท่านเจ็บ เขาก็หามลงเรือ ท่านก็ภาวนาบ้าง พิจารณาบ้างให้จิตเป็นสุข ท่านไม่ได้ปล่อยกรรมฐานเลย ต่อมาอาการมันเครียดหนักท่านจึงสั่งให้ขึ้นวัดบางซ้ายใน คิดว่าไม่ถึงวัดบางนมโค เพราะจากวัดบางซ้ายในถึงวัดบางนมโคต้องแจวเรือ ๒-๓ ชั่วโมง หลวงพ่อปานท่านบอกเห็นท่าไม่ไหว ก็ขึ้นไปนอนจับพระกรรมฐานเป็นปกติ ทุกคนในที่นั้นบอกว่าท่านสลบไป แต่ท่านบอกว่าท่านไม่ได้สลบ อทิสสมานกายมันออก คือตัวในออกจากตัวนอกมีสภาพเป็นกายเดินออกไปเรื่อยๆ ตามสบาย พอไปถึงจุดสุดเข้าเขตชั้นดาวดึงส์จะเข้าชั้นดุสิต เห็นอาคารลิบๆ อยู่ข้างหน้า แพรวพราวระยิบระยับ เป็นสง่าสวยสดงดงามมาก ท่านตั้งใจจะไปสู่อาคารหลังนั้น

    ปรากฏว่าขณะนั้นก็ได้ยินเสียงเรียกขึ้นว่า “ท่านปาน ท่านปาน หยุดก่อน” ท่านจึงเหลียวหลังมาดูเห็นพระพุทธเจ้ายืนงามสง่าสวยอร่าม มีจับพรรณรังสีรัศมี ๖ ประการ ท่านก้มลงกราบพระองค์

    พระองค์ตรัสว่า “จะไปไหน”
    หลวงพ่อปานตอบว่า “จะไปชั้นดุสิต”

    พระองค์บอกว่า “คุณปานคุณยังไปไม่ได้ ภาระใหญ่ของคุณยังมีมาก วัดวาอารามคุณยังสร้างไม่เสร็จและกิจอื่นที่คุณต้องทํายังมีอยู่ จงกลับไปปฏิบัติงานให้เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะไปได้ สถานที่นี้เธอมีโอกาสจะได้อยู่แน่นอน”

    หลวงพ่อปานก็บอกว่า “ร่างกายมันไม่ดีทนไม่ไหว ทุกขเวทนามันหนักทนไม่ไหวจึงออกมา”

    พระองค์บอกว่า “หมอจาบเขามาแล้วรักษาแผลได้และพิษต่างๆ สลายตัวแล้ว กลับลงไปเถอะ”
    พอสิ้นเสียงของพระพุทธเจ้าก็ปรากฏว่าจิตเข้าร่างพอดี ท่านก็ลืมตาขึ้นใกล้สว่างแล้วของวันใหม่

    หลวงพ่อปานท่านบอกว่ามันเป็นกฎของกรรมมาจากโทษปาณาติบาตทำให้ร่างกายไม่ดี ในชาตินี้โทษปาณาติบาตของท่านเห็นจะไม่มี
    ีและท่านก็บอกอีกว่า “ต่อไปฉันก็ต้องตายด้วยแผลนี้ แต่เวลานั้นแผลหายไปหมดแล้ว”
    นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ท่านก็ไม่มีความประมาทในชีวิต คิดว่าความตายอยู่แค่ปลายจมูก ถ้าสิ้นลมเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น
    ..

    ที่มา: หนังสือ ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน
    บันทึกธรรมโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) อุทัยธานี

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “การเกิดเป็นมนุษย์มันเต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ จงอย่าอาลัยในชีวิต มันจะตายเมื่อไรก็ช่างมัน เอาดีเข้าไว้ ดีนั่นคือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

    หลวงพ่อปาน โสนันโท

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ฝึกมโนฯ ไม่ให้สลายตัว

    ผู้ถาม :: มโนมยิทธิที่ฝึกได้แล้ว ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้หนีคะ ?

    หลวงพ่อ :: ก็ใช้ไปเรื่อย ๆ ซิลูก อย่าทิ้ง ถ้าไม่ให้หนีทุกวันต้องขึ้นนิพพานทุกวัน ตอนเช้ามืด อย่างนี้ไม่มีทางหนี พระนิพพานต้องใช้อารมณ์สูงสุดอยู่แล้ว และจิตละเอียดที่สุดจึงจะถึงนิพพานได้ เช้าตื่นมาปั๊บ รวบรวมกำลังใจไปนิพพานทันที ถ้าทางที่ดีก่อนหลับ หัวถึงหมอนไม่ต้องนั่งหรอก ขึ้นไปนิพพานก่อน สัก ๒-๓ นาที แค่นั้นแหละ จะไม่สลายตัว
    แต่ว่าจงอย่าไปคิดอยากจะเห็นภาพชัดอย่างนี้ไม่ได้นะ เอาความรู้สึกเป็นสำคัญลูก เรื่องภาพชัดนี่ไม่แน่ เดี๋ยวชัด เดี๋ยวไม่ชัด มันเกี่ยวกับร่างกาย ให้ถือความรู้สึกเป็นสำคัญ
    ..

    หลวงพ่อตอบปัญหา (ธัมมวิโมกข์เล่ม ๑๔๖ หน้า๙๔-๙๕)

    -ไม่ให้สลายตัว.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “เราทำความดี แต่ว่าผลสนองให้กับเราเป็นปัจจัยแห่งความเร่าร้อน นั่นก็ถือว่าเราใช้หนี้กรรมเขาไป ชาตินี้เราไม่ได้ทำเขา ชาติก่อนเราคงทำเขา เมื่อเขาจะมารับผลของเขาคืน ก็คืนให้เขาไปตามอัธยาศัย ใครเขาจะด่า เราก็ เฉย ยิ้ม เพราะเราได้มีโอกาสใช้หนี้แล้ว ใครเขาจะนินทา เราก็ ยิ้ม ใครเขาจะกลั่นแกล้งก็ช่าง ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี”

    ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    จากหนังสือ ศิวโมกข์ ๓

    -แต่ว่าผลสนอ.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “..เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เพื่อให้ได้บุญมากขึ้น จงโมทนาบุญของฉัน ฉันบำเพ็ญกุศลมาตั้งแต่ต้น เริ่มต้นไกลลิบเชียวนะ เมื่อไรก็ตามจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ฉันจะมีความสุขเพียงใดเพราะบุญนี้ ขอเธอจงโมทนา รับผลเช่นเดียวกับฉันนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป..”

    จาก ธัมมวิโมกข์ฉบับ ๒๐๓ หน้า ๖๘

    -เ.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    อย่าไปนึกว่าคนในโลกเขาจะรักเราทุกคน และก็จงอย่าคิดว่าคนในโลกเขาจะเกลียดเราทุกคน จงถือว่ารักหรือเกลียดไม่มีความสำคัญ ความสำคัญมีอยู่ว่า อย่าไปคบกับความชั่ว อย่ารับคำนินทา และก็อย่ารับคำสรรเสริญ ใครเขานินทาว่าร้ายเราก็ปล่อยให้ความเลวนั้นตกอยู่กับเขาแต่ผู้เดียว

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121

    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุแล้ว ขอให้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายซึ่งเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จงบรรลุธรรมนั้นในปัจจุบันฉับพลันเถิด “

    31392921_1643572382346942_1598259795876380672_o.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อปาน เคยบอกว่า “อย่าอวดเก่งกับผี อย่าอวดดีกับพระ” ถ้าท่านเป็นพระอริยเจ้าขึ้นมา ไปติท่านนิดเดียว เราซวยบอกไม่ถูก ผีก็เหมือนกัน ไปเก่งกับแกเข้า แกตีเข้าเมื่อไรเรามองไม่เห็นตัวแย่เหมือนกัน

    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    -เคยบอกว่า-อย.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ท่านท้าวมหาราช ๔ พระองค์คอยดูแลตอนเจริญพระ
    กรรมฐาน

    “…เวลาจะนั่งกรรมฐาน ต้องคิดไว้เสมอจะเป็นผีเป็นเทวดานี่เขาเข้าถึงตัวเราไม่ได้ วัดจากตัวเราไปได้ ๑ วา รอบ ๆ อย่างเก่งก็มีฤทธิ์ได้แค่นั้น ไม่ว่าจิตอยู่ในเกณฑ์ของสมาธิมากหรือน้อยก็ตาม ถ้าเราสมาทานแล้ว คำว่าผีจริง ๆ เข้ามาไม่ได้เลย ที่จะเข้าใกล้เราได้มีพวกเทวดาเท่านั้น นี่จำไว้เลย

    ถ้าเจริญกรรมฐานจิตจะเริ่มเข้าถึงปีติ อันนี้ท้าวมหาราชจะส่งเทวดาเข้าคุมทุกคนนะ ปีตินั้นคือ จิตใจของเรามีความแน่วแน่ เวลาเจริญพระกรรมฐานนี่นะ การทำสมาธิจิตจะแบบไหนก็ตาม ถ้าเรามีความชอบใจ อันนี้เป็นปีติตั้งแต่ระยะนี้เป็นต้นไป ท้าวมหาราชจะส่งคนมาคุม กันผีเข้ามารบกวน

    พวกผีหรือที่เรียกว่า อมนุษย์ ถ้าจะมาทำร้ายเรา เขาเข้าไม่ได้เลย ถ้าบังเอิญเรานั่งไป เราก็เห็นว่ามีคนสักคนหนึ่งลากคอคนหรือรัดมือรัดเท้าลากไป อย่าไปห้ามนะ ถ้าหากมาเป็นศัตรูเขาก็จัดการทันที

    ถ้ามันจะมาขอส่วนบุญ ถ้าเข้ามาใกล้ แค่มายืนได้แค่วากว่า ๆ ถ้าเราสงสัย เราเห็นเข้าก็อุทิศส่วนกุศลให้แก รูปร่างหน้าตาแจ่มใสแกก็ไป ไม่มีอะไรไม่ต้องกลัว…”
    .
    .

    โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    -๔-พระองค์.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ” ผลแห่งการปฏิบัติที่มีผลน้อย ก็เพราะขาดความเข้มแข็งของจิต ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านเขาถือว่าไม่เอาจริงเอาจัง สักแต่ว่าทำ สักแต่ว่าศึกษา มีความเมาในตน มีความเมาในจิต เมาในราคะ เมาในความโลภ เมาในความโกรธ เมาในความหลง ก็เพราะว่าเมาจึงไม่สามารถจะทำจิตให้เบาบางจากกิเลสได้ ”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    .jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...