ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2553 เฮงตลอดปี

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 10 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2553 เฮงตลอดปี

    วันตรุษจีน ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ตรุษจีน 2553 เฮงตลอดปี





    [​IMG]


    [​IMG]
    เทพไฉ่ซิ่งเอี้ย วัดหนองหอย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี​



    ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2553 เฮงตลอดปี (ครับ) (ประชาชาติธุรกิจ)

    องค์ไท้ส่วย ประจำปี 2553 นี้ ทรงนามว่า "อูฮ้วงไต่เจียงกุง" ซึ่งองค์ไท้ส่วย หรือเทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา นี้เป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยดูแลชะตาชีวิตของผู้คนในแต่ละปี

    ในรอบ 60 ปี จะมีเทพเจ้าองค์ไท้ส่วยประจำอยู่ในแต่ละปี รวมทั้งสิ้น 60 องค์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาและคุ้มครองดวงปี หรือเฝ้าปีอยู่ ซึ่งแต่ละองค์จะมีอำนาจให้คุณ ดลบันดาลความสุข โชคเคราะห์ ทุกข์ภัย หรือให้โทษแก่ผู้ใด ก็ขึ้นอยู่กับพระเมตตาของท่าน

    โดยเฉพาะท่านที่มีเคราะห์ หรือพื้นดวงชะตาตก ทำอะไรก็ติดขัดไม่ราบรื่น สมหวัง ท่านก็จะช่วยปัดเป่า เคราะห์ภัย บังเกิดแต่ความเป็นศิริมงคล มาสู่ตัวท่านและครอบครัว

    ประเพณีการไหว้ ฝากดวงชะตาต่อองค์ไท้ส่วย ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ของจีน(ตรุษจีน) ของทุกๆ ปี ก็เพื่อให้ท่านที่มีพื้นดวงดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งๆขึ้นไป ส่วนใครที่มีพื้นดวงไม่ค่อยดี ก็จะช่วยขจัดปัดเป่า ผ่อนหนักเป็นเบา แก้ร้ายเป็นดี และโดยเฉพาะท่านที่มีปีเกิดไปชงหรือทับกับองค์ไท้ส่วย ซึ่งในแต่ละปีจะแตกต่างกันออกไป

    ปีนี้ผู้ที่ควรต้องไหว้องค์ไท้ส่วย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอจากคนทั่วไปที่ต้องการไหว้ เพื่อเกิดความเป็นศิริมงคลต่างๆแล้ว ได้แก่คนที่เกิดปีชง กับองค์ไท้ส่วยประจำปีนี้(ปีขาล) ได้แก่ ท่านที่เกิดปีวอก (ชงโดยตรงกับปีขาล), ท่านที่เกิดปีขาล (ทับองค์ไท้ส่วย), ปีมะเส็งและปีกุน (ปีร่วมชง)

    และท่านที่เกิดปีดังกล่าว ห้ามท่านไปเป็นเจ้าภาพงานศพ หรือไปร่วมพิธีงานศพ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ห้ามไปไหว้ศพ หรือไปร่วมส่งศพ

    การไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภปีนี้ 2553

    ฤกษ์ที่ดีที่สุดในการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภในปีนี้ ตรงกับเช้ามืดของ วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 24.01-24.59 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ฟ้าเปิด เป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด โดยปีนี้องค์ไท้ส่วย จะเสด็จมาทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ซึ่งฤกษ์วันและเวลา จะเปลี่ยนไปทุกปีนะครับ ไม่ตรงกัน รวมถึงทิศที่องค์ไท้ส่วยจะเสด็จมาด้วย)

    เครื่องสักการะ บูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภ มีดังนี้

    1. รูปภาพ หรือรูปปั้น องค์ไท้ส่วย หากไม่มี เวลาไหว้ ก็ให้ระลึกถึง
    2. แจกันดอกไม้สด 1 คู่
    3. เทียนแดง 1 คู่
    4. กระถางธูป 1 ใบ (ปกติให้ใช้แยกต่างหาก เพราะเมื่อไหว้เสร็จแล้ว ต้องอัญเชิญเข้าบ้าน และตั้งบูชาไว้ตลอดปี)
    5. ธูป 3 ดอก ต่อหนึ่งท่าน
    6. หงิ่งเตี๋ย 12 ชุด
    7. กิมหงิ่งเต้า 1 คู่
    8. เทียงเถ้าจี๊ 1 ชุด
    9. ผลไม้ 5 อย่าง
    10. สาคูแดงต้มสุก 5 ถ้วย (ต้มสาคู แล้วใส่น้ำแดงเฮลบลูบอยลงไป)
    11. น้ำชา 5 ถ้วย
    12. ข้าวสวย 5 ถ้วย
    13. เทียบเชิญแดง 1 แผ่น (สำคัญมาก)
    14. ขนมจันอับ 1 จาน
    15. กระดาษสีเขียว 1 แผ่น (เทียบเชิญสีเขียว)
    16. เจไฉ่ 5 อย่าง (เช่น เห็ดหอม, เห็ดหูหนู, ดอกไม้จีน, วุ้นเส้น, ฟองเต้าหู้)

    ตามปกติ ชุดไหว้องค์ไฉ่ซิ่งเอี้ย จะมีขายตามศาลเจ้าจีนทั่วไป หรือร้านขายพวกของมงคลของจีน ซึ่งเมื่อซื้อมาแล้ว ก็ให้เปิดออกมาเช็คดูครับ เพราะบางที่อาจไม่ครบ จะได้เตรียมหาเพิ่มเติมให้เรียบร้อยก่อน ส่วนพวกของไหว้ อย่างข้าวสาร,ผลไม้,สาคูแดง และเจไฉ่ ให้เตรียมในวันไหว้ได้

    ซึ่งหาได้ครบหรือไม่ครบ ก็ไม่เป็นไรครับ ที่สำคัญที่สุด คือต้องมีเทียบเชิญสีแดง และสีเขียว สองอย่างนี้ จำเป็น เพราะเราต้องเขียนชื่อและที่อยู่ของเราลงไป รวมถึงเขียนเชิญ องค์ไท้ส่วย หาได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพียงแต่เวลาและทิศทาง ให้ถูกต้องตามฤกษ์ของปีนี้ครับ

    การประกอบพิธีไหว้

    [​IMG] ให้จัดเตรียมของไหว้ทุกอย่างลงบนโต๊ะพร้อมทั้งหันหน้าไปทางทิศที่องค์ ไฉ่ซิ่งเอี้ย จะเสด็จมา โดยให้ทุกคนอยู่หน้าโต๊ะ และผู้ที่ไหว้ หันหน้าไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้

    [​IMG] ให้นำเทียบเชิญสีเขียว(เพื่อเชิญเทพเจ้า) มาวางไว้บนโต๊ะในทิศที่อัญเชิญเทพเจ้า

    [​IMG] แล้วนำเทียบสีแดงมาเขียนขอพรจากเทพเจ้า(ตามต้องการของแต่ละบ้าน) และให้ลงชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิด ของแต่ละคน ของทุกคนในบ้านลงไป(รวมถึงคนที่อาจไม่ได้มาร่วมไหว้ในวันนี้ แต่เป็นคนในบ้านของท่าน) และเขียนคำขอที่ต้องการให้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ประทานมาให้ในปีนี้

    [​IMG] สำหรับคำกล่าวอัญเชิญเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี้ย ให้เปล่งเสียงหรืออธิษฐานในใจ กล่าวว่า "วันนีข้าพเจ้า........ ขอเรียนเชิญองค์ไฉ่ซิ่งเอี้ย มารับเครื่องสักการะบูชา ซึ่งมี(กล่าวถึงสิ่งที่ท่านได้จัดเตรียมและนำมาถวาย) และหลังจากองค์ท่านได้รับเครื่องสักการะเหล่านี้แล้ว จงประทานพรให้ครอบครัวของข้าพเจ้าทุกคน จงประสบแต่โชคลาภความสุข และความสำเร็จ สมดังที่มุ่งหวังทุกประการ" (หากท่านมีขอสิ่งใดเป็นพิเศษ ก็ขอต่อไปได้)

    [​IMG] หลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว ให้นำของไหว้ที่เป็นกระดาษทั้งหมด รวมถึงเทียบเชิญสีแดง และสีเขียว ไปเผาไฟในภาชนะที่เตรียมไว้ จึงจะสัมฤทธิ์ผล แล้วอัญเชิญองค์ไท้ส่วย กระถางธูป เทียนแดง นำเข้าบ้าน ปิดประตูบ้าน เพื่อเชิญองค์ไท้ส่วยเข้าบ้าน

    [​IMG] ส่วนของที่รับประทานได้ จะทานเลย หรือเก็บไว้ทานวันหลังก็ได้ แต่ไม่ควรทิ้งไป เพราะถือเป็นของมงคล

    [​IMG]หากไม่สะดวก หรือไม่มีเวลาจัดเตรียม แต่มีแรงศรัทธา ก็ใช้เพียงธูปเทียน จุดธูปกล่าวอัญเชิญท่าน ตามฤกษ์และทิศทางที่ท่านจะเสด็จมา โดยตัวคุณต้องหันหน้าไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และกล่าวคำสักการะและขอพรจากเทพเจ้าแห่งโชคลาภ จากนั้นปักธูปลงในกระถาง แล้วกล่างอัญเชิญท่าน เข้ามาทางประตูบ้าน


    [​IMG] รวบข้อมูล วันตรุษจีน ทั้ง ประวัติ ความหมาย สถานที่ท่องเที่ยว คำอวยพรวันตรุษจีนE-card ดุ๊กดิ๊ก display emoticon ตรุษจีน รวมถึง เกมส์ รูปภาพ เทศกาลตรุษจีน เพียบ







    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ( ข้อมูลจาก www.modonut.net )<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เดี๋ยวเย็นนี้จะไปซื้อของเซ่นไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ยแถวเยาวราช บางตำราก็ว่า ต้องใช้หงิ่งเตี่ย 13 คู่ ให้เกินปีนักษัตร สรุปแล้วก็ยังงงๆ ดูคล้ายๆกับหลักการสวดอิติปิโสเกินอายุ 1 จบยังไงยังงั้น...
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    นำหยกเทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ยมาฝากครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... หน้าที่ 1837

    โพสโดย คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end -->

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    [​IMG][​IMG]

    ขอจอง 2 องค์ครับคุณเพชร

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    จองด้วย2องค์เช่นกันครับ หุ หุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หุ..หุ..หลานเพิ่งกลับจากฮ่องกง เช่ารูปหล่อลอยองค์ทอง 18 K มาฝาก ขนาดเท่าฝ่ามือ ประกอบกับปีนี้ตรงกันหลายวาระ ทั้งวันอมาวสี ทั้งวาเลนไทน์ ทั้งตรุษจีน ปีนี้เลยจะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ยที่บ้านไปด้วย ก็คิดว่าจะวางชิ้นหยกที่โต๊ะพิธีด้วยครับ ของวังหน้า วังหลวงมีสื่อเทพเจ้าองค์เดิมเมื่อ 100 กว่าปี ดีอยู่แล้ว พระท่านจะได้เสด็จลงมาได้ง่ายขึ้น ของเขาวางเทียบเขียว ของเรานำหยกวางทับเทียบเขียวอีกชั้น..อิ..อิ..พระองค์ท่านต้องเสด็จมาแน่ๆอยู่แล้วครับ ไม่เสด็จไม่ได้ครับ...

    ส่วนท่านใดต้องการเช่าหา เพื่อนำปัจจัยเข้าสมทบทุนพระเจดีย์ผาผึ้งก็ต้องติดต่อคุณหนุ่ม เจาะจงกันไปเลยว่า ขอบูชาแผ่นหยกเทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย...<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... หน้าที่ 1837

    โพสโดย คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end -->

    ไหนๆก็เป็นบรรยากาศจีนๆ ก็นำพระธาตุพระแม่กวนอิมมาให้กราบสักการะกัน..

    คาถาจากพระแม่เจ้ากวนอิม

    เหว่ย-ฉาง-ซิน-เจี่ย......คาถาจากพระแม่กวนอิม






    นำมาจาก...8 วัน 8 วรรค.....ที่มอบให้แก่อาจารย์คุณแม่สงกรานต์ สมบูรณ์ศฤงค์ ใช้สวดภาวนาคู่กับคาถาบท นำโมฮูก นำโมฮวบ ทุกๆวัน จะปรากฏอัศจรรย์ยิ่งนัก.....



    "เหว่ย-ฉาง-ซิน-เจี่ย ผู้ชนะสิบทิศ อมตะ ณ จิตข้าอย่าแปรผัน



    เหลี่ยว-ปอ-เปีย-ซา-งัก ดุจตะวันส่องแสงแจ้งสุขสม



    จิง-ฉัก-เฉา-โป-ปอ ชนะแล้วไม่กลับมาสู่ปลักตม



    เหว่ย-ฉาง-หยุ่ย-ฉอ-เหล่า-เฉียง-หว้า แด่บรมพระนิพพานสถานเดียว



    ปิ่ง-เฉีย-ยา-จิ่ง-เกี้ย-เปียง-เจียง-ฉั่ว อมตะชนะนี้พลีชีพถวาย



    จิ่ว-เฉี้ยว-ฉาย-ปุง-เปียว-ปะ-ปา-หมิง จงสลายจากสิ่งหมองอย่าข้องเกี่ยว



    เจ็ก-เฉียก-ฉอย-เฉียง-ต้า-บ่-ตอ-ปิง ประกาศิตหมดจดอย่าลดเลี้ยว



    เหยียง-จง-มิง-ซือ-จื่อ-ล่ง-เจี่ยง-กัง-จี ชาวเพียวเพียวบริสุทธิ์รุดทำใจ





    ผู้ตั้งกระทู้ ปู่ใหญ่ :: วันที่ลงประกาศ 16-10-2007 21:32:59​


    http://www.phranippan.com/index.php?...ge=3&No=259457<!-- google_ad_section_end -->




    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]


    </FIELDSET>
    เคยแจกให้เพื่อนๆเวบพลังจิต 36 ท่านเมื่อ 2 ปีก่อน เอาไว้หากได้รับมาอีก จะนำมามอบกันอีกครับ..

    นำภาพพระแม่กวนอิมทองคำบริสุทธิ์เกิน ๑๐๐ % ที่"เสด็จมา"ใน"ผลส้ม"ที่มีท่านผู้หนึ่งถวายพระก่อนเจริญกรรมฐาน และเมื่อเสร็จจากกรรมฐานได้แกะผลส้มออกจะทาน จึงได้พบพระแม่กวนอิมทองคำบริสุทธิ์องค์นี้ภายในผลส้ม และท่านได้นำไปให้สถาบันแห่งหนึ่งตรวจสอบค่าความบริสุทธิ์ของทองคำนี้ทางวิทยาศาสตร์

    ขอนำภาพความอัศจรรย์ของการบูชาพระแม่กวนอิมด้วยจิตที่เคารพมาให้ชมกัน ท่านสามารถจะไปยังสถาบันฯที่กล่าวอ้างดังข้อมูลเพื่อสอบถามความเป็นไปได้ครับ...

    ภาพพระแม่กวนอิมทองคำบริสุทธิ์ ๑๐๐.๑ % ที่ "เสด็จมา" ในผลส้มที่มีผู้ถวายพระก่อนเจริญกรรมฐาน<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG] [​IMG]
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... หน้าที่ 1837

    โพสโดย คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end -->

    กระหน่ำตามด้วยหยก ๑๒ นักษัตรฝีมือช่างสิบหมู่ ปีขาล

    [​IMG]

    พระเครื่องยุคเก่าๆ ประเภทพระเนื้อดิน พระเนื้อผงและเครื่องรางของขลังต่างๆ นั้น เราจะเห็นว่าบางครั้งพระและเครื่องรางเหล่านั้นมีการลงรักปิดทองบ้าง ลงรักอย่างเดียวบ้าง คนในสมัยก่อนเขาลงรักไว้ทำไม ซึ่งที่เขาลงรักไว้นั้นมีเหตุผลอยู่สองอย่างคือ การลงรักเพื่อรักษาเนื้อพระไว้ไม่ให้สึกหรอได้ง่ายๆ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือลงรักไว้เพื่อปิดทองที่องค์พระ

    การลงรักเพื่อรักษาองค์พระ เพราะในสมัยก่อนนั้นการเลี่ยมยังไม่มีการทำตลับ หรือเลี่ยมปิดอย่างในปัจจุบัน ส่วนมากเขาจะถักลวด ถักเชือกห้อยคอ หรือที่ดีหน่อยก็เลี่ยมทองหรือเลี่ยมเงินจับขอบองค์พระแล้วห้อยอย่างนั้น อีกแบบหนึ่งก็คือนำพระมาห่อผ้าผูกติดแขน หรือผูกเชือกห้อยคอ และอีกแบบก็คือเวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนก็นิยมอมพระไว้ในปากเสียเลย พระบางองค์จึงมีคราบน้ำหมากจับผิวพระ การลงรักเคลือบองค์พระไว้ก็จะทำให้สามารถรักษาผิวพระที่ถูกสัมผัสกับเนื้อหนังของเราได้ ไม่ให้สึกหรอลงไปมากนัก ประเภทเครื่องรางของขลังเราจะเห็นว่าประเภทตะกรุดและเบี้ยแก้จะมีการลงรักกันมาก เครื่องรางเหล่านี้จะถักเชือกไว้เพื่อคาดติดตัวตลอดเวลา การลงรักก็เพื่อเป็นการเคลือบเชือกที่ถักไว้ เพื่อรักษาให้เชือกมีความคงทนไม่ขาดได้ง่ายๆ


    การลงรักอีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือ เพื่อทำการปิดทองที่องค์พระ การปิดทองที่องค์พระนั้นก็เพราะความเคารพศรัทธาในองค์พระนั้นๆ แต่ถ้าจะปิดทองลงไปเฉยๆ ทองที่ปิดไว้ก็จะลอกออกได้ง่ายๆ เพราะทองจะไม่จับกับองค์พระแนบแน่น เขาจึงนำน้ำรักมาลงอาบไว้ก่อน น้ำรักจะมีความเหนียวและแห้งยาก หลังจากนั้นเขาจึงนำทองคำเปลวมาปิดไว้อีกทีหนึ่ง ตัวน้ำยางรักจะเป็นตัวยึดเหนี่ยวองค์พระกับทองให้ติดไว้ได้อย่างแนบแน่นไม่หลุดลอกออกได้ง่ายๆ

    จากเหตุผลที่ได้กล่าวมานี้เราจึงได้พบเห็นพระเก่าๆ และเครื่องรางต่างๆ มีรักและทองปิดอยู่ พระและเครื่องรางนั้นๆ บางอย่างก็ไม่ได้มีการลงรักมาจากวัด แต่เจ้าของนำมาลงรักหรือปิดทองกันเอาเอง และที่มีการลงรักปิดทองมาจากวัดเลยก็มี โดยเฉพาะพระเนื้อผงหรือพระปิดตาผงคลุกรักเป็นต้น

    พระที่มีการลงรักอย่างเช่น พระสมเด็จ วัดระฆังฯ พระโคนสมอ พระหลวงพ่อโตบางกระทิง พระวัดตะไกร พระปิดตาสายเมืองชลฯ ต่างๆ เหล่านี้ ถ้าเป็นพระแท้ๆ เราจะสังเกตเห็นความเก่าของรักได้ เครื่องรางประเภทตะกรุดก็ตาม บางทีไม่ทราบว่าเป็นตะกรุดของวัดใด แต่เราก็สามารถประเมินความเก่าได้จากรักที่ลงไว้ได้ ความแห้งของตัวน้ำรักนั้นจะแสดงถึงความเก่าได้เป็นอย่างดี

    พระเก่าๆ ที่มีรักติดอยู่ที่องค์พระนั้น นอกจากจะทำให้ประเมินความเก่าของพระได้แล้ว ยังมองดูแล้วเกิดความซึ้งได้ ทำให้องค์พระมีเสน่ห์ ดูเข้มขลัง

    ที่มา นสพ.ข่าวสด


    อีกนัยหนึ่งที่อาจารย์ปู่ประถม อาจสาครได้กล่าวไว้ในหนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ ได้กล่าวถึงการลงรักว่า ลงด้านหน้า และหลัง นัยว่ารักทั้งต่อหน้า และลับหลัง ลงรักด้านข้าง นัยว่า คนรอบข้างก็รักด้วยเช่นกัน เป็นกลที่ทุกคนคิดไปไม่ถึงความลึกซึ้งนี้ ซึ่งปัจจุบันการลงรักในพระเครื่องนี้ ไม่เห็นที่ไหนเขาจะทำกัน เนื่องจากยางรักที่มีราคาแพงนั่นเอง การทำในปัจจุบัน จึงใช้สี flex ทำกันเท่านั้น


    เรื่องการลงรักปิดทองพระด้วยทองคำเปลว
    งานลงรักปิดทองเดิมเรียกช่างแขนงนี้ว่าช่างลายรดน้ำเป็นงานประณีตศิลป์ของไทย จัดอยู่ในงานช่างสิบหมู่แขนงช่างรัก มีวิวัฒนาการสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษแต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด ได้รับอิทธิพลจากใครแต่สำหรับในประเทศไทยเชื่อว่าน่าจะมีการพัฒนามาจากงานช่างรักเมื่อครั้งสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี มีการลงรักปิดทองพระพุทธรูป ต่อมาได้พบว่าการลงรักปิดทองได้นำมาตกแต่งประดับสิ่งของเครื่องใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ ชนชั้นสูงจนถึงชาวบ้านธรรมดาและเป็นเครื่องใช้ในพระศาสนา งานลงรักปิดทองมีตั้งแต่สิ่งของที่มีขนาดเล็กจนถึงผนังห้องที่มีขนาดใหญ่ ตั้งแต่เนื้อที่ไม่กี่ตารางนิ้ว จนถึงหลายร้อยตารางฟุต ปัจจุบันการบูชาองค์จตุคามรามเทพทำให้การลงรักปิดทองพระกลับมาเป็นกระแสนิยมของแทบทุกชุมชน ทุกภาคของประเทศ ทำให้เกิดเป็นอาชีพหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับหลายชุมชน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการปิดทองพระด้วยทองคำเปลว มิได้ส่งเสริมให้นักเรียนมีความเชื่อทางไสยศาสตร์ แต่อาศัยกระแสเพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียนเท่านั้นการลงรักปิดทองพระ วิธีการดั้งเดิมใช้ยางจากต้นรักป่า ปัจจุบันหายากและราคาแพงมากจึงมีผู้ผลิตสีแทนยางรักป่าเรียกว่าสีแฟลกซ์(Flex) ซึ่งเป็นสีเชื้อน้ำมัน ผสมให้เจือจางด้วยน้ำมันสนและล้างออกด้วยทินเนอร์ ทำให้การปฏิบัติงานปิดทองพระด้วยทองคำเปลวมีวิธีการที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน การปฏิบัติงานลงรักปิดทองพระด้วยทองคำเปลววัสดุ-อุปกรณ์
    1. องค์พระขนาดเล็ก ( พระห้อยคอ )
    2. สีรักเทียมหรือสีแฟลกซ์ (Flex)
    3. พู่กันสีน้ำเบอร์ 0
    4. พู่กันสีน้ำเบอร์ 12
    5. แผ่นทองคำเปลว
    6. ไม้แหลม
    7. น้ำมันสน
    8. ทินเนอร์
    9. ภาชนะรูปถ้วยขั้นตอนการปฏิบัติงาน
    1. จับองค์พระด้วยมือที่ถนัดด้วยหัวแม่มือ นิ้วชี้และนิ้วกลาง เอียงองค์พระประมาณ45องศา
    เพื่อสังเกตให้เห็นด้านลึกหรือด้านหนาขององค์พระ
    2. นำพู่กันสีน้ำเบอร์ 0 จุ่มสีรักเทียมหรือสีแฟลกซ์(Flex) โดยให้สีติดเฉพาะปลายพู่กันแล้วหมุนปลายพู่กันกับขอบภาชนะที่ใส่สี เพื่อให้ปลายพู่กันแหลม
    3. เริ่มระบายสีจากบริเวณขอบองค์พระจากด้านลึกขององค์พระ(ส่วนที่สูงจากพื้นขององค์พระ) แล้วค่อยระบายส่วนอื่นๆจนทั่วทั้งองค์พระ ขณะระบายสีให้แตะปลายพู่กันบนองค์พระเบาๆอย่ากดให้ปลายพู่กันงอ เพราะจะทำให้เส้นสีที่ระบายไม่คมชัด การระบายสีรักเทียมหรือสีแฟลกซ์ (Flex)ให้ระบายเป็นแนวยาวอย่างต่อเนื่องตามเส้นขอบขององค์พระ เพราะถ้าระบายสีสั้นๆแล้วต่อเส้นสี จะเกิดเป็นรอยหยักของเส้นสี เมื่อปิดทองคำเปลวแล้วงานจะไม่ประณีต เมื่อระบายสีขอบขององค์พระเสร็จแล้วให้ระบายองค์พระให้ทั่ว เกลี่ยสีให้บางและเรียบโดยระบายสีให้ทีพู่กันไปในทิศทางเดียวกัน ( ในขั้นตอนนี้ถ้าสีเลอะโดนพื้นขององค์พระให้ใช้ไม้แหลมขูดออกเบาๆ )
    4. นำองค์พระที่ระบายสีแล้วไปผึ่งให้แห้ง โดยปกติสีรักเทียมหรือสีแฟลกซ์ (Flex) จะแห้งในระยะเวลา 3- 4 ชั่วโมง ถ้าต้องการให้สีแห้งเร็วขึ้นให้นำองค์พระไปผึ่งแดด ( สีรักเทียมหรือสีแฟลกซ์ (Flex)จะแห้งในระยะเวลา 30-45 นาที ) ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงแดดหรือจะใช้วิธีเป่าด้วยลมร้อน สีรักเทียมหรือสีแฟลกซ์ (Flex) จะแห้งภายในระยะเวลา 30 นาที
    ( ขณะเร่งให้สีแห้งเร็วหรือจะปล่อยให้แห้งตามปกติก็ตาม ให้สังเกตว่าการแห้งในระดับใดเหมาะสมที่สุดสำหรับการปิดทองคำเปลว วิธีสังเกตให้ใช้นิ้วชี้แตะที่สีแฟลกซ์ (Flex) ถ้าสีไม่ดูดติดมือถือว่าสีแฟลกซ์ (Flex) แห้งพอเหมาะพร้อมสำหรับนำไปปิดทองคำเปลวต่อไป )
    5. การปิดทองคำเปลวให้วางองค์พระไว้ในภาชนะทรงถ้วย โดยวางองค์พระบนผ้าหรือวัสดุที่อ่อนนุ่นเพื่อไม่ให้องค์พระเกิดรอยขีดข่วน การวางองค์พระไว้ในภาชนะทรงถ้วยขณะปิดทองหรือปัดทองคำเปลว จะมีเศษทองคำเปลวหลุดร่วงจะได้ตกอยู่ภายในภาชนะที่รองรับ เศษทองคำเปลวสามารถนำมาปิดเก็บรายละเอียดขององค์พระได้อีก
    6. การเปิดแผ่นทองคำเปลว ให้เปิดเปลือกทอง ( กระดาษห่อทอง ) ทีละครึ่งแผ่นหรือเปิดเปลือกทอง ¾ ของแผ่นก็ได้ โดยจับเปลือกทองด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ใช้ขนพู่กันสีน้ำเบอร์ 12 กดที่แผ่นทองคำเปลวเพื่อฉีกแผ่นทองเป็นชิ้น ใช้ขนพู่กันเดิมแตะที่แผ่นทองคำเปลวที่ฉีกไว้เพื่อดูดแผ่นทองไปปะบนองค์พระให้เต็มทั้งองค์ ใช้ขนพู่กันเดิมกดให้ทองคำเปลวติดแน่นกับองค์พระจนมองไม่เห็นสีแฟลกซ์ (Flex)
    7. จับพู่กันสีน้ำเบอร์ 12 หรือเบอร์ที่ใหญ่กว่าที่ปลายด้ามด้วยนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้และนิ้วกลาง ปัดทองคำเปลวเพียงแค่สัมผัสผิวทอง ปัดไปมาหรือหมุนวนทุกซอกมุมขององค์พระก็จะได้องค์พระที่มีความเปล่งปลั่งของทองคำเปลว เหมือนองค์พระเป็นทองคำ
    ข้อสังเกต
    - การปิดทองคำเปลว ถ้าสีแฟลกซ์ (Flex) แห้งเกินไป ทองคำเปลวจะติดไม่หมดทั้งองค์พระ ต้องซ่อมในส่วนที่ทองคำเปลวไม่ติดตามวิธีการเดิม
    - ถ้าปิดทองคำเปลวในขณะที่สีแฟลกซ์ (Flex) ยังไม่แห้ง จะทำให้ทองคำเปลวจม มีสีหม่นหรือเรียกว่าทองหมอง
    - การปิดทองคำเปลวบนองค์พระที่เป็นเนื้อดิน ควรทาองค์พระด้วยกาวลาเท็กซ์ผสมน้ำเล็กน้อยแล้วรอให้แห้งก่อนระบายสีแฟลกซ์ (Flex) เพื่อไม่ให้สีแฟลกซ์ (Flex) ซึมเข้าเนื้อดินจะมีผลให้สีแห้งไม่สม่ำเสมอทั้งองค์พระ อีกวิธีหนึ่งคือพ่นเคลือบด้วยแลคเกอร์สเปรย์หรือสีสเปรย์ก็ได้
    - การปิดทองคำเปลวบนองค์พระที่เป็นเนื้อโลหะ ควรทาสีแฟลกซ์ (Flex) ที่องค์พระสองชั้น
    โดยทาชั้นแรก แล้วรอให้แห้งสนิทก่อนทาซ้ำครั้งที่สอง แต่ครั้งที่สองรอเพียงแค่สีหมาดแล้วปิดทองคำเปลวตามวิธีการเดิม
    http://www.wimut.moe.go.th/main/index.php?option=com_content&task=view&id=34&itemid=56
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... หน้าที่ 1837

    โพสโดย คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end -->

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    พระเครื่องชุดนี้ มี ๑๒ ชิ้น ไม่ควรแยกชิ้นออกเด็ดขาด หากเข้าใจการ"ชง" การ"ฮะ" จะได้ประโยชน์มากมาย ปฏิทินดวงจีนมีบอกไว้แทบทุกเล่มว่าปีนักษัตรใดชงกับปีใด เราก็สามารถใช้หลักการของปีนักษัตรที่เข้าได้กับปีนั้นแทน สีเขียวของหยก ตามหลักของ New Age แล้ว ถือว่าเป็นสีเกี่ยวกับการบำบัด และรักษา จะสังเกตในห้องผ่าตัด เสื้อกราวด์ของหมอ พยาบาล จะมีโทนสีเขียวทั้งหมด เป็นสีของต้นไม้ใบหญ้า ดูสดชื่น ผ่อนคลาย สบายใจ อีกนัยหนึ่งหมายถึงการเจริญเติบโต ความร่ำรวย มั่งคั่ง เป็นลักษณะของกระแสการดึงดูด...

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    นั่นคือเวลามาก็มาเป็นชุด ๑๒ ชิ้น เวลาจะไปก็ไปเป็นชุด ๑๒ ชิ้น ...

    ความรู้เรื่องการชง การฮะ..

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" bgColor=#640002 border=0><TBODY><TR><TD>ดวงคู่สมพงษ์แบบจีน(ชง-ฮะ)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]ตารางดูคู่สมพงศ์แบบจีน ( ชง - ฮะ )
    วิชาคู่สมพงศ์ทั้งหลายที่ใช้ในปัจจุบันนี้ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนทั้งสิ้น มาจากหลักวิชาฮวงจุ้ย(คัมภีร์อี้จิง) การดูคู่สมพงศ์นี้เพื่อประโยชน์ ในการใช้ดูคู่เรื่องเนื้อคู่ หรือคู่หุ้นส่วนธุรกิจการค้า เพื่อนฝูงผู้ร่วมงานทั้งหลาย

    ถ้าดูแล้วเห็นว่าดวงทั้งสองเกิดชงกันหรือปะทะกัน หมอดูก็จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงเสีย ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องลดแรงปะทะให้หนักเป็นเบาลง ซึ่งวิธีการลดแรงปะทะหรือแก้นั้น ท่านซิงแสแนะนำไว้ให้ทำได้ 2 อย่างคือ

    1ใช้อุปกรณ์เป็นตัวแก้(ใช้เหรียญหรือล็อคเก็ตมาช่วยรับแรงปะทะ)
    2 ใช้บุคคลเป็นตัวแก้(หาบุคคลที่มีปีเกิดนักษัตรตามตำรามาแก้ชงเนื้อหารายละเอียดในเรื่องแก้ชงนี้มีค่อนข้างมากคงไม่สามารถแจงในwebนี้ได้)
    แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่คนนิยมทำกันมากคือการไปทำบุญ[​IMG]ถวายสังฆทาน(ตามความเชื่อของไทย)ร่วมกันในทุกๆครบรอบวันแต่งงานหรือครบรอบวันเปิดกิจการร้านค้า(ที่เป็นหุ้นส่วนกัน) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อุทิศส่วนบุญกุศลที่กระทำให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเพื่อเปิดทางให้มีความสุขในด้านชีวิตคู่หรือเกิดความเจริญรุ่งเรืองในเรื่องคู่ ซึ่งรวมทั้งการเป็นคู่หุ้นส่วนธุรกิจด้วย แต่อีกนัยความเชื่อหนึ่งของคนจีนนิยมให้ไป ไหว้เทพเจ้าแห่งดวงชะตา <!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    [​IMG]

    ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2549​

    ทุกปีก่อนเทศกาลตรุษจีน เรามักจะได้ยินคำว่า “ปีชง”
    เมื่อทางวัดและศาลเจ้าต่างๆขึ้นบอร์ดว่า 4 ปีไหนชงกันบ้าง ต้องแก้ด้วยวิธีทำบุญ สะเดาะเคราะห์
    ปัดรังควานกับเทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา หรือไท้ส่วยเอี้ย
    คนทั้งหลายตามนักษัตรปีชงนั้นก็ไม่รอช้าที่จะแก้ แก้แล้วได้ผลดีจริงๆหรือ​

    คำตอบคือ ไม่แน่ใจ แต่ได้ความสบายใจ ​

    ปีนี้ 2549 นักษัตรปีจอ ปะทะตรงกับผู้ที่เกิดปีมะโรง ภาพรวมของปีนี้ที่จะเกิดผลคือ
    ผู้ทำความดีและเลวกรรม (การกระทำ) ย่อมส่งผลกับตนเองทั้งสิ้น​

    คำว่า ชง = ปะทะ (ปรปักษ์) , ฮะ = ส่งเสริม (สมพงศ์) ตามหลักของฮวงจุ้ยแล้ว
    ชง - ฮะ เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับทิศทาง ​

    ปีนี้ ชงกัน 2 คู่ 4 นักษัตร มวยคู่เอกคือ ปีมะโรงชง - ปีจอ ส่วนมวยคู่รองคือ ฉลู – มะแม​

    “ชงแล้วไม่ดี เป็นเรื่องของประเพณี แต่ทางวิชาการ ชงแล้วดีก็มี
    เพราะงั้นเรื่องผิดหรือถูกอยู่ที่วิชาการ ไม่ใช่อยู่ที่ประเพณี”
    อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ ประธานชมรมภูมิโหราศาสตร์กล่าวกับ METRO LIFE​

    ตามหลักวิชาการ อาจารย์เกรียงไกรยืนยันว่า ชงหรือไม่ชงจะดูจาก “หลักปี” ไม่ได้ แต่การแก้แต่ละสำนักต่างกันไป​

    “อย่างน้อยการแนะวิธีแก้ด้วยการสะเดาะเคราะห์ก็เพื่อความสบายใจ แต่ถูกหรือผิดว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
    ทุกสำนักจะมีศาสตร์ของตัวเอง แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ มุ่งให้คนทำความดีเพื่อความสบายใจ
    ไม่มีใครแนะทางแก้เพื่อให้ร้ายกับใคร”​

    ชงและฮะ ตามหลักของศาสตร์นี้ต้องดูจาก 4 หลักคือ หลักปี หลักเดือน หลักวัน และยาม
    เรียก โป๊ยหยี่สี่เถี่ยว ต้องทำความเข้าใจพื้นฐานของหลักธรรมชาติว่า
    “ดีก็มีตัวไม่ดีอยู่ด้วย ตัวไม่ดีก็มีตัวดีอยู่ด้วย จะไปบอกทั้งหมดว่าไม่ดีไม่ได้”​

    “เพราะฉะนั้น ชงแล้วดีก็มี 4 ปี 2 คู่เป็นขุมคลัง ถ้าปีไหนเป็นขุมคลังของใคร ชงปุ๊บ จะดีเลย
    เพราะบนขุมขลังมีตัวลาภผล ในเวลาเดียวกัน ตัวนี้เป็นตัวให้โทษดวงเค้า ชงปั๊บทำให้ตัวโทษหายไปก็ดีขึ้นมา
    หรือถ้าตัวนี้เป็นตัวให้คุณ ชงปุ๊บตัวดีหายไป ​

    ฮะ คือภาคี จอภาคีกับเถาะ ถือว่าดี แต่บางทีมันไม่ดีก็ได้ เพราะถ้าคนปีเถาะมีตัวดีอยู่แต่ถูกจอภาคีไป
    แทนที่จะดีก็จะแย่ ไม่ดีกับดวงเค้า ขณะเดียวกันคนปีเถาะ มีตัวไม่ดีในดวงเค้า ภาคีปุ๊บดวงเค้าก็อาจจะดีขึ้นมา”​

    ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า ชง – ไม่ดี , ฮะ – ดี อยากรู้ว่า ชง หรือ ฮะ ต้องผูกดวงแบบสุริยคติ
    ก่อน 4 กุมภาพันธ์ทุกปี ส่วนวันตรุษจีนเป็นการเปลี่ยนตามระบบจันทรคติ รู้ว่า ชงหรือฮะ แล้วค่อย “แก้ชง”​

    ปีชง รีบแก้ โดยไม่ได้ผูกดวงจีน มีผลตรงข้ามเหมือนยารักษาไม่ถูกโรค​

    “ เกิดดวงของคุณ ตามหลักวิชาดูแล้วว่า ชงแล้วดี เมื่อคุณไปแก้มันออก ความดีก็ต้องหายไป
    แต่คุณก็จะได้ในด้านของความสบายใจ มีใจเป็นกุศลเท่านั้นเอง”​

    เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร

    การวิเคราะห์ฮวงจุ้ย ต้องประกอบด้วย 4 วิชาหลักคือ
    1. ชัยภูมิ 2. ดาว 9 ยุค ( วัดองศา และคำนวณดาว 9 ยุค 3. ดวงชะตาเจ้าบ้าน 4. ฤกษ์ยาม
    ไม่ครบ 4 วิชานี้ถือว่าหลักไม่สมบูรณ์ ​

    หลักพื้นฐานของวิชาฮวงจุ้ยคือการสร้างมิตร เมื่อเราถือเอาสิ่งที่ไม่ดีเป็นศัตรู
    เพราะฉะนั้นการแก้สำหรับความเห็นของอาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ คือ
    “เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร” ​

    “กฎเกณฑ์เริ่มต้นพื้นฐานมันเป็นอย่างนั้น แต่พอเวลานานเข้า มีสำนักต่างๆมากมาย
    ตอนนี้มันเป็นเรื่องของบุคคลว่า เจ้าสำนักนั้นจะมีนิสัยใจคออย่างไร
    ฉะนั้นวิธีแก้ก็จะเป็นไปตามบุคคลและท้องถิ่นนั้นๆว่ามีอุปนิสัยใจคออย่างไร ก็จะแก้ไปตามอุปนิสัยนั้นๆ
    ยกตัวอย่าง ฮ่องกงเน้นการแก้ฮวงจุ้ยด้วยการต่อสู้ ทั้งที่หลักพื้นฐานบอกว่าให้เปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตร”​

    เปลี่ยนไม่ได้ทำอย่างไรหันเหศัตรูไปทางอื่น และสุดท้ายถ้าแก้ไม่ได้ต้องสลายศัตรู
    โดยไม่ให้เราตกเป็นเป้าของศัตรู “เมื่อไม่เป็นเป้า ศัตรูก็ทำอะไรเราไม่ได้ ​

    ส่วนรายละเอียด “แก้ชง” ของคนแต่ละคนก็ต้องว่าเป็นรายๆไป
    ใช้ทั้งแบบ “ขอฟ้าลิขิต” และ “ฝืนฟ้าลิขิต” หรือบางคนอาจจะต้องใช้วิธีแก้ทั้ง 2 อย่าง​

    “ การจะขอฟ้าลิขิต ต้องมีองค์ประกอบคือ สร้างความดีถึงจะขอได้
    แต่ฝืนฟ้าลิขิต ไม่เกี่ยวกับการทำดี แต่ต้องไม่ลืมว่า การติดกรรมทำให้ชะตาคุณโดนปิด
    การทำความดี ทำการกุศล สามารถลดกรรมให้กับดวงชะตาได้
    แต่ถ้าคุณไม่สร้างบุญกุศล คุณก็หมดสิทธิ์แก้ ส่วนวิธีแก้ดวงนั้น ของเราจะมีวิธี 1 – 2 – 3 – 4 ไม่ใช่วิธีเดียว”​

    การแก้ดวง “ชง – ปะทะ”


    [​IMG]


    1. พกกำเช่า (ชะเอม) 5 ก้านติดตัว อาจมัดด้วยด้ายแดง แต่ห้ามอัดกรอบ
    2. ให้นั่งสมาธิ ไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร​




    หมายเหตุ ทำไมต้องกำเช่า – สมัยก่อน การผสมตัวยาที่แรงๆเข้าหากัน จะใช้ชะเอมเป็นตัวช่วย
    ชะเอม จึงทำหน้าที่ เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร จำนวน 5 ก้าน หมายถึง ครบ 5 ธาตุ (ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ) ​




    สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาจีนทั่วๆไป ลักษณะเป็นแท่งๆสีน้ำตาล มักขายเป็นขีด

    เมื่อแบ่งนำออกมาใช้ ส่วนที่เหลือสามารถเก็บไว้ใช้คราวต่อไปได้​
    <TABLE width=650 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffff99>
    [​IMG]
    ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    “ทุกคนขอความร่ำรวย แล้วทุกคนรวยมั้ย
    จริงๆแล้ว การไหว้ไฉ่ซิงเอี้ยไม่ได้อยู่ที่การขอ แต่อยู่ที่การให้ เมื่อรู้จักการให้ เราก็จะได้รับ
    จะขออะไรเราต้องคิดถึงหลักความจริงว่า ทำอย่างไรมันถึงจะได้”
    อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ บอกกับ Metro Life

    หลักความจริง - ขอในสิ่งที่สมเหตุผล ต้องรู้จักทำและเรียนรู้ที่จะให้ เพื่อผลตอบรับ​

    ทำไมต้องไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย - ทุกชนชั้น ทุกอาชีพ “เงิน”เป็นคือองค์ประกอบสำคัญในการดำรงชีวิต ​




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [http://www.fengshuitown.com/fengshui...h-destiny.htm]<!-- google_ad_section_end -->​
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... หน้าที่ 1837

    โพสโดย คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end -->

    1. ผู้เกิดปีวอก ชง(ปะทะ) โดยตรงกับเทพเจ้า "ไท้ส่วยเอี้ย" และเป็นอริกับปีขาลโดยตรง

    2. ผู้เกิดปีขาล ดวงทับองค์ไท้ส่วย


    3. ผู้เกิดปีมะเส็ง ปีร่วมชง

    4. ผู้เกิดปีกุน ปีร่วมชง

    องค์ไท้ส่วย คือ เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย นั่นเอง

    เคยได้กล่าวไว้เมื่อตอนต้นกันไปแล้ว แต่จะให้ updated เป็นปีปัจจุบัน คือปี ขาล ในปี ๒๕๕๓ นี้ ก็เลยนำบทความจาก "อิทธิปาฏิหาริย์" บางส่วนมา postไว้ประกอบเรื่องราวให้สมบูรณ์ขึ้น

    ตามหลัก "ลักจั๊บกะจื้อ" ทำให้ปราชญ์จีนโบราณหาวิธีแก้ชง หรือแก้การปะทะกับดาว และเทพผู้ดูแลชะตา โดยให้พกเครื่องรางทำเป็นรูปนักษัตรเพื่อ "แก้ชง" และ "เพิ่มฮะ (ความสมพงศ์)"

    โดยเฉพาะ ซึ่งจะเปลี่ยนตามการโคจรของดวงดาวทุกปี สำหรับปีนี้ได้แก่

    ปีวอก ชงโดยตรง ต้องแก้ชงบูชาองค์ไท้ส่วยเอี้ย พกหนู มังกร (งูใหญ่) หรืองูเล็ก

    ปีขาล ทับองค์ไท้ส่วยเอี้ย ดาวร้ายคุกคาม ต้องแก้ พกม้า สุนัข หรือหมู

    ปีมะเส็ง ร่วมชง มีดาวร้ายคุกคาม แต่มีดาวมงคลคู่คอยช่วย พกวัว ไก่ สุนัข

    ปีกุน ร่วมชง ดาวอัปมงคลคุกคาม แต่มีดาวมงคลส่งเสริม พกเสือ กระต่าย แพะ

    ปีชวด ยังอยู่ในรัศมีดาวร้าย ให้บูชาฮก ลก ซิ่ว และพก วัว มังกร (งูใหญ่) หรือลิง

    ปีฉลู มีดาวมงคลนกคู่รักคุ้มครอง แต่เผชิญรังสีดาวป่วยไข้ พกหนู งูเล็ก ไก่ และจัดตั้ง เหมย ไผ่ สน

    ปีเถาะ มีดาวมงคลให้ลาภ ระวังดาวร้ายคอยจ้องเบียดเบียน พกแพะ หมู งูใหญ่

    ปีมะโรง ยังอยู่ในรัศมีดาวร้าย อย่าประมาท พกมังกร (งูใหญ่) งูเล็ก ลิง ไก่

    ปีมะเมีย ดาวมงคลให้ลาภ พกเสือ แพะ สุนัข เสริมดวง

    ปีมะแม ดาวสวรรค์คุ้มครองให้ลาภ พกกระ ต่าย ม้า หมู

    ปีระกา ดาวดอกไม้จักรพรรดิ คุ้มครอง พกวัว งูเล็ก มังกร (งูใหญ่)

    ปีจอ รัศมีดาวร้ายยังส่งผล ระวังอุปสรรค พกเสือ กระต่าย ม้า

    การพกพารูปนักษัตรต่างๆ บางคนจะหาหินหยกหรือรูปสัตว์ตามปีนักษัตรพกพา ติดตัว ติดรถ ติดบ้าน ติดที่ทำงาน ถือเป็น การแก้เคล็ด แก้ชง เพิ่มฮะ โดยเชื่อว่าเมื่อปีใดดาวเจ้าชะตาให้โทษหรือปะทะ เมื่อสาดส่องมายังเบญจธาตุในตัวคน และเมื่อพบดาวนักษัตรที่ "ฮะ" หรือ "สมพงศ์" ติดอยู่กับตัว ก็จะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี เปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตร เปลี่ยนจากให้ โทษมาเป็นให้คุณ ผ่อนหนักเป็นเบา แล้วขอยืนยันนะครับว่านี่เป็นศาสตร์แห่งดวงดาวที่ลึกลับของจีนโบราณ ถ้าไม่แน่จริงคงไม่สืบทอดกันมาเป็นพันๆ ปี ก็ขอให้แก้ชง-เพิ่มฮะ
    คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง :โดย ราม วัชรประดิษฐ์
    ข้อมูลจาก[​IMG]

    และ [http://www.mahamongkol.com/content/c...hp?category=8]

    .<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 32 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 31 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สิ่งมงคลคู่ตรุษจีน...ไม่มีไม่เฮง

    ?Øɨչ Ǒ??Øɨչ ʔ见??Ť٨ ෈?҅?Øɨչ 䁨?䁨?



    [​IMG]




    ในเทศกาลตรุษจีน จะเห็นการจับจ่าย ตระเตรียมบรรดาอาหารสำคัญไม่ว่า หมู ไก่ ผลไม้ ขนมเทียน ขนมเข่ง เพื่อไหว้บรรพบุรุษแล้ว ในวาระสำคัญเทศกาลปีใหม่ และถือเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูการเพาะปลูก นั่นคือ ฤดูใบไม้ผลิ แฝงไว้ด้วยว่าขอให้การทำมาหากินเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง


    รศ.พรพรรณ จันทโรนา นนท์ อาจารย์สาขาภาษาจีน ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง บอกเล่าว่า เมืองจีนกับประเทศไทยไม่ต่างกันในเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ ชาวจีนสร้างชาติด้วยความเป็นเกษตรกร ฤดูกาลที่ผันเปลี่ยนสัมพันธ์กับการเพาะปลูก ชาวจีนมี 4 ฤดู คือใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูกาลแรกแห่งปีเทศกาลตรุษจีนจะมาถึง


    "แผ่นดินจีนมีหลากหลายชนเผ่า แต่ละท้องถิ่นมีประเพณีแตกต่างกัน เช่น ชาวจีนทางภาคเหนือเมื่อใกล้วันตรุษจีน 8 ค่ำ เดือน 12 จะเริ่มกินโจ๊ก ที่เรียกว่า ลาบปาโจว โดยนำเอาธัญพืชมาต้มรวมกัน แต่ขณะที่คนทางใต้จะไม่มีประเพณีนี้" ​




    [​IMG]




    รศ.พรพรรณ เท้าความ ให้ฟังว่าชาวจีนในบ้านเราส่วนใหญ่มาจาก มณฑลกวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ไหหลำ กลุ่มเชื้อชาตินี้จะมีประเพณีปฏิบัติในวันตรุษจีนคล้ายๆ กัน อย่างเช่นของเซ่นไหว้ เลือกใช้หมู ไก่ ปลา กุ้ง เหตุผลที่ไหว้ด้วย "ไก่"เพราะเป็นสัตว์ที่มีความบู๊และบุ๋นอยู่ในตัว อีกทั้งหงอนไก่ ซึ่งเรียกว่า "จีกวน" หมายถึงข้าราชการ ดังนั้นไก่จะสื่อถึงความเป็นคหบดี เจ้าคนนายคน


    และมีลักษณะอยู่ 4 ประการที่คนเป็นเสนาบดีจะมีคล้ายกับไก่ 1. คือมีเดือยแหลมคมสามารถต่อสู้ได้ ประการที่ 2 สามารถบอกเวลาได้หมายถึงมีประโยชน์ ประการที่ 3 รักเพื่อนพ้อง นิสัยของไก่เมื่อมีของกินจะเรียกพรรคพวกมาร่วมกินด้วยเสมอ ประการที่ 4 มีความกล้าหาญ เพราะจะสู้ยิบตาเมื่อเจอศัตรู


    ส่วน "กุ้ง"เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล คิดจะทำการใดก็ไม่มีอุปสรรคมาขวางกั้น "ปู" หมายถึงความเป็นที่หนึ่ง ​




    [​IMG]




    ประเพณีตรุษจีนนอกจากจะเห็นบรรดาอาหารที่มีความหมายมีความนัยดีงามแฝงไว้แล้วนั้น ในวันสำคัญนี้บรรดาอาคารบ้านเรือนจะมีสิ่งของมงคลเป็นเครื่องห้อยเครื่องแขวนประดับประดิดประดอยไว้ด้วย ทำออกมาเป็น น้ำเต้า,หยก,พัด,ถั่วลิสง,โคมไฟ หรือ ภาพเขียนจีน แม้กระทั่ง "ตุ้ยเลี้ยง" สิ่งมงคลที่ต้องซื้อหามาเป็นเจ้าของในเทศกาลนี้


    ผู้รู้ด้านจีนคนเดิมถอดรหัสของบรรดาข้าวของสิ่งเหล่านี้ให้ฟังว่าสิ่งของประดับเหล่านี้จะมีสิ่งละอันพันละน้อยประกอบเข้าด้วยกัน ที่พบเห็นทั่วไป คือ "ยันต์แปด" หรือภาษาจีน ออกเสียงว่า "ผันฉัง" เป็นของสิริมงคลสื่อความหมายถึงอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป


    ขณะที่มีเชือกถักอีกแบบที่พบเห็นตามศาลเจ้า เรียกว่า "กังสดาล" ถือเป็นสิ่งมงคลเช่นกันแต่ทำหน้าที่คล้ายกับยันต์คือขจัดสิ่งอัปมงคลทั้งหลายภูตผีปิศาจให้ออกไปจาก อาคารบ้านเรือน ​


    "หยก" คนจีนเชื่อว่า เป็นหินพิเศษที่สามารถปกป้องขจัดสิ่งอัปมงคล และยังเชื่อด้วยว่าเมื่อมีหยกอยู่ในบ้าน หรือสวมใส่หยกติดตัว หยก จะช่วยรับเคราะห์ร้ายต่างๆ แทน และยังทำให้เกิดมงคลขึ้นอีกด้วย



    วันตรุษจีน เป็นวันที่ทุกคนขอให้ได้เงินเยอะๆ ร่ำรวย เฮงๆ บางครั้งในสิ่งของเหล่านี้จะมีลวดลายหรือรูปของเงินตราจีนโบราณเรียกว่า"หยวนเป่า" หน้าตาคล้ายกับเรือลำเล็กๆ หมายถึง โชคกำลังมาถึงท่านแล้ว มีแต่ความร่ำรวยมาถึงท่านในเร็ววัน ​




    [​IMG]




    ส่วน "พัด" ภาษาจีนเรียกว่า "ซ่าน" พ้องกับคำที่มีความหมายว่าเมตตากรุณา ของจีน นอกจากนี้บางครั้งเราจะเห็น "ถั่งลิสง" ติดมาด้วย หมายถึง ความมีลูกหลานมากมาย มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง มีเงินทองมากมายไม่รู้จักหมดสิ้น


    "น้ำเต้า" มีความเป็นสิริมงคลอย่างหนึ่งของศาสนาเก่า แปลว่า มีอายุยืนยาว มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง และยังเชื่อว่าจะช่วยขจัดภูตผีปิศาจออกไปด้วย


    "รูปพระยิ้ม" เรียกว่า "เจ้าโขง ถัง ขว่าย" สิ่งสิริมงคลของศาสนาเก่า เชื่อว่า ยิ้มเมื่อไหร่โชคเข้ามา "ดอกบัว" สิ่งมงคลในทางพุทธศาสนา พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ประทับอยู่ในดอกบัว อย่างเช่นเจ้าแม่ กวนอิมเป็นต้น


    ขณะที่ "โคมไฟ" เป็นสิ่งสิริมงคลอีกอย่างหนึ่ง โคมไฟแดง เมื่อเทศกาลจีนผ่านไป 15 วัน จะมีเทศกาล "เหยือน เซียว" เทศกาลประกวดโคมไฟ ในวัน 15 ค่ำ เดือน 1 ถือเป็นวันสุดท้ายของปีที่ฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ในขณะที่ชาวจีนแต้จิ๋ว เรียกเทศกาลนี้ว่า "เหยือน เซียว เจอะ" จะประกวดกันว่าบ้านไหนมีลูกชาย จะนำผ้าสีแดงติดที่ประตูบ้านจะมีคนมาแสดงความยินดีด้วย


    ในวันนี้จะนำลูกชายไปไหว้เจ้าด้วย จะต้องเอาตะเกียงสีแดงไปแขวนไว้ที่ศาลเจ้า บอกกล่าวกับเทพเจ้าว่า บ้านนี้มีลูกชายไว้สืบสกุลแล้ว ขณะที่บ้านไหนมีลูกผู้หญิงจะปิดประตูเงียบเชียบ บรรดาของมงคลหรือเครื่องรางเหล่านี้บางทีมีตัวหนังสือภาษาจีนเขียนติดไว้เล็กๆ เช่น "ชู หิ้ว ผิง อาน" หมายถึง อยู่เป็นสุขทุกที "ว่าน ซื่อ หยูว อี้" หมายถึงให้สมปรารถนาในทุกประการ


    นอกจากสิ่งของบรรดาเครื่องห้อยแขวนนำสิ่งมงคลมาประดิษฐ์ร้อยรวมกันให้ดูงามตา แล้ว ในเทศกาลตรุษจีนสิ่งที่ต้องซื้อหาคือ ตุ้ยเลี้ยง คือการเขียนคำอวยพรลงในกระดาษสีแดง เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนจีน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นและมีความหมายอย่างสูง คำที่ใช้จะมี 4 คำ มีความหมายเน้นไปทาง สิริมงคล สมบูรณ์พูนสุข โชคลาภ ร่ำรวย




    [​IMG]




    "คนจีนจนแค่ไหนก็ตามพอถึงวันตรุษจีนขอให้มีตุ้ยเลี้ยงดีๆ หนึ่งคู่ติดไว้ตรงทางเข้าบ้านทั้งสองข้าง และต้องมีภาพวาดตรุษจีนที่มีความหมายดีๆ เป็นภาพที่แปลว่าให้มีเหลือมีใช้ทุกปี มีเงินทองมากๆ เช่นภาพปลา หมายถึงมีเหลือมีใช้ตลอดปี ภาพตรุษจีนจะเปลี่ยนทุกปี ตัวภาพจะมีสีสันสวยงาม สีแดง สีเขียวแล้วแต่" รศ.พรพรรณ บอกเล่า


    ย่านเยาวราช บริเวณริมทางเท้าตรงข้ามตลาดใหม่ มีร้านจำหน่ายสิ่งของมงคลอยู่ หลายร้านไม่ว่าจะเป็นเชือกถัก น้ำเต้า โคมไฟ เหล่านี้เป็นสินค้าขายดิบขายดีอีกอย่างนอกจากอาหารไหว้เจ้า


    สถาพร แซ่ลี่ พ่อค้าขายสินค้ามงคล บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ไชน่าทาวน์มานาน 5 ปี บอกเล่าว่าราคาของที่เริ่มต้นตั้งแต่ 35 บาท จนถึงพันบาทแล้วแต่ขนาดเล็กใหญ่ แต่ที่ ขายดีคือถุงใส่ส้ม เพราะเป็นสินค้าราคาถูกราคา 20 บาท ในเทศกาลตรุษจีนทุกคนต้องซื้อ


    นอกจากนี้ยังนิยมซื้อตุ้ยเลี้ยงสำเร็จ ต่างจากตุ้ยเลี้ยงแบบเก่าที่นิยมเขียนสดๆ เพราะมีสีสันสวยงาม มีสีทองคนซื้อจะเป็นคนรุ่นใหม่เสียมากกว่า ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50 บาท ขึ้นไป และยังมีจำพวก ถังเงิน ถังทอง ถุงเงินถุงทอง นำไปแขวนที่บ้านแล้วเชื่อว่า เงินทองไหลมาเทมา


    "เมื่อเทียบกับปีที่แล้วปีนี้ขายไม่ค่อยดีเท่าไร ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเน้นซื้อของที่ราคาไม่สูงนัก" พ่อค้าสินค้ามงคลบอกเล่า


    ตรุษจีนปีนี้หลายสำนัก ฟันธง ข้าวของแพงขึ้นปริมาณการจับจ่ายซื้อขายลดลงไปตามกัน แต่สินค้าที่สื่อความหมายให้ชีวิตรุ่งเรืองร่ำรวยยังเป็นสินค้าจำเป็น ด้วยความหวังให้ปีนี้ทั้งปีร่ำรวยๆ โชคดีตลอดปีตลอดไป












    ข่าวที่เกี่ยวข้อง




    [​IMG] การไหว้เจ้าที่ในวันตรุษจีน


    [​IMG] ตรุษจีนในประเทศไทย


    [​IMG] ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน


    [​IMG] 15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน


    [​IMG] อาหารไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษ


    [​IMG] สิ่งที่ไม่ควรทำวันตรุษจีน


    [​IMG] เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับวันตรุษจีน


    [​IMG]ไหว้ตรุษจีนให้ เฮง! เฮง! เฮง!




    [​IMG]ไหว้พระ-ไหว้เจ้า วันตรุษจีน


    [​IMG]มงคลเสริมบารมี รับเทศกาลตรุษจีน





    ข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
    บทความโดย : พรประไพ เสือเขียว ​
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เคล็ดมงคลเฮงดี ตามปีนักษัตร

    เคล็ดมงคลเฮงดี ตามปีนักษัตร



    [​IMG]

    เคล็ดมงคลเฮงดี ตามปีนักษัตร (เดลินิวส์)

    โดย อ.คฑา

    ฮวงจุ้ยที่จัดแล้วดี จัดแล้วเฮงในปีนี้ ให้จัดวางกระถางต้นไม้ หรือแจกันดอกไม้สีแดง เหลือง ส้ม ไว้ที่โต๊ะกลางบ้าน เช่น ห้องอาหาร ห้องรับแขก ต้องเป็นดอกไม้ที่ไม่เหี่ยวเฉา จะนำดอกไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้ผ้า หรือ คริสตัล มาประดับก็ได้ เพื่อดึงพลังแห่งความสุข ความสำเร็จ และโชคลาภ มาสู่ตนเองและครอบครัว

    ส่วนเรื่องทิศ ปีนี้ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เป็นทิศมงคล โดยทิศตะวันออกมีดาวบินหกขาว คือเป็นธาตุทอง ให้จัดวางปลาทองแปดตัวทางทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตกมีดาวบินหนึ่งขาว ธาตุน้ำ ให้ติดอักษาคำว่า ไต้กิก ทางทิศตะวันตก จะเสริมเรื่องหน้าที่การงาน

    เสริมมงคลรับตรุษจีนตามปีนักษัตร 2553
    [​IMG] ปีชวด

    ปีนี้มีดาวมงคลส่องชีวิต ควรจัดวาง ง่วนป้อ (ทองก้อนจีน) ทางทิศตะวันออก
    [​IMG] ปีฉลู

    [​IMG] ปีนี้มีดาวความรักส่องชีวิต มีผู้ใหญ่อุปถัมภ์ แต่ต้องระวังเรื่องสุขภาพ ควรจัดวาง กวาง ทางทิศตะวันออก
    [​IMG] ปีขาล

    ปีนี้มีดาวมงคลส่องชีวิตมาก แต่ต้องระวังเรื่องอารมณ์ผันผวน สุขภาพ ควรจัดวาง ม้า ทางทิศตะวันตก
    [​IMG] ปีเถาะ

    ปีนี้ระวังเรื่องความรัก ความขัดแย้ง แต่งานโดดเด่น ควรจัดวางมังกร ทางทิศตะวันตก
    [​IMG] ปีมะโรง

    ปีนี้ดีเรื่องหน้าที่การงาน อำนาจบารมี แต่ต้องระวังขัดแย้งกับผู้อื่น ขาดโชคลาภ ควรจัดวาง ฮกลกซิ่ว ทางทิศตะวันออก
    [​IMG] ปีมะเส็ง

    ปีนี้ให้ระวังเรื่องสัญญา คดีความ ควรจัดวาง วัว ทางทิศตะวันตก
    [​IMG] ปีมะเมีย

    ปีนี้มีดาวมงคลส่อง 3 ดวง การงาน โชคลาภ เงินทองสดใส แต่ระวังเรื่องอารมณ์แปรปรวน ควรจัดวาง แพะ ทางทิศตะวันออก
    [​IMG] ปีมะแม

    ปีนี้ผู้ใหญ่สนับสนุน แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงาน ควรจัดวาง ไช่ซิ้งเอี้ย ทางทิศตะวันออก
    [​IMG] ปีวอก

    ปีนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ ควรจัดวาง ปี่เซี้ย 1 คู่ หันทางทิศตะวันออก เสริมพลัง ป้องกันสิ่งไม่ดี
    [​IMG] ปีระกา

    ปีนี้ดีเรื่องเกียรติยศ ชื่อเสียง แต่ระวังสุขภาพ ควรจัดวาง ผลซิ่งท้อ ทางทิสตะวันตก
    [​IMG] ปีจอ

    ปีนี้เป็น 3 สมพงศ์กับปีขาล ผู้ใหญ่หนุน งานขยับขยาย แต่ระวังอุบัติเหตุ ควรจัดวางกิเลน ทางทิศตะวันออก ป้องกันสิ่งไม่ดี
    [​IMG] ปีกุน

    ปีนี้มีดาวมงคลเสริมโชคลาภวาสนา ควรจัดวาง เจดีย์บุ้นเชียงถะ ทางทิศตะวันตก
    สิ่งที่สำคัญจริงๆ ที่จะสร้างมงคลให้กับชีวิต คือ การทำความดีให้ถึงพร้อม ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ขาวสะอาด เพียงเท่านี้ก็จะมีความดีเป็นเครื่องต่อรอง นำพาชีวิตไปได้ด้วยดี !!




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไหว้เทพเจ้าที่เยาวราช เสริมมงคลรับตรุษจีน
    Travel - Manager Online
    </TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 กุมภาพันธ์ 2553 17:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : หนุ่มลูกทุ่ง


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>องค์เจ้าแม่กวนอิมที่ศาลเจ้ากวางตุ้งถงจิ้งถัง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ผ่านปีใหม่สากลไปไม่นานก็มาเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีน หรือเทศกาล "ตรุษจีน" กันอีกแล้ว ซึ่งในปีนี้เวียนมาตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ หรือเทศกาลแห่งความรักพอดิบพอดี ซึ่งฉันถือว่าเป็นฤกษ์ดีเลยทีเดียว ชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วทั้งประเทศได้มีการเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่

    โดยในกรุงเทพฯ สถานที่ที่จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือที่ย่าน "เยาวราช" นั้นเอง ซึ่งนอกจากที่ย่านแห่งนี้จะเป็นแหล่งที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ยังขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งไหว้เทพเจ้าขอพรอีกด้วย โดยในครั้งนี้มี คุณเจริญ ตันมหาพราน กูรูเยาวราช มาเป็นผู้แนะนำ 9 เทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวจีน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เล่งบ๊วยเสี่ยอ๊วงกับฮูหยิน ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เริ่มด้วยการกราบไหว้บูชาและขอพร "องค์เจ้าแม่กวนอิม" ที่ศาลเจ้ากวางตุ้งถงจิ้งถัง (กว่องสิว) ซึ่งเป็นศาสนสถานของจีนที่ถือกำเนิดขึ้นจากชาวจีนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากมณฑลกวางตุ้งเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯในช่วงรัชกาลที่ 5 และได้มีการซื้อที่ดินในบริเวณถ.เจริญกรุงแห่งนี้ตั้งเป็นสมาคม และในปี พ.ศ.2423 ก็ได้ร่วมกันสร้างศาลเจ้า

    โดยวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างและศิลปกรรมการตกแต่งศาลเจ้าแห่งนี้นำมาจากเมืองจีน เช่น เสาหิน บันไดหิน สิงโตหิน มังกรดินเผา เป็นต้น เพื่อมาประกอบในเมืองไทยตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมประเพณีโบราณของจีนทุกประการ รวมถึงเทพเจ้าต่างๆก็ได้อันเชิญมาจากเมืองจีน อาทิ พระโพธิ์สัตว์กวมอิม เทพเจ้าเหงินฉ่างตี้ชุน หรือเง็กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งชาวจีนเชื่อกันว่าเป็นผู้บันดาลโชคลาภ ความมั่งคั่ง ตลอดจนความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่ตนเองและครอบครัว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กวนอู เทพเจ้าแห่งคุณธรรมและความซื่อสัตย์ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ต่อไปได้แก่ "ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ" ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 16 หรือตรอกอิสรานุภาพ ใกล้กับวัดมังกร เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของเยาวราช โดยได้มีการพบหลักฐานว่าศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา สันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุยาวนานที่สุดในประเทศไทย

    ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมจีนตอนใต้สกุลช่างจีนแต้จิ๋วแบบ ซี่เตี้ยมกิม บรรยากาศภายในได้รักษาความเก่าแก่ดั้งเดิมของตัวศาลเป็นอย่างดี เสาพันรอบด้วยมังกร จากเสาแรกถึงเสาด้านในมีป้ายตุ๊ยเลี้ยง เป็นการสรรเสริญเทพเจ้าประจำศาล ซึ่งก็คือ เล่งบ๊วยเสี่ยอ๊วงกับฮูหยิน รองประธานคือ กิวเทียนเนี่ยเนี้ย เทพธิดาแห่งสวรรค์ ผู้คนนิยมมาขอพรให้เด็กเติบโตเลี้ยงง่าย คุ้มครองให้ปลอดภัยและมีทรัพย์ที่สมบูรณ์

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอเรื่องความรักที่ศาลเจ้าแม่ประดู่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ศาลเจ้าต่อไปที่คุณเจริญ กูรูเยาวราชแนะนำก็คือ "ศาลเจ้ากวนอู" อายุกว่า 130 ปี ตั้งอยู่ในตลาดเก่า ภายในประดิษฐานเจ้าพ่อกวนอูพร้อมบริวารได้แก่ ฮวงเห็ง และชิวชางกง และรูปปั้นม้าเช็กเทา เทพพาหนะของท่าน โดยกวนอูถือเป็นเทพเจ้าแห่งคุณธรรม และความซื่อสัตย์ ผู้คนที่มาไหว้มักจะขอพรในเรื่องของหน้าที่การงาน เชื่อว่าจะได้เป็นเจ้าคนนายคนและมีลูกน้องบริวารที่ดี

    อีกศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆบริเวณตลาดเก่าก็คือ "ศาลเจ้าแม่ประดู่"อายุเก่าแก่กว่า 170 ปี เหตุที่ชื่อเจ้าแม่ประดู่ก็เพราะองค์เจ้าแม่ทำจากไม้ประดู่ โดยคุณเจริญบอกว่าผู้คนที่มาจะนิยมขอเรื่องความรัก ซึ่งในปีนี้วันตรุษจีนตรงกับวันแห่งความรักพอดี ฉันขอแนะนำว่าให้ไหว้เจ้าพร้อมขอพรเรื่องความรักไปในตัวก็ดีไม่น้อย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองประดิษฐานเทพเจ้าเซี้ยอึ้งกง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เดินลัดเลาะต่อไปเป็นสถานที่ตั้งของ "ศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกง" หรือศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อายุ 200 กว่าปี ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานของเทพเซี้ยอึ้งกง เทวดาที่คอยปกปักษ์รักษาคุ้มครองชาวจีนในย่านนี้ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข

    "ศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง" ถ.ทรงวาด เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่คุณเจริญแนะนำ โดยศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวจีนแต้จิ๋ว ซึ่งศาลเจ้าเก่าสันนิษฐานว่าเริ่มมีตั้งแต่ พ.ศ.2367ตั้งอยู่ทางด้านข้างของศาลเจ้าที่สร้างขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2460 ดังที่เห็นในปัจจุบัน เทพประธานของศาลเจ้าแห่งนี้คือ ปุนเถ้ากง ซึ่งเป็นเทพที่ไม่ปรากฎในประเทศจีน จะพบเฉพาะในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และปีนังเท่านั้น เชื่อกันว่าหากได้สักการะแล้วจะเหมือนมีผู้คอยดูแลทุกข์สุขให้ โดยในอดีตนั้นเรือสำเภาที่มาจากเมืองจีนก่อนจะมาขึ้นที่ท่าเรือตรงนี้จะต้องจุดประทัดบูชาเทพเจ้าเสียก่อน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวจีนแต้จิ๋ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สถานที่ต่อไปคือ "ศาลเจ้าโจวซือกง" ศาลเจ้าที่สงบริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านตลาดน้อย ซ.วานิช 2 ซึ่งถือเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2347 ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นแบบปลายราชวงศ์ชิง ถึงแม้จะมีการซ่อมแซมหลายครั้งแต่ก็คงแบบอย่างเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม หลังคาศาลเจ้าเป็นแบบซานเหมินติ่ง บริเวณบนสุดบนสันหลังคาประดับด้วยมังกรคู่ชูลูกแก้ว และหงส์คู่ชูดอกโบตั๋น ลวดลายประดับประดาต่างๆก็ล้วนแต่มีความสวยงาม

    ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระเฉ่งจุ๊ยจ้อซือ เทพเจ้าองค์สำคัญของชาวจีนฮกเกี้ยน และเป็นเทพแห่งหมอยาด้วย รูปปั้นของเทพเจ้าองค์นี้มีลักษณะที่ผิดแปลกจากรูปปั้นอื่น เพราะมีลักษณะสีดำทั้งองค์ ผู้คนนิยมมาไหว้ท่านเพราะมีความเชื่อกันว่าถ้าได้มาไหว้เทพองค์นี้แล้วจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หลวงปู่ไต้ฮงมหาเถระ พระผู้มีความเมตตากรุณา คอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ศาเจ้าที่แปดที่คุณเจริญแนะนำคือ "ศาลเจ้าไต้ฮงกง" ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2452 โดยแต่ก่อนศาลเจ้าไต้ฮงกงจะอยู่ทางฝั่งตรงข้ามเยื้องกับสถานีตำรวจพลับพลาไชย แต่ขณะนี้กำลังบูรณะปรับปรุง จึงได้ย้ายมาประดิษฐานที่ทางฝั่งตรงข้ามศาลในบริเวณมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง และจากข้อมูลที่ฉันได้ไปถามไถ่เจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าในวันตรุษจีนจะเปิดศาลเจ้าไต้ฮงกงให้เข้าไปกราบไหว้บูชา ซึ่งจะทำให้มีเทพเจ้าไต้ฮงกงประดิษฐานอยู่ทั้งสองฝั่งเลยทีเดียว

    ภายในประดิษฐานรูปจำลองซึ่งอัญเชิญมาจากจีนของหลวงปู่ไต้ฮงมหาเถระ พระผู้มีความเมตตากรุณา คอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก และเป็นผู้ริเริ่มบำเพ็ญกุศลในการจัดฌาปนกิจศพไร้ญาติสมัยราชวงศ์ซ้อง เมื่อเกือบพันปีล่วงมาแล้ว ในเวลาต่อมาได้จัดตั้งคณะเก็บศพไต้ฮงกง เพื่อทำการเก็บและจัดการงานศพอนาถา ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อคณะเป็นมูลนิธิป่อเต็กตึ้งดังปัจจุบัน

    ผู้คนที่มายังศาลเจ้าแห่งนี้นอกจากจะมากราบไหว้ท่านไต้ฮงกงแล้ว ยังนิยมมาทำบุญสะเดาะเคราะห์และต่อดวงชะตาด้วยการบริจาคซื้อโลงศพให้ศพไม่มีญาติอีกด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจ้าพ่อยี่กอฮง เทพเจ้าหวยองค์แรกของไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> และสถานที่สุดท้ายก็อยู่ไม่ไกลจากศาลเจ้าไต้ฮงกง นั้นคือ "สถานีตำรวจพลับพลาไชย" เห็นสถานที่แล้วอย่าเพิ่งตกใจไป คุณเจริญไม่ได้หลอกพาเราไปให้ตำรวจจับหรอก แต่ที่ชั้น 4 บนดาดฟ้าของสถานีตำรวจแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของ "เจ้าพ่อยี่กอฮง" เทพเจ้าหวยองค์แรกของไทย

    ตามประวัติเล่าไว้ว่า ท่านยี่กอฮงได้มาปลูกบ้านอยู่ที่ย่านพลับพลาไชย หน้าวัดคณิกาผล ท่านยี่กอฮงได้ประกอบกิจการค้าหลายอย่าง แต่ที่ได้สร้างฐานะให้ท่านจนรุ่งเรืองก็คือ การเป็นเจ้าภาษี โรงต้มกลั่นสุรา โรงบ่อนเบี้ย โรงหวยกอขอ ร.6 จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น รองหัวหมื่น พระอนุวัฒน์ราชนิยม และพระราชทานนามสกุลให้ว่า เตชะวนิช

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศาลเจ้าพ่อยี่กอฮง อยู่บนชั้น 4 สน.พลับพลาไชย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ต่อมาเมื่อมีการออกพระราชบัญญัติเลิกอากรบ่อนเบี้ย และ หวยกอขอ ท่านจึงได้หันไปประกอบกิจการค้าอื่นๆ แต่ปรากฏว่ากิจการเหล่านั้นกลับสร้างหนี้สินเป็นจำนวนมาก ในที่สุดก็ถูกฟ้องเป็นคนล้มละลาย และถูกยึดทรัพย์เป็นของหลวง แต่เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด ร.6 จึงโปรดฯ ให้ยี่กอฮงอาศัยอยู่ในบ้านนี้ต่อไปจนตลอดชีวิต

    ซึ่งหลังจากท่านเสียชีวิตในปี พ.ศ.2479 บริเวณบ้านของท่านก็ได้ถูกสร้างเป็นสถานีตำรวจพลับพลาไชย ต่อมาจึงได้มีการสร้างศาล "ศาลเจ้าปู่ยี่กอฮง" ขึ้น ที่ชั้นบนสถานีตำรวจพลับพลาไชย ซึ่งในปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่นับถือของตำรวจที่นี่และบุคคลทั่วไปโดยผู้คนที่มากราบไหว้นิยมขอในเรื่องของโชคลาภและขอหวยตามความเชื่อในประวัติของท่าน

    นี่คือเทพเจ้าทั้ง 9 องค์ที่คุณเจริญ กูรูเยาวราชแนะนำ ซึ่งนอกจากเทพทั้ง 9 องค์นี้แล้วยังมีเทพเจ้าอื่นอีกมากมายที่เป็นที่นิยมเคารพบูชา หากใครยังไม่มีจุดหมายในใจจะตามไปไหว้ตามที่คุณเจริญแนะนำก็ไม่ว่ากัน ในตรุษจีนปีนี้ฉันขอกล่าว "ซินเจียอยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้" ไว้ล่วงหน้ากับคนไทยเชื้อสายจีนทุกคนเลยก็แล้วกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]

    โพสโดย คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end -->

    1. ผู้เกิดปีวอก ชง(ปะทะ) โดยตรงกับเทพเจ้า "ไท้ส่วยเอี้ย" และเป็นอริกับปีขาลโดยตรง

    2. ผู้เกิดปีขาล ดวงทับองค์ไท้ส่วย

    3. ผู้เกิดปีมะเส็ง ปีร่วมชง

    4. ผู้เกิดปีกุน ปีร่วมชง

    องค์ไท้ส่วย คือ เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย นั่นเอง

    เคยได้กล่าวไว้เมื่อตอนต้นกันไปแล้ว แต่จะให้ updated เป็นปีปัจจุบัน คือปี ขาล ในปี ๒๕๕๓ นี้ ก็เลยนำบทความจาก "อิทธิปาฏิหาริย์" บางส่วนมา postไว้ประกอบเรื่องราวให้สมบูรณ์ขึ้น

    ตามหลัก "ลักจั๊บกะจื้อ" ทำให้ปราชญ์จีนโบราณหาวิธีแก้ชง หรือแก้การปะทะกับดาว และเทพผู้ดูแลชะตา โดยให้พกเครื่องรางทำเป็นรูปนักษัตรเพื่อ "แก้ชง" และ "เพิ่มฮะ (ความสมพงศ์)"

    โดยเฉพาะ ซึ่งจะเปลี่ยนตามการโคจรของดวงดาวทุกปี สำหรับปีนี้ได้แก่

    ปีวอก ชงโดยตรง ต้องแก้ชงบูชาองค์ไท้ส่วยเอี้ย พกหนู มังกร (งูใหญ่) หรืองูเล็ก

    ปีขาล ทับองค์ไท้ส่วยเอี้ย ดาวร้ายคุกคาม ต้องแก้ พกม้า สุนัข หรือหมู

    ปีมะเส็ง ร่วมชง มีดาวร้ายคุกคาม แต่มีดาวมงคลคู่คอยช่วย พกวัว ไก่ สุนัข

    ปีกุน ร่วมชง ดาวอัปมงคลคุกคาม แต่มีดาวมงคลส่งเสริม พกเสือ กระต่าย แพะ

    ปีชวด ยังอยู่ในรัศมีดาวร้าย ให้บูชาฮก ลก ซิ่ว และพก วัว มังกร (งูใหญ่) หรือลิง

    ปีฉลู มีดาวมงคลนกคู่รักคุ้มครอง แต่เผชิญรังสีดาวป่วยไข้ พกหนู งูเล็ก ไก่ และจัดตั้ง เหมย ไผ่ สน

    ปีเถาะ มีดาวมงคลให้ลาภ ระวังดาวร้ายคอยจ้องเบียดเบียน พกแพะ หมู งูใหญ่

    ปีมะโรง ยังอยู่ในรัศมีดาวร้าย อย่าประมาท พกมังกร (งูใหญ่) งูเล็ก ลิง ไก่

    ปีมะเมีย ดาวมงคลให้ลาภ พกเสือ แพะ สุนัข เสริมดวง

    ปีมะแม ดาวสวรรค์คุ้มครองให้ลาภ พกกระ ต่าย ม้า หมู

    ปีระกา ดาวดอกไม้จักรพรรดิ คุ้มครอง พกวัว งูเล็ก มังกร (งูใหญ่)

    ปีจอ รัศมีดาวร้ายยังส่งผล ระวังอุปสรรค พกเสือ กระต่าย ม้า

    การพกพารูปนักษัตรต่างๆ บางคนจะหาหินหยกหรือรูปสัตว์ตามปีนักษัตรพกพา ติดตัว ติดรถ ติดบ้าน ติดที่ทำงาน ถือเป็น การแก้เคล็ด แก้ชง เพิ่มฮะ โดยเชื่อว่าเมื่อปีใดดาวเจ้าชะตาให้โทษหรือปะทะ เมื่อสาดส่องมายังเบญจธาตุในตัวคน และเมื่อพบดาวนักษัตรที่ "ฮะ" หรือ "สมพงศ์" ติดอยู่กับตัว ก็จะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี เปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตร เปลี่ยนจากให้ โทษมาเป็นให้คุณ ผ่อนหนักเป็นเบา แล้วขอยืนยันนะครับว่านี่เป็นศาสตร์แห่งดวงดาวที่ลึกลับของจีนโบราณ ถ้าไม่แน่จริงคงไม่สืบทอดกันมาเป็นพันๆ ปี ก็ขอให้แก้ชง-เพิ่มฮะ
    คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง :โดย ราม วัชรประดิษฐ์
    ข้อมูลจาก[​IMG]

    และ [http://www.mahamongkol.com/content/c...hp?category=8]

    .<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ทั้ง ๑๒ นักษัตร...มีชุดเดียวใส่สลับหมุนเวียนกันตามจักรราศีแก้ชง เสริมฮะกันทุกปีจนตลอดชีวิต..ชุดนี้เป็นชุดหยกฝีมือช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เสริมมงคลชีวิต รับ "ตรุษจีน"
    [​IMG]

    “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดช้ายยย...” "โชคดีปีใหม่ ขอให้เจริญรุ่งเรือง" เพื่อให้เข้ากับเทศกาลตรุษจีน เลยถือโอกาสนำเสนอเรื่องราวของเทศกาลวันขึ้นปีใหม่แบบจีน และการเสริมสร้างความสุขทางจิตใจ ด้วยหลากวิธีในการเสริมมงคลชีวิต เพื่อเป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจให้กับการดำเนินชีวิตของทุกท่าน เผื่อว่าจิตใจที่รู้สึกห่อเหี่ยวมาตลอดก่อนหน้านี้ จะมีกำลังวังชาขึ้นมาบ้าง

    [​IMG]


    เทศกาลกับความเชื่อ

    ตำนานโบร่ำโบราณเล่าสืบต่อกันมาว่า มีสัตว์ป่าดุร้ายออกอาละวาดกินคนจนถูกพระเจ้าลงโทษให้ลงจากเขาได้เพียง 1 วัน ใน 1 ปี เมื่อถึงวันสุดท้ายในฤดูหนาวก่อนที่ฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มต้นจึงเป็นวันที่มันจะออกมาทำร้ายผู้คน ทุกครัวเรือนจึงต้องสะสมเสบียง ตุนอาหารและเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน

    เมื่อถึงคืนสุดท้ายของเดือน 12 ก็จะปิดประตูหน้าต่างทุกบานไม่หลับไม่นอนตลอดคืนเพื่อเตรียมรับมือกับสัตว์ร้าย จนถึงรุ่งเช้าซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อสัตว์ร้ายถอยล่ากลับไป ทุกบ้านก็จะเปิดประตูออกมาทักทายแสดงความยินดีต่อผู้ที่อยู่รอดปลอดภัย

    ต่อมาชาวบ้านพบว่า สัตว์ร้ายตนนี้กลัวสีแดง กลัวเสียงดัง และกลัวไฟ จึงนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน การแขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัด และตีฆ้องระรัวกลองกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สัตว์ร้ายตกใจกลัวหนีเตลิดกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาทำร้ายผู้คนอีก

    ..จนกลายเป็นที่มาของการเฉลิมฉลองเทศกาล "ตรุษจีน” ในปัจจุบันนี้นั่นเอง...

    เทศกาลตรุษจีน ที่ชาวจีน และคนไทยเชื้อสายจีนได้สืบต่อกันมานานหลายศตวรรษ ไม่ต่างไปจากวันปีใหม่ในแบบธรรมเนียมตะวันตก มีการเตรียมงานเช่นเดียวกับเทศกาลคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้อของขวัญ การซื้ออุปกรณ์ประดับบ้านเรือน ข้าวปลาอาหารต่างๆ

    รวมถึงการทำความสะอาดบ้านเรือนครั้งใหญ่ เรียกว่าเป็นการทำความสะอาดประจำปีเลยก็ว่าได้ เพราะหมายถึง การกวาดล้างเอาโชคร้ายออกไปจากบ้าน พร้อมกับการนำกระดาษสีแดงที่มีคำอวยพรอย่าง อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนนาน มาประดับประดาไว้ตามประตูหน้าต่าง

    โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีวันสำคัญตามธรรมเนียมอยู่ 3 วัน คือ

    วันจ่าย ก่อนวันสิ้นปี 1 วัน ชาวจีนจะจับจ่ายซื้อของใช้สำหรับการไหว้ในวันรุ่งขึ้น โดยเฉพาะจุดที่เป็นตลาดใหญ่ๆ หรือเป็นแหล่งรวมของชาวจีนอย่างย่านเยาวราช จะคลาคล่ำไปด้วผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของ

    วันไหว้ การไหว้ในวันสิ้นปีตามธรรมเนียมปฏิบัติอาจมีการไหว้อยู่หลายช่วง ประกอบด้วย การไหว้เจ้าที่ในตอนเช้า การไหว้บรรพบุรุษในตอนสาย และปิดท้ายบางบ้านอาจมีการไหว้ผีไม่มีญาติในช่วงบ่ายอีกครั้ง

    วันถือ ก็คือ วันตรุษจีน ทุกคนจะพูด และทำแต่สิ่งดีๆ ที่เป็นมงคล หยุดการทำงานเพราะถือเป็นวันเที่ยว มีการเดินทางไปเยี่ยมเยียนไหว้ญาติผู้ใหญ่ และมักนำส้ม 4 ผล มาแลกกัน ถือว่าเป็นการนำโชคดีมามอบให้แก่กัน

    เพื่อให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่บีบรัดทำให้หลายคนต้องใช้งบแบบประหยัด คุณก็อาจเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวพักผ่อนในวันตรุษจีน มาเป็นการเดินทางไปไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรให้กับตนเองและครอบครัว

    ชาวจีน และคนไทยเชื้อสายจีนที่เคร่งครัดในเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติ จะมีข้อห้ามที่ไม่ควรทำในช่วงวันขึ้นปีใหม่ หรือวันถืออยู่มากมายหลายข้อ ที่พอจะจำได้ก็อย่างเช่น การไม่พูดคำหยาบ หรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ไม่พูดถึงความตาย หรือเรื่องผีสางนางไม้ ต้องพูดถึงแต่เรื่องที่ให้ความหมาย หรือความรู้สึกที่ดีกับการเริ่มต้นปีใหม่

    เพราะคำพูดแรกๆ ที่ได้ยินเป็นคำแรกของปี จะมีความสำคัญมากกับการเริ่มต้นในปีใหม่ และต้องไม่แสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยว เกลียดชัง หรืออิจฉาริษยา

    นอกจากนี้ ยังมีข้อห้ามอื่นๆ เช่น ห้ามร้องไห้ ห้ามจับไม้กวาด ห้ามใช้มีด หรือกรรไกรตัดสิ่งของ ห้ามสระผม เพราะหมายถึงการชะล้างความโชคดีออกไป ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ และนิยมใส่สีแดง ที่ให้ความหมายรุ่งเรือง ความสว่าง ความสุขมาสู่ผู้สวมใส่

    สิ่งที่นิยมซื้อหากันก่อนถึงวันตรุษจีน

    กระดาษแดงเขียนตัวอักษรจีนสีทอง เรียกกันว่า “ตุ๊ยเหลียง” เป็นคำอวยพรที่นิยมนำมาติดไว้สองข้างประตูบ้าน เช่น ให้ทำมาค้าขึ้น ให้มั่งมีเงินทอง รวมถึงการติดภาพเด็กผู้หญิง ผู้ชาย หรือ "หนี่อ่วย" ถือเป็นภาพมงคลของจีน เป็นงานศิลปะที่มักพบเห็นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

    เสื้อผ้าสีแดง เป็นอีกหนึ่งอย่างที่นิยมซื้อมาใส่ หรือมอบเป็นของขวัญ คนจีนนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดงในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพราะเชื่อว่าจะพบแต่ความโชคดี และยังเป็นการขับไล่ปีศาจร้ายออกไป ส่วนเสื้อผ้าสีขาว และดำควรงดเว้นอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นสีของการไว้ทุกข์

    ซองอั่งเปา ขาดไม่ได้เลยสำหรับเทศกาลนี้ เพราะเด็กๆ จะตั้งตารอคอย แต๊ะเอีย หรือซองแดงที่ผู้ใหญ่จะนำเงินใส่ในซองแล้วมอบให้กับลูกหลานวัยเด็ก หรือลูกหลานที่ยังไม่แต่งงาน

    สิ่งของมงคล สำหรับตกแต่งบ้าน หรือมอบเป็นของขวัญ ของฝาก ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของที่มีราคาแพง แต่ควรเน้นสิ่งที่มีความหมายดีๆ เป็นสิริมงคลแก่ผู้ให้ และผู้รับ อาจเป็นภาพวาด คริสตัล รูปปั้นของเทพเจ้า หรือเซียนที่ชาวจีนให้ความเคารพนับถือ เช่น เจ้าแม่กวนอิม ฮกลกซิ่ว เทพกวนอู เทพแห่งความร่ำรวย เป็นต้น

    ชาวจีนยังถือเคล็ดตกแต่งบ้านเรือนด้วย ภาพมงคล ต้อนรับปีใหม่ เพราะนอกจากจะมีสีสันที่สดใส สวยงาม ภาพแต่ละภาพยังมีความหมายที่เป็นมงคลรวมอยู่ด้วย

    ภาพมงคลยอดนิยม เช่น ภาพเด็กอ้วน แก้มสีชมพู ในมือถือลูกท้อ ลูกทับทิม อุ้มปลาคราฟ ปลาทอง หรือถือดอกบัวในมือ ซึ่ง เด็กอ้วน แทนความสมบูรณ์พูนสุข ลูกท้อ แทน อายุมั่นขวัญยืน ลูกทับทิม แทน ลูกหลานมากมาย ค้างคาว หมายถึง ความสุขสวัสดี ปลาทอง แทน เงินทอง ปลาคราฟ แทน ความเจริญก้าวหน้า แจกัน หมายถึง ความสงบสุข ดอกโบตั๋น แทน ความร่ำรวยมีวาสนา และดอกบัว แทน ความต่อเนื่องยืนยาว

    สัตว์นำโชค สามารถมอบให้กันเพื่อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับบ้านเรือนที่มีความเชื่อในเรื่องศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมบารมี เสริมมงคลให้กับครอบครัว เช่น มังกร เป็นสัญลักษณ์ของการเสริมอำนาจ วาสนา เสือ เสริมดวงให้มีเดช อำนาจ ชนะอมิตร ศัตรู นกฮูก ประสบความสำเร็จในเรื่องการศึกษา เต่า เสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อายุยืนยาว ปลา เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ กิจการประสบความสำเร็จ มีทรัพย์สินเงินทอง ช้าง เสริมอำนาจ วาสนา บารมี ทำให้เป็นที่รักใคร่ ม้า เสริมชะตาให้หน้าที่การงานเติบโตรวดเร็ว ไก่ เสริมสิริมงคลในบ้าน ทำให้ชีวิตมีแต่โชคลาภ เงินทอง หนู เสริมดวงเรื่องความสุขสมหวังในชีวิต ให้ชีวิตใหม่

    สิ่งของที่เป็นมงคล อาทิ น้ำเต้า เป็นเครื่องหมายของการนำมาซึ่งโชคลาภ ดูดเงินดูดทองเข้าบ้าน ทำมาค้าขายร่ำรวย เรือสำเภา เหมาะสำหรับบ้านเรือนที่ทำการค้า เป็นสัญลักษณ์ของการนำพาโชคลาภ เงินทองเข้าบ้าน การตั้งให้หัวเรือหันเข้าหาบ้าน โมบาย ที่ทำจากท่ออะลูมิเนียม 6 ท่อ จะนำโชคมาสู่ เมื่อลมพัดทำให้เกิดเสียงจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกไปจากบ้านเรือนตามศาสตร์ของฮวงจุ้ย

    เฉลิมฉลองอย่างมีวัฒนธรรม

    ตามธรรมเนียมปฏิบัติแต่โบร่ำโบราณ จะมีช่วงเวลาเฉลิมฉลองที่ยาวนานถึง 15 วัน หลายๆ คนใช้เวลาในช่วง 15 วันแรกของปีใหม่ เพื่อการเสริมสร้างมงคลให้กับชีวิต ซึ่งสิ่งที่ต้องกระทำในช่วงนี้ยังคงเป็นเรื่องของการไหว้เจ้า ไหว้บรรพชน การออกเดินทางไปเยี่ยมญาติมิตร และการเชื้อเชิญญาติมิตรมานั่งรับประทานอาหารที่บ้าน รวมถึงการถือศีล กินเจ เพื่อชำระล้างร่างกาย ตลอดจนการจัดเตรียมงานเพื่อฉลองโคมไฟในคืนวันที่ 15

    นอกจากวันสำคัญทั้ง 3 วันที่กล่าวมาเบื้องต้น ยังมีอีกหลายๆ กิจกรรมที่ควรกระทำตามจารีตประเพณีของเทศกาลตรุษจีน อาทิ

    ช่วงเย็นของวันตรุษจีน คนในครอบครัวจะร่วมโต๊ะทาน อาหารเสริมมงคล ซึ่งเป็นเมนูที่มีความหมายเป็นมงคล เช่น กุ้ง หมายถึง ชีวิตที่รุ่งเรือง มีความสุข เป๋าฮื้อแห้ง หมายถึง ดีทุกสิ่งทุกอย่าง จี้ไช่ (สาหร่ายที่มีลักษณะคล้ายเส้นผม) หมายถึง จะนำความร่ำรวยมาสู่ ขนมต้ม หมายถึง บรรพชนอวยพรให้ลูกหลาน

    สลัดปลาสด หรือ "หยี่ซัง" ถือเป็นเมนูจานพิเศษเพื่อเสริมมงคลชีวิต ประกอบด้วย เนื้อปลา 3 ชนิด ได้แก่ ปลาแซลมอน หมายถึง ทองคำ ปลากระพง หมายถึง สุขภาพร่างกายแข็งแรง ปลาทูน่า หมายถึง เงินทองไหลมาเทมา และธุรกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง

    เช่นเดียวกับที่บางบ้าน อาจมี การรวมญาติกินเกี๊ยว เพราะเกี๊ยวมีลักษณะเหมือน "เงิน" ของจีน จึงให้ความหมายถึงความมั่งมี มีเงินทอง

    กินเจมื้อแรกของปี เชื่อกันว่าจะได้บุญเหมือนกับการกินเจตลอดทั้งปี

    การไหว้สักการะเทพเจ้า ตามวัด หรือศาลเจ้าที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะในย่านเยาวราช ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมของสถานที่อันเป็นที่เคารพเพื่อความเป็นสิริมงคลยู่หลายแห่ง เช่น วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) ศาลเจ้ากวนอู ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ศาลเจ้าแม่กวนอิมฉื่อปุยเนี่ยเนี้ย (อาเนี้ยเก็ง) ศาลเจ้าแม่กวนอิม มูลนิธิเทียนฟ้า วัดไตรมิตร และซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา

    เทพเจ้าที่นิยมไปสักการะบูชา อาทิ เจ้าแม่กวนอิม เทพกวนอู ไท้ส่วยเอี๊ย ไฉ่ซิ่งเอี้ย พระสังขจาย เป็นต้น สำหรับไท้ส่วยเอี้ย ชาวจีนรู้จักกันดีในนามของ “เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา” โดยในแต่ละปีจะมีประเพณีการไหว้ฝากดวงชะตาในช่วงตรุษจีนของทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่เกิดปีชงในปีนั้น ๆ

    ทุกปีจึงมีทั้งผู้ที่เกิดปีชง และปีฮะไปไหว้ขอพรต่อ “ไท้ส่วยเอี้ย” ก็อย่างคับคั่ง ซึ่ง “นายช่างเลือก” ต้องขอเล่าเป็นเกร็ดความรู้กันสักนิด สำหรับศาสตร์ความเชื่อของชาวจีนว่าด้วยเรื่อง ปีชง สำหรับ 2551 นี้ หมายถึงคนที่เกิดในปีที่เป็นปีปะทะกับปีหนูไฟโดยตรง ตามตำราจีนเชื่อว่า จะให้ผลในทางลบมากกว่าปกติ จึงต้องเร่งทำบุญทำทานให้มากเป็นพิเศษ

    ปีที่ชงกับปีชวดมากที่สุด ก็คือ ปีมะเมีย (ม้า) รองลงมาคือปีระกา (ไก่) และปีเถาะ (กระต่าย) บางตำราก็ว่ามีปีมะแม (แพะ) ได้รับผลอยู่ด้วยเล็กน้อย ส่วนพิธีกรรมการไหว้นั้น เพื่อไม่ให้สับสนหรืองงงวยมากไปกว่านี้ ท่านสามารถเดินทางไปสักการะไท้ส่วยเอี้ยได้ที่วัดเล่งเน่ยยี่ เพราะที่วัดจะมีคำแนะนำในการปฏิบัติให้ทุกขั้นตอน

    ที่วัดเล่งเน่ยยี่ ยังประดิษฐานเทพเจ้าอีกหลายองค์ให้ท่านได้เลือกสักการะ ซึ่งผู้สนใจควรจะเดินทางไปแต่เนิ่นๆ เพราะทางวัดปิดทำการในช่วงเวลา 18.00 น. ของทุกวัน

    สำหรับชาวไทยที่มีเชื้อสายจีน อาจถือธรรมเนียมปฏิบัติในเรื่องของการไหว้พระ 9 วัด ก็ถือเป็นเรื่องมงคลที่สมควรแก่การกระทำเช่นกัน ซึ่งวัดทั้ง 9 ที่ชาวไทยให้ความนิยมในการเดินทางไปกราบไหว้สักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล ล้วนเป็นวัดที่มีชื่อเสียง มีความเก่าแก่ และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ได้แก่

    วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้วมรกต) ในพระบรมมหาราชวัง วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ท่าเตียน) แขวงบรมมหาราชวัง วัดสุทัศน์เทพวราราม เสาชิงช้า วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี วัดไตรมิตร เขตสัมพันธวงศ์ วัดสระเกศ ป้อมปราบศัตรูพ่าย และวัดชนะสงคราม บางลำพู

    “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ตั่วตั่วถั่ง” ขอให้ธุรกิจก้าวหน้า กำไรงดงาม เงินเต็มถุงเต็มถังทุกคนครับ

    เรียบเรียงจาก EXCUTIVE STYLE: Make It Worth Chinese New Year Happiness เสริมมงคลชีวิตต้อนรับปีใหม่จีน โดยนายช่างเลือก จากนิตยสาร M&W ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2551
    ที่มา : Money Channel
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948


    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    อ่า สงสัยโหลดกระจายแน่เลย อิอิ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 206 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 205 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2553 เฮงตลอดปี (83 คน กำลังดูอยู่)
    sithiphong

    มีผู้อ่านเยอะจริงๆครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG] [​IMG]

    :cool:<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ต้อนรับปีขาล ย้อนตำนาน "บ้านเกิดเสือ"
    China - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 กุมภาพันธ์ 2553 06:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สวัสดีปีขาล...สาวจีนกำลังลูบรูปนักษัตรเสือ เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับตรุษจีนปีขาล ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 14 ก.พ. นี้ ที่วัดเมฆขาว ในกรุงปักกิ่ง (ภาพเอเอฟพี) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในวัฒนธรรมของประเทศจีนและทวีปเอเชีย เสือได้รับการขนานนามว่า “เจ้าป่า” ด้วยมีรูปร่างที่งามสง่าน่าเกรง โดยเฉพาะเสือโคร่งที่มาพร้อมลายพาดกลอนอันคุ้นตา

    ทว่ามีหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเจ้าแห่งพงไพรนี้มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีนนี่เอง ดังนั้น เสือจึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชาวจีนมาช้านาน ทำให้ชาวจีนมีความเชื่อเรื่องบูชาเสือมาตั้งแต่โบราณกาล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยมีประชากรเสืออาศัยอยู่หนาแน่นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ของประเทศจีน



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ณ อาณาจักรแห่งจีนแผ่นดินใหญ่ถือเป็น “บ้านเกิด”ของเผ่าพันธุ์เสือโคร่งยุคปัจจุบัน ราว 2 ล้านปีที่แล้ว “เสือโคร่งจีน” อันเป็นบรรพบุรุษของเสือโคร่งยุคปัจจุบัน อาศัยอยู่ในดินแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ด้วยกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน สภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลง และความจำเป็นในการดำรงชีวิต “บรรพบุรุษเสือโคร่งจีน” จึงได้อพยพลูกหลานไปตามลำน้ำและขุนเขา มุ่งไปยังดินแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและเอเชียกลาง และได้กลายเป็นต้นตระกูลของเสือโคร่งไซบีเรียและเสือโคร่งแคสเปียน (เช่น เสือเปอร์เซียที่สูญพันธุ์ไปแล้ว)

    ในบรรดาเสือโคร่งจีนอพยพเหล่านั้น บางส่วนลงไปทางใต้และย้ายไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เข้าสู่ดินแดนอุษาคเนย์และอินเดีย อีกบางส่วนไปไกลถึงอินโดนีเซีย และแพร่เผ่าพันธุ์กลายเป็นเสือโคร่งจีนใต้ เสือโคร่งเบงกอล เสือโคร่งอินโดจีน เสือโคร่งสุมาตรา รวมถึงเสือโคร่งชวาและเสือโคร่งบาหลีที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

    ด้วยเผ่าพันธุ์ที่ดำรงคงอยู่คู่กับผู้คนมายาวนานถึง 2 ล้านปี ย่อมทำให้เรื่องราวของเสือเคียงคู่กับประวัติศาสตร์และอารยธรรมของมนุษยชาติ

    กล่าวเฉพาะในประเทศจีน มีประเพณียกย่องบูชากราบไหว้สรรพสัตว์และธรรมชาติในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธ์มาตั้งแต่บรรพกาล ซึ่งการสักการะเสือโคร่งถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด ในปทานุกรรมอรรถาธิบายอักษรจีน 《说文解字》กล่าวไว้ว่า “เสือ คือ ราชาแห่งสัตว์ป่า” ขณะที่บันทึกเกี่ยวกับประเพณีการบวงสรวงโบราณ 《风俗通义•祀典》ระบุว่า “เสือ: ธาตุหยาง ผู้นำแห่งสัตว์นับร้อย พิชิตเหยื่อได้อย่างฮึกเหริมและรวดเร็ว กัดกินอาหารราวปีศาจร้าย"



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]</TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เสือในวัฒนธรรมจีนนั้น ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญน่าเกรงขาม กำจัดโชคร้ายทำลายเคราะห์ สยบภูติผีขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ และนำมาซึ่งความสมหวังโชคดีแล้ว ยังมีประเพณีในการสักการะรูปสลักหินเสือ เพราะเชื่อกันว่าเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเทพ เป็นสิ่งเชื่อมกับธรรมชาติ และเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตอันนิรันดร์มาช้านาน

    ในประวัติศาสตร์ของชนชาติจีนหลายเผ่า ยังกล่าวตรงกันว่า เสือถือเป็นเทพแห่งการเบิกฟ้าดิน (หมายถึงการสร้างโลก) และเจ้าแห่งการดำรงคงเผ่าแพร่พันธุ์ของมนุษย์ อย่างในบทกวีคำกลอนของชนเผ่าอี๋ ระบุว่า “ฟ้าดินตะวันจันทรา ลมฝนฟ้าคะนอง ล้วนกำเนิดและเปลี่ยนแปลงมาจากเสือทั้งสิ้น” ทุกวันนี้ ชนเผ่าอี๋ยังเรียกขานหนุ่มสาวและเสือด้วยนามเดียวกันว่า “หลัวหลัว”

    ส่วนเผ่าผูหมี่ในมณฑลยูนนาน มีประเพณีบวงสรวงเสือโคร่งขาว และห้ามล่าเสือมาตั้งแต่โบราณกาล ทั้งยังกำหนดให้ปีเสือหรือวันเสือเป็นวันมงคล ส่วนบุตรที่เกิดในปีขาลหรือวันขาลถือเป็นสมบัติล้ำค่า

    ขณะที่เผ่าเห้อเจ๋อในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแดนมังกร เคารพบูชาเสือในฐานะ “เทพเจ้าแห่งป่า” และสร้างวัดวาเพื่อบวงสรวงกราบไหว้ ส่วนชนเผ่าถู่ในอำเภอถงเหริน เมืองหวงหนัน ในมณฑลชิงไห่ แต่ละปีในวันที่ 5 – 20 เดือนสิบเอ็ด ตามปฏิทินจันทรคติ จะมีการจัดพิธีขับไล่ภูติผีปีศาจและโรคร้าย รวมทั้งพิธีกระโดดเสือเพื่อขอพรนำความสงบสุข

    ทางฟากเกาะเป๋าเต่าในไต้หวัน ศาลพระภูมิเจ้าที่ทั้งหลายล้วนมีตำแหน่งที่ตั้งของ “เทพเจ้าเสือ” โดยเชื่อว่าจะเป็นเทพที่คอยปกปักรักษาและนำพาทรัพย์สินเงินทองมาให้ ในพิธีบูชาเจ้าแม่ทับทิมของแต่ละปี ยังมีการอัญเชิญเทพเจ้าเสือนำขบวนเสมอ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนอาศัยรูปลักษณ์ของเสือเป็นตัวแทนในการสืบทอดศรัทธาและส่งมอบความสุข หนุนส่งอานุภาพและอำนาจบารมี นอกจากนั้น ชาวจีนยังนำชื่อ “เสือ” มาเรียกขานเชิงเชิดชูผู้ที่เป็นเอกในด้านต่างๆ อาทิ

    “ขุนพลเสือ” : แม่ทัพนายกองที่รบชนะสิบทิศ เข้มแข็งและเคร่งขรึมน่าเกรงขาม

    “ทหารเสือ” : นักรบที่องอาจห้าวหาญชำนาญศึก และอยู่แนวหน้าเสมอ

    “ขุนนางเสือ” : ขุนนางที่จงรักภักดี แกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรี กล้าพลีชีพเพื่อชาติ

    “ลูกเสือ” : เด็กที่มีปณิธานที่จะเติบโตก้าวหน้า ขยันหมั่นเพียรร่ำเรียนวิชา

    ท่ามกลางศิลปวัฒนธรรมจีนที่สั่งสมมายาวนานกว่า 5,000 ปี ยังมีสิ่งบ่งชี้ถึงค่านิยมสูงส่งเกี่ยวกับเสือไว้มากมาย จากหลักฐานจารึกบนกระดองเต่าและกระดูกสัตว์ เริ่มพบตัวอักษรภาพ “虎 (หู่)” ที่หมายถึงเสือ ส่วนเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ในยุคราชวงศ์ซางและราชวงศ์โจว ได้สะท้อนเสน่ห์ของเสือไว้ให้ชื่นชม ในยุคชุนชิว-จ้านกั๋ว ก็มีงานศิลปะรูปเสือหลากหลาย อาทิ ตะขอเข็มขัดหัวเสือ ซึ่งมักใช้เพื่อแสดงอำนาจดุจเจ้าแห่งป่าของผู้สวมใส่ ส่วนผู้ที่ต้องการสัมผัสถึงท่วงท่าสง่างามของเสือ ให้ดูผ่านงานแกะสลักและภาพวาดรูปเสือในสมัยราชวงศ์ฮั่น ฯลฯ

    ในวิถีชีวิตของผู้คน เราต่างพบเรื่องราวการเคารพบูชาเสือ ยกย่องเสือ รักเสือ หรือแม้กระทั่งกลัวเสือ ทว่าเมื่อประวัติศาสตร์เดินทางมาถึงปัจจุบัน มนุษย์ได้ตัดไม้โค่นป่า ทำให้แหล่งน้ำแห้งเหือด ทะเลทรายขยายตัว อากาศร้อนขึ้น และสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ชะตากรรมของ “เจ้าป่า” ที่เคยยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม จึงไม่ต่างจากชะตะกรรมของสัตว์อื่นอีกหลายประเภท ที่กำลังเสี่ยงต่อภาวะสูญพันธุ์

    ในวาระที่กำลังจะเข้าสู่ปีเสืออีกครั้ง หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง หวังเป็นอย่างยิ่งจะช่วยดลใจผู้คน ให้หันกลับมาอนุรักษ์เสือ อนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการปกปักษ์รักษาการดำรงคงอยู่ของมนุษยชาตินั่นเอง เพื่อให้ปีขาลที่จะเวียนมาถึงอีกครา พงไพรในวันหน้าจะไม่ไร้ร่างของ “เจ้าป่า” อีกต่อไป

    ข้อมูลจาก ֐??͸
    ข้อมูลจาก www.wenming.cn
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปิดถนนเยาวราช 13-15 ก.พ. ฉลองตรุษจีน

    ตรุษจีน 2553 ปิดถนน เยาวราช 13-15 ก.พ. ฉลอง วันตรุษจีน


    [​IMG]



    ปิดถนนเยาวราช 13-15 ก.พ. ฉลองตรุษจีน (คมชัดลึก)

    วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. กล่าวว่า พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสอาด ผบก.จร. ออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร ปิดการจราจรชั่วคราว ห้ามจอดรถ และกำหนดให้เดินรถทางเดียว ในงานเทศกาลตรุษจีน เขตสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพมหานคร ระหว่าง 13-15 กุมภาพันธ์ ดังนี้ ...

    [​IMG]วันที่ 13 กุมภาพันธ์ เวลา 00.01 น.-24.00 น. ห้ามเดินรถ ห้ามจอดรถทุกชนิด ในถนนเยาวราช ตั้งแต่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ (วงเวียนโอเดียน) ถึงแยกตัดถนนลำพูนไชย

    [​IMG]วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ เวลา 24.00 น. ห้ามเดินรถ ห้ามจอดรถทุกชนิด ในถนนเยาวราช ตั้งแต่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ (วงเวียนโอเดียน) ถึงแยกเฉลิมบุรี ในถนนทรงวาดตลอดสาย และถนนทรงสวัสดิ์ ตั้งแต่ท่าน้ำสวัสดีถึงแยกหมอมีตลอดเวลาทั้งสองฝั่ง

    โดยจะกำหนดให้รถเดินทางเดียวกลับทิศทางในถนนทรงวาด โดยให้เข้าทางแยกมุมถนนตรีมิตรตัดถนนทรงวาด ไปทางท่าน้ำสวัสดีไปออกถนนราชวงศ์ จึงฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนที่ไม่มีธุระจำเป็นหลีกเลี่ยงเส้นทางตามวันเวลาดังกล่าว







    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก th.wikipedia.org
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]

    มูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์ลดอุบัติเหตุเทศกาลตรุษจีน จับมือทุกภาคส่วนคุมเข้มมาตรการเมาแล้วจับแน่ พร้อมปลุกเสกพระสังกัจจายน์แจกเป็นสิริมงคล...

    นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า เทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน กำลังจะเวียนมาบรรจบมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจากสถิติตัวเลขอุบัติเหตุจราจรถือได้ว่าเทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาลที่มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเมาแล้วขับมากเป็นอันดับ4รองจากเทศกาลสงกรานต์​ เทศกาลปีใหม่ และเทศกาลลอยกระทง ทั้งนี้เมื่อเทศกาลตรุษจีนปี 2552 ที่ผ่านมา 24-27 มกราคม 2552 มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 136 คน บาดเจ็บ 708 คน ลดลงจากเทศกาลตรุษจีน 2551 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 140 คน บาดเจ็บ 816 คน

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ตรงกับวันวาเลนไทน์และตรงกับวันเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งคาดว่ามีพี่น้องประชาชนเดินทางไปทำบุญ และท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้มีความเชื่อกันว่าเป็นปีเสือดุ จึงขอเตือนผู้ที่จะเดินทางให้ระมัดระวัง เมาต้องไม่ขับอย่างเด็ดขาด นอกจากนั้นต้องโทรไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ขับไม่เร็ว เคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

    เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนที่จะเดินทางไปเฉลิมฉลองในเทศกาลตรุษจีน มูลนิธิเมาไม่ขับจึงได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มูลนิธิปอเต็กตึ้ง กรุงเทพมหานคร บริษัทวิริยะประกันภัย กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย บริษัทเอพีฮอนด้า สำนักงานคุมประพฤติประจำศาลแขวงพระนครเหนือ บริษัทโตเกียวมารีนศรีเมืองประกันภัย สสส. และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ภาครัฐ เอกชน จัดโครงการตรุษจีนเมาขับถูกจับแน่ โดยจะมีการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอลล์ผู้ขับขี่อย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ 2553 นอกจากนี้แล้ว มูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดทำพระสังกัจจายน์​ชุบทอง ขนาด 1X1 ซม. บรรจุในกล่องสีแดง โดยได้รับความเมตตาจากพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยากรณ์ เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่ ) เยาวราช กรุงเทพฯ ปลุกเสกให้

    ทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้กับผู้ขับขี่ทั้งหลายอย่าไปเมาแล้วขับ อย่าขับด้วยความประมาท เพราะพระสังกัจจายน์ไม่สามารถคุ้มครองได้ ถ้าผู้ขับขี่ดำรงตนอยู่ในความประมาท

    โดยจะมีพิธีแจกพระสังกัจจายน์ ให้กับประชาชนเพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเทศกาลตรุษจีนในวันศุกร์ที่ 12 ก.พ.2553 เวลา 12.30 น. ณ ลานหน้าวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่ ) เยาวราช กรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แกสงสิงแก้ว ที่ปรึกษาสบ.10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี

    ส่วนผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งระบุว่าเป็นผู้เกิดปีขาล หรือปีที่ชงกัยปีขาลได้แกวอก ปีมะเส็ง และปีกุน จ่าหน้าถึงตัวท่านเองพร้อมสอดซองติดแสตมป์ 5 บาท ส่งมาที่มูลฯิธิเมาไม่ขับ28/12 ซอยสุขุมวิท 19 (วัฒนา) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ 10110 หมดเขตวันที่ 14 ก.พ.2553 ดูข้อมูลข่าวตรุษจีน , ประวัติพระสังกัจจายน์ คลิ๊กได้ที่ << Welcome To Don't Drive Drunk Foundation >> สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนเมาไม่ขับ 1717

    พ.ศ.ของผู้ที่เกิดปีขาลและปีชงกับปีขาล

    ปีขาล ปีวอก ปีมะเส็ง ปีกุน
    พ.ศ.2469 2475 2472 2478
    พ.ศ.2481 2487 2484 2490
    พ.ศ.2493 2499 2496 2502
    พ.ศ.2505 2511 2508 2514
    พ.ศ.2517 2523 2520 2526
    พ.ศ.2529 2535 2532 2538
    พ.ศ.2541 2547 2544 2550
    พ.ศ.2553
    แจกพระสังกัจจายน์ ฉลองตรุษจีน เข้มเมาแล้วจับแน่ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...