พลังจิตพิสูจน์กรรม:สัมผัสเจ้ากรรมนายเวร

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>โดย สายทิพย์</TD></TR></TBODY></TABLE>
<LINK href="/yingthai.css" type=text/css rel=stylesheet>



ตอนที่ 1
เคยไหมในบางครั้งที่คุณเกิดนิมิตฝันหรือสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดกับตัวเอง หรือบุคคลอื่นล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือเรื่องใหญ่เรื่องโต ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วเหตุการณ์ล้วนตรงกับที่เคยรู้เห็นมาก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น พิสูจน์ได้ด้วยตัวเองว่า ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ หรือคิดเป็นตุเป็นตะไปเอง
ประสบการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับหลายๆบุคคลมาแล้ว ทั้งๆที่ ณ เวลาดังกล่าว เขาเหล่านั้นไม่ใช่นักฝึกจิตผู้มีพลังสมาธิแก่กล้าแต่อย่างใด เพียงแต่สิ่งพิเศษเหล่านี้อาจติดตัวเขามาจากอดีตชาติ คุณสุชญา สินเพ็ง เป็นผู้หนึ่งที่มีประสบการณ์ดังกล่าว เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก จนแม้ภายหลังเมื่อได้ปฏิบัติธรรม สิ่งซึ่งเป็นสัมผัสพิเศษเหล่านี้ก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้น เธอเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเธอให้ฟังว่า
สิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เริ่มมีตั้งแต่ช่วงประมาณ 7-8 ขวบแล้วค่ะ คือจะเห็นแล้วก็จะฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า พอได้พิสูจน์ก็เป็นจริงอย่างที่ฝัน บางครั้งก็จะเห็นวิญญาณ ซึ่งเป็นค่อนข้างบ่อยนะคะ เคยฝันเห็นเทวดาในตอนเด็กท่านมาคุยด้วย มาบอกเล่าอะไรอย่างนี้ หรือเห็นพระภูมิที่บ้านบ้าง แต่ตอนเด็กๆพอเล่าเรื่องอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยเชื่อ เขาคิดว่าเราเพ้อ แต่เราจะเห็นบ่อย แล้วช่วง 9 ขวบก็เริ่มอ่านหนังสือธรรมะ ในสายหลวงปู่มั่น ที่อ่านเพราะที่บ้านรับ พออ่านแล้วก็สนใจชอบ เลยลองนั่งสมาธิดู นั่งในห้องพระ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ทำเล็กๆน้อยๆตามประสาเด็ก
จากที่ได้เริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ยังไม่จริงจังเท่าใดนัก จวบจนกระทั่งเรียนจบ มีครอบครัว และชีวิตประสบปัญหา คุณสุชญาจึงเริ่มหันไปสู่ถนนสายธรรมะอีกครั้ง โดยมีอาจารย์สอนปฏิบัติธรรมคนแรก เป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อในด้านการพัฒนาจิตที่ศรัทธาและรู้จักกันดี
ปฏิบัติจริงจังเป็นช่วงอายุ 30 ปีค่ะ อาจารย์สอนปฏิบัติธรรมคนแรกคือ หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ตอนนั้นรู้สึกทุกข์มาก ไม่มีที่พึ่ง การค้าก็ล้ม และมีปัญหาทางบ้านนิดหน่อย เพราะแต่งงานไปเจอคนละสภาพ คือเขาจะไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ บางครั้งจุดธูปไหว้พระเขาก็หาว่าเรางมงาย ก็เลยเกิดความทุกข์ทำให้คิดหนัก เพราะว่ามันไม่มีทางออก ไม่ทราบจะไปปรึกษาใคร ลูกก็ยังเล็กด้วย พอดีมาเจอหนังสือพุทโธโลยี ก็สนใจ เลยไปที่วัดอัมพวัน จุดประสงค์ที่ไปก็เพื่อไปนั่งสมาธิ เพื่อให้เราได้ปัญญา แก้ไขปัญหาชีวิตได้
ที่วัดอัมพวันเมื่อไปถึงเขาจะให้ลงทะเบียนก่อน แจ้งว่าจะอยู่กี่วัน ตัวเองจะไปบ่อย ช่วงแรกไปทุกเดือน ไปมาเป็นสิบปีแล้วค่ะ เรียกว่าสนิทกับทางวัด และการปฏิบัติจะเริ่มตั้งแต่ตีสี่ เราต้องตื่นตีสามครึ่ง ตีสี่ ก็ทำวัตรเช้า ตีห้า กว่าๆเริ่มปฏิบัติธรรม
และจากการไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันในครั้งนั้นคุณสุชญาก็ได้ทราบถึงสาเหตุของความทุกข์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับตัวเองในชาติปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องของ กรรมเก่า จากภพชาติเดิม และเป็นชาติที่เคยผูกพันกับหลวงพ่อจรัล แห่งวัดอัมพวันด้วย
เมื่อไปที่วัดอัมพวันครั้งแรก ก็ไปเจอหลวงพ่อนะคะ ไปกราบท่านบนศาลารัชกาลที่ 5 ซึ่งคนเยอะมาก พอกราบนี่มันเหมือนกับไฟช๊อตที่หน้าผากน่ะค่ะ หลวงพ่อก็เป็น ก็ตกใจว่าเป็นอะไร หลวงพ่อท่านก็ป้องหน้าผากมอง ท่านคงกำหนดเห็นหนอของท่านนะคะ แล้วท่านก็เริ่มเทศน์ ท่านจะเทศน์เกี่ยวกับเรื่องบาปหนา เรื่องกรรมเกี่ยวกับพ่อแม่ ใครบาปหนาให้นั่งสมาธิ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมหลวงพ่อถึงเทศน์เรื่องนี้ สงสัยว่าทำไมเทศน์ตั้ง 2 ชั่วโมงก็ยังไม่รู้ พอตกเย็น ทำวัตรสวดมนต์เย็นเสร็จจะมีการเดินจงกรม และนั่งสมาธิก็จะมีภาพแว้บเข้ามาเป็นเหตุการณ์ในอดีตชาติของเรา ก็เอ๊ะ? ทำไมเห็นภาพเราแต่งชุดอย่างนี้ ก็เลยกำหนดจิตไปดู เป็นเหตุการณ์ครั้งที่เคยเกิดเป็นลูกเจ้าเมืองแล้วไปรักกับเทวดาที่เฝ้าประตูเมือง เป็นความรักที่ไม่ถูกต้อง เลยถูกสาปทั้งคู่ เทวดาองค์นั้นได้ไปเกิดใหม่ แต่ถูกสาปให้เป็นผู้หญิง 500 ชาติ ตัวเองในชาตินั้นก็เสียใจ ไม่รู้จะทำยังไง ทางพ่อซึ่งเป็นเจ้าเมืองก็สอนให้ทำสมาธิแบบพุทโธ ก็ภาวนาเรื่อยๆ ได้ฤทธิ์ด้วยนะคะ คือฝึกเป็นสิบๆปี โดยไม่สนใจใครเลย พ่อก็ทิ้งหมดเลย ไม่สนใจท่าน เหมือนเราอกตัญญู
ชาตินั้นฝึกจนสามารถกำหนดจิตได้ว่า เทวดาองค์นั้นท่านไปเกิดที่ไหน แล้วจะตามไปเกิดใกล้ๆเขา จนปัจจุบันนี้ ชาตินี้ ชาติสุดท้ายที่ได้เจอเทวดาองค์นั้น ไปเจอท่านในวัดอัมพวันนี่ล่ะค่ะ ท่านเป็นอุบาสิกาในวัดนี้ ซึ่งตอนนี้ท่านก็ละสังขารไปแล้ว ไปเกิดเป็นพรหม ก็เลยตัดสินใจ เจอชาตินี้ก็ไม่ตามแล้วค่ะ เพราะเราได้รู้ได้เห็น รู้แจ้ง เห็นชัดแล้ว รู้แล้วมันไม่มีประโยชน์ และเมื่อเห็นตัวเองในอดีตชาติตอนนั้นก็ทำให้เกิดความสำนึกผิด เข้าใจเลยว่าทำไมหลวงพ่อถึงเทศน์เรื่องการกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ก็เพราะว่าชาตินั้นเราเป็นคนที่อกตัญญู ไม่สนใจพ่อแม่ พ่อก็มีลูกสาวคือเราคนเดียว แต่เราก็ยังไปกระโดดน้ำตาย พอเราตายท่านก็เสียใจมาก สละสมบัติทิ้งหมดเลย ก็คือมีกรรมร่วมกันมาในชาตินี้ก็เลยมาใช้กรรม ซึ่งพอทราบก็ไปขออโหสิกรรมกับท่าน ส่วนการปฏิบัติก็ก้าวหน้าขึ้นมาเรื่อยๆนะคะ รู้อะไรหลายๆเรื่อง ได้เห็นอดีตของตัวเองค่อนข้างเยอะ ได้เห็นกรรมในอดีตที่เราสร้างไว้ในแต่ละชาติ
คุณสุชญาบอกกับผู้เขียนว่า กรรมในอดีตชาติที่เธอเคยทำไว้นั้น ส่งผลต่อชีวิตเธอในชาติปัจจุบันอย่างมาก เช่น ทำให้ธุรกิจล้มเหลว ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด และหนทางแก้กรรมที่เคยสร้างไว้ก็โดยวิธีขออโหสิกรรม ซึ่งเธอเล่าว่า
กรรมในอดีตชาติส่งผลในชาติปัจจุบันหลายเรื่อง ทำให้การค้าล้ม ทำอะไรก็ไม่ขึ้น ติดขัดอยู่ 5-6 ปี จึงต้องขออโหสิกรรม คือกลับมาก็เขียนจดหมายไปหาหลวงพ่ออีก ท่านก็ตอบกลับมาว่าท่านอโหสิกรรมให้แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่หลวงพ่อเน้นว่าต้องปฏิบัติธรรมทุกวัน เดินหนึ่ง นั่งหนึ่ง กำหนดทุกๆวัน กลับจากทำงานก็ปฏิบัติเข้ม มาตอนหลังหลวงพ่อบอกว่า อยากเป็นเศรษฐีมั้ย? ถ้าอยากเป็นเศรษฐีให้นั่งวันละ 3 ชั่วโมง เดินวันละ 3 ชั่วโมง เราก็ทำ คือความคิดที่ว่าทำแล้วรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่จริงๆแล้วเป็นอุบายที่หลวงพ่อท่านสอน เวลาทำอย่างที่ท่านแนะนำจริงๆ สิ่งที่ได้ยิ่งกว่า เพราะเราได้ปัญญา ความรู้มากขึ้น สามารถนำมาช่วยเหลือคนได้


โปรดติดตามตอนจบฉบับหน้า


ที่มา: นิตยสารหญิงไทย

ฉบับที่ 742 ปีที่ 31 ปักษ์แรก เดือนกันยายน พ.ศ. 2549

 

ต่อค่ะ...

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

โดย สายทิพย์​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<LINK href="/yingthai.css" type=text/css rel=stylesheet>

พลังจิตพิสูจน์กรรม : สัมผัสเจ้ากรรมนายเวร​

ประสบการณ์ทางจิตที่สัมผัสได้ขณะปฏิบัติธรรมจนเป็นพลังสมาธิ มีความว่างอันเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา บางท่านอาจได้เห็นภาพเหตุการณ์ ในอดีตชาติของตนเองหลายๆชาติที่หลั่งไหลพรั่งพรูเข้ามา เหมือนกำลังดูทีวีที่มีภาพเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประสบการณ์ของคุณสุชญาเอง ก็ไม่ต่างกัน นอกจากนี้ผลของการที่ได้ปฏิบัติมากๆเข้ายังทำให้คุณสุชญาได้รู้วิบากกรรมของตัวเอง และเธอยังได้ใช้อำนาจจากสมาธิจิตของเธอ บวกกับการที่เธอเองเป็น "สื่อ" ของเทพองค์ต่างๆ ช่วยเหลือคนอื่นหรือแม้แต่วิญญาณได้อีกด้วย จึงทำให้เธอต้องสัมผัสกับวิญญาณค่อนข้างบ่อย​

"เคยมีเปรตมาขอส่วนบุญ มายืนไหว้ ที่แรงๆคือเห็นผีหัวขาดมาเดินเข้ามาเลยค่ะในวัดอัมพวันตอนที่เดินจงกรมก็ถามเขาว่าเป็นใคร เขาก็ว่าเขาเป็นโจรโดนประหารชีวิตที่วัดนี้ ตายแล้วมาขอส่วนบุญก็แผ่เมตตาให้เขาไปอันนี้คือเห็นแบบไม่มีหัวเลย นอกนั้นก็เห็นปกติเขาไม่ได้มาแบบกระรุ่งกระริ่งที่ทำให้เรากลัว"
นอกจากการไปปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อจรัลแห่งวัดอัมพวันแล้ว คุณสุชญายังได้เล่าถึงประสบการณ์จากการฝึกจิตในสายต่างๆ ให้ฟังอีก อาทิ มโนมยิทธิสมาธิสายหลวงปู่ทวด สายหลวงปู่ดู่และกรรมฐานตัดกรรมสายหลวงพ่อปาน​

"เคยฝึกมโนมยิทธิกับคุณแม่เกสรที่เชียงใหม่ ท่านไปอยู่ชิคาโก อเมริกา แต่ท่านจะเดินทางมาเมืองไทย 6 เดือนต่อปี ท่านเรียนจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พอดีตัวเองย้ายไปทำงานที่โน่นก็ไปพักที่บ้านท่านและฝึกไปด้วย วิธีการฝึกไม่นานค่ะเหมือนกับว่าเคยมีบ้างแล้ว มโนมยิทธินี่ต่างจากสมาธิทั่วไป คือจะเร็วนิดนึงเป็นฤทธิทางใจ คุณแม่จะพาขึ้นนิพพานเลยไปไหว้พระจุฬามณีไหว้พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ารูปร่างเป็นยังไง เราก็บอกไปตามที่เราเห็น คุณแม่จะตรวจให้แล้วก็ฝึกสายหลวงปู่ทวดและสายหลวงปู่ดู่ วัดสะแกใน อยุธยา สายหลวงปู่ทวดคือการทำจิตให้ว่างไม่มีคำภาวนา ส่วนหลวงปู่ดู่นี่คือ การทำพระ ภาวนา พุทธัง สะระณังฯ สำหรับคนกลัวผีนี่ฝึกสายนี้ดีค่ะผีไม่มา เพราะเราจะกำพระไว้ตลอด"​

"ส่วนกรรมฐานสายหลวงพ่อปานใช้ภาวนา "นะ มะ พะ ทะ" ไม่ได้กำหนดจิตเพื่อไปเฝ้าฯพระพุทธเจ้า เรานั่งเพื่อให้จิตสงบเป็นการรวมธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ พอจิตสงบแล้วกรรมหนักที่เราเคยสร้างไว้ในอดีตจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นภาพและมีอาการแสดงออกด้วยอย่างบางคนเคยไปเชือดคอไก่ก็จะมีอาการขันแบบไก่ต้องใช้เวลาฝึกซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ปัจจุบันคุณสุชญาได้อุทิศตัวเองเป็นสื่อ ให้พลังศักดิ์สิทธิ์ขององค์เทพมาผ่านร่างเพื่อช่วยมนุษย์แก้ไขวิบากกรรมในเรื่องต่างๆ และยังได้เปิดอบรมกรรมฐานตัดกรรมสายหลวงพ่อปานอีกด้วย​

"ตอนนี้ก็ยังเปิดอบรมกรรมฐานของหลวงพ่อปาน กรรมฐานสายนี้ต้องใช้เวลา เพราะบางคนต้องมาถึง 7 ครั้ง ซึ่งบางคนมีภารกิจไม่สามารถมาติดต่อกันได้ ส่วนใหญ่จะรับไม่เกิน 10 คน เพื่อให้ได้ผลที่มาของกรรมฐานแนวนี้ ทำไมต้องมาฝึกอบรมก็เพราะหลวงพ่อปานท่านระบุมา สั่งมาว่าให้ทำคือเมื่อปี 45 ไปไหว้ท่านที่วัดและได้พบท่านจากการที่ไปนั่งสมาธิหน้าท่าน ท่านก็มาสื่อบอกว่าเราเคยปฏิบัติธรรมกับท่านเคยเป็นลูกศิษย์ท่าน ท่านจะมาช่วยคนผ่านตัวเราและส่วนใหญ่หลวงพ่อปานจะมาเฉพาะเวลาที่อบรมกรรมฐาน
และในส่วนของการช่วยคนแก้ไขวิบากกรรมในเรื่องต่างๆ คุณสุชญา บอกว่าไม่มีกำหนดตายตัว ทุกอย่างต้องแล้วแต่ เจ้ากรรมนายเวร ต้องการและยังมีบางกรณีที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมอภัย​

"มีบ้างเหมือนกันที่ทำกรรมชนิดเจ้ากรรมนายเวรไม่ให้อภัย กรณีนี้เขาจะไม่เปิดให้เห็นก็ต้องเป็นหน้าที่ของครูบาอาจารย์คือองค์เทพ องค์ใดองค์หนึ่งมาช่วย ซึ่งส่วนใหญ่จะแก้โดยให้ไปบวชก็มีอยู่คนนึง คนนี้อดีตเคยเป็นแม่ทัพพม่าเขาเป็นอาจารย์สอนมโนมยิทธิที่บ้านของเขา แต่เขาก็ยังมองกรรมเก่าของตัวเองไม่ออก เขาเห็นแต่หลวงปู่ทวดมาบอกเขาว่า 'เคยล้อมเมืองๆ' เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองติดกรรมอะไร ซึ่งทำให้ชีวิตเขาติดขัดทุกอย่างเลย ทั้งเงิน ทั้งงาน คือกรรมมันบังตาไงคะ และแม้แต่ตัวเองบางครั้งก็มองไม่เห็นกรรมของตัวเองกับคนนี้พอเจอกันเขาก็มานั่งสมาธิที่บ้าน พอนั่งเขาก็เห็นหลวงพ่อปานอยู่ข้างหลัง ท่านก็มาอธิบายว่านี่เคยล้อมเมืองนะ และเคยฆ่าคนเอาไฟเผาเมืองเขาก็เลยมีกรรมติดตัวมาต้องไปขอขมากับพระนเรศวร คนนี้คุณแม่เขาก็ฝึกมโนมยิทธิก็เห็นเหมือนกันแต่ไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง อาจเป็นเพราะว่าเขากับเราเคยมีกรรมร่วมกันมาก็ได้ พอหลังจากนั้นเขาก็ไปแก้ที่อยุธยา พอกลับมาเขาโทร.มาเล่าให้ฟังเลย เขาบอก 'มาส่งผมทั้งกองทัพ ผมนี่ขนลุกไปหมด' แสดงว่าท่านให้อภัยแล้ว หลังจากนั้นชีวิตเขาก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ"​

นอกจากนี้ยังมีวิบากกรรมของอีกหลายคนที่มาให้คุณสุชัญาช่วย มีกรณีที่น่าสนใจอยู่รายหนึ่งเป็นชายป่วยเป็นโรคแขนขาลีบ ซึ่งหมอบอกว่าอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน เพราะกล้ามเนื้อจะไม่มีแรงและตายไปเลยโดยไม่มีทางรักษา เมื่อมาพบคุณสุชญา เธอก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งมาพร้อมกับผู้ชายคนนี้ ผู้หญิงคนนี้คือวิญญาณที่ตามมาล้างแค้น เพราะเคยถูกชายคนนี้เชือดข้อมือจนค่อยๆขาดใจตายอย่างทรมาน คุณสุชญาจึงถามวิญญาณผู้หญิงว่าต้องการอะไร วิญญาณดวงนี้บอกว่าต้องการให้ผู้ชายคนนี้นั่งสมาธิ และบวชให้ด้วยจึงจะปล่อย ชายคนนี้ก็ไปทำตามและยังสร้างพระประธานให้อีก 1 องค์ จากนั้นเพียง 1 เดือน เขาก็พบหนทางรักษาโรคจนอาการดีขึ้น​

ทุกวันนี้คุณสุชญาก็ยังแบ่งเวลาปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอและเธอยังมีข้อคิดดีๆ สำหรับผู้ที่ศรัทธาในเส้นทางธรรมมาฝากอีกด้วยว่า​

"ในการปฏิบัติทุกคนต้องทำจริงจังถ้าเราต้องการความสงบ เวลาปฏิบัติอย่าพยายามเห็นอะไรหรืออยากมีฤทธิ์ทำเพื่อให้จิตสงบอย่าไปสนใจว่าถ้านั่งแล้วต้องได้ฤทธิ์ได้ตาทิพย์ หูทิพย์ ตอนที่ฝึกไม่เคยคิดอยากได้อยากมีนะคะต้องการฝึกเพื่อให้จิตสงบไว้แก้ไขปัญหาเท่านั้น แต่บังเอิญไปติดต่อกับมิติอีกมิตินึงที่เราเคยได้ เหมือนกับเป็นการต่อญาณจากอดีตน่ะค่ะ ชาติก่อนเคยทำมาแล้วถึงได้"​

ผู้ที่มาติดต่อคุณสุชัญา นอกจากเธอจะช่วยตรวจดูวิบากจากกรรมเก่า และหาวิธีแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วเธอยังมีข้อคิดคติที่ดีแฝงธรรมะให้กลับไปปฏิบัติและสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้อีกด้วย ติดต่อคุณสุชญาได้ที่ 0-5087-3495​

ที่มา: นิตยสารหญิงไทย
ฉบับที่ 743 ปีที่ 31 ปักษ์หลัง เดือนกันยายน พ.ศ. 2549