การสร้างสติ ที่ละเอียดขึ้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 29 มกราคม 2015.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    เกร็ดธรรม

    หลวงปู่ พุธ ฐานิโย
    วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา


    ถ้าผู้ชำนาญ ในการบริกรรมภาวนาแล้ว
    เรามีวิธีการจะพึงปฏิบัติได้ดังนี้
    ในตอนแรกๆ
    ท่านอาจจะภาวนาพุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ อยู่
    อ่าว พอพุทโธ พุทโธ ไป จิตมันไม่นึกพุทโธไปนิ่งว่างอยู่เฉยๆ

    ให้กำหนดดูความว่าง
    อย่าไปนึกคิดอะไรขึ้นมา

    เมื่อจิตมีความคิดขึ้นมาให้มีสติรู้ความคิดทันที
    เมื่อจิตคิดทำสติรู้ความคิด
    จิตมันจะหยุดนิ่งมันไม่คิด ก็ดูความนิ่งของมัน

    เมื่อนิ่งไปสักหน่อยนึง มันจะคิดของมันขึ้นมา

    เราก็ดูความคิด
    นิ่ง ดูความนิ่ง
    คิด ดูความคิด
    สลับกันไปอย่างนี้


    ในเมื่อสติสัมปชัญญะของท่านดีขึ้น
    พลังจิตมันดีขึ้น
    ตัวคิดมันก็จะคิดไม่หยุด
    ตัวตามดูมันก็จะตามดูของมันไม่หยุด
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น

    ความคิดก็เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
    สติก็ทำหน้าที่รู้เองโดยอัตโนมัติ
    จิตมันก็เดินไปในภูมิแห่งวิปัสสนา
    เพราะความคิดมันย่อมมีความเกิดดับ เกิดดับ เกิดดับอยู่ทุกขณะจิต
    เมื่อเรามีสติตามรู้ความคิดที่เกิดดับอยู่นั้น

    เมื่อสติสัมปชัญญะตัวนี้มีพลังแก่กล้าขึ้น

    จิตสามารถที่จะกำหนดรู้ ความเกิดดับของความคิด
    ในแง่แห่งพระไตรลักษณ์
    จะมองเห็นพระไตรลักษณ์
    อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ อนัตตา ไม่ใช่ตัวของตัว
    ปรากฏเด่นชัดขึ้นมา

    อ่านต่อที่นี่ http://palungjit.org/threads/จิตตะภาวนา-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.280415/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2015
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    บทความที่นำมาลงนี้ ผู้ปฏิบัติที่เจริญสติมาในระดับหนึ่ง
    อ่านแล้วถึงจะพอเข้าใจครับ..ท่านบอกว่าเป็นการเจริญสติที่ละเอียดขึ้น
    ประเด็นนี้เห็นด้วยนะครับ..แต่ดูจากกิริยาทางจิตเห็นว่า
    เป็นการวิธีการสร้างกำลังสติที่มีอยู่แล้วให้กลายเป็นมหาสติครับ
    ขออนุโมทนากับบทความดีๆอย่างนี้ด้วยครับ..
     
  3. หนูนะโม

    หนูนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2015
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +128
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. หนูนะโม

    หนูนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2015
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +128
    "ความคิดก็เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
    สติก็ทำหน้าที่รู้เองโดยอัตโนมัติ
    จิตมันก็เดินไปในภูมิแห่งวิปัสสนา "

    มีข้อสงสัยคะ

    เมื่อจิตมีกำลัง เต็มพร้อมแล้ว การที่จิตก้าวสู่ภูมิแห่งวิปัสสนา
    มันจะคือการที่จิตสามารถพิจารณาเห็นจริงตามจริง ในสภาวะธรรม
    คือไม่มีอารมณ์ หรือกิเลส มาปรุงแต่งหรือคิดไปเอง ใช่หรือไม่คะ????

    ปัญญาของจิตที่มีกำลัง กับปัญญาที่เกิดจากการปรุงแต่งขึ้นเอง
    เราจะสามารถแยกออกได้อย่างไรคะ หรือเมื่อจิตเรามีกำลังจะสามารถรู้ได้เอง???
     
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    ในส่วนที่ขีดเส้นใต้ เป็นการภาวนา ที่ผ่านการฝึกฝนมาไม่น้อย

    สังเกตุ ว่า ท่านจะใช้ แต่เพียง จิต ไม่มี สัตว์บุคคลไปเกี่ยวข้อง
    เป็นการภาวนาที่เป็นปรมัตถธรรม เรื่อง รูป จิต เจตสิก ล้วนๆ
    อันนี้ ก็ฟังไว้พลาง อย่าเพิ่งไปให้ค่้่าใดๆ

    ในทางฝึกฝนนั้น ความเพียรระลึก ความเพียรสร้างสติ ยังไม่หยุดแค่นี้

    เพียงแต่ ความเริ่มเป็นอัตโนมัติ
    เป็นเพียง จุดเริ่ม จุดนัดพบ ของสมาธิในพระพุทธศาสนาเท่านั้น

    ควรทบทวนว่า เราทำอย่างไรมา จึงพบความเป็นอัตโนมัติ
    จงเพียร วิธีการนั้น ต่อไปเรื่อยๆ
    ความเป็นอัตโนมัติ มันเป็นแต่เพียงผลงาน
    ที่จะออกดอกออกผล ออกมาเอง
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    ครับ ผมก็เข้าใจอย่างนั้น

    แม้จิตมีกำลัง ยังไม่เต็มเปี่ยม

    ก็เป็นการกะเทาะ ออกของกิเลส
    เป็นลำดับลำดาไป เหมือนเลื้อย ที่เลื้อยต้นไม้
    มันก็เข้าไปในเนื้อไม้เรื่อยๆ
    ตามกำลังแห่งความเพียร

    สติ สมาธิ ปัญญา ที่พระพุทธเจ้าสอน
    จึงอยู่ในชีวิตประจำวันได้อย่างเบิกบาน
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    อันไหน ที่รู้ขึ้นมาแล้วยึด
    อันนั้น เป็นปัญญาปรุงแต่ง เพราะรู้แล้ว ไม่ปล่อยวาง

    อันไหนที่รู้ พร้อม วาง แจ้ง เบา โปร่ง สะบาย คลาย
    อันนี้เป็นปัญญาในพระพุทธศาสนา


    หรืออีกอย่างนึง เมื่อจิต สติ สมาธิ ปัญญา สัมประยุติพร้อม
    ก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง ความสงสัยจะไม่เกิดขึ้น


    อ่านและฟังพระบ่อยๆ แล้วก็ทำตามแค่นั้นเองครับ
    โมทนาครับ
     
  8. หนูนะโม

    หนูนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2015
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +128
    "อันไหน ที่รู้ขึ้นมาแล้วยึด
    อันนั้น เป็นปัญญาปรุงแต่ง เพราะรู้แล้ว ไม่ปล่อยวาง

    อันไหนที่รู้ พร้อม วาง แจ้ง เบา โปร่ง สะบาย คลาย
    อันนี้เป็นปัญญาในพระพุทธศาสนา"

    ตรงนี้กระจ่าง คลายปัญหามากค่ะ
    อนุโมทนาคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2015
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ใช่แล้ว


    ตรงนี้มันต้องเห็นความปกติ รู้จักความปกติก่อน
    ยังไงคือปกติ ยังไงคือไม่ปกติ
    ปกติ กับ ใจเป็นกลาง ก็ตัวเดียวกัน
    มัชฌิมาปฏิปทาก็ตัวเดียวกัน

    ลำเอียงอยู่ไม่คิด เครียดอยู่ไม่คิด
    แต่มันห้ามไม่ได้ ให้ระลึกรู้ทันเอา พอมันหายก็รู้ทันอีก
    เป็นก็รู้ หายก็รู้ ดูไปเรื่อย

    มีสติมากขึ้นอีกหน่อยจะรู้เอง ความคิดในสภาวการณ์ทั้งสองให้ผลไม่เหมือนกัน
    แต่สรุปสุดท้ายเกิดแล้วก็ดับทั้งคู่ เดี๋ยวหลงข้างโน้น เดี๋ยวยึดข้างนี้
    ก็รู้ตามความเป็นจริงอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
    อีกหน่อยก็จะถึงความเป็นกลางเอง
    มัชฌิมาปฏิปทามันจะเกิดเอง
    มีปัญญาอย่างเข้าใจไม่ยึดติด
    เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคได้ตามความเป็นจริง
    พึ่งตนเองได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2015
  10. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    ใช่

    จิตที่มีกำลัง จะสามารถเห็นธรรมเบื้องหน้าได้ โดยที่ธรรมนั้น ๆ ไม่สามารถมีอิทธิพลรบกวนให้หวั่นไหว หงุดหงิด รำคาญใจได้เลย เสมือนว่าแยกกันอยู่คนละส่วน

    ปัญญาที่เกิดจากการปรุงแต่งยังต้องใช้ความคิดในการกด ข่ม เพิกเฉย บังคับ ให้ธรรมนั้นหายไปหรือกลับมา
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อ่านที่คุณ ปราบ ตอบใน #Rep ที่ ๕ , ๖ และ ๗ นั่นหละครับ..
    เป็นกิริยาทางจิตของคนที่เดินปัญญาได้แล้วก็จะตอบประมาณนี้หละครับ..
    กิริยาทางจิตของคุณเมิล ก็ใช่ครับ..พวกนี้สร้างกำลังสติเอาไว้ให้ต่อเนื่อง
    เด่วมันจะเร็วพอและจับการสังเกตุได้ด้วยตัวเราเองนั่นหละครับ..
    แบบค่อยๆพัฒนาขึ้นทีละเล็กละน้อยตามลำดับครับ..
     
  12. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    สวัสดีครับพี่ ป.ปราบ

    กาแฟไม่ต้อง สดชื่นได้ทั้งวัน
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    สวัสดีครับเซียนกาแฟ ^^
     
  14. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    คุณปราบฯ ผมเอาเทศน์ของหลวงปู่ที่คุณยกมาตอนต้นนั้น
    มาต่อส่วนท้ายให้จบความเลยก็แล้วกันนะครับ


    และมีประเด็นนึงที่น่าสนใจ ไว้ค่อยมาพิจารณากันอีกที
    ขอพิจารณาความเหมาะสมดูก่อน อาจย้ายไปกระทู้ใหม่ก็ได้ครับ

    ใส่กรอบจะได้ดูง่ายหน่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2015
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    ใจจริงก็ เป็นความอยาก อยากเสนอ เลยทำลิ้งไว้ให้อ่านต่อ

    อยากให้คนสนใจอ่านคำสอนวิธีการดีดี


    แต่คนเราก็มีหลากหลายรูปแบบ

    น้อยคนจะสนใจ ไปอ่านคำเทศน์ ยาวๆ

    จะสนไปในทางเรื่อง นิมิต
    เรื่อง นั่งแล้วเห็นนั่นนี่นู้น แล้ว คิดว่า เป็นการก้าวหน้า
    ที่นั่งแล้วเห็น คนนั้นคนนี้มาโปรด

    ถ้าออกแนวนี้ คนจะสนใจเยอะ
    คำสอนแนะแนวหลวงปู่ มุ่งทางตรง ขอเพียงฟังซ้ำๆ
    ก็ไม่จำเป็นต้องมาถามกันอีก

    และเรื่องภูมิรู้ภูมิเห็น หากฝึกตาม ที่หลวงปู่แนะนำ
    จะเห็นเจอสารพัด เพียงแต่จะนำมาเล่านั้นมันไม่ใช่สาระในการฝึก

    ส่วนตัวชอบคำสอนหลวงปู่ แม้ไม่เคยไปกราบท่านเป็นครูอาจารย์
    แต่ก็อยากเป็นลูกศิษย์ท่าน เสียดายเหมือนกัน
     
  16. นกฮูกน้อย

    นกฮูกน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +105
    ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ

    อ่านแล้วตรงๆง่ายๆเป็นลำดับขั้นตอนดีค่ะ


     
  17. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ประมาณนั้นแหละครับ
    ความจริงตอนแรก ๆ ก็ตั้งใจกันดี มีอาตาปี สัมปชาโน สติมา
    แต่พอไปเจอนิมิต ภาวะ ปรากฏการณ์ ความรู้ อารมณ์อะไรเข้าแล้วตามไม่ทัน
    อธิษฐานบารมีไม่หนักแน่นพอ ก็เป๋ได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ก็เรียนรู้ไป
    ตกซ้ำชั้นไปก่อน จนกว่าจะหายโง่หายดื้อ ทุกข์ซะให้เข็ดนั่นแหละครับ

    จริง ๆ หลักตัดสินธรรมวินัยก็มีเอามาตรวจสอบแนวทางดูได้ มาถูกทางไหม
    พระพุทธองค์ทรงวางหลักเกณฑ์ไว้ให้หมดแล้ว มีทุกอย่างครบเลย
    อย่าทิ้งพระพุทธเจ้า อย่าทิ้งพระธรรมคำสั่งสอน
    อย่าชูธรรมความรู้ของตนมากกว่าพระธรรมของพระศาสดา
    นี่แหละจึงจะได้ชื่อว่า เป็นพุทธบริษัทที่ช่วยกันรักษาพระศาสนาไว้อย่างแท้จริงครับ
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    สังขิตตสูตร
     
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้พระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีเสด็จเ​ข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง​ที่ประทับ ถวายบังคมแล้วประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
     
    ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรร​มโดยย่อแก่หม่อมฉัน ซึ่งหม่อมฉันได้ฟังแล้ว จะพึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่​อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่เถิด ฯ
     
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไป
    ๐ เพื่อความกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
    ๐ เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไว้ ไม่เป็นไปเพื่อพรากสัตว์ออก
    ๐ เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเ​ลส
    ๐ เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักม​าก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
    ๐ เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อความสันโดษ
    ๐ เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วย​หมู่คณะ ไม่เป็นไปเพื่อความสงัด
    ๐ เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ไม่เป็นไปเพื่อปรารภความเพี​ยร
    ๐ เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ย​งยาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคน
     เลี้ยงง่าย

    ดูกรโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่​งว่า "นี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัยไม่ใช่คำสั่งสอน​ของพระศาสดา ฯ"

    ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไป
     
    ๐ เพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความกำหนัด
    ๐ เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไ​ว้ ไม่เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไ​ว้
    ๐ เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส
    ๐ เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก
    ๐ เป็นไปเพื่อสันโดษไม่เป็นไป​เพื่อไม่สันโดษ
    ๐ เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
    ๐ เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร ไม่เป็นไปเพื่อความเกียจคร้​าน
    ๐ เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ย​งง่าย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก

    ดูกรโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่​งว่า "นี้เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ฯ"

     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    เมื่อก่อน
    ผมนำเสนอ ข้อความคำเทศน์ หลวงปู่พุธ
    ก็มีเทวดามาทักท้วง หาที่อ้างอิงที่มา ว่าใช่คำสอนหลวงปู่พุธ จริงหรือเปล่า


    ต่อมา ผมก็เสนอ แต่เสียง ตัดมาเป็นรูปประโยค และทำลิ้งให้ไปฟังต่อ
    ก็มีเทวดามาทักท้วง ว่าบิดเบือนมั่งล่ะ
    ห้องนี้ ห้ามใช้เสียงมั่งล่ะ

    ต่อมาผมก็เสนอ การถอดเสียงเป็นมาพิมพ์พิมพ์เองบ้าง
    เพื่อนๆพิมบ้าง
    อาศัยทำวันละนิด 3-5 นาทีจากต้นฉบับ พิมพ์ให้อ่าน เป็นตอนๆ

    พอจบไฟล์ ก็เสนอแนะ บางช่วงสำหรับที่เป็นวิธีทำ
    และก็ทำลิ้งให้อ่านต่อ
    ก็จะมีเหล่าเทวดาหล่อๆ มาทักท้วงเสมอ


    จากคำสอนคำแนะนำ เป็นภาษาไทยของหลวงปู่พุธ
    แม้ท่านพูดภาษาบ้านๆ
    ไม่ใช่พูดภาษาบาลีแบบต้นฉบับ หากพูดบาลี คนไทยก็จะฟังไม่รู้เรื่อง

    แม้ในพระไตรปิฎก ก็แปลเป็นภาษาไทยมาให้อ่าน


    พระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า ค้ืออะไรเล่า
    คือ ตัวอักษรภาษาบาลี
    หรือ คุณลักษณะ ที่ทำให้ผู้ฝึกตามเข้าถึงความมีคุณธรรม
     
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ถ้าทำดีแท้ ๆ กลับต้องประสบทุกข์มากมายเห็นปานนั้น
    ก็แสดงว่า วิถีทางนั้นมันไม่ใช่วิถีทางพ้นทุกข์ ทีนี้จะเอายังไงต่อก็อยู่ที่จะมุ่งไปทางใดนั่นเอง..

    ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจาริง - ธรรมนั่นแหละ ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม
    ธัมมจารี สุขัง เสติ - เพราะผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข
     

แชร์หน้านี้

Loading...