มาแนะนำหนังดีๆ ที่น่าดูกันนะครับ

ครับ ตามหัวเรื่อง สำหรับคอหนังครับ ใครมีหนังดีๆมาแนะนำกันได้
ส่วนหนังที่ผมจะแนะนำนั้น บางท่านคงรู้จัก เคยชมกันมาบ้างแล้ว
ส่วนใหญ่เป็นหนังที่ไม่ได้เข้าฉายในบ้านเรา หรือฉาย หรืออาจเป็น
หนังทุนต่ำ(คุณภาพสูง) หรือหนังอินดี้(เรียกให้ดูวัยรุ่นหน่อย)
หนังอินดี้ บางคนอาจเข้าใจว่า หนังดูยากรึปล่าว! หนังอาร์ทรึปล่าว!
ตัวผมเอง ก็เป็นคนดูหนังง่ายๆครับ หนังดูยากๆผมก็ไม่รู้เรื่อง 55
ฉะนั้น ไม่ว่าจะ เรียกว่าอะไร ถ้าดูแล้ว ชอบ ซาบซึ้ง เป็นอันใช้ได้ครับ

ส่วนคำอธิบาย ผมขอยกมา(ก็อป)จากบทความต่างๆที่มีคนเขียนไว้
เพราะผมเขียนไม่เก่งครับ....อาจทำให้หนังลดความน่าสนใจลงได้..

ขอบคุณครับ

มาเริ่มเรื่องแรกกันครับ


Travellers and Magicians






<!--Main-->Travellers and Magicians เป็นหนังจากประเทศภูฐาน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ประเทศภูฐานที่ไฝ่ฝันอยากไปหาความเจริญประเทศอเมริกา ระหว่างทางที่จะเดินทางจากหมู่บ้านไปสถานทูตอเมริกาที่เมืองหลวงก็ได้เจอกับพระรูปหนึ่ง พระก็เลยเล่านิทานปะรำปะราเกี่ยวกับคนที่ไฝ่หาเมืองในฝันให้ฟัง

เรื่องนี้เนื้อเรื่องไม่สลับซับซ้อนมาก แต่หนังทำให้เห็นธรรมชาติที่สวยมากๆของประเทศภูฐาน ทุกๆวิวออกมาสวยสุดๆ ทั้งภูเขา ป่า แม่น้ำ ลำธาร อันที่จริงจุดประสงค์หนึ่งของหนังเรื่องนี้ก็คงจะอยากให้เห็นว่าที่จริงประเทศของเค้าก็ออกจะดี ธรรมชาติก็สวย คนก็เอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน แต่คนบางคนกลับมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป ตอนที่ดูเบื้องหลังการถ่ายทำถึงได้รู้ว่าผู้กำกับเป็นลามะอวตารของลามะองค์สำคัญตามศาสนาพุทธแบบธิเบต ท่านไปเรียนที่อังกฤษแล้วเลยหันมาสนใจการถ่ายทำหนัง เราไม่ค่อยเข้าใจศาสนานี้เท่าไหร่ แต่เห็นท่านใส่เสื้อผ้าเหมือนคนปกติ เพียงแต่เป็นสีส้มๆแดงๆมืดๆ แปลกดีนะ

ยังไงก็ตามเราดูแล้วเกิดเป็นภูฐานฟีเวอร์อยู่หลายวัน เห็นวิวสวยๆแล้วอยากไปเที่ยว เห็นผ้านุ่งทอมือที่สาวๆในหนังใส่ก็ปลื้มมาก ได้ยินว่าประเทศนี้วัดความเจริญด้วย Gross National Happiness แทนที่จะเป็น Gross National Income คือไม่นับที่วัตถุ นับที่ความสุขของประชาชนเป็นหลัก ฟังดูแล้วเหมือนพูดเล่น บ้านเมืองเค้าก็ไม่เจริญเอาเลย ทุกวันนี้เมืองหลวงยังไม่มีไฟจราจรด้วยซ้ำ แต่ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเนปาลซึ่งมีอะไรๆคล้ายกันหลายอย่างแต่มีปัญหาภายในเยอะแยะ จะเห็นได้ว่าประเทศภูฐานอาจจะทำถูกแล้วก็ได้

ข้อความจากOreo's Mama Blog Gang
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=oreosmom&date=30-05-2006&group=5&gblog=8
ขอบคุณสำหรับบทความครับ

หนังเรื่องดีดีมากๆครับ ดูหนังไป หนังก็สอนเราไป เป็นเรื่องราว
ง่ายๆ ที่นำธรรมะมาแทรกไว้ตลอด (ดูไปคิดไป) ระหว่างที่ชายหนุ่ม
เดินทาง ก็จะได้พบเจอผู้คน ที่ร่วมทางไปด้วยกัน....


ขอบคุณครับ

 

เรื่องต่อมาที่อยากแนะนำครับ
เหมือนเดิมครับ ขออนุญาติก็อปreviewมานะครับ

Time of The Wolf (2002)






Time of The Wolf เหมาะสมอย่างยิ่งกับการหามาดูในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความแปรปรวนเช่นนี้
นี่เป็นงานกำกับอีกชิ้นที่น่าสนใจของ มิคาเอล ฮานาเก้ ผู้กำกับที่ผ่านการศึกษามาทางด้านจิตวิทยา
และปรัชญา แต่สิ่งที่เขาเก่งมากเป็นการทำหน้าที่เยี่ยมเหลือเกินในการทำร้ายจิตใจคนดู
ในTime of The Wolf พาเราไปสู่โลก หลังเกิดมหันตภัยครั้งร้ายแรง แถมหนังยังไม่อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น
กันแน่ โรคระบาด ภัยพิบัติ หรืออย่างไร? ภาพที่เห็น คือ น้ำ อาหารขาดแคลน สัตว์เลี้ยงล้มตายโดยไม่ทราบ
สาเหตุ และยังใช้ฉากหลังเป็นชนบทที่ห่างไกลชุมชนที่ไหนซักแห่ง ในยุโรป
ไม่มีฉากทำลายล้างเมืองใหญ่ เหมือนหนังฮอลีวู้ดแต่ประการใด
แค่ฉากแรกก็สามารถทุบหัวใจคนดูให้แหลกเป็นจุลได้แล้ว เมื่อเราเป็นครอบครัวเล็กๆน่ารักกลุ่มนึง
ถูกยึดบ้านโดยคนแปลกหน้า พ่อถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตา!เหลือเพียงแม่ กับลูกสาวลูกชาย 2คน
ต้องเร่ร่อนไปอย่างไร้จุดหมายในโลกข้างนอกที่ต่างคนต่างต้องเอาตัวรอด จนได้พบกับขบวนผู้อพยพ
ในสถานีรถไฟเล็กๆที่เต็มไปด้วยปัญหาหยิบย่อยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องการลักเล็กขโมยน้อย ข่มขืน
หรือทะเลาะวิวาท ฯลฯ
หนังดำเนินเรื่องไปอย่างเนิบช้า แต่ทรงพลัง อีกส่วนโดดเด่นมาก คือ การถ่ายภาพที่เรียบง่าย
แต่เต็มไปด้วยรายละเอียด ทั้งการถ่ายในที่มืด หรือการถ่ายในมุมกว้างเวลากลางวันจากแสงเงา
ธรรมชาติ เป็นหนังที่น่าดูมาก ในโลกปัจจุบันที่วัตถุมีอิทธิพลเหนือต่อมนุษย์เหลือเกิน
บทความโดย พงศกร จงรักษ์ DVD review,DDT magazine
ขอบคุณสำหรับบทความครับ
อย่างที่บอกครับ ไม่มีฉากทำลายล้างเมืองใหญ่ เหมือนหนังฮอลีวู้ดแต่ประการใด คอหนังแอคชั่นอาจไม่ประทับใจนะครับ
ขอบคุณครับ

 

เรื่องแรกเคยดูในทีวีแต่ดูไม่จบ..แต่ก็ชอบเสน่ห์ของประเทศนี้มากๆๆ ยังมีหนังอีกเรื่องคล้ายๆเรื่องแรกนี้เหมือนกันแต่เป็นคนที่ไม่เคยดูชื่อหนังทันซักเรื่อง..จำได้แต่เนื้อเรื่องค่ะ..ไม่ทราบว่าเรื่องแรกนี่จะไปตามหาได้ที่ไหนคะ..อยากดูจนจบ..ปกติชอบหนังที่ให้ความคิดและมุมมองของการใช้ชีวิตหรือมุมบางมุมของชีวิตของคนที่เราไม่เคยเห็น..ดูแล้วเหมือนเราได้รู้จักชีวิตมากขึ้นจากหลายๆๆมุม..อิอิอิ ขอโทษนะคะถ้าคุยนอกเรื่อง

 

น่าสนใจครับ ทั้งสองเรื่องเลย เอ.. หนังเก่า คงต้องหามาดูซะหน่อยละ
ขอบคุณครับ ^^

 

ครับ ผมเห็นเงียบๆ นึกว่าไม่มีใครสนใจ 55

หนังทั้งสองเรื่อง ถ้าหาซื้อDVD ร้านทั่วไปคงหายากหน่อย

ยังไงลองไป "ร้าน เฟม ท่าพระจันทร์" นะครับ เป็นร้านเช่าหนัง

เค้าจะมีหนังดีๆ(ใหม่-เก่า) หาดูยากๆ ให้เช่า ทั้ง vcd , dvd ครับ

โอกาส ต่อไป จะเอามาแนะนำอีกนะครับ


ปล ไม่งั้น ลองsearch หาร้านในเน็ต ลองคำว่า "หนังนอกกระแส"

"หนังอินดี้" ดูนะครับ ไม่งั้น pm มาก็ได้ครับ

ขอบคุณครับ

 

<CENTER>Children Of Heaven ; เด็กๆของพระเจ้าและรองเท้าที่หายไป (หนัง)

</CENTER>

​

ผมมักจะชอบหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กๆ ความที่เด็กๆมักจะใสซื่อ นักสร้างหนังหลายๆท่านจึง
มักนำเรื่องราวของเด็กเข้ามาเป็นตัวดำเนินเรื่อง เพื่อทำไห้เรื่องราวซีเรียส ดูเบาบางลง ดังนั้น หนังที่มีเรื่องราวเกี่ยว
กับเด็กหลายๆเรื่อง ( โดยส่วนมากเป็นหนังอิหร่าน ) มักทำไห้เรามองโลกในมุมที่ดีขึ้น คือมองในมุมที่เด็กมอง
หนังเรื่องหนึ่งในนั้นที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ Children of heaven ​

​

เป็นเรื่องของพี่น้องคู่นึง ปัญหาของเด็กๆคู่นี้ก็คือ รองเท้าของน้องสาวพังแล้วให้พี่ชายเอาไปซ่อม พี่ชายนำไปซ่อมแล้ว
ทำหายเพราะลืมวางทิ้งไว้บนรถเข็น แล้วรถเข็นก็หายไปไหนแล้วไม่รู้​

​

เนื่องจากครอบครัวยากจน จึงไม่อยากไห้แม่รู้เรื่องนี้ จึงผลัดกันใช้รองเท้าคู่เดียวกัน ให้น้องสาวใช้ตอนเช้า
พอตอนบ่ายก็มาเปลี่ยนให้พี่ใส่ แล้วพี่ก็โดนดุอยู่บ่อยๆที่มาโรงเรียนสาย จนมาวันนึงมีการแข่งขันวิ่งมาราทอน
ผู้ชนะจะได้รางวัลเป็นรองเท้า พี่ก็ไปสมัครแข่งจนชนะได้รางวัลเป็นรองเท้า แต่เป็นรองเท้ากีฬา
สุดท้ายปัญหาจบลงที่พ่อที่เพิ่งได้เงินมา ซื้อรองเท้ามาเป็นของขวัญไห้ลูก​

​

เป็นหนังปี 97 เมื่อสิบปีที่แล้ว

เรื่องนี้ผมอยากดูมากๆครับ หามาเป็น 10 ปีแล้วก็ยังไม่ได้ดู​

 

อือๆๆ พอคุณอีโต้ พูดเรื่องหนังเด็กเคยดูในทีวีนานมากแล้ว เป็นหนังต่างประเทศ ไม่แน่ใจว่าเกิดในสิงคโปร์หรือ มาเลเซีย เพราะเป็นคนจีนค่ะในหนังพูดภาษาจีนแต่กวางตุ้งหรืออะไร อันนี้ไม่ทราบ ..เอาเป็นว่าเนื้อหาก็เกี่ยวกับรองเท้าเหมือนกันค่ะ..เนื้อเรื่องก็เป็นเรื่องของสองพี่น้องที่ครอบครัวยากจนมาก..เนื้อเรื่องคล้ายกันค่ะคุณอิโต เพียงแต่เป็นหนังสิงคโปร์หรือหนังจีนมาเลเซีย นี่แหละค่ะ จำไม่ได้ ..แต่ประทับใจตรงที่เห็นความรักของพี่ชายกับน้องสาวและการมอง
คุณค่าของสิ่งที่คนบางคนมองว่ามันเล็กน้อยหรือแทบหาค่าไม่เจอ แต่กับคนบางคนมันอาจจะมีค่ามามายมหาศาลก็ได้...หุหุหุ แต่ จำชื่อเรื่องไม่ได้..ฟังก็ไม่รู้เรื่องด้วยค่ะ แต่ อาศัยดูภาพและการดำเนินเรื่อง
แต่หมู่นี้หนังต่างประเทศไม่ค่อยเอามาฉายให้ดูอีกมีแต่ตอนดึกๆๆซึ่งก็ไม่มีแรงดูเสียแล้ว..หลับให้ทีวีดูซะมากกว่า..อ้อ เรื่อง แรกหนังภูฐาน นี่ ได้ดูแล้วค่ะ..หาดูทางยูทูป เดี๋ยว ว่างๆๆจะ หาชื่อหนังให้เจอ เผื่อจะได้ตามดูกัน..นานๆๆแวะมาทีค่ะ

 

ขอบคุณครับ คุณอีโต้ กับ คุณsrirattana ครับ

ผมยังไม่เคยดูเลยครับ แต่ดูเนื้อเรื่องแล้วคุ้นๆเหมือนกันครับ

ต้องหามาดูซะหน่อย

 

เรื่องนี้มีชื่อไทยว่า วิ่งชีวิตให้ถึงเส้นชัย เป็นการนำเอาเนื้อเรื่องของchildren of harvan มาดัดแปลงเป็นบางส่วนเรื่องนี้ผมดูแล้วน่าจะเป็นหนังจีนนะ แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังคงต้องตามหาchildren of harvan ไปอีกนานเพราะยังไม่ได้ดู

 

วันนี้ผมดูเรื่อง ถนนสายนี้หัวใจไม่เคยลืม ดีมากขอบอก 3 แผ่นจบ เรื่องราวเกิดขึ้นในโตเกียวว่าด้วยชีวิตของชาวบ้านในชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งต่างก็มีเรื่องราวและปัญหาเป็นของตัวเอง ลองหามาดูแล้วจะรู้ว่าหนังเค้าดีจริงๆ

 

ครับ คุณอีโต้ เรื่องนี้ ชื่อภาษาอังกฤษว่า Always ครับ
มี 2ภาค ดีมากๆครับ เรื่องนี้ หนังภาพสวยมาก เป็นยุคหลัง
สงคราม เรื่องราวของมิตรภาพ ความรัก ความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่
ที่มีต่อกัน ของผู้คน ครอบครัว เพื่อน ฯลฯ

 

ครับ ถ้าชอบหนังแนวนี้ ผมมีมาแนะนำครับ

kiiroiNamida


ช่วงเวลาในหนัง เป็นยุคเดียวกับ always ครับ
หนังเล่าถึง เด็กหนุ่ม5คน ที่มีความฝันของตัวเอง
ความมีอัตตาของคน ท้ายที่สุด จึงรู้ว่า หลงอยู่ใน
โลกความฝัน เมื่อพบความจริงที่ว่า จะเอาเงินที่ไหนมา
จ่ายค่าเช่าห้อง ค่าอาหาร ฯลฯ

Memmories of matsuko

ผู้หญิงคนหนึ่ง ความดีของเธอ การเสียสละ แต่ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน
ก็ยังมีกรรมอยู่(ไม่รู้ซวยอะไรนักหนา) ดีมากๆครับเรื่องนี้

 

ขอบคุณที่แนะนำครับ

 

Memmories of matsuko


หนังเรื่องนี้ดีจริงๆครับ เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในรักแท้และยังคงเชื่อมั่นในความรักต่อไป ในตัวของหนังนั้นแสดงถึงความรู้สึกของป้ามัสซึโกะที่ผ่านมรสุมมาทั้งชีวิตแต่เธอก็ไม่ย่อท้อที่จะทุมเททั้งแรงกายแรงใจให้กับความฝันที่เธอได้ตั้งเอาไว้ว่าความรักของเธอมันคงจะต้องสวยหรูเหมือนกับเจ้าหญิงกับเจ้าชายในเทพนิยาย รวมถึงความรักที่บริสุทธิที่เธอมีให้กับทุกๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ
สิ่งที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้คือผู้กำกับได้ดำเนินเนื้อเรื่องได้อย่างโดยได้นำเอาดอกไม้มาเปรียบกับชีวิตของป้ามัสซึโกะ จะสังเกตได้ว่าในยามใดที่ป้ามัสซึโกะมีความสุข ในยามนั้นดอกไม้จะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งฉาก เปรียบเสมือนกับความรู้สึกของผู้หญิงที่อ่อนโยน สวยงาม บอบบาง น่าพิสมัย และไร้พิษภัย แต่จะต้องมาพังทะลายลงเพราะความรู้สึกอันหยาบกร้านของผู้ที่มองไม่เห็นถึงคุณค่าของมัน แต่กระนั้นเธอก็ไม่ย่อท้อ เธอยังคงเดินต่อไปข้างหน้าและตามหารักแท้ต่อไป
โดยเฉพาะก่อนหนังจบผมประทับใจมากกับฉากที่ผู้ชายทุกๆคนที่ผ่านมาในชีวิตของป้ามัสซึโกะต่างมาร้องเพลงให้กับคุณป้ามัสซึโกะที่จากไปแล้วไม่มีวันหวนกลับ โดยที่ป้ามัสซึโกะยังคงอยู่ในโลกของความฝันของเธอไปตราบนานเท่านาน
บอกตรงๆ หนังเรื่องนี้เหมาะกับผูหญิงทั้งโลก ถ้าผู้หญิงคนไหนไม่ได้ดูบอกได้เลยว่า เสียชาติเกิด
ขนาดผมดูแล้วยังอยากร้องไห้ให้กับป้ามัสซึโกะเลย
หนังเขาดีจริงๆ ขอบอก

 

ขอบคุณค่ะ น่าสนใจทุกเรื่องค่ะ

แต่เรื่องแรก Travellers and Magicians

ยังเล่าไม่จบเลยค่ะ สุดท้ายเป็นอย่างไร เด็กหนุ่มได้ฟังพระเล่านิทานแล้วเปลี่ยนใจหรือไม่ ? คิดว่าน่าจะเปลี่ยนใจนะคะ ช่วยเล่าต่อละกันค่ะ อยากรู้;aa37

 

ครับ เล่านะครับ 55
หนังจบแบบให้คิดต่อเองน่ะครับ ว่าเค้าจะคิดได้มั๊ย

ทั้งเรื่อง ระหว่างเดินทาง คือ เค้ารอรถที่จะเข้าเมือง ซึ่งนานๆ
จะมีผ่านมาซักคัน ก็เลยต้องเดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเจอคน
ที่มารอรถจะเข้าเมืองเหมือนกัน พอมืดก็นอนข้างทางครับ
ผมว่า นิทานที่พระเล่า เหมือนเป็นหนังซ้อนหนังเข้ามา เหมือน
ดูหนัง2เรื่อง 55 แต่มีบางสิ่งที่ทำให้เขาคิดได้ จากคนรอบข้าง
ที่ได้เจอระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นลุงที่นำแอปเปิ้ลไปขาย
ในเมือง ระหว่างรอรถ ลุงแกใจเย็นมาก ทั้งๆที่ถ้าข้ามวันไปแล้ว
แอปเปิ้ลจะไม่สด พ่อลูกคู่นึง ลูกสาวเรียนดี แต่ไม่อยากสอบ
เรียนต่อ ด้วยเหตุว่าต้องช่วยพ่อทำกระดาษขาย เธอว่า มีพ่อคน
เดียว การที่ดูแลท่านยามแก่ก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ...

ท้ายสุด มีรถผ่านมา....แต่รับได้คนเดียว ทั้งๆที่ชายหนุ่มรีบร้อน
ที่สุด แต่ก็ให้ลุงขายแอปเปิ้ลไปก่อน เพราะกลัวแอปเปิ้ลลุงไม่สด
(ตัวเองก็ลังเลๆ55) ต่อมามีรถเครื่อง แบบรถอีแต๋น ผ่านมา
เค้ารับได้2คน เค้าให้พ่อลูกไปก่อน เพราะต้องเอากระดาษไปขาย
แต่พ่อนั้นกลับบอกว่า ท่านจะไปอเมริกาไม่ใช่หรือ ไปก่อนเถอะ
เรื่องของท่านสำคัญกว่า เดี๋ยวจะเสียเวลา
ชายหนุ่มคงรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย...
จบตอนขึ้นรถอีแต๋นแล้วทิ้งสองพ่อลูกไว้เบื้องหลังนี่หล่ะครับ
(ประมาณว่าเริ่มคิดได้ครับ)


อ้อ ดูๆเหมือนเค้าจะชอบเด็กสาวคนนั้นอยู่ด้วยนะ

 

the straight story






การเดินทางข้ามเมืองของคุณปู่ โดยรถตัดหญ้า(สุดยอด!)

คุณปู่ใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาว สองคนพ่อลูก
วันนึง คุณปู่เกิดล้มลง(ขาขยับไม่ได้) และไม่มีคนอยู่บ้าน
เพื่อบ้านมาพบเข้า จึงพาส่ง รพ. หมอตรวจพบโรคร้ายหลายโรค

หลังจากนั้นจึงต้องใช้ไม้เท้า
หลายวันผ่านไป ก็มีโทรศัพท์มาบอกว่า
พี่ชายคนเดียวของคุณปู่ป่วยหนัก อาการไม่ค่อยดีนัก
คุณปู่กับพี่ชายอยู่คนละเมืองกัน ที่สำคัญ สองคนทะเลาะกัน
ไม่คุยกันมานานแล้ว และที่คุณปู่เองก็ป่วย ทำให้คิดได้ว่า
ควรจะทิ้งความขุ่นข้องหมองใจทุกอย่างลง แล้วเดินทาง
ไปเยี่ยมพี่ชาย ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย

การเดินทางจึงเริ่มขึ้น....

 

แต่ละเรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะ แต่มีเรื่องนึงอยากจะแนะนำบ้าง เรื่อง "คุณยายผมน่ารักที่สุดในโลก" ไม่ทราบว่าพอคุ้นเคยบ้างหรือเปล่า เป็นภาพยนต์เกาหลีค่ะ "เล่าเรื่องเด็กผู้ชายคนนึงอยู่เมืองหลวง แล้ววันนึงคุณแม่ก็นำเด็กมาฝากกับคุณยายที่ชนบท ซึ่งคุณยายพูดไม่ได้ เด็กต้องปรับตัวให้เข้ากับคุณยาย และการใช้ชีวิตในชนบท" ดูแล้วประทับใจมากๆ ค่ะ
ขอโทษค่ะหารูปมาลงให้ไม่ได้

 

ขอบคุณครับ คุณ ต้อม(เสาร์)
เอารูปมาลงให้ครับ เรื่องนี้ผมก็ชอบครับ

The way home

 

แนะนำ การ์ตูน บ้าง ครับ

pom poko




เรื่องราวของ ตัวทานุกิ ที่อาศัยอยู่ในป่าอย่างสงบ
แต่กลับต้องมาถูกรบกวน ด้วยฝีมือมนุษย์
ป่ากำลังจะถูกทำลาย นั่นหมายถึง..
..ที่อยู่ ..อาหาร ..ลูกหลาน ญาติพี่น้อง

ทานุกิผู้เฒ่าทั้งหลายจึงต้องเร่งฝึกเหล่าทานุกิหนุ่มสาว
ให้แปลงร่างได้ เมื่อฝึกสำเร็จ ก็ออกไปแปลงกายหลอก
มนุษย์ที่บุกรุกบ้านพวกตน อีกทางก็ได้ส่งตัวแทนทานุกิ
ออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ จากกลุ่มทานุกิอีกเมือง