หลวงพ่อเล่าเรื่อง...จุไรเที่ยวชั้นจาตุมหาราช

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 27 เมษายน 2008.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    [​IMG]


    จุไรเที่ยวชั้นจาตุมหาราช<O:p</O:p




    <O:p</O:p
    ท่านผู้อ่าน และท่านผู้ฟังทั้งหลาย สำหรับรายการต่อไปนี้ เป็นรายการ อนุโมทนา หรือการให้พร คือว่า วันที่บันทึกวันนี้เป็น วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๒ กำลังจะเข้าปี .ศ. ๒๕๓๓ แต่ทว่าพรวันนี้ ที่จะกล่าวในฉบับนี้ ถือว่าเป็นพรที่ให้แก่บรรดาท่านผู้อ่าน และท่านผู้ฟังตลอดชีวิต ฉะนั้น พรอันนี้ ถ้าจะปรากฏกับบรรดาท่านผู้อ่าน และท่านผู้ฟังได้ ก็คงจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ เพราะว่าเป็นหนังสือที่จะออกเดือนกุมภาพันธ์ ก็ขอทุกท่านโปรดทราบว่า พรอันนี้เป็นพรตลอดชีวิต ฟังเมื่อไรได้พรนี้เมื่อนั้น หรือว่าอ่านเมื่อไรก็เป็นอันว่า ท่านได้พรนี้เมื่อนั้น เช่นเดียวกัน<O:p</O:p
    ก็เป็นอันว่า วันนี้ขอกล่าวโมทนา คือวัน เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๒ ท่านผู้ว่าฯ จังหวัดอุทัยธานี ความจริงท่านชื่อ อุทัย ชื่อเหมือน ๆ กัน กับจังหวัด และท่านผู้กำกับฯ จังหวัดอุทัยธานี ทั้ง ๒ ท่านได้นำคณะตำรวจ และข้าราชการพลเรือนจำนวนมาก ความจริงอาตมาก็ไม่ได้นับว่า ท่านนำมามากกี่คน แต่มากจริง ๆ จำชื่อก็ไม่ได้หมด ก็ขอไม่กล่าวออกชื่อ ท่านมาแสดงมุทุตาจิต คือแสดงความยินดีด้วย กับที่ พระสุธรรมยานเถระ ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชพรหมยาน เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๒ แล้วก็ในช่วงหนึ่งในตอนวันที่ ๒๙ คือ วันนี้เอง วันที่บันทึกเสียง พระสมพงษ์ ในนามของคณะจัดทำ ธัมมวิโมกข์ ได้นำจตุปัจจัยมาถวาย จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ได้กล่าวไว้ในหนังสือที่นำมาถวายบอกว่า ขอถวายเป็นธรรมทาน แล้วลงชื่อ พระสมพงษ์ <O:p></O:p>
    แต่ความจริง ลงชื่อผิด ท่านองค์นี้เป็นพระครูที่เรียกว่า พระครูใบฎีกา แต่ไม่ใช่พระครูใบฎีกาเรี่ยไรนะ เป็นพระครูใบฎีกาของพระราชพรหมยาน และในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๒ ชาลินี หรือชื่อเดิมว่า ปาน จำนามสกุลไม่ได้ น้องสาว ดร. ได้นำเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท มาถวายกับ พระราชพรหมยาน เป็นการแสดงมุทุตาจิต และหลังจากนั้น .ส.<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>ปริญญา นุตาลัย[FONT=/>[/SIZE]<st1:personName w:st="]สุภรณ์" b บาท< ๑๐,๐๐๐ ได้นำปัจจัยคือเงิน ลีละยุทธโยธิน> เพื่อแสดงมุทุตาจิต ร่วมในงานรับสมณศักดิ์ และก็เมื่อวันที่ ๑๓ ขณะที่พระราชพรหมยานเดินทางมาถึงวัด วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๒ ดร.<st1:personName w:st="on" ProductID="ปริญญา นุตาลัย">ปริญญา นุตาลัย</st1:personName> เป็นแม่งานใหญ่ในฐานะคณะศิษย์ ได้สั่งการจัดงานจากกรุงเทพฯ มาถึงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๒ คือ จัดเป็นขบวนแห่ เป็นริ้วขบวน แล้วก็ลงทุนหลายอย่าง ลงทุนเสื้อผ้า อะไรต่ออะไรเยอะแยะ<O:p</O:p
    เป็นอันว่าการใช้เงินของ ดร.ปริญญา นุตาลัย ถ้าจะมองกันสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็ต้องลงทุนหลายหมื่นบาท ต้องออกแรง ออกความคิด และก็ร่วมกันออกแรง ออกความคิดหลาย ๆ คนร่วมกัน ถือว่าเป็นคณะศิษย์ นี่ก็เป็นการแสดงความยินดี หรือแสดงความยินดี หรือแสดงความเมตตาปรานีกับพระราชพรหมยาน และก็วันนั้น บรรดาท่านพุทธบริษัทที่มาร่วมในงานมุทุตาจิต ได้ต่างคนต่างถวายปัจจัยกันไว้ มากบ้าง น้อยบ้าง รวมเงินแล้วได้ ๒๗,๐๐๐ บาทเศษ และก็เฉพาะในงานรับสมณศักดิ์ของพระราชพรหมยาน ที่วัดสามพระยา บรรดาท่านพุทธบริษัทได้น้อมปัจจัยถวายพระราชพรหมยาน จำนวนเงิน ๒๒๑,๖๐๐ บาท เงินจำนวนนี้ได้ถวายไว้สร้างโรงเรียนที่วัดสามพระยา ถวายสมเด็จฯ ท่านไว้ และเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๒ ไปเผาเจ้าคุณภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ หรือที่ลูกหลานเรียกกันว่า หลวงน้าอำพัน ที่วัดเทพศิรินทร์<O:p</O:p
    วันนั้นพอไปนั่งปุ๊บก็ปรากฏว่ามีคณะศิษยานุศิษย์บ้าง ลูกบ้าง หลานบ้าง พี่บ้าง น้องบ้าง มากด้วยกัน ต่างคนต่างนำปัจจัยมาถวาย รวมเงินจริง ๆ แล้วทั้งหมดได้ ๖๒,๔๒๐ บาท พระราชพรหมยานท่านก็ได้กรุณานำไปถวายช่วยในงานศพทั้งหมด ทั้งหมดนี้ชื่อว่าเป็นความดี ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย และญาติโยมทุกคน ตั้งใจสงเคราะห์ด้วยเจตนาดี มีความเมตตาปรานีเป็นกรณีพิเศษ<O:p</O:p

    [/FONT]
    </st1:personName>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • etw.jpg
      etw.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.5 KB
      เปิดดู:
      1,050
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2009
  2. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ในฐานะที่อาตมาเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์สัมมาสัมพุทธเจ้า ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง ๓ ประการ ขอจงอภิบาลบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ที่กล่าวนามแล้วทั้งหมด ให้มีแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล และจงเจริญไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้ง ๔ ประการ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ ปรารถนาสิ่งใดขอให้ไดสิ่งนั้นสมความปรารถนา แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้ขอบรรดาท่านทั้งหลาย ทุกคน จงเป็นคนมีความปลอดภัยด้วยประการทั้งปวง และคงมีความร่ำรวย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรารถนา ให้สมปรารถนาสมหวัง ด้วยประการทั้งปวง เทอญ ก็ต้องขออนุโมทนาในด้านความดีของบรรดาท่านทั้งหลาย คือว่า พรนี้ขอให้สำเร็จแก่บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน จะอยู่ที่ไหน จะฟังที่ไหน จะอ่านเมื่อไร ขอให้มีความปรารถนาสมหวังตามพรจงทุกประการ เมื่อนั้น เทอญ<O:p</O:p
    ต่อนี้ไปก็เป็นเรื่องของธัมมธัมโม มาคุยกัน ธรรมะของนิทาน นิทานธรรมะ ก็เป็นอันว่า หลังจากที่ จุไร ท่องเที่ยวไปพบนางฟ้าบ้าง อะไรบ้าง นางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีหลายท่าน เทวดามีหลายท่านทิ้งไว้ก่อน เวลานี้ย้อนกลับลงมา ชั้นจาตุมหาราช ประเดี๋ยวจะไกลเกินไป การมาชั้นจาตุมหาราชนี่ ก็เป็นของไม่ยาก เพราะว่าท่านที่ไปทั้งสองท่านเป็นอินทกะทั้งคู่ คำว่า อินทกะ แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ อินทกะ คือ ท่านที่เป็นรองท้าวมหาราช ตามพระบาลีในมหาสมัยสูตร ท่านบอกว่า อินทกะนี่มีได้ทิศละ ๑,๐๐๐ องค์ คือ จะเทียบกับคนของเราก็เรียกว่า กลุ่มรัชทายาท ที่พร้อมที่จะเป็นท้าวมหาราชได้ ตามความสามารถ และวาสนาบารมี ในเมื่อท้าวมหาราชไปจากชั้นนี้ คือ ชั้นจาตุมหาราช ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงบ้างหรือว่าเป็นพรหมบ้างก็ตาม หรือมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม คือพ้นจากตำแหน่งนั้น คณะอินทกะนี้ก็จะต้องเลือกกันด้วยกำลังของวาสนาบารมี หรือบุญบารมี ว่าองค์ไหนควรจะเป็นท้าวมหาราชเขาก็ตั้งองค์นั้นให้เป็น<O:p</O:p
    ทีนี้เทวดาทั้งสององค์ที่มากับจุไรก็เป็นเทวดาใหญ่มาก เป็นขั้นอินทกะ องค์หนึ่ง ท่านปิยะยาวี เป็นอินทกะของท้าวเวสสุวัณ อีกองค์หนึ่งคือ ท่านบุเรงนอง นี่ท่านไม่บอกชื่อความเป็นเทวดาของท่าน ไม่รู้ว่าชื่ออะไรเป็นเทวดา ท่านบอกว่า ท่านเป็นอินทกะของท้าววิรุฬหก จุไรกับคุณป้าน้อยก็ถามกัน จุไรก็ถามคุณป้าน้อยว่าคุณป้าเจ้าคะ เรามาเที่ยวดาวดึงส์กัน สิ้นเวลาเปะปะ ๆ ในเมืองมนุษย์ไปตั้งหลายวันแล้วนะ คุณป้านะ ทางบ้านของเรา คนเขาสนใจมาดูเด็กกับคนแก่ สองคนนั่งตายกันโคนต้นไม้ แต่ไม่ทราบว่า ใครเอาเชือกไปขึงกั้นไว้ แล้วก็มีเทวดาอยู่ประมาณสัก ๔ องค์ ประจำตำแหน่ง ด้าน ๔ ด้าน มีเทวดาหรือนางฟ้าหลายท่านอยู่รอบตัวบริเวณใกล้ ๆ<O:p</O:p
    เป็นอันว่า ชาวบ้านเขาคิดว่า คนแก่คนนี้ ผู้หญิงแก่ ๆ คือคุณป้า และเด็กเล็ก ๆ คือ หนู กำลังนั่งตายอยู่โคนไม้ ก็มีหลายคนจะเอายาเข้าไปช่วยแก้ แต่เขาเดินเข้าไปใกล้ก็ต้องถอยหลัง เพราะกำลังของเทวดาดัน แต่ดูแล้วก็ไม่ได้ใช้มือดัน พอเทวดามองปั๊บถอยหลังกรูด แต่คนทั้งหลายเหล่านั้นก็ไม่เห็นเทวดา ก็ตกลงกันหลานกับป้าบอกว่า ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเสียชั่วคราวดีไหม เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่คนทั้งหลายที่เขาสงสัยคิดว่า เราตาย คุณป้าก็ตอบว่าดีเหมือนกัน ป้าก็ไม่ได้สั่งลูกหลานเขาไว้ว่า ป้าจะทำอะไร เขาจะห่วง ทุกคนแสดงความเป็นห่วง มีคนมานั่งคอยจ้อง คอยมอง คอยเฝ้า เตรียมหมอ เตรียมยากันไว้เสร็จ <O:p</O:p
    ในที่สุด สองคนก็บอกกับอินทกะทั้งสอง จุไรก็บอกว่า คุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>ลุงเจ้าคะ กลับไปที่วิหาร ๑๐๐ เมตร วัดท่าซุงเถิด เวลานี้ก็สิ้นเวลาไปข้างบนนี่ เป็นเวลาข้างบนมันเดี๋ยวเดียวแต่เวลาข้างล่างดูปฏิทิน หรือดูนาฬิกา เวลาที่นาฬิกา วันที่มันผ่าน ๓ วันกว่าไปแล้ว เข้าวันที่ ๔ ดีไม่ดีคนข้างล่างจะเสียกำลังใจ ท่านลุงก็บอกว่า เป็นเรื่องของหลาน หลานต้องการอย่างไร ลุงตามใจทุกอย่าง เพราะเป็นด้านของความดี ก็เป็นอันว่า ทั้งสองคนก็ไปลา ท่านปู่ ท่านย่า และก็หลาย ๆ ท่านที่มีความเคารพ ทุกท่านก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้พรแล้ว ทุกคนก็กลับ ขณะที่เดินทางกลับ แต่ความจริงไม่ได้เดิน ลอยกลับ อย่างนี้เขาเรียกว่า ลอยลม ท่าคุณป้าน้อย ท่าทางไม่ต่างกับลูกบอลลูน เหมือนกับลูกบอลลูน ลอยกลับ<O:p</O:p
    พอกลับเข้ามาแล้ว เวลาที่เข้าสู่ร่างกายก็ไม่มีความรู้สึกว่า มันเข้าทางไหน เรียกว่าเข้าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางปาก มันก็ไม่ถูกทั้งหมด พอถึงปุ๊บปั๊บก็เกิดความรู้สึกทันที ในเมื่อเกิดความรู้สึกขึ้นมาแล้ว ก็รู้สึกว่า เมื่อย บิดตัวไป บิดตัวมา เหยียดแข้งเหยียดขา คนก็ตกใจ คิดว่า สองคนนี่ ตายตั้งหลายวันแล้ว ทำไมขยับตัวได้ แต่บางคนอาจจะคิดว่า ผีหลอก ท่าทางไม่ค่อยดี หน้าตาเลิกลั่ก ๆ ทำท่าจะวิ่งหนี แต่ก็ดีที่ว่า เวลานั้นเป็นเวลากลางวัน เวลาประมาณบ่ายโมงเศษ คนที่กล้าหน่อย แต่ปอดกระเส่านิด ๆ เดินเข้าค่อย ๆ ขยับ พร้อมจะวิ่งออก <O:p</O:p
    แต่เมื่อป้าน้อยเห็นคนทั้งหลายเหล่านั้นก็เรียกบอกว่า มานี่ซิ มีน้ำขวดเย็น ๆ ไหม ฉันอยากน้ำจ้ะ เพราะอดน้ำมาหลายวัน คนที่ฟังก็เลยดีใจว่า ยังไม่ตายนะ เมื่อเข้ามาแล้ว ทุกคนก็ถามความเป็นมา ทุกคนก็เล่าให้ฟัง ตามที่ผ่านมาแล้ว เรื่องที่ผ่านมาไม่ขอคุยกัน ทั้งสองคนพักผ่อน กินข้าวกินปลา มีกำลังประมาณ ๓ วันเศษ ๆ <O:p</O:p
    จุไรก็ถามคุณแม่ว่า คุณแม่เจ้าคะ จะกลับบ้านหรือยัง คุณแม่ก็บอกว่า ยังไม่กลับ เพราะแม่อยู่วัดมีความสุขใจ พ่อเวลานี้เขาก็พักร้อน เขาอยู่บ้านงานการทุกอย่างพ่อคุม บ้านเราก็ไม่มีใคร มีด้วยกัน ๓ คน แม่กับลูกมาเสียแล้ว พ่อก็ไม่มีงานมาก นอกจากหุงข้าวกินเอง ฉะนั้นแม่ตั้งใจจะอยู่อีก ๔-๕ วัน ต่อไปข้างหน้า จุไรจึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นหนูมีเรื่องสงสัย คือ สงสัยว่า ชั้นจาตุมหาราชนั้น ความจริงเป็นอย่างไร เห็นหลวงปู่ท่านบวงสรวง ท่านบวงสรวงทุกคราว แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่า การบวงสรวงนั้น ทำเพื่ออะไร ท่านบอกให้ดูภาพก็เห็นภาพ แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องบวงสรวงเทวดาชั้นนี้มา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ หนูไม่เกี่ยว หนูอยากจะไปเที่ยวชั้นจาตุมหาราช แม่ก็บอกว่า ตามใจลูก<O:p</O:p
    จุไรก็ถามว่า คุณแม่จะไปไหมเจ้าคะ คุณแม่ก็บอกว่า แม่ตั้งใจจะทำครัวเลี้ยงพระในระหว่างที่อยู่ ขอทำบุญ ถ้าลูกไปแล้ว มีโอกาสจังหวะต่าง ๆ แม่จะตามไปตามเวลา ลูกไปกับป้าน้อยก็แล้วกัน เป็นอันว่า สองคน ป้าหลานหารือกัน ตกลงคิดว่าจะไป แต่จะไปที่ไหนก่อน ป้าน้อยก็เป็นคนแสดงความคิดเห็น บอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราไปทิศใต้ก่อน จุไรก็ถามว่า ทิศใต้ เป็นทิศของ กุมภัณฑ์ นะป้านะ กุมภัณฑ์นะน่ากลัวนะ <O:p</O:p
    ป้าน้อยก็บอกว่า กุมภัณฑ์น่ากลัวขนาดไหน ก็ช่างเถิด แต่อย่าลืมว่า ท่านบุเรงนอง เป็นนายของกุมภัณฑ์นะ แล้วนายใหญ่ของกุมภัณฑ์จริง ๆ ก็ ท่านท้าววิรุฬหก ป้าน้อยก็บอกว่า หลานรัก สำหรับท่านวิรุฬหกนี่ ป้าอาศัยความดี บารมีของทานแต่เพียงว่า ถ้ามีธุระขอร้อง ท่านก็ผ่านมาแว้บเดียว พูด ๒-๓ คำ แล้วก็ไป ตามธุระที่พึงมี วิธีหนึ่งป้าก็ใช้วิธี เดินกระดาน ท่านมาบอกทุกอย่างตรงหมด <O:p</O:p
    วันนี้ป้าอยากจะไปคุยที่บ้านของท่าน คือ วิมานของท่าน จุไรก็เห็นด้วย จึงถามท่านลุงทั้งสอง จุไรถามท่านบุเรงนองว่า ท่านลุงเจ้าคะ ถ้าหนูจะไปวิมานของท่านวิรุฬหก จะขัดข้องไหม ท่านลุงก็บอกว่า ไม่มีอะไรขัดข้อง เพราะว่าขณะที่หนูปรึกษากัน ท่านวิรุฬหกท่านบอก ท่านอนุญาตแล้ว ท่านได้ยิน จุไรก็ถามว่า ท่านวิรุฬหกอยู่ที่ไหน ทำไมคุณลุงจึงรู้ คุณลุงบุเรงนองก็บอกว่า อย่าลืมว่า ลุงมีร่างกายเป็นทิพย์นะ มีหูเป็นทิพย์ มีตาเป็นทิพย์ มีใจเป็นทิพย์นะ ทุกสิ่งทุกอย่างรู้ได้ทันทีทันใด และท่านวิรุฬหกก็เช่นเดียวกัน<O:p</O:p
    ก็เป็นอันว่า ทั้งสี่ท่าน ท่านบุเรงนอง ท่านปิยะยาวี คุณป้าน้อย และหลานจุไร พร้อมใจกันตัดสินใจว่า ไปละเวลานี้ ทุกคนไปทันที ท่านผู้อ่าน และท่านผู้ฟังอาจจะสงสัยว่า ไปอย่างไร ก็ขอบอกว่า ไปตามกำลังของสมาธิที่ประกอบไปด้วยฤทธิ์ เป็นหลักสูตรของอภิญญาหก คือ เป็นอภิญญาหกนิดหน่อย ไม่ใช่มาก ไม่ใช่เต็มกำลังของอภิญญาจริง ๆ คำว่า ไม่ใช่เต็มกำลัง หมายความว่าอย่างไรก็จอขอบอกกับท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่า สมมติว่า ข้าว ๑ ถัง มีกี่ลิตรก็ตามทีนะ เอากันเต็มถังก็แล้วกัน สมมติว่า ข้าว ๑ ถัง มี ๑๐ ลิตร ทีนี้หากว่า เราจะมีข้าวในถังนั้นประมาณสัก ๕ ลิตร ก็ถือว่า ข้าวในถัง เพราะข้าวอยู่ในถังเหมือนกัน แต่ก็ไม่เต็มถัง<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2009
  3. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ถ้าจะถามว่า ประโยชน์ของข้าวจะได้อะไรบ้าง ก็ต้องตอบว่าประโยชน์ของข้าวในถัง เป็นข้าวสาร เอามาหุงกินได้ ต้องกินได้ เช่นเดียวกัน ข้าวเต็มถังหรือไม่เต็มถัง หุงกินก็ได้ ต้มกินก็ได้ ข้อนี้ฉันใด แม้กำลังฌาน หรือกำลังญาณตามกำลังของอภิญญาหก แต่จริง ๆ แล้ว คนที่ได้มีกำลังไม่เต็มกำลังของอภิญญาหกจริง เป็นได้แต่บางส่วน ก็สามารถใช้กำลังฌาน กำลังญาณ ตามกำลังที่ตนได้ รวมความว่า ทั้งสองป้าหลานไปตามกำลังของตนด้วย และท่านบุเรงนอง และท่านปิยะยาวีก็ช่วย กำลังของเทวดา ทั้งสองเทวดาก็ช่วยด้วย
    เมื่อท่านช่วยแบบนั้น ก็คิดว่าจะไปละ ก็ไปทันทีทันใด ถ้าจะถามว่า ใช้เวลานานสักเท่าใดจึงถึงวิมานท่านวิรุฬหก ก็ตอบว่า แค่ลัดนิ้วมือเดียวยังช้ากว่า ลองยกมือขึ้นลัดเพี้ยะ นิ้วชี้ลัดออกไปลัดนิ้วมือจะถือว่าเร็ว ก็ยังช้ากว่าการไปของคนทั้งสองและท่านทั้งสอง<O:p</O:p
    พอเข้าไปใกล้วิมานของท่านวิรุฬหก จุไรก็บอกว่า บอกคุณลุงบุเรงนอง กับท่านปิยะยาวี ยกมือไหว้ท่าน บอกว่า คุณลุงเจ้าคะเดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเข้าวิมาน ชมวิมานของท่านเสียก่อน ตามหนังสือ เขาบอกว่า ชั้นจาตุมหาราชอยู่กึ่งกลางเขาพระสุเมรุ ใช่ไหม ท่านลุงทั้งสองก็บอกว่า ใช่ จุไรก็ถามว่า ทำไมไม่อยู่สูงกว่านั้น ท่านลุงทั้งสองก็บอกว่า ชั้นจาตุมหาราชเป็นเขตทหาร เป็นกองทัพของพระอินทร์ เป็นทหาร คือ ป้องกันอาณาจักรของพระอินทร์ คือ ดาวดึงส์<O:p</O:p
    จุไรก็ถามว่า บนสวรรค์ต้องมีทหารด้วยหรือ ต้องรบด้วยหรือมีกองทัพเพื่อรบหรือ ท่านอินทกะทั้งสองก็บอกว่า ไม่จำเป็นต้องรบด้วยมือ เวลาเขารบกันระหว่างเทวดากับอสูรรบกัน เขาไม่ได้ใช้อาวุธรบกัน เขาถามธรรมะกัน เวลาเขารบ เขารบด้วยธรรมะ ถามข้อข้องใจกัน จุไรก็ถามว่า ถ้าอย่างนั้นเทวดาที่อยู่ชั้นจาตุมหาราชก็ต้องเป็นเทวดาที่เก่งด้านปัญหา ด้านธัมมธัมโมก็ต้องเก่งมาก ท่านบุเรงนองก็บอกว่า หลานรัก คนที่จะตายมาเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชได้ ต้องเคยได้ฌานสมาบัติ อย่างหลานทุกคนที่ทำสมาธิถึงฌานสมาบัติ แต่ว่าเวลาจะตาย ไม่ได้เข้าฌานตาย จิตใจเป็นกุศลเหมือนกัน แต่กำลังใจเวลานั้นไม่ถึงฌาน<O:p</O:p
    ถ้าหากว่าเข้าฌานตาย ตายจากความเป็นคน ต้องไปเป็นพรหม คือ ท่านมีสิทธิ์ที่จะเกิดเป็นพรหมได้ทันทีทันมด เว้นไว้แต่ว่า คนที่มีสิทธิ์จะตัดสิทธิ์ในการไปเป็นพรหม ไม่นิยมเป็นพรหม จะไปเกิดที่อื่นต่ำกว่านั้นก็ใช้ได้ แต่ว่าสิทธิ์จริง ๆ เขาเป็นพรหมได้ แต่ว่าคนที่เคยได้ฌานแล้ว ไม่ตายในระหว่างฌาน เวลาตายตอนนั้นจิตไม่เข้าถึงฌาน ก็ไปเป็นพรหมไม่ได้ ต้องมาพักที่จาตุมหาราชนี้ก่อน ต้องเริ่มสร้างความดีทำหน้าที่ของเทวดาชั้นจาตุมหาราชสิ้นเวลา ๕๐๐ ปีทิพย์ <O:p</O:p
    คำว่า ๕๐๐ ปีทิพย์ ก็หมายความว่า ๑ วันของเทวดาชั้นจาตุมหาราชก็เท่ากับมนุษย์ ๕๐ ปี แล้วก็ ๓๐ วัน เป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือนเป็น ๑ ปี เหมือนกัน นับดูว่า ๕๐๐ ปีทิพย์ เป็นกี่วัน กี่ปี กี่เดือนของมนุษย์ ลุงก็ไม่คิดให้ละ ต่างคนต่างไปคิดกันเข้าก็แล้วกัน เมื่อสิ้นวาระแห่งความเป็นเทวดาชั้นนี้แล้ว ทุกท่านก็ไปเป็นพรหมบ้าง บางท่านไม่นิยมเป็นพรหม ต้องการเป็นเทวดาชั้นใดชั้นหนึ่งที่มีสภาพสูงกว่านี้ก็ไปได้ แล้วบางท่านก็มาเกิดเป็นมนุษย์<O:p</O:p
    จุไรฟังแล้วก็ยิ้ม จุไรก็ถามว่า ถ้าอย่างหนูนี่ ตายจากความเป็นคน ตั้งใจจะมาอยู่ชั้นจาตุมหาราชจะได้ไหม ท่านปิยะยาวี ก็บอกว่า หนูจะอยู่ที่ไหนล่ะ บอกลุงซิ จะไปอยู่ ทางทิศเหนือ อยู่กับท่านท้าวเวสสุวัณ หรือทิศตะวันออก ท้าวธตรัฐ ทิศใต้ ท้าววิรุฬหก ทิศตะวันตก ท้าววิรูปักข์ ทั้งด้านสี่ทิศนี้ หนูมีสิทธิ์จะอยู่ทั้งสี่ทิศ แต่ความจริง สิทธิของหนูไม่ใช่อยู่ชั้นจาตุมหาราช ตามบัญชีเขา เพราะว่าตามปกติ ก่อนที่หนูจะมาเกิดเป็นคน ตามบัญชีเขาบอกว่ามาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เป็นนางฟ้าที่มีอานุภาพมากมีบุญญาธิการมาก บำเพ็ญบารมีไว้มาก และการที่มาเกิดคราวนี้ก็ไม่ได้หมดอายุของความเป็นนางฟ้า เป็นแต่เพียงคิดว่า ในการเกิดคราวนี้จะสั่งสมบุญบารมีให้เต็มอัตรา เพื่อจะไปนิพพาน<O:p</O:p
    ฉะนั้นสิทธิที่หนูจะเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าชั้นไหนนั้นได้ทุกชั้น เพราะบุญบารมีล้น แต่ว่าลุงก็คิดว่า คนอย่างหนู ก่อนจะตายอาจจะเป็น อริยชน ก่อน คือ เป็นพระอริยเจ้าก่อน ลุงก็หันมาถาม จุไรว่า หลานรัก ลุงคิดว่า นับตั้งแต่หลานเกิดมา บางวาระก็ทำบาป เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่พอตั้งแต่ ๓ ปีที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่หลานรู้จักพระ รู้จักบูชาพระ รู้จักใส่บาตร รู้จักเคารพบิดามารดาด้วยความเคารพจริง รู้จักการเจริญพระกรรมฐาน หลังจากนั้นมาแล้ว หนูไม่เคยขาดศีล ๕ เลยใช่ไหม จุไรก็ตอบคุณลุงว่า ศีล ๕ ครบเจ้าค่ะ ลุงก็ถามว่า แล้ว กรรมบถ ๑๐ ก็ครบใช่ไหม จุไรก็ตอบว่า ครบเจ้าค่ะ คุณลุงก็ถามว่า ที่หนูรู้ว่าครบ รู้อย่างไร<O:p</O:p
    จุไรก็บอกว่า คุณแม่กำลังประคับประคองอยู่ ถ้าพลาดนิดเดียว คุณแม่จะเตือนทันทีว่า อย่างนี้อย่าคิดนะ อย่างนี้อย่าทำ เพราะอย่างนี้จะเป็นการละเมิดศีล ๕ อย่างนี้ละเมิด กรรมบถ ๑๐ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนูเคารพพระพุทธเจ้า เพราะเห็นพระพุทธเจ้าเอง และประการที่สอง เคารพพระธรรม การที่ฟังพระธรรมแล้วชื่นใจ ชอบใจ ประการที่สาม เคารพพระอริยสงฆ์ ท่านมีความงามมาก มีความสุข ทำให้จิตมีความสุข นอกจากนั้น ศีล ก็มีความเคารพ คุณลุงก็ถามว่า หนูยังเล็ก ยังไกลต่อความตาย ไม่รักสนุกบ้างหรือ นี่เป็นปัญหาลวงของท่านลุง ลุงก็ไม่ใช่เล่นนะ ทั้งสองลุงนี่เป็นพระอริยเจ้า <O:p</O:p
    จุไรก็บอกว่า ลุงบอกว่า หนูยังเล็กอยู่ และไกลจากความตาย แต่หนูไม่มีความคิดอย่างนั้นเจ้าค่ะ หนูมีความรู้สึกว่า ขึ้นชื่อว่า ความตาย ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย จะตายเมื่อไรก็ได้ สังเกตดู คนที่เกิดทีหลังหนูนี้ เขาตายไปหลายคนแล้ว ความจริงเขาไม่น่าจะตาย เขาก็ตายไปก่อน เขาเกิดทีหลัง คนที่รุ่นราวคราวเดียวกับหนู เขาก็ตายไปแล้ว เหลือแต่หนูยังไม่ตาย หนูคิดว่า สักไม่นานนัก ไม่ช้า ไม่นาน ไม่นานเท่าไร เราก็อาจจะตายเหมือนเขา<O:p</O:p
    เอาละ บรรดาท่านผู้ฟังทั้งหลาย ท่านลุง กับท่านหลานคุยกันไม่นานนัก ปรากฏว่า สัญญาณบอกหมดเวลาเกิดขึ้นแล้วก็ต้องขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้อ่าน และผู้ฟังทุกท่าน สวัสดี<O:p</O:p<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2009
  4. chai8383

    chai8383 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +6,348
    ลิงค์ธรรมะในเว็บต่างๆของหลวงพ่อ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=714 หนังสือธรรมะ (จำหน่ายที่ตึกรับแขก)
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=716
    ซีดี - วีซีดีธรรมะ (จำหน่ายที่ตึกรับแขก)<o:p></o:p>
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=901 รวมซีดีคำสอนหลวงพ่อจากเว็บไซด์ต่างๆ<o:p></o:p>
    http://www.watthasung.com/wat/forumdisplay.php?fid=50 บทสวดมนต์<o:p></o:p>
    http://www.watthasung.com/wat/forumdisplay.php?fid=49 สมบัติพ่อให้<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://palungjit.org/threads/เธฃเธงเธกเธซเธ™เธฑเธ‡เธชเธทเธญเธ„เธณเธชเธญเธ™เธ‚เธญเธ‡เธซเธฅเธงเธ‡เธžเนˆเธญเธžเธฃเธฐเธฃเธฒเธŠเธžเธฃเธซเธกเธขเธฒเธ™.24126/ <o:p></o:p>
    รวมหนังสือคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://palungjit.org/threads/เธชเธฒเธฃเธšเธฑเธ-เธฃเธงเธกเธšเธเธ„เธงเธฒเธก-เธ‚เธญเธ‡เธซเธฅเธงเธ‡เธžเนˆเธญ-เธเธตเนˆเธœเธกเนเธ„เธขเน‚เธžเธชเน„เธงเน‰-เธˆเธฐเน„เธเน‰เธซเธฒเธ‡เนˆเธฒเธขเน†.119666/ <o:p></o:p>
    รวมบทความ ของหลวงพ่อ ที่ joezaaaa โพสไว้ จะได้หาง่ายๆ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://palungjit.org/threads/สารบัญ-รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์-”.124421/<o:p></o:p>
    รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ โพสโดย teporrarit<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=zeedhama&month=25-10-2008&group=2&gblog=1 <o:p></o:p>
    ศูนย์พุทธศรัทธา อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.praruttanatri.com/meditation_club/ <o:p></o:p>
    ชมรมสมาธิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.putthawutt.com/html/actrule.html<o:p></o:p>
    รวมหนังสือหลวง

    <o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://thaisquare.com/Dhamma/sound/index.html <o:p></o:p>
    เสียงคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ แจก ซีดี<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.thaisquare.com/Dhamma/book/prawat_luangpopan/content.html<o:p></o:p>
    ประวัติหลวงพ่อปาน เขียนโดยหลวงพ่อ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.luangpor.com/ <o:p></o:p>
    เสียงคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ ขอ ซีดีได้ครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://scripturn.com/tag_%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99.html <o:p></o:p>
    วีดีโอ คำสอนหลวงพ่อ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.youtube.com/profileuser=alinodreamworld&view=videos&start=20<o:p></o:p>
    วีดีโอ คำสอนหลวงพ่อ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://palungjit.org/threads/รวมคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ-99836.html <o:p></o:p>
    รวมคำสอนหลวงพ่อ โพสโดยคุณ mahaasia<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    และสุดท้ายครับ<o:p></o:p>
    http://palungjit.org/forums/รวมคําสอนเรื่องนิพพานของพระผู้ปฎิบัติดี-[.10/FONT]115676.html <o:p></o:p>
    รวมคําสอนเรื่องนิพพานของพระผู้ปฎิบัติดี โพสโดยคุณ ลูกวัดท่าซุง<o:p></o:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...