กรรมของอวิชา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เก่ง พุทธสาวก 13, 14 สิงหาคม 2017.

  1. เก่ง พุทธสาวก 13

    เก่ง พุทธสาวก 13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    17
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +56
    ตาของผมเคยได้เล่าให้ผมฟังถึงเรื่องเวรเรื่องกรรมหลายเรื่องครับ ซึ่งเรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมเองชอบให้ตาเล่าให้เอามากๆ ฟังกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ ตาของผมบอกว่า ไอ้พวกวิชาอาคมในสมัยโบราณนั้นมันมีอยู่จริง แต่ก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของผู้ใช้ด้วยว่าจะสูงส่งและดีงามพอจะรักษามันเอาไว้ได้หรือไม่ บางคนก็เพียรฝึกฝนตั้งมั่นจนสำเร็จมีวิชามาด้วยตนเอง บางคนก็คิดเอาทางลัด ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของคนที่สำเร็จวิชามาอีกทีให้เขาช่วยประสิทธิ์ประสาทให้ แต่แล้วก็แต่ว่าใครจะได้มาในทางไหน

    เรื่องนี้มันมีอยู่ว่า
    ในตอนนั้น ตาของผมเองก็นับว่าใช่เล่น รู้จักกับเสือหลายคนอยู่ แต่ไม่ใช่เอะอะจะไปคบเสือคนไหนเป็นเพื่อนก็ได้ ก็ต้องเลือกคนหน่อย เอาที่พอจะมีสำนึกรู้จักผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง ไม่ใช่ชั่วช้าเลวทรามโดยกมลสันดาน ในตอนนั้น เสือยิ่ง เพื่อนของตาเคยเล่าให้ฟังว่า เคยได้ต่อสู้กับนายตำรวจท่านหนึ่ง ที่ แถบสวนมะพร้าว โดย แอบซุ่มกันอยู่คนละมุมของต้นมะพร้าวคนละฝั่ง และ ยิงใส่กัน ทางปืนของเสือยิ่งเองนั้นก็นับว่าดีมาก เรียกได้ว่าเป็นเสือแม่นปืนคนหนึ่งเลยล่ะ แต่ทางฝั่งนายตำรวจคนนั้นเองก็ทางปืนไม่เบาอยู่เหมือนกัน กินกันยาก เสือยิ่งจึงล้วงหยิบใบพรูออกมาจากในกางเกงพร้อมกับม้วนท่องกำกับคาถาที่เคยได้ร่ำได้เรียนมาเหน็บเอาไว้ที่หู อยู่ดีๆร่างของเสือยิ่งก็หายไปจากการมองเห็นของนายตำรวจคนนั้นไป นายตำรวจคนนั้นพอเห็นเสือยิ่งที่อยู่ดีๆก็ดันหายตัวไป จึงได้ค่อยๆออกมาจากแนวหลังต้นมะพร้าว เดินตรงเข้ามาที่ต้นมะพร้าวต้นของเสือยิ่ง แต่ว่ามันเป็นกับดัก เสือยิ่งเองก็คลายมนต์ของตัวเองออกและยิงสวนมาที่นายตำรวจท่านนั้นทันที นายตำรวจคนนั้นก็ได้ล้มลงไปในทันที ในตอนแรกเสือยิ่งเองก็นึกว่าตายแล้ว เพราะเห็นโดนเข้าจังๆไปหลายนัด จึงได้รีบขี่ม้าหนีไป หลายวันต่อมา เสือยิ่งเองก็ได้ออกปล้นอีกครั้งพร้อมสมุนพรรคพวก แต่คราวนี้ดันถูกตำรวจล้อมจับเอาไว้อีก และ เป็นนายตำรวจคนนั้นที่ได้ถูกเสือยิ่งยิงไปก็ได้อยู่ร่วมกับกลุ่มตำรวจที่มาล้อมจับด้วย เสือยิ่งเองก็รู้แล้วว่า นายตำรวจคนนั้นเองก็ไม่ธรรมดา มีของดีมีวิชาติดตัวอยู่เหมือนกัน เสือยิ่งจึงยอมจำนนแต่โดยดีเพราะขืนสู้ไปก็แพ้ จำนวนคนมันต่างกันเกินไป ก่อนจะถูกนำตัวไปโรงพัก เสือยิ่งเองก็ได้ถามนายตำรวจคนนั้นว่า มีของดีอะไรถึงได้ไม่เป็นอะไรเลยในตอนที่ยิงสู้กัน นายตำรวจคนนั้นก็บอกว่า ตนเองได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์คนหนึ่งจากทางฝั่งเขมร ซึ่งเก่งกาจในทางทำคุณไสย และ เลี้ยงผี ตนเองจึงได้ร่ำเรียนพวกวิชาเหล่านี้มาด้วย เสือยิ่งพอได้ฟังดังนั้นก็ตกใจและพยายามเตือนนายตำรวจคนนั้นให้พยายามถอนตัวออกมาจากพวกอวิชามนต์ดำ อย่างนั้น เพราะถ้าวันนึงที่เราอ่อนแอ ไอ้พวกวิชาเหล่านี้มันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง ซึ่งตาของผมเองก็เคยถามไปนะว่า แล้วเสือยิ่ง เองก็มีวิชาทำไมถึงต้องไปห้ามคนอื่นเขาร่ำเรียนด้วยเล่า เสือยิ่งเองก็ได้ให้คำตอบกับตามาว่า จริงอยู่ที่ตัวของเสือยิ่งเองนั้นมีวิชาอาคมอยู่บ้าง แต่ ตนเองก็เลือกที่จะร่ำเรียนมาแต่มนต์บทดีๆทั้งนั้น และ ตั้งมั่นยึดคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุดเสมอ ไอ้พวกวิชาส่วนมากที่ร่ำเรียนมาก็เป็นแต่พวก หนังเหนียว มหาอุตม์ แคล้วคลาด แทบทั้งนั้น ไอ้พวกจะให้ไปทำคุณไสยเสกตะปู ทำยาสั่ง หรือ ส่งผีไปคุกคามทำร้ายใครนั้น เสือยิ่งแกจะไม่ยุ่ง แต่เสือยิ่งเองแกก็ร่ำเรียนพวกวิชานี้เอาไว้บ้าง เรียนไว้เพื่อใช้แก้ทาง หากโดนเขากระทำมา
    พอตำรวจคนนั้นได้ยินคำเตือนของเสือยิ่ง ก็หัวเราะเย้ยหยัน และ ไม่เชื่อในคำเตือนของเสือยิ่ง นึกไปว่าคงจะกลัวตนเองเหนือกว่าเก่งกว่า เสือยิ่งเองพอถูกทางการจับไป ก็ได้ทำคุณความดีช่วยเหลือทางการในการตามจับเสือคนอื่นๆ ซึ่ง ด้วยคุณงามที่ได้ช่วยทางการนั้น เสือยิ่งเองก็ถูกปล่อยตัวออกมา และ กลับตัวกลับใจเลิกเป็นเสือ มุ่งหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บวชเป็นพระไปตลอดชีวิต แต่ในช่วงที่เสือยิ่งยังอยู่ในคุกนั้นก็ได้ยินตำรวจพูดคุยกันว่า นายตำรวจคนนั้นที่มุ่งร่ำเรียนคุณไสยมนต์ดำ ได้เสียสติ คลุ้มคลั่ง ทำร้ายลูกและภรรยาก่อนจะยิงตัวตายไป โดยสภาพศพนั้นดูหมองคล้ำไม่เหมือนกับสภาพศพทั่วๆไปที่จะดูซีดเซียว เสือยิ่งแกก็เลยรู้ได้ทันทีว่า คงจะถูกพวกอวิชาย้อนกลับมาเล่นงานเป็นแน่

    ซึ่งเสือยิ่งเองก็ได้บอกกับตาผมมาด้วยว่า ถ้าคิดอยากจะหนังเหนียว หรือ แคล้วคลาด ให้หันพึ่งอำนาจจากพุทธคุณ และ สิ่งดีงาม อย่าไปแสวงหาเอาจากอวิชามนต์ดำเป็นอันขาด ซึ่งตาของผมเองจำประโยคๆนี้ได้อย่างขึ้นใจมาโดยตลอดและพึงย้ำเตือนตัวเองและสั่งสอนพ่อและผมมาโดยตลอด สำหรับตัวผมเองนั้น ผมเชื่อนะว่า ในยุคสมัยก่อนพวกวิชาอาคมมันมีจริง แต่ในปัจจุบันนี้นั้น ยังหลงเหลือมีอยู่หรือไม่นั้น ผมเองก็ไม่อาจจะบอกได้ จิตใจของคนเรานับวันยิ่งถูกมอมเมาและชักจูงให้ตกต่ำลง ไม่แปลกที่วิชาต่างๆในอดีตนั้นจะพลันสูญหายไปด้วย

    ซึ่งเรื่องๆนี้นั้นผมเองก็หวังว่า มันจะเป็นกรณีศึกษาช่วยย้ำเตือนใครต่อหลายคนได้ หากคิดที่จะแสวงหาของดีของขลัง หรือ ศึกษาพวกวิชาเหล่านี้ต่อไป .......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...