กรุวัดกุฏีทอง อยุธยา

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย เด็กวัดป่า, 13 พฤษภาคม 2008.

  1. เด็กวัดป่า

    เด็กวัดป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +727
    เชิญชมและวิจารณ์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02340_01.jpg
      DSC02340_01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      238.8 KB
      เปิดดู:
      3,635
    • DSC02341_01.jpg
      DSC02341_01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      222.5 KB
      เปิดดู:
      10,471
  2. มันตรัย

    มันตรัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    8,347
    ค่าพลัง:
    +8,189
    เรื่องสมเด็จกุฏีทองนี่ไม่มีความรู้เลยครับ อยากทราบเหมือนกันใครรู้รบกวนด้วยครับ
     
  3. Starsophere

    Starsophere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +437
    เท่าที่เคยได้ยิน ได้รับรู้มา สำหรับพิมพ์ที่มีทองเป็นริ้ว ๆ แบบนี้ จะเป็นพระที่หลวงพ่อแสง วัดมณีชลขัณฑ์ ลพบุรี เป็นผู้เสกไว้ จะนิยมหรือซื้อขายกันแพงในองค์ที่มีริ้วทอง 9 ริ้ว ซึ่งเข้าใจว่าจะต้องเป็นทองแท้นะครับไม่ใช่ทองเหลือง ส่วนพิมพ์อื่น ๆ ที่เป็นสมเด็จก็ดี สังกัจจายน์ก็ดี เขาว่าสมเด็จโตฯ เป็นผู้ปลุกเสก อันนี้สุดแท้แต่จะพิจารณากันเอาเองเพราะประวัติที่วัดเขาบอกมาว่าเป็นของสมเด็จโต ฯ อย่างนี้ และผู้ที่มีญาณสัมผัสที่น่าเชื่อถือ ที่ผมรู้จักท่านก็บอกมาอย่างนี้ สำหรับที่เคยเห็นจะเป็นเนื้อแก่ปูน และมีคราบกรุด้วย บางองค์ที่เคยเห็นยังติดกับดินในกรุอยู่ก็มีครับ จากภาพ(ซึ่งผมว่าสีมันค่อนข้างเพี้ยน)คิดว่าน่าจะดีครับ ลองให้ผู้อื่นช่วยกันพิจารณาหลาย ๆ คนจะดีกว่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2008
  4. THANAKIM

    THANAKIM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2008
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +1,740
    พระกรุวัดกุฎีทอง

    ขอยกมือสนับสนุนกับคุณ Starsophere องค์ที่เห็นในภาพเป็นพระที่สมเด็จโตท่านสร้างไว้จริงๆ จะมีอยู่ 2สี (เท่าที่เคยพบเห็น) คือสีขาวและสีน้ำตาล ข้าพเจ้าได้พบเห็นพระชุดนี้ที่จังหวัด มุกดาหาร เมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้วเห็นจะได้ คุณลุงอายุประมาณเกือบ 70 ปี นำมาให้ชม พร้อมกับเล่าประวัติให้ฟังและมีหนังสือยืนยันด้วย เพราะคุณลุงท่านเป็นผู้ที่ร่วมเปิดกรุพระชุดนี้ ถ้าจำไม่ผิดในหนังสือเล่มนั้นจะมีภาพถ่ายของเจ้าอาวาสในสัยนั้นนำพระชุดนี้บางส่วนขึ้นทูลเกล้าถวายต่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมารด้วย ผิด ถูกประการใดก็ขอได้โปรดประทานอภัย เพราะเรื่องนี้นานมากแล้วและก็ได้ดูหนังสือเล่มนั้นเพียงครั้งเดียว แต่จำลักษณะเนื้อพระได้เพราะสะดุดใจตรงที่เนื้อพระเมื่อมองด้วยตาเปล่าๆจะเหมือนพระที่สร้างไม่นาน แต่เมื่อพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าเก่าจริง เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้พบเจอมาก็เลยขอถือโอกาสเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างก็ได้จ้า[​IMG]
     
  5. Starsophere

    Starsophere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +437
    วัดกุฎีทอง ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรอยุธยา จังหวัดพระนครศรอยุธยา เป็นวัดเก่าโบราณ จากหลักฐานอิฐและปูนที่ใช้ก่อสร้างกำแพงแก้วใกล้พระอุโบสถ เป็นอิฐและปูนก่อนสมัยสร้างกรุงศรีอยุธยา เฉกเช่นเดียวกับ วัดพนัญเชิง วัดธรรมิกราช เป็นต้น ที่มาของชื่อวัด กุฎีทอง จากหลักฐานและท่านผู้ใหญ่เล่าสืบต่อๆกันมามีตำนานพระอิศวร ในรัชสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถ พ.ศ.2148 พระองค์ไล (เป็นราชโอรสของสมเด็จพระเอกาทศรถซึ่งเกิดจากสนมชาวบ้านบางประอิน) ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กของพระบิดา วันหนึ่งพระองค์ไลมีความประสงค์อยากตรวจดวงชะตาอนาคตของท่าน จึงได้มาที่วัดกุฎีทอง เพื่อให้หลวงพ่อดี เจ้าอาวาส ตรวจสอบดวงชะตาราศี และหลวงพ่อได้ถวายทำนายว่า ในปี พ.ศ.2173 พ่อหนุ่มจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อได้ยินดังนั้นพระองค์ไลจึงพูดค้านขึ้นว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงมีพระราชโอรส คือเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ และเจ้าพระพิมลธรรม วัดระฆัง ก็ทรงเป็นราชโอรส หลวงพ่อดีก็ยืนยันว่า ตามดวงชะตาราศีนี้ เจ้าของดวงชะตาจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแน่ ถึงแม้ว่าจะมีรัชทายาทอยู่แล้วก็ตาม พระองค์ไล จึงได้ตรัสเป็นคำสัญญาโดยไม่ใคร่จะเชื่อเพราะไม่แน่พระทัยว่า “ถ้าเกิดได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินจริง จะสนองพระเดชพระคุณหลวงพ่อ โดยการปิดทองให้กุฎิหลวงพ่อทั้งหลังเป็นความสัจ” กาลเวลาต่อมาปี พ.ศ. 2173 พระองค์ไลได้เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ ทรงพระนามว่าพระเจ้าปราสาททอง เป็นจริงตามคำทำนาย พระองค์จึงได้ส่งช่างหลวงมา ปิดทองกุฎิ หลวงพ่อดี ทั้งหลังและบูรณะปฎิสังข์ทั้งอาราม ประวัติในส่วนของพระพิมพ์สมเด็จกรุวัดกุฎีทอง ที่เกี่ยวพันกับสมเด็จโต นั้นมีกล่าวไว้ดังนี้ ในช่วงรัชกาลที่ 3 สมเด็จฯ ท่านทรงอุบายหนีการแต่งตั้งสมศักดิ์ โดยออกธุดงค์มาจำพรรษาอยู่ กับพระอาจารย์ แสง ในอยุธยา (สันนิฐานว่าคือวัดกุฎีทอง) โดยได้สร้างพระผงพิมพ์เส้นด้าย บรรจุกรุ (เป็นพระที่ท่านสร้างก่อนที่จะได้รับสมณะศักดิ์สมเด็จฯ)ไว้ร่วมกับพระพิมพ์อื่นๆ ของพระอาจารย์แสง มีข้อสันนิฐานว่าพระพิมพ์เส้นด้ายกรุวัดกุฎีทองนี้ คือต้นแบบที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านนำไปสร้างพระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ ของวัดระฆัง ที่มา: ประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระพิมพ์ สมเด็จวัดกุฎีทอง พระนครศรีอยุธยา โดย พ.ท.สวัสดิ์ บุศราคำ ประวัติวัดกุฎีทอง ค้นคว้าโดย ครูหวล สุมาลัย รวบรวม เรียบเรียงโดย ชูศักดิ์ ศุภวิไล พระในกระทู้เป็นพระสมเด็จพิมพ์เส้นด้าย กรุวัดกุฎีทอง โดยเอกลักษณ์ สำคัญอันหนึ่งของพระกรุนี้คือ จะมีชิ้นทองฝังอยู่ที่เนื้อขององค์พระที่ด้านหน้าเป็นส่วนใหญ่ องค์ในรูปมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สี่ ชิ้นที่ด้านหน้า ผ่านการตรวจสอบรับรองความแท้โดยสมาคมฯ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับสมเด็จโตหรือไม่นั้นขอให้ท่านใช้วิจารญาณของท่านผู้อ่านเป็นผู้ตัดสินใจเอง

    อ้างอิงจาก http://203.146.140.210/amuletinter.com/showproduct.asp?id_goods=10101
     
  6. เด็กวัดป่า

    เด็กวัดป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +727
    ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาให้ข้อมูลครับ
    สำหรับผมเองก็เห็นด้วยและก็อยากให้ได้ศึกษากันครับ ต้องบอกว่าพระชุดนี้ราคาไม่สูงมากนัก ขอเน้นนะครับว่าเนื้อต้องจัดจริงๆ เนื้อแห้งจากกาลเวลาที่เก็บในกรุนะครับ
    ตามลิงค์นี้ครับ จะมีเนื้อหาและรูปภาพประกอบด้วยครับ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=115798
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2008
  7. atthawit

    atthawit สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมว่าดีนะ ผมก็มีอยู่ 2 องค์ ลองดูนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sakda088406

    sakda088406 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +5
    รอบรู้เรื่องพระกรุวัดกฎีทอง จ.อยุธยา 99.99%

    รู้จักและเคยเห็นพระกรุวัดนี้มากกว่า 50 แบบพิมพ์ มีทั้งสร้างโดยหลวงปู่แสง วัดมณีชลขันธ์ จ.ลพบุรี และสมเด็จโตสมเด็จโต วัดระฆัง กรุงเทพฯ
    อยากรู้เรื่องใด....ถามมา ......จะตอบให้รู้ 100%.รูปเจดีย์ทึ่หลวงปู่ทั้ง 2 สร้างไว้คู่กัน และรูปพระประธานในอุโบสถ(พลวงพ่อเพชรฯ )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2009
  9. วัดพระธาตุสุนันทา

    วัดพระธาตุสุนันทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +278
    มีพิมพ์เส้นดายหรือเปล่าครับองค์พระจะใหญ่กว่าสมเด็จวัดระฆังจริงหรือเปล่า (ปลอมมากไหมครับ)555 ขอบคุณครับ
     
  10. sakda088406

    sakda088406 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +5
    มีพิมพ์เส้นด้ายเป็นหลักมากที่สุด มีทั้งฝังทองแผ่นเล็ก 3-5-7-9 แผ่นหรือไม่ฝังทองก็มี มีสีขาว เหลืองอ่อน ครีม น้ำตาลอ่อน เขียวอ่อนแบบธูปเขียว และเขียวหินลับมีดราคาแพงเพราะมีน้อย ขนาดเท่ากับพระสมเด็จทั่วไป มีพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์เล็บมือก็มี มีมากหลายแบบพิมพ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2009
  11. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    ขอบคุณครับที่ขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอีกรอบครับ(หลังจากที่ตั้งไว้นานจนลืมครับ)
     
  12. sakda088406

    sakda088406 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +5
    ต้องการให้ผู้ที่สนใจพระวัดกุฎีทองได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง.....จริงๆ
    1.พระปลอมไม่ค่อยมี .....เพราะรูปลักษณ์ไม่สวย...เนื้อมวลสารไม่สวย และที่สำคัญสร้างหลังจากที่สร้างพระสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพหรมแล้ว
    จึงมาสร้างที่วัดกุฏีทองโดยฝีมือชาวบ้านและมวลสารท้องถิ่นหนักไปทางก้านธูป ปูนขาวและเปลือกหอย
    2.ของแท้สวนใหญ่มีกลิ่นหอมเหมือนธูปหอม
    3.สมเด็จโตและหลวงปู่แสงสร้างและปลุกเสก....จริง
    4.พบพระสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพรหมหลายองค์....หลายพิมพ์
    5.พระวัดกุฏีทองมีทั้งเนื้อแก่ง...มันวาว....คราบฟองเต้าหู่...เนื้อแห้งไม่สวยมีมาก .......ราค่าแพงต้องสีเขียวเหมือนหินลับมีด...สืน้ำตาลกาน้ำชาจีนของพระ................และต้องเป็นพิมพ์ทรงเจดีย์หรือพิมพ์ใหญ่
    ที่เล่ามาให้อ่านนี้...ผมเคยเห็นจริง...ถ้าสนใจจะค่อยๆทยอยลงรูปให้คู
    ไปเลื่อบๆ .........อ.ศักดา
     
  13. liverpool_Rak

    liverpool_Rak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    2,482
    ค่าพลัง:
    +3,153
    มันมีนิยายเกี่ยวกับตัวผมว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนผมเคยไปที่วัดๆหนึ่ง วันนั้นวัดเกิดไฟใหม้ที่กุฎิ พวกผมก็เลยไปช่วยเค้าดับไฟ แต่ด้วยความเก่าของไม้ที่มาทำกุฎินั้นทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว แทบทุกอย่างถูกเผาไปหมด แต่ปรากฎว่ามีห่อผ้าห่อหนึ่งไม่มีร่องรอยของเพลิงใหม้เกิดขึ้นเลย ด้วยความสงสัยก็เลยแกะห่อผ้านั้นออก ก็พบพระอยู่ประมาณ 10 กว่าองค์ หลวงพ่อท่านก็เลยแจกจ่ายกันไปคนละองค์ ก็เลยเอามาลงให้ดู เผอิญวัดนั้นชื่อว่าวัดกุฎีทองคับ จริง/เท็จ ประการใด ก็คงต้องใช้วิจารณญาน กันเองนะคับ.. :)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3824.JPG
      IMG_3824.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      1,532
    • IMG_3826.JPG
      IMG_3826.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      1,036
  14. มันตรัย

    มันตรัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    8,347
    ค่าพลัง:
    +8,189
    เมื่อก่อนเล่นพระใหม่ๆก็รู้สึกตื่นเต็นไปกับกรุนี้ แต่หลังๆนานไปพอดูพระเป็น ก็เห็นว่าอายุไม่ได้เก่าอย่างที่ควร ประวัติก็คลุมเครือ ไม่ชัดเจน
     
  15. สารัช

    สารัช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +57
    สวัสดีครับ ขอเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นนะครับ ที่ผมมีอยู่ 1 องค์เหมือนกัน มีทองคำติดอยู่ที่พระอุระ แสดงว่าน่าจะเป็นของวัดนี้ใช่ไหมครับ โอกาสหน้าจะลงรูปให้ดูครับ
     
  16. นที มานู

    นที มานู สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +54
    ยุคแรก สารพัดเนื้อ สารพัดพิมพ์

    ยุคนี้เป็นยุคที่ท่านทดลองสร้างพระเครื่องเป็นครั้งแรกโดยอาจได้ข้อมูลจากแผ่นทองจากกรุพระกำแพงเพชรที่ท่านได้เจอสมัยเดินธุดงค์ไปทางเหนือ หรืออาจได้ตำราสร้างพระจากอาจารย์แสง วัดมณีชลขันธ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของท่าน

    พิมพ์ทรงมีหลากหลายมีทั้งการนำพระกรุ เช่น นางพญา ขุนแผน พระรอด มาถอดพิมพ์และสร้างพระขึ้นใหม่ ส่วนวัตถุในการสร้างพระมีหลากหลาย ทั้งเนื้อผง เนื้อดิน ผสมผงใบลาน ตลอดจนพระโลหะชนิดต่าง ๆ

    ยุคแรกของการสร้างพระของท่านประมาณคร่าวๆ ว่าอยู่ในยุค พ.ศ. 2351 จนถึง 2395
     
  17. นที มานู

    นที มานู สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +54
    ยุคสอง กำเนิดสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก

    ยุคนี้นับจากปี 2395 ที่ท่านถูกรับสั่งให้ตามตัวจากรัชกาลที่ 4 ซึ่งเพิ่งขึ้นครองราชย์ ท่านกลับมาอยู่วัดระฆังหลังจากไปธุดงค์ตามจังหวัดต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 3

    ท่านมีเวลาในการสร้างพระเครื่องมากขึ้น และได้กำเนิดพิมพ์ทรงสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก อันประกอบไปด้วยครอบแก้วและองค์พระปฏิมาบนฐาน 3 ชั้น นับเป็นประดิษฐกรรมที่แปลกใหม่ของการสร้างพระด้วยเนื้อผง ในรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า และพุทธศิลปตามคติของรัชกาลที่ 4 คือไม่มีมุ่นมวยผมหรือเกศบัวตูม มีแต่พระรัศมีอย่างเดียว

    พิมพ์ทรงของสมเด็จยุคนี้ยังเป็นพิมพ์แบบชาวบ้านที่แกะขึ้นถวายรวมทั้งช่างจากชาวบ้านช่างหล่อซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกับวัดระฆัง

    ยุคสองนี้ประมาณว่าอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2395 ถึง พ.ศ. 2409
     
  18. นที มานู

    นที มานู สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +54
    ยุคสาม สวยงามด้วยพิมพ์ทรง

    พระสมเด็จยุคนี้คือพระสมเด็จที่มีพิมพ์ทรงสวยงามที่ว่ากันว่าออกแบบโดยหลวงวิจารณ์เจียรนัยที่เป็นช่างหลวง และเป็นพระสมเด็จที่เล่นหาด้วยราคาแพงในปัจจุบันนี้

    ตามตำนานยังบอกว่าหลวงวิจารณ์เจียรนัยนอกจากจะออกแบบพิมพ์ทรงที่สวยงามให้สมเด็จโตแล้ว ยังเป็นผู้แนะนำให้สมเด็จโตผสมน้ำมันตังอิ้วในเนื้อพระเพื่อลดการแหกหักหรือเปราะบางในองค์พระรุ่นก่อน ๆ

    แม้พระยุคนี้จะเป็นพระสมเด็จราคาแพง แต่ข้อสรุปของพิมพ์ทรงยังไม่เป็นที่ยุติ เพราะปัจจุบันยังมีพระสมเด็จที่ซื้อขายกันด้วยราคาหลักล้านหลายต่อหลายองค์ที่พิมพ์ทรงแตกต่างจากพิมพ์ทรงที่ได้รับความนิยมในยุคแรก และอาจเป็นพระสมเด็จยุคแรกมีเจ้าของครอบครองหมดแล้ว วงการพระเครื่องจึงต้องยกระดับพระสมเด็จหลายพิมพ์จากยุคอื่นให้อยู่ในยุคนี้

    ยุคสามแห่งพิมพ์ทรงสวยงามนี้เป็นพระสมเด็จรุ่นสุดท้ายของสมเด็จโต จากปี พ.ศ. 2409 จนถึง พ.ศ. 2415 ที่ท่านมรณภาพ
     
  19. นที มานู

    นที มานู สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +54
    ยุคสี่ ไม่ทันแต่แท้

    พระสมเด็จชุดนี้ไม่ได้สร้างขึ้นโดยสมเด็จโต แต่อาจใช้มวลสารของท่านที่มีเหลืออยู่ พิมพ์ทรงที่ตกค้างหรือพิมพ์ทรงที่แกะขึ้นใหม่แต่เลียนพิมพ์สวยงามของหลวงวิจารณ์เจียรนัยรวมทั้งพระแปลกตาพิมพ์อื่น ๆ

    ผู้สร้างอาจเป็นลูกศิษย์โดยตรงของท่าน เช่นพระธรรมถาวร (ช่วง) หรือผู้สืบทอดตำนานการสร้างพระสมเด็จจากสายวัดระฆัง บางขุนพรหม และวัดใกล้เคียงในกรุงเทพฯก็เป็นได้

    แน่นอนผงวิเศษที่ผสมและคาถาชินบัญชรล้วนเป็นมรดกทางปัญญาที่สมเด็จโตทิ้งไว้ และสืบทอดต่อ ๆ กันมา

    เริ่มต้นจากปีที่ท่านมรณภาพ จนถึงปีที่มีประวัติชัดเจนว่ามีการสร้างพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จขึ้นใหม่ในวัดระฆังโดยหลวงปู่หินในปี พ.ศ. 2482 และหลวงปู่นาคในปี พ.ศ. 2485

    ผู้สร้างและพระที่สร้างยังไม่มีใครทราบชัดเจน รวมทั้งพระที่เป็นตำนานอีกชุดหนึ่งคือ พระสมเด็จวัดพระแก้ววังหน้า หรือพระสมเด็จกรุวังหน้า ล้วนจัดอยู่ในยุคนี้ทั้งสิ้น

    ยุคนี้เริ่มจากหลังสมเด็จโตมรณภาพในปีพ.ศ. 2415 จนถึง พ.ศ. 2482 เมื่อหลวงปู่หินวัดระฆังสร้างพระตระกูลสมเด็จขึ้นใหม่
     
  20. นที มานู

    นที มานู สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +54

แชร์หน้านี้

Loading...