กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ไม่เกี่ยวกับข้างบนครับ..ข้างบนมีแต่จะรอให้มีคนเข้าถึงได้...
    ให้เรามาดูระบบหายใจก่อนเป็นอันดับแรกครับ
    ว่าลึกถึงท้องหรือยัง
    ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมเข้าและออกหยุดอยู่
    ที่ปลายจมูกไหม ระบบหายใจลึกถึงท้องเป็น
    ระบบหายใจปกติในชีวิตประจำวันเราแล้วหรือยัง...
    และเผลอใช้สองตามองในขณะภาวนาตอนหลับตาไหม..
    เผลอไปตามลมหายใจไหม ถ้ามี ๒ เผลอนี้ยังไง
    ก็ไม่เกินปฐมญานเป็นเรื่องปกติครับ...

    และขณะเราเผลอใช้สองตาขณะหลับตา มันจะไปดึงความคิด
    เวลาที่เราภาวนาอยู่ในเรื่องเกี่ยวกับผลที่ทำแล้วมันจะ
    ทำให้เรามีอะไรๆพิเศษได้อย่างคาดไม่ถึงครับ..
    ที่สำคัญมันจะไปดึงความทรงจำจากอดีต
    จากการที่ได้รับรู้มาในอดีตนั้น
    เข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องวิธีการปฏิบัติ...
    มันก็เลยมาปกปิดขวางตัวจิตเราไม่ให้คลาย
    ตรงนี้หละครับ แม้ว่าเราจะมีกระแสข้างบน
    รออยู่บนศรีษะแล้วก็ตาม แต่ว่าตัวจิตเรา
    มันจะยังสร้างกระแสไปเชื่อมไม่ได้เองครับ..

    พวกเรื่องลึกๆเกี่ยวกับจะมีอะไรพิเศษๆ
    กับความทรงจำทางด้านตำรา..วิธีการต่างๆ
    มันจะกลายเป็นกิเลสอย่างหนึ่งที่ทำให้
    ติดอยู่ตอนนี้นี่หละครับ..
    เวลาปฏิบัติ เราต้องทิ้งให้หมดครับ.
    แค่คิดว่า วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน
    ก็ทำให้ช้าเป็นสัปดาห์ได้ครับ...
    ปล.ลองพิจารณาดูนะครับ...
    ถ้าโดนผีเข้าหรือมีวิญญานภายนอก
    นิสัยไม่ดีมาแฝง
    อย่างนี้พอจะเคลียร์ให้ได้อยู่ครับ..

    แต่การให้เคลียร์เพื่อให้เข้าถึงกระแสข้างบนนั้น
    ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับ..
    แต่ถือว่ามันเป็นการเคลียร์ด้วยการบังคับ
    ไม่ใช่มาจากจิตเราจริงๆ..
    อย่างมากก็อยู่ได้แค่ไม่กี่นาที
    ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก..
    และไม่มีใครจะทำให้เราได้ตลอดเวลาด้วยครับ
    เพราะฉนั้นให้สร้างจากตัวจิตเราเอง
    สร้างด้วยตัวเราเองดีที่สุด
    เพราะเมื่อนั้นเมื่อระลึกถึง
    เมื่อไรเราจะเข้าถึงได้
    ภายในเสี้ยววินาทีอัตโนมัติ
    ของมันเองครับ(^_^)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2016
  2. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077
    ถ้าเป็นแบบนี้สรุปความ
    แล้วเวลาข้าพเจ้าภาวนา พุทโธ
    หายใจก็สั้นไปจริงๆ เวลา
    ถึงอุปจาระมีภาพคน
    แสดงต่างๆข้าพเจ้าก็
    เผลอใช้ลูกตาดูเหมือน กัน
     
  3. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077
    งั้นต้องเปลี่ยนคำภาวนา
    ให้ยาวขึ้นหรือเปล่า สัมปจิตฉามิ ดีไหม หรือ
    โสตัตตภิญญา แบบไหนจะส่งผลดีกับ
    ระบบจิตข้าพเจ้าที่สุด
     
  4. saintyom

    saintyom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +776
    โอ เพิ่งจะได้มาเจอกระทู้นี้ ผมสนใจอยากฝึกสมาธิบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี
    พอจะแนะนำได้ไหมครับ หรือว่าต้องไปหาอ่านในหน้าแรก ๆ พอจะมีลงวิธีฝึกไว้ไหมครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    คือส่วนตัวเขียนไว้หมดแล้วตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนสามารถ
    นำไปใช้งานได้จริงๆครับ.. และได้แทรกทริคต่างๆสำหรับการใช้งาน
    เอาไว้ร่วมด้วยเกือบทุกขั้นตอน.
    ..เริ่มต้นตั้งแต่การปรับพื้นฐานระบบการหายใจ
    ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด.
    การตั้งเป้าหมายในการฝึกที่จะทำให้เข้าถึงได้เร็วขึ้น
    ลักษณะนิสัยที่ควรจะเป็น...

    รวมทั้งทริคและเทคนิคต่างๆ ข้อควรระวังในระหว่างฝึก
    การเตรียมตัวระหว่างวันเพื่อมาหนุน ตลอดจนทริค
    ในขั้นตอนการปั่นปฏิภาคนิมิตลำดับสุดท้ายก่อน
    ที่จะผลิกการทำกสิณได้ในนิมิต ให้สามารถขึ้นมาใช้
    ได้จริงๆ สัมผัสได้จริง ทำให้คนบุคคลอื่นๆรับรู้ได้..
    แม้แต่ทริคในการเพิ่มพลังงาน ที่ส่งผลที่ผลที่ดีขึ้น
    สำหรับการนำไปใช้งานได้จริง....

    ลองอ่านย้อนๆดูครับ..ถ้าเราอ่านถึงขั้นตอนที่เรา
    ยังไม่ผ่าน เราจะรู้สึกว่าเฉยๆและยังไม่เกทเท่าไร
    ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ..และถ้าผ่านไปแล้วมาย้อน
    อ่านอีกทีก็จะอ่อทันที...

    และควรที่จะให้ความสำคัญ
    กับสิ่งที่เตือน และทริคที่แทรกในแต่ละขั้นตอนให้ดีๆครับ....
    ถ้าเข้าใจได้หมด.ก็สามารถที่จะเข้าถึงได้..
    สามารถนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้
    ทั้งต่อตนเองในเรื่องการเดินปัญญาต่อ
    และเกิดประโยชน์ได้กับผู้อื่นๆทั้งทางโลก
    และทางธรรมครับ....


    ทำได้แล้วเริ่มใช้งานได้แล้ว..
    ถ้ายังสนใจอยู่ ก็ค่อยมาฝึกพัฒนาทักษะ
    การนำไปใช้งานในด้านต่างๆเพื่อให้เกิด
    ผลที่ดีที่สุด ตามวาระตามกำลังแห่งตนเอง
    ในอนาคตต่อไปครับ..

    ทริคต่างๆที่ได้ มาจากท่านที่มีชื่อเสียง
    ที่เป็นพระสงฆ์ในอดีตที่ล่วงลับไปแล้ว
    ..ท่านพระมหาฤาษี ส่วนบางท่านก็อยู่ในดง..
    ซึ่งท่านจะทราบได้เองในอนาคต..
    ถ้าอ่านและทำตามทริคและข้อแนะนำ
    ที่ได้แทรกไว้ในคำแนะนำต่างๆครับ...


    ปล.ลองดูครับ แต่ต้องไม่ลืมว่าพวกนี้
    ยังไม่ทางหลุดพ้นนะครับ.ต้องมาเดินปัญญา
    ควบคู่กันไปด้วยครับ...แต่ก็สามารถ
    นำกำลังมาใช้เพื่อให้เข้าถึงปลายทาง
    ได้ง่ายกว่า......''มายาจิตเป็นเพียง
    กลจิตอย่างหนึ่ง.... ''
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    คุณ นิพพานสุข อย่าไปให้ความสำคัญกับคำภาวนามากกว่า
    การปรับระบบหายใจซึ่งจะทำให้จิตเรามีความละเอียดซึ่ง
    เป็นพื้นฐานสำคัญของการเข้าได้ของกรรมฐานทุกกองได้ครับ...
    เพราะเด่วจิตมันจะดึงความทรงจำเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเป็นตัวขวาง
    การพัฒนาไต่ระดับสมาธิเราได้อย่างไม่รู้ตัวครับ..
    เพราะลึกๆจิตมันเคยรู้ว่า ภาวนาไปแล้วจะส่งผลอะไร..
    สังเกตุไหมครับ ส่วนตัวไม่เคยเน้นในเรื่องคำภาวนามากกว่า
    การหายใจให้ลึกถึงท้อง กับการทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลม
    เข้าและออกหยุดที่ปลายจมูกเลย...เพราะการสร้างสมาธิสะสม
    และการสร้างสติทางธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
    ทั้งต่อการยกพัฒนาระดับสมาธิเรา ภูมิต้านทาน
    ของร่างกายและจิตใจของเรา
    และความเข้าใจทางด้านนามธรรมต่างๆใน
    กิริยาต่างๆที่เราจะต้องเจอระหว่างทาง..ก่อนที่เราจะเข้าถึง
    ในกรรมฐานกองนั้นๆได้ จนสามารถนำผลที่เข้าถึง
    ได้มาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันครับ


    เพราะคำภาวนาจะได้ผล ก็ต้องอยู่ในโหมดที่คำภาวนาเป็นผล
    คำภาวนาจะเป็นผลได้ก็ต่อเมื่อจิตเรามีความเป็นทิพย์
    ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งแบบไม่ได้ตั้งใจ และฝึกให้เข้าถึง
    แบบที่ทางโลกเรียกว่า คล่องตัว หรือวสี อะไรนั่นหละครับ...
    ซึ่งยังไม่ใช่เรื่องที่เป็นสาระสำคัญอะไรครับ

    และคำภาวนาเป็นเครื่องเชื่อมโยงจิต เพื่อให้จิตเกิดความสงบขึ้นมาได้
    แต่หากว่าเราต้องการยกพัฒนาระดับกำลังสมาธิ จิตก็จำเป็นจะต้อง
    ทิ้งคำภาวนานั้นเสีย ไม่งั้นก็จะไม่สามารถยกระดับสมาธิได้เนื่องจาก
    จิตมันยังเกาะที่คำภาวนาอยู่....ยังไงๆก็ไม่เกินปฐมญานครับถ้าไม่ทิ้ง

    เพียงแต่เราต้องมาดูว่า เราจะฝึกพัฒนาสมาธิไปในแนวทางใด..
    เราก็จะเป็นต้องใช้คำภาวนาทางด้านนั้นๆ เพื่อเป็นแนวทางเดินให้จิต
    ก่อนที่จิตจะทิ้งคำภาวนา พอจิตสงบแล้ว จิตมันถึงจะรู้ว่า มันจะไปใน
    ทิศทางใดของมันเองได้ครับ.....

    ส่วนการจะเห็นผลได้ของคำภาวนา ส่วนนี้เล่าให้ฟังแต่ไม่ต้องสนใจ...
    จิตก็ต้องอยู่ในโหมดที่จิตเริ่มทำงานได้
    เช่น โหมดตาพิเศษ พุทโธ สัมปจิตฉามิ โสตัสตะ ตามลำดับ
    จะมีความแตกต่างกันในมุมที่มองเห็น
    (วงกลม , จอ LCD ,หรือไปยืนอยู่ตรงนั้น)
    ลักษณะการเห็น(หันไปแล้วเห็น
    ,ค่อยๆขึ้นมาให้เห็น., ขึ้นมาให้เห็นก่อนหันไป)​ซึ่งเคยเขียน
    ไว้แล้ว...
    หรือโหมดใช้งานได้ เช่น ยกตัวอย่างกสิณไฟ
    (ไฟกลมๆ ไฟพุงใช้งานได้
    กสิณหลายกองรวมกันใช้งานได้)
    ซึ่งต่อให้เห็นได้แบบนี้ มันก็ยังไม่มีประโยชน์อะไร
    ต่อตัวจิตเรา หากไปยึดเผลอๆจะทำให้หลงตัวเอง
    ได้อย่างคาดไม่ถึงครับ..


    ปล.ประมาณนี้หละครับ
     
  7. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077
    ถ้าตามที่ข้าพเจ้าได้ทำ
    ความเข้าใจคุณนพกำลัง
    บอกว่าให้ทำอานาปา
    ให้ได้จนถึงฌาน4จิตแยก
    กายสนิทให้ได้ก่อน แล้ว
    ถ้าใครมีของเก่าด้านไหน
    เดี๋ยวมันจะมารวมตัวเอง
    ใช่ไหม
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ใกล้เคียงครับ..คือแยกกายกับจิต
    และสามารถควบคุมจิตจนอยู่นิ่งๆในกายได้
    เพราะจะเป็นตัวชี้วัดถึงระดับสมาธิสะสม
    และกำลังสติทางธรรมของเราในการควบคุมตัวจิต...

    ส่วนอาปาฯ คือระบบหายใจที่จะเป็นระบบ
    หายใจปกติในขีวิตประจำวัน
    แต่ถ้าจะมาทางด้านพลังงานกสิณ
    แบบใช้งานได้จริง..ก็ปั่นปฏิภาคนิมิต
    ให้ได้ในกำลังสมาธิระดับสูง...
    ก็จะมีความสามารถเข้าถึงเรื่องพลังงาน
    ต่างๆได้ในระดับเริ่มต้น...

    ยกเว้นว่าถ้าถึงจุดที่กายกับจิตแยกกันได้เด็ดขาด
    ชั่วคราวและจิตอยู่นิ่งๆในกายได้แล้ว..
    ก็ขึ้นอยู่กับว่า ตัวจิตจะวิ่งซ้อนเข้าไปในจิต
    หรือวิ่งดูอวัยวะภายในร่างกาย...
    ถ้าเป็นจิตในจิตจนเกิดการระเบิดเสียงดัง
    กัมปนาท ลืมตาขึ้นมาของเก่าที่เคยมี
    จะใช้งานได้ปกติ...ถ้าวิ่งดูอวัยวะในร่างกาย
    แม้ในเส้นเลือดก็วิ่งดูได้ จนเกิดการระเบิด
    ดังกึกก้อง ก็จะได้มรรคผลเรื่องการตัดการยึดติด
    ร่างกาย..ซึ่งทั้ง ๒ กรณีนี้จะเป็นไปเอง
    ตามแต่ต้นทุนที่จิตได้เคยสะสมมา
    ไม่สามารถบังคับหรือเลือกได้ครับ...

    ส่วนความสามารถในขั้นกว่า...
    ก็จะเป็นไปได้ของมันเอง.
    การที่ความสามารถบางอย่างขึ้นมา
    แบบฟูลอ๊อปซั่นเลยเนี่ย
    โอกาสเพี้ยนสูงมากนะครับ..เช่น
    ถ้าบังเอิญว่า เราอยากตาดี..
    แต่ไปเห็น นามธรรมได้ แบบมา
    เต็มยศ เต็มความสามารถ..
    ที่มากไปด้วยฤิทธิ์ เราจะเพี้ยนไม่ใช่
    เฉพาะในสิ่งที่เราเห็น แต่จะเพี้ยนเพราะ
    จิตจะไม่มีภูมิต้านท้านในสิ่งที่เห็นครับ..


    .และความสามารถที่จะขึ้นมาเองตามลำดับ
    จะค่อยๆขึ้นมาได้เอง..ตามแต่ระยะเวลา
    ในการคลายตัวของจิตได้เองตามธรรมชาติในระหว่างวันครับ

    คลายตัวคือ จิตขยายไร้ขอบเขต ไม่เป็นวงกลมนะครับ..
    ว่าจะคลายตัวได้มากน้อยเพียงใด ได้กี่วินาที กี่นาที..
    ..แบบเป็นไปของมันเอง...
    โดยไม่มีวิธีการใดๆ เข้าไปแทรกแซง..
    จากระดับปัญญาทางธรรม ที่เราได้จากการเดินปัญญา
    เพื่อลด ละ คลาย กิเลส พวกโมหะ โทสะ โลภะ
    ต่างๆที่จะไปยึด เอาลาภ ยศ สุข สรรเสริญฯลฯ
    ต่างๆได้ดีขึ้นเพื่อช่วยในการหนุนเพื่อ
    คลายสิ่งที่จะมายึดเกาะกับตัวจิตครับ....
    พูดง่ายๆว่า ถ้าทำได้แล้ว ในระดับเริ่มต้น
    มันจะทำได้เลย..แต่จะพัฒนามันจะไปฝึกเอา
    ไปทำเอาไม่ได้นั่นหละครับ..


    ส่วนนี้เล่าให้ฟัง
    บุคคลที่ญานวิถีเปิด หรือ ของเก่ากลับมารวมตัวกันนั้น...
    โดยที่ไม่เคยฝึกเจริญสติ หรือขาดสติทางธรรม
    หรือเคยฝึกสมาธิจนมีกำลังสะสม
    ถ้ามาก่อนพูดง่ายๆ ยังไม่เคยเดินปัญญามาก่อน
    ที่ตัวจิตมันจะคลายตัวได้นั้น..หรือว่า
    ยังแยกกายกับจิตยังไม่ได้..บุคคลนั้นจะซึมซับรับรู้
    ทุกๆเรื่อง ทุกสัมผัส จนแยกแยะไม่ออก ว่าอะไรเป็น
    โลกแห่งความจริง..อะไรเป็นมายา..พูดอีกอย่างก็คือ
    หายตัวในญานวิถีไม่เป็น เพราะขาดกำลังสติและสมาธิ
    สะสมที่เสมือนภูมิต้านทานในการป้องกันเรื่องพวกนี้...

    ส่วนตัวประกันได้ว่า เพี้ยนทุกรายแน่นอนล้านเปอร์เซนต์ครับ..
    แต่ก็สามารถกลับมาได้.แต่ใช้เวลาหน่อย..
    บ้างก็กลับไม่ได้ก็มีครับ..
    .และความสามารถอะไรที่ไม่ได้ใช้
    มันก็จะถูกปิด.ไม่เหมือนกับที่ส่วนตัวได้แนะนำไป
    ที่จะค่อยๆขึ้นมาตามวาระแห่งตนเอง
    คือ เคยสะสมอะไรมา ก็จะเด่นชัดส่วนนั่นที่สุด..
    ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ไม่มีใครด้อยกว่าใคร
    มีแต่ใครจะชำนาญด้านไหนเป็นพิเศษครับ....

    .และบุคคลนั้นแทบจะจำไม่ได้เลยว่า
    ตนเองเคยมีความสามารถทางด้านนั้นๆครับ....
    ที่เคยเจอ บุคคลที่สัมผัสภายในทะลุปรุโปร่ง
    โดยมาก..ในอดีตเคยเพี้ยนมาแล้วทั้งนั้นครับ..

    เพราะไม่สร้างสติทางธรรมนั่นหละครับ..
    จึงไม่มีตัวควบคุมนามธรรมทางด้านนี้...
    ส่วนตัวถึงได้พยายามเน้นนัก เน้นหนา
    กับเรื่องนี้..เพราะแม้ว่ายังใช้งานไม่ได้..
    ยังยึดติดยังอยากจะมี อยากจะเป็นโน้นนี่นั้น
    ได้อย่างคาดไม่ถึง..ยิ่งถ้าพอใช้งานได้
    แบบกำลังสติทางธรรมไม่พอ และกำลังสมาธิไม่พอ..
    อาการจะยิ่งน่าเป็นห่วงมากครับ..

    ปล. อย่าไปสับสนเกี่ยวกับคำภาวนานะครับ..
    คนละประเด็นกัน...พอเข้าใจนะครับ.. (^_^)
     
  9. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    รบกวนสอบถามเพิ่มเติมนะคับ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พลังงานเดินทางจากมิตินึงข้ามมาสู่อีกมิตินึงได้?
     
  10. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    ประมาณว่าอะไรเป็นตัวเชื่อมอะคับๆๆ :boo:
     
  11. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    หัวจะระเบิดข้อมูลอะไรกันนี่ ถถถถถถถถถ :mad:
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ที่ไหนมีอากาศ พลังงานไปได้หมด
    ขอเพียงแต่มีตัวส่งตัวรับก็จะเข้าถึงกันได้
    และพลังงานในแต่ละที่ก็มีอยู่แล้วเป็นปกติ
    เพียงแต่สายตาปกติเราไม่สามารถเห็นได้
    เหมือนคลื่นความถี่วิทยุนั่นหละ
    ปกติเราเพียงแต่มองไม่เห็น
    แต่ไม่ใช่มันไม่มี

    ส่วนนี้พอขำๆนะ
    เพียงแต่ว่าเรื่องพลังงานมีเอกลักษณ์ตรงที่
    มันก้าวข้ามเรื่องเวลา เรื่องมิติ เรื่องสถานที่
    เค้าถึงดึงความสารถทางจิตเดิมของคนขึ้นมาได้
    สามารถย้อนไปดูอดีต อนาคตได้
    เค้าถึงเดินทางข้ามมิติและเวลาได้
    บางคนถึงเห็นท่านที่ล่วงลับไปแล้วมาปรากฏได้
    เค้าถึงรักษาคนได้แบบออนไลน์หรือรู้อะไรได้ในเรื่องพลัง
    โดยไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอยู่ที่ใด
    หรือเห็นหน้ากันได้นั่นหละ

    จริงๆพวกนี้มันเป็นวิทยาศาสตร์
    พุทธเราเข้าถึงมานานมากแล้ว
    แต่เข้าถึงด้วยการปฏิบัติ
    ไม่ใช่เข้าถึงจากการพยายาม
    สร้างเครื่องมือเพื่อให้เข้าถึง
    แต่พุทธศาสนาเรานั้น
    เน้นเรื่องการเดินปัญญา
    มากกว่าเรื่องนี้...
    เพียงแต่หากว่า ใจเรามันชอบ
    เราก็ต้องรู้จักนำมันมาใช้
    เพื่อหนุนในเรื่องปัญญา
    ซึ่งเป็นเรื่องหลักสำหรับพุทธศาสนา...


    เค้าว่าสะสารไม่มีทางสูญสลายไปจากโลก
    แต่พอนักวิทย์ชื่อก้องโลก
    ยิงสารที่เป็นกลางด้วยความเร็วแสง
    ผ่านน้ำ. ทำไมน้ำถึงหายจากโลกนี้ไปได้หละ
    นี่วิทยฯ เค้าเห็นแบบนี้..

    นี่หละ ผลเหมือนกัน
    ต่างกันที่การเข้าถึงว่าปฎิบัติแล้วเข้าถึง
    หรือสร้างเครื่องมือแล้วเข้าถึง
    มันส่งผลต่อกระบาณการรู้ได้
    การเข้าใจได้ที่แตกต่างกัน

    ปล.หากว่าปฏิบัติแล้วเข้าถึงได้
    ถึงเวลารู้มันจะรู้ในสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติเหมือนๆกัน..

    คนจะปกติหรือไม่ปกติ ต่างกัน
    ในเรื่องการเข้าถึงในเรื่องนามธรรมตรงนี้
    ปฏิบัติเพื่อเข้าถึงได้ รู้ได้ แล้วก็วางเป็น..
    หรือ คิด วิเคราะห์
    พิจารณา วิพากษ์ วิจารณ์ แล้วเข้าถึง
    แล้วไปยึดกลายเป็นตัวเอง..
    ลองพิจารณาดูได้...(^_^)
     
  13. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    รบกวนขอข้อมูลเพิ่มเติ่มอีกด้วยขอรับ ผมยังมีความรู้สึกต่อ ว่าถ้าทางนี้มันเปิดกว้างมากพอจะนำ อะไรก็แล้วแต่ในอีกมิตินึงออกมาในมิติไหนๆก็ได้ แต่ทำไมมันคิดไม่ออกกก อ้าาา หัวจะระเบิดแล้วววววว มีแต่ภาพ ถถถถถถถถถถ :'( ไม่มีวิธีการ
     
  14. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    อืม วิทยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนากำลังพยายามอธิบายในสิ่งๆเดียวกันโดยใช้คนละภาษา นี่เอง ถถถถถถถถถถถถถถ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    จะช่วยย้ำเป็น รอบที่ร้อยแปดสิบ
    ให้อีกครั้งนะครับ....
    ถ้ายังไม่เข้าใจอีก..
    ก็คงจะ ต้องอุเบกขา รับรู้แล้วหละครับ...



    ความสามารถในการเข้าใจเรื่องนามธรรมได้...
    ขึ้นอยู่กับกำลังสติทางธรรม
    ซึ่งสร้างจากการเจริญสตินะครับ....
    บอกแล้ว ถ้าลืมตาขึ้นมา หรือไม่สามารถ
    เข้าใจอะไรได้ในเรื่องนามธรรม
    ในทางกิริยาก็คือ กำลังสติทางธรรม
    เรามันยังไม่พอ หน้าที่เราคือ ลืมมันไปซะ
    ไม่ต้องสนใจ ประหนึ่งว่า มันไม่เคยมีใน
    ระบบสุริยะจักรวาลนี้..
    แล้วให้เรามาเจริญสติต่อให้มันต่อเนื่อง
    เด่วเรื่องพวกนี้ หากวันหนึ่งกำลังสติมากพอ
    มันจะมีเครื่องย้อนรู้ได้ ของมันเองโดยอัตโนมัติ...

    เรื่อง ญานวิถีของบุคคลอื่นๆ..
    เรื่องภายนอก เรื่องอวกาศภายนอกโลก
    เรื่องพลังงานต่างๆ เรื่องเหตุแห่งกรรม..
    ท่านว่า ไม่ควรไปสนใจ หากเพียงแต่
    รู้ได้จากการปฏิบัติไม่เป็นไร...

    อะไรที่หลักๆ ๔ เรื่องในทางพุทธศาสนา
    ท่านๆเตือนไว้แล้วควรพึ่งระลึกให้ดีๆ..
    เพราะจะทำให้จิตเราวิปลาสได้อย่างไม่รู้ตัว..

    เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะไปใช้ ความคิด
    วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ แล้วมันจะรู้ได้...

    อยากรู้เรื่องภายนอกโลก อยากรู้เรื่อง
    อะไรในโลกได้ ต้องสร้างจิตตัวเองให้อยู่
    เหนือโลกให้ได้ก่อน...
    และการที่จะไปสู่เรื่องนามธรรม
    พวกนี้ได้ ก็ต้องมีเครื่องมือ
    ที่จะสามารถทำให้เข้าถึงได้ในระดับเริ่มต้น
    ก็คือ กำลังสติทางธรรมนั่นเอง...

    ปล.ถ้ายังไม่เลิกสนใจเรื่องแบบนี้นะครับ.
    และไม่ให้ความสำคัญเรื่องการเจริญสติอยู่
    ต่อไประวังจะเพี้ยนเพราะสมองซีกซ้ายเรา
    จะพังและเบา กระแสในหัวสมองซีกขวา
    มันจะคิดวนไปดึงความทรงจำในอดีตมาเรื่อยๆ.
    และก็จะวนมาอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จบ...
    ส่วนนี้พูดจริงนะครับ ไม่ได้พูดเล่น..(^_^)

    อือ ! แต่ดีหน่อย ที่อ่าน ผ่านบทความตรงนี้แล้ว
    จะเข้าใจ...ยังถือว่าโชคดีอยู่..
     
  16. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    55555555555 :cool:
     
  17. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    อาจารย์คับเหมือนกับว่าผมไม่ได้คิดนะคับ คือเหมือนกับว่ามันไหลเข้ามาเองแบบ มีคนส่ง(ยัด)เข้ามาหนะคับ ถถถถถถถถ จิงๆน๊า :cool: แค่ไปบ่นๆกะภพภูมิแถวๆนี้นิดๆหน่อยๆเองว่าอยากทำงานแล้วแต่ว่า อะไรๆก็ไม่มีจะทำได้ไง (kiss) ถถถถถ

    ปล.ตอนนี้หายแล้ว คับ อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคับ ถึงจะมีศิษย์เพี้ยนๆ ถถถถถ :cool:
     
  18. saintyom

    saintyom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +776
    ขออนุญาตรบกวนถามอาจารย์ nopphakan เป็นความรู้หน่อยครับ
    พอดีเพิ่งมาเห็นกระทู้นี้ครับ อยากทราบว่าการปรับระบบหายใจต้องทำอย่างไรครับ
    จำเป็นที่จะต้องฝึกสิ่งนี้ ก่อนที่จะไปฝึกกสิณใช่ไหมครับ ผมอยากฝึกบ้างแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร
    รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะในขั้นเริ่มต้นให้ผมได้ไหมครับ
    ขอบพระคุณครับ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เรียก พี่ก็พอครับ.แค่ถือว่ามาแนะนำและเล่าให้ฟังเฉยๆ
    เรื่องระบบการหายใจจำเป็นมากครับ
    สำหรับกรรมฐานทุกกองครับ..ไม่จำเป็นว่าจะต้องฝึก
    กสิณ สามารถนำไปเป็นพื้นฐาน
    สำหรับฝึกทางด้านอื่นๆได้หมดครับ...

    การปรับระบบหายใจอย่างที่แนะนำ..
    เป็นอุบายในการสร้างให้ตัวจิต
    มีความละเอียดขึ้นซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ
    สำหรับกรรมฐานทุกกอง....

    ตัดการเผลอไปดึงความคิดจากสมอง
    เข้ามาปรุงร่วมซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญใน
    การยกระดับพัฒนากรรมฐานกองนั้นๆ..

    สร้างสมาธิสะสมเล็กๆน้อย ในระหว่างวัน
    เพื่อมาหนุนส่งกรรมฐานกองที่ตนเอง
    ฝึกอยู่อย่างเป็นพิธีการ ซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญ...

    และที่สำคัญที่สุดก็คือ การสร้างสติทางธรรม
    ซึ่งจะทำให้เรามีตัว ควบคุมความคิด
    ตัวควบคุมพฤติกรรมของ ให้จิตคลาย
    จากความคิด ให้จิตคลายจากขันธ์ ๕
    ส่วนนามธรรมหรือความคิดที่ผุดขึ้นมา
    โดยไม่ได้ตั้งใจได้....
    และเป็นส่วนช่วยหนุนให้เรามีความ
    เข้าใจทางด้านนามธรรมต่างๆได้ดีขึ้น...

    เพราะเกือบทุกกรรมฐานเราจะต้องได้
    เจอกิริยาต่างๆที่เป็นนามธรรมเกือบทั้งสิ้น...
    และอย่าลืมว่า กิเลสต่างๆ ไม่ว่าอะไร
    ก็ล้วนแต่เป็นนามธรรม ดังนั้นกำลังสติทางธรรม
    จึงจำเป็นต้องมีอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้

    อีกอย่างยังเป็นพื้นฐานสำหรับการเดินปัญญา
    ลดละกิเลส ควบคู่ไปด้วยในขณะที่เรากำลัง
    ฝึกกรรมฐานใดๆก็ตาม ป้องกันการไปหลงยึด
    มั่นถือมัน จนกลายเป็นตัวเอง.ป้องกันการ
    หลงตัวเองคิดว่า ตนเองดีกว่าใครได้อย่าง
    คาดไม่ถึง ซึ่งจะส่งผลต่อนิสัย ในการดำเนิน
    ชีวิตของเรา ให้หลงยึดติดใน ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    นั่นเองครับ...

    ถ้ามีเวลาก็ลองไปย้อนอ่านดู...
    แต่หลักง่ายๆ ในเวลาลืมตาปกติคือ. หายใจให้ลึกถึงท้อง
    หายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องยุบ
    แต่ไม่ต้องไปตามลมหายใจ เพราะจะติด
    ขัดได้ในระดับปฐมฌาน..
    และให้ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมกระทบ
    เข้าหยุดอยู่ที่ปลายจมูกในขณะที่หายใจ
    เข้าจนท้องพอง และให้ทำความรู้สึกว่ามี
    ลมกระทบออกหยุดอยู่ที่ปลายจมูก
    ในขณะที่หายใจออกและท้องยุบ...

    ให้ระบบอย่างนี้ กลายมาเปนระบบ
    หายใจในชีวิตประจำวันเราแทนการ
    หายใจเข้าและออกหยุดอยู่ที่หน้าอกครับ...

    ส่วนถ้าหลับตาฝึก ให้ทิ้งสายตาปกติมองลงมา
    ที่ลิ้นปี่ เหมือนสายตาพระพุทธรูป ตรงนี้จะตัด
    การไปดึงความคิดจากสมองมาใช้โดยอัตโนมัติ
    และจะมีความรู้สึกว่า เหลือตาดวงเดียวทำหน้าที่แทน
    มองผ่านเหนือระหว่างคิ้วได้ของมันเอง....

    ส่วนจะภาวนาหรือไม่ภาวนาก็ได้ตามแต่ชอบ..
    ประเด็นสำคัญคือระบบการหายใจที่ลึกและ
    การทำความรู้สึกรับรู้ที่ปลายจมูกเพื่อสร้าง
    กำลังสติทางธรรมนั้นเอง...

    ส่วนหนึ่งของการจะฝึกกรรมฐานอะไรก็ตาม
    ในระดับที่เข้าถึง นำมาใช้งานได้ในชีวิต
    ประจำวัน ก็คือพื้นฐานตรงนี้นี่หละครับ
    ที่จะส่งผลต่อระยะเวลาในการเข้าถึง
    ผลสำเร็จของกรรมฐานแต่ละกอง...
     
  20. sensona

    sensona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    อืมมม ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยจิงๆ ที่เห็นเป็นแบบนี้ มันมีสาเหตุอยู่ลึกๆนะคับ ถถถถถถ :cool: เหมือนในหนังจีนกำลังภายในเลยอ่ะ (}) ({) ย๊าก ธาตุไฟแตกซ่านกลายเป็นจอมมารในบัดดล

    ปล.แผ่น แฟ๊บบบบบบบบบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...