การกล่าวคำถวายของกับพระจำเป็นหรือไม่? ทำบุญอย่างไรได้บุญเต็มที่ไม่ตกหล่นสูญหาย

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 13 พฤษภาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เมตตาธรรมโดยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต “การกล่าวคำถวายของกับพระจำเป็นหรือไม่? ทำบุญอย่างไรได้บุญเต็มที่ไม่ตกหล่นสูญหาย

    หลายท่านมีความสงสัยว่าทำบุญแล้วต้องกล่าวคำถวายหรือไม่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เคยเมตตากล่าวไว้ว่า

    "บุญนั้นผู้ถวายได้ถวายได้แล้วสำเร็จแล้วตั้งแต่ตั้งใจ หรือเจตนาในครั้งแรกตลอดจนนำมาถวายสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก เพียงแต่ตั้งเจตนาดีเป็นกุศลหวังผลคือความสุข การพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเท่านี้ก็พอแล้วนั่นมันเป็นพิธีการหรือกฎเกณฑ์อย่างหนึ่งของเขา ไม่ต้องเอาอะไรทุกขั้นทุกตอนดอก

    ครั้งนั้นมีศรัทธาญาติโยมจากสกลนครเขาเป็นคนเชื้อสายจีน มีชื่อว่า เจ๊กไฮ แซ่อะไรนั้นเขาไม่ได้บอกไว้ เขามีความเลื่อมไสศรัทธาในองค์ท่านพระอาจารย์มั่นมากขอเป็นเจ้าภาพกฐินในปีนั้น

    เมื่อถึงเวลากำหนดกรานกฐินแล้ว จึงได้ตระเตรียมเดินทางมาพักนอนค้างคืนที่บ้านหนองผือหนึ่งคืน โดยพักบ้านของทายกวัดคนหนึ่งเพื่อจะได้จัดเตรียมอาหารคาวหวานสำหรับไปจังหันตอนเช้าด้วย

    พอเช้าขึ้นพวกเขาจึงพากันนำเครื่องกฐินพร้อมกับเครื่องไทยทานอาหารต่างๆ เหล่านั้นไปที่วัด เมื่อถึงวัดล้างเท้าที่หัวบันไดแล้วพากันขึ้นบนศาลาวางเครื่องของ คุกเข่ากราบพระประธาน แล้วจึงรวบรวมสิ่งของ เครื่องผ้ากฐิน พร้อมทั้งของอันเป็นบริวารต่างๆ วางไว้ที่หน้าพระประธานในศาลา

    ส่วนเจ๊กไฮ ผู้เป็นหัวหน้านำผ้ากฐินมานั้น เมื่อวางจัดผ้ากฐินพร้อมทั้งของอันเป็นบริวารต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นั่งสักครู่ เห็นว่ายังไม่มีอะไรจึงพากันกราบพระประธาน ( เจ๊กไฮ ก็กราบเหมือนกัน ท่าทางเหมือนคนจีนทั่วไปเขากราบนั่นแหละ )

    แล้วเขาก็ลงจากศาลาไปเดินเลาะเลียบชมวัดวาอารามเฉยอย่างสบายอารมณ์ จนกระทั่งพระเณรกลับจากบิณฑบาตแล้ว ขึ้นบนศาลาเตรียมจัด แจงอาหารลงบาตรจนเสร็จสรรพเรียบร้อยทุกองค์ ท่านพระอาจารย์มั่นจึงให้เรียกเจ๊กไฮมาเพื่อจะได้อนุโมทนารับพรต่อไป

    แต่เจ๊กไฮ ก็ไม่มารับพรด้วยก็มีคนถามเขาว่า

    "ทำไมไม่รับพรด้วย " เขาบอกว่า "อั๊วได้บุญแล้ว ไม่ต้องรับพรก็ได้ การกล่าวคำถวายก็ไม่ต้องว่า เพราะอั๊วได้บุญตั้งแต่อั๊วตั้งใจจะทำบุญทีแรกแล้วฉะนั้นอั๊วจึงไม่ต้องรับพรและคำกล่าวถวายใดๆ เลย "

    ภายหลังฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านพระอาจารย์มั่นได้พลิกวิธีคำว่าผ้ากฐินมาเป็นผ้าบังสุกุลแทน ท่านจึงพิจารณากองผ้ากฐิน เป็นผ้าบังสุกุลเสร็จแล้วท่านได้เทศน์ฉลองยกย่องผ้าบังสุกุลของเจ๊กไฮเป็นการใหญ่เลย

    ท่านกล่าวถึงผ้ากฐินนั้นได้รับอานิสงส์น้อยเพียงแค่ ๔ เดือนเท่านั้นไม่เหมือนกับผ้าบังสุกุลซึ่งได้อานิสงส์ตลอดไป คือ ผู้ใช้สามารถใช้ได้ตลอดไม่มีกำหนดเขตใช้จนขาดหรือใช้ไม่ได้จึง จะทำอย่างอื่นต่อไป

    สุดท้ายท่านกล่าวอีกว่า "ใครทำบุญก็ไม่เหมือนเจ๊กไฮทำบุญ เจ๊กไฮทำบุญได้บุญมากที่สุด พรเขาก็ไม่ต้องรับคำถวายก็ไม่ต้องว่าเขาได้บุญตั้งแต่เขาออกจากบ้านมา บุญเขาเต็มอยู่แล้วไม่ตกหล่นสูญหายไปไหน บุญเป็นนามธรรมอยู่ที่ใจอย่างนี้จึงเรียกว่า ทำบุญได้บุญแท้.. "

    จากหนังสือเรื่อง ปาฏิหาริย์วิชาศักดิ์สิทธิ์ ไขปัญหาธรรม และกรรมจากพระอริยเจ้า โดย ธ.ธรรมรักษ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...