การตรัสรู้ของผม ในเชิงวิทยาศาสตร์แล้วก็คือก้อนเนื้องอกในสมองที่พูดได้

การแสดงธรรม ด้วยเหตุด้วยผลของพระพุทธเจ้า ล้วนอาศัยพลังงานความจริง ความถูกต้องในการแสดงธรรม อธิบายธรรม..ที่คนที่ยอมรับในความถูกต้องเท่านั้น จึงจะพัฒนาปัญญาในตนเองได้ ส่วนคนที่มีมิจฉาทิฐิ ก็จะอ้างว่าไม่ยอมรับในเหตุผลหรือความถูกต้องนั้น ก็จะปวดหัวตัวร้อน หงุดหงิด ไม่สบายจิตไม่สบายใจไปเอง นั่นเพราะ ตนเองมีมิจฉาทิฐิเอง...หลีกเลี่ยงจากการยอมรับในสิ่งที่ถูกต้องนั่นเอง

 

ทุกข้อความของทุกคน จะมีพลังงานแฝง ทุกคนครับ ขึ้นอยู่กับว่า เขาคนนั้น มีอารมณ์สิ่งใดเจือปนขณที่เขาโพสครับ...ถ้าต้องอาศัยเหตุผลในการอธิบาย ก็ต่องแจกแจงแบบมีเหตุมีผลได้สิครับ รับรองที่มาด้วยตนเอง รู้ได้จริงด้วยตนเองครับ..ไม่เอาแบบยกคำอ้างจากคนอื่นมา แล้วเอามาเป็นเหตุผลของตนเอง แบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ

ดังนั้นบางคน ถึงจะถกเถียงด้วยเหตุผลยังไง ก็ไม่ยอมรับในความถูกต้องหรอกครับ เพราะตนเองมีความเชื่องมงายในสิ่งนั้นมานาน ตามตำรา ตามคำครูอาจารย์ ตามที่ตนเองคิดเอาเอง..คนจำพวกนี้ อธิบายไป.ก็ไม่ยอมรับว่าตนเอง ผิดหรือตนเองไม่รู้หรอกครับ กลัวเสียความเชื่อมั่นที่เคยเชื่อมาไงครับ เลยเป็นแบบนี้ไปทั้งชาตินี้และชาติหน้า ว่างั้นเถอะ

 

ผมขอยกตัวอย่าง..นิทานเวตาล.ครับ
เวลาที่เวตาลเล่านิทานจบลง แล้วถามเอาคำตอบที่เป็นความจริง ความถูกต้อง..มักจะกำกับในคำถามไปด้วย ว่า เมื่อถ้ารู้ความจริงแล้วต้องตอบตามความจริงถ้าไม่ตอบตามความจริงหรือไม่ยอมรับในคำตอบที่ถูกต้อง ขอให้ปวดหัวศรีษะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ...

นี่คือตัวอย่างของพลังงานของสัจธรรมความจริง หรือความถูกต้องครับ..ดังนั้นพระธรรมความจริง..จึงมีพลังที่มีเอาไว้เพื่อชำระสะสาง ในความไม่จริงความไม่ถูกต้องทั้งหลายนั้นเอง...ทำไม พระธรรมจึงเป็นตัวแทน แทน ตัวพระศาสดา...ไงครับ

 

ถ้าคิดแบบคุณวรณ์นิมันจะได้การตรัสรู้แบบสบายๆ จากนิทานชาดกต่างๆ
ทำให้จิตไม่สับสน แต่ผมผู้มากประสบการณ์ด้านเกมกดทำให้มีข้อมูลผู้กล้า กับจอมมารอยู่มากมายเลย ทำให้จิตไม่สงบ สับสน ยิ่งอาการเส้นแตกนี่อีก ผมผ่านนรกมาเยอะแล้วครับเลยมาบ่นได้ เหมือนมีใครพาไปท่องนรกตอนเป็นใหม่ๆ ก็อาศัยความไม่รู้ภาวนาทุกวัน คิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆ ไปเรื่อย
จากไม่รู้อะไรเลยจนเชี่ยวชาญด้านพุทธศาสนา กับด้านพระเจ้ามาก เนื่องจากลองหมดทุกสูตรนับถือพุทธไม่หาย เลยร้องเรียกพระเจ้าประมาณนั้น
จนเริ่มปลง ผมตายแหน่ๆ อยู่ทุกวัน สู้ชีวิตจนเกิดฝันแรกเป็นเกมไฟนอลแฟนตาซีเลยครับ จนออกมาเป็นเกมกดอยู่เนี่ย จึงคิดหาทางออกต่อไป แบบอยู่โลกนี้ไม่ไหวแล้วเพราะสมองพังความรู้ที่เรียนมาหายหมด จึงคิดหาทางสร้างโลกใหม่ไปอยู่ดีกว่า โดยการดูช่องวิทยาศาสตร์เยอะๆ +ความรู้ที่มาจากโรคย้ำคิดย้ำำทำ
คิดเข้าไป เคยไม่หลับไม่นอน 7 วันได้ เกือบตายจนเห็นสวรรค์เลยน่าจะอยู่บนโลกใดโลกหนึ่งในจักรวาลนี้แหละ เพราะเธอเป็นตัวการ์ตูน คนละมิติแล้วมั้ง

 

ดังนั้น อาการที่เกิดขึ้นกับตนเองเช่น ปวดหัว วิงเวียน หงุดหงิด อาจเกิดเพราะ ความคิดความเชื่อที่ผิดๆที่มีในตนก็เป็นได้ เพราะมันคือมิจฉาทิฐิในตนเอง ที่ไม่ยอมรับในความเป็นจริง ไม่ยอมรับในสิ่งที่ถูกต้อง ก็ได้

พลังงานแฝง เช่นพลังงานดื้อรั้น พลังงานหงุดหงิด พลังงานความอิจฉา พลังงานความเกลียดโกรธ ที่เจือปนมา ในตัวหนังสือ หรือคำด่าต่างๆ ที่เจือปนมา ล้วนมีกันทุกคน ถ้าตราบใดที่ยังรู้ทันความคิดของตนเองไม่ได้ หรือห้ามอารมณ์ความคิดของตนเองไม่ทัน....นั่นเอง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ ของคนที่ยังมีจิตอวิชชาครับ..ย่อมพบเจอทั่วไป....แต่เรื่องพลังงานความจริงความถูกต้อง...ก็ย่อมเป็นความจริง ที่มีอยู่ในเหตุในผลที่ถูกต้องเสมอ อยู่แล้ว

ดังนั้นมันไม่มีอะไรเป็นเรื่องลึกลับหรอกครับ...แค่ไม่รู้ทัน แล้วอย่าคิดว่ามัน พิศดารเลยนะครับ

 

ผมก็เคยร้องหาพระเจ้า ร้องหาพระพุทธเจ้า มาก่อนเหมือนกันแหล่ะครับ
ผมเนี่ย ชี้นิ้วขึ้นบนฟ้า.ร้องว่า ใคนส่งข้ามาเกิดให้ต้องมีชีวิตที่ต้องมาอยู่ร่วมกับคนที่เต็มไปด้วยความไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักพอดี เต็มไปด้วยความอยาก อันน่าทุเรศแบบนี้ด้วย..ผมนี้ ปรี๊ดแตกเลย...เกลียดการที่ต้องเกิดม่เจอแต่คนที่คิดไม่ดี โกหกหลอกลวงกันไปวันวัน ยิ่งเกลียดคนที่โกหกหลอกลวงตอแหลต่อตนเอง ไม่รู้ว่ามันทนทำไปได้ยังไงวันวันนึง....ผมเกลียดคงามคิด ความจำ ที่ งี่เง่าทั้งหลาย ผมเกลียดความคิด ความเชือที่งี่เง่า โกหกหลอกลวง ตอแหล ต่อกันไปวันวัน...เนี่ย ผมชี้นิ้วหาพระเจ้า หาพระพุทธเจ้า หาต้นเหตุที่ให้ผมเกิดมาพบเจอเรื่องไม่ดีแบบนี้ พบเจอคนไม่ดีเหล่านี้

จนผมได้ฝึก สติปัฏฐาน...จน รู้ความจริงของจิต ของใจ ของเวทนา ของความคิด..จนเหลือเพียงตนเองคือ กายใจ..เท่านั้น...ผมจึงพ้นทุกข์ไปจาก ความเชื่อ ความคิด จิตใจ..ไงครับ

 

โลกนี้ จักรวาลนี้ จิตใจนี้...มันไม่มีอะไร ที่ลึกลับหรือพิศดารได้หรอกครับ..ถ้าเรารู้ความจริงคือรู้เหตุ รู้ผล ของ..กระบวนการเกิดของมัน

ยกเว้นไม่รู้ความจริงในเหตุในผล ถ้าเป็นแบบนี้..ก็จะเหมือนไม่ได้รู้อะไรเลย นั่นเองครัย

 

การตรัสรู้แบบพระพุทธศาสนาก็ได้มาจากพระโอษณ์ นิทานจากพระพุทธเจ้าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งยุคนั้นไม่มีเกมกด มีแต่ของจริงจึงน่าจะกดดันกันมาก จึงได้แต่ความรู้ของชีวิตที่เรียบง่ายเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแบบคนธรรมดา
แต่เพราะผมโดนของเลยไม่ธรรมดาก็เลยต้องพึ่งพระเจ้าช่วยเสียส่วนใหญ่ เพราะความไม่รู้ โง่มากตอนนั้น คิดถึงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การ์ตูน ทีวี เกมกด กะเล่นเต็มที่ก่อนจากโลกนี้ เพราะมีแต่สัณญาณตายแหน่ๆ ทุกวันเลย ช่วงการเมืองไม่นิ่งด้วย ปัญหารุมเร้า อธิบายไปก็ไม่หมด สรุปผมบวชไม่ไหวแล้ว ต้องเดินหน้าสู่ชีวิตเกือบๆ จะนิรันดร์ เพราะพยานาติเริ่มรุมเร้าแล้ว ตอนนี้ผมรู้มันซ่อนในตัวผมอะ ต้องการข้อมูลในหัวผม กับช่วยรักษาโรคบางโรครึเปล่าไม่แน่ใจ เพราะพิษมันทำผมทรมานมาก เพราะผมไม่บวชด้วยต้องเจอเรื่องทางโลกแบบทุลักทุเลยังงี้ ก็ไม่มีใครรับเลยอะสิ อยู่ตอนนี้เหมือนตายทั้งเป็น ไม่รู้จะหากินไร เพราะทำสุดความสามารถแล้ว พยานาติต้องการให้ผมชดใช้กรรมเรื่องรู้ความลับมาก แล้วแปรพักต์ไปหาพระเจ้าอะสิ เลยยิ่งไม่มีใครเอาใหญ่เลย ก็ทรมานผมหาทางรอดไปเรื่อย ถ้าผมไม่โพสความลับไปมากกว่านี้

 

ไม่มีการตรัสรู้แบบสบายๆ หรือแบบที่คิดเอาเองได้หรอกครับ
การตรัสรู้มันต้องอาศัยปัญญาพร้อม หรือรู้รอบ รอบรู้ในทุกต้นสายปลายเหตุ จากเหตุไปหาผล จากผลไปหาเหตุ ข้ามภพข้ามชาติ (ที่ว่ารู้รอบในวงจรสมุปจปกิจบาทนั่นเอง)...ต้องอาศัยการฝึกสติปัฏฐานสี่ตามขั้นตอน จนก้าวผ่านเรื่องหยาบๆคือ รูป ไปสู่ อรูป จิต เจตสิก...สะสมปัญญาให้พร้อม (รู้รอบ)...มันไม่ง่ายและสบายหรอกนะครับ

 

ความลับที่รู้มา ไม่มีอะไรเป็นความลับหรอกครับ
พลังงานที่เข้ามาหาเราแล้ว...บางพลังงานก็เป็นเหมือนยาพิษกับ กายใจของเรา
เช่น พลังงานที่เจือปนมากับ น้ำอาหาร (อารมณ์ของเนื้อสัตว์ที่ตายเพราะถูกฆ่าหรือพลังงานอารมณ์ที่เป็นทุกข์ของคนทำอาหาร)รวมทั้ง อารมณ์ของคนที่เรารู้จักแล้วเขามีความทุกข์กำลังเดือดร้อนแล้วเขาคิดถึงเรา..เราจะรับพลังงานนั้นมาทันทีเลย เพราะ เขาคิดถึงเรา...นั่นเอง

เรื่องแบบนี้ คนที่เขาฝึกสติปฏิบัติถูกต้อง จะเรียนรู้เรื่องพลังงานของความคิด พลังงานของสะสารหรือธาตุต่างๆ ที่มีในวัฏฏะสงสารครับ...

 

ไม่ใช่แค่อ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าให้หมดรึเปล่าครับ 84000พระธรรมขันธ์
ถือว่าจึงจะตรัสรู้สมบูรณ์แบบ
การตรัสรู้ของผมแค่หาวิธีเปลี่ยนรูปจากกายเนื้อเป็นกายการ์ตูนอะครับ ไม่มีในตำรา แต่ก็คงใกล้ๆ เคียงความรู้เก่าของขันธ์ 5 เท่านั้นเองละมั้ง

 

ผมว่าเหมือนมีจิตจากภายนอกแทรกมาในตัวทุกวันเลย น่าจะเป็นพวกยุงนางฟ้าอะ ถ้าอธิบายตามวิทยาศาสตร์อะ ไม่ใช่อะไรไม่เห็นก็โบ้ยเป็นจิต ผี มารเข้าสิงไปหมด เอาที่เห็นๆ สิ ยุงนี่แหละตัวทำให้เกิดอุปทาน ชาติ ภพ ไปเรื่อย

 

ตัวผมเอง ไม่เคยอ่านอ่านพระไตร จนครบ 84000 พระธรรมขันธ์หรอกครับในชาตินี้ แต่อาจจะเคยบวชพระเคยอ่านมาแล้วในชาติก่อนมาแล้วมั้งครับ เพราะจากที่เคยอ่าน ก็เข้าใจได้ครับ ว่า ทุกการแสดงธรรม ที่พระพุทธเจ้าท่านตอบคำถามที่มีคนถามปัญหานั้น ท่านก็ตอบด้วยเหตุด้วยผล แสดงที่มาที่ไปครบสมบูรณ์ในข้อความนั้นแล้ว ดังประโยคที่ว่า พระธรรมคือธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว...

แต่ผมมีความดีใจเข้าใจในตนเอง ภูมิใจในตนเองนะครับ ที่ รู้สึกเข้าถึง อารมณ์ในการตอบแสดงธรรมของพระพุทธองค์ ที่ผมอ่าน..ผมรู้สึกถึงด้วยใจครับ

 

ยังไงๆ ถ้าอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว เพราะมันจับต้องได้
ผมจึงคิดว่าการตรัสรู้ต้องมาจากเจ้าก้อนเนื้องอกในสมองนี้แน่
ที่กำลังจะบอกสุขภาพของคุณ และเรื่องความเป็นไปของความลับของโลกนี้ด้วย
วงจรกฎแห่งกรรมที่ซับซ้อนเอย ตายแล้วไปไหน โทรจิตมีจริงเหรอ เรื่องลึกลับต่างๆ นาๆ แล้วแต่ความชอบ และกรรมของแต่ละคนละกัน ผมบอกได้แค่นี้ละ

 

จิตภายนอก เหตุปัจจัยภายนอก มีเยอะครับ เพราะคนเรามีอายตนะทั้ง หก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ..มันทำงานทุกเวลาครับ ไม่มีว่างเว้น...ดังนั้นถ้า รู้ไม่ทันก็อย่าคิดเอาเอง อย่าเดาเอาเองครับ..เพราะมันแค่ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผัสสะที่เรามีครับ

 

เป็นเรื่องของกรรม ของแต่ละคน หรือ ปัญญาของแต่ละคน นั่นแหล่ะครับ
เกิดแต่กรรม มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นผู้แจกแจง มีกรรมเป็นผู้นำไป มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นของของตน...เรียนรู้ที่จะยอมรับในความจริงที่เกิดกับตนเองให้ได้ครับว่า...มันก็แค่สิ่งที่เราเลือกแล้ว แล้วยังจะเลือกแบบไหน หรือแบบเดิมต่อไป ก็เลือกเองครับ แค่นั้นจริงๆครับ ความลับไม่มีในจักรวาลหรอกครับ..ความลับมันมีกับคนที่ยังไม่รู้..หรือคนที่คิดปกปิดความลับขึ้นมาเองครับ..สร้างเองครับ..ความลับไม่มีในจักรวาลครับ...

 

ผมเคยฝันถึงดาวนิบิรุ ดาวแห่งหัวใจที่ยังเต้นอยู่ ดาวแห่งแสงที่มีหัวใจเต้นอยู่ ในดาวนั้น มีลูกสาวมาด้วยคนนึง ผมเรียกว่าองค์หญิงแห่งดาวนิบิรุ โดยมีดาวแห่งแสงที่มีหัวใจเต้นอยู่นั้นเป็น พระบิดาของนาง...รูปร่างขององค์หญิงจะเป็นเหมือนตัวการ์ตูน เหมือนซิซูกะ ในการ์ตูนเรื่อง โดเรมอนครับ...ซึ่งที่เป็นแบบนี้ น่าจะเกิดจาก การพรางตัว การป้องกันตัว จากนิมิตร มากกว่านะครับ...มันไม่มีอะไรน่าแผลกหรอกครับ...หนังภาพยนต์ การ์ตูน เพลง..ส่วนมาก จะได้มาจากนิมิตร นี่แหล่ะครับ....

 

ผมเคยฝันว่าตนเองร้องเพลง ในจังหวะทำนองที่ไม่เคยได้ยินจากเพลงที่ไหนมาก่อน ในนิมิตร เนื้อร้องที่ร้องก็ไม่น่าจะเพราะ แต่ทำนอง ที่ออกมา มันช่างเพราะมาก เสียดายที่ตื่นขึ้นมา ตอนเช้า จำทำนองไม่ได้ ตอนฝันใหม่ยังจำทำนองได้นะ อุตส่าท่องจำ แต่ตกตอนเช้า กลับจำไม่ได้

 

ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ทางจิต และบททดสอบที่แตกต่างกันไปตามสัญญาต่างๆ ที่ติดต้วมาแต่ปางก่อนที่น้ำจะท่วมโลก
แต่เมื่อทุกท่านได้มีโอกาสมาแชร์เรื่องราวกันในนี้ แสดงว่า พวกท่าน สอบผ่านกันทุกท่าน
ขอแสดงความยินดีด้วยนะ

 

งั้นต้องเตรียมเรือ เตรียมแพ แล้วล่ะครับ...ถึงจะสอบผ่าน ..ยังไงต้องมาหัดว่ายน้ำ ให้เป็นกันทุกคนหรือครับ...อิอิ