การตัดกามราคะมีการต่อยอดไปชาติต่อๆ ไปได้ไหม

อุบาสก/อุบาสิกา ถ้าชาตินี้เป็นผู้ที่พยายามรักษาศีล ๕ และตัดกามราคะได้แล้ว ชาติต่อๆ ไป ต้องมาเริ่มต้นตัดกามราคะใหม่ไหมคะ? หรือการ "ตัดได้" นี้ต่อยอดได้เลย
ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับคำตอบค่ะ

 

คนธรรมดา ตัดกามราคะ ไม่ได้ครับ

ต้องเป็นพระอรหันต์ เท่านั้น ถึงจะตัดกามราคะ ได้ครับ

 

พระอริยบุคคล ๔
พระโสดาบัน ละสังโยชน์ได้ ๓ ข้อ (ศีล ๕ ศีล๘ ศีล ๒๒๗ ศีล ๓๑๑ )
๑. สักกายะทิฏฐิ ละแล้วรู้สึกเป็นปกติว่า กายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา
๒. วิจิกิจฉา ไม่มีความลังเล สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
๓. สีลพัตปรามาส มีศีลบริสุทธิ์

พระสกิทาคามี ละสังโยชน์ได้ ๓ ข้อ (ราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง)(ศีล ๕ ศีล๘ ศีล ๒๒๗ ศีล ๓๑๑ )
๑. สักกายะทิฏฐิ แลแล้วรู้สึกเป็นปกติว่า กายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา
๒. วิจิกิจฉา ไม่มีความลังเล สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
๓. สีลพัตปรามาส มีศีลบริสุทธิ์

พระอนาคามี ละสังโยชน์ได้ ๕ ข้อ (ศีล๘ (ไม่เสพกาม), ศีล ๒๒๗, ศีล ๓๑๑ )
๑. สักกายะทิฏฐิ แลแล้วรู้สึกเป็นปกติว่า กายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา
๒. วิจิกิจฉา ไม่มีความลังเล สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
๓. สีลพัตปรามาส มีศีลบริสุทธิ์
๔. กามระคะ ความใคร่ในกามคุณ ๕ (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส)
๕. ปฏิฆะ การกระทบกระทั่งจิต

พระอรหันต์ ละสังโยชน์ได้ ๑๐ ข้อ(ศีล ๒๒๗ ศีล ๓๑๑ เหมาะกับเพศของท่าน)
๑. สักกายะทิฏฐิ ละแล้วรู้สึกเป็นปกติว่า กายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา
๒. วิจิกิจฉา ไม่มีความลังเล สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
๓. สีลพัตปรามาส มีศีลบริสุทธิ์
๔. กามระคะ ความใคร่ในกามคุณ ๕ (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส)
๕. ปฏิฆะ การกระทบกระทั่งจิต
๖. รูปราคะ ความติดอยู่ในรูปฌาน
๗. อรูปราคะ ความติดอยู่ในอรูปฌาน
๘.มานะ ความถือตัว
๙.อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน
๑๐ ความไม่รู้จริง


อุบาสก/อุบาสิกา ถ้าชาตินี้เป็นผู้ที่พยายามรักษาศีล ๕ และตัดกามราคะได้แล้ว ชาติต่อๆ ไป ต้องมาเริ่มต้นตัดกามราคะใหม่ไหมคะ? หรือการ "ตัดได้" นี้ต่อยอดได้เลย
ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับคำตอบค่ะ

ตอบ ตัดกามราคะ ได้ ก็แสดงว่าเป็นพระอนาคามี ไม่ต้องมาเกิดอีก อยู่ชั้นพรหม ชั้นสุทธาวาส
บรรลุอรหันต์ที่ชั้นนั้นแล้วเข้านิพพานเลย ไม่ต้องกลับมาเกิดที่กามภพอีก ชั้นสุทธาวาส ๕ ชั้น
๑. อวิหา
๒. อตัปปา
๓. สุทัสสา
๔. สุทัสสี
๕. อกนิฏฐา

...อนุโมทนาบุญ...

 

ราคะ นี้จะเกี่ยวกับรักสวยรักงาม ส่วน กาม นั้นจะเกี่ยวกับเรื่อง การกิน การเสพ

ฉะนั้นลักษณะ ก็จะดำเนินไปในแง่ วันนี้ปากดูสีซีดๆไป ต้องเติมสีสันสักหน่อย
วันนี้หน้าตาดูไม่เนียน ก็ต้องโบ๊ะ ต้องฉาบทา กันซักหน่อย อันนี้เป็นลักษณะ ต่อยอด

ส่วนลักษณะการ ตัดทอน ก็จะเป็นการ ตัดทอนในแง่สิ่งสกปรกภายนอก เพื่อให้ตนเองนั้น
ดูสะอาดเนี๊ยบ บางคนสิวขึ้นบนใบหน้ามาหนึ่งเม็ดบนหน้าใสๆ อาจจะไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนัก
แต่สำหรับ กามราคะ นั้นอาจจะเป็นปัญหา

หากเป็นลักษณะความคิด ก็คงจะไปในแนว ชวนฝัน จิตนาการ คำหวานๆ
เรื่องสวยงาม/ตกแต่ง สิ่งที่ดูหรูหรา สิ่งที่ดูว่าคงจะได้ความนิยมชมชอบหรือสำนวนรักๆใครๆ
เช่น จะส่งรักผ่านไปทางสายลม เพื่อเข้าไปเยียวยาหัวใจเธอ
คือในแง่ความเป็นจริง ก็ไม่รู้แหละว่าส่งมาได้ยังไง มาทาง 4G หรือ 6G
แต่หากเป็นไปเพื่อความสบายใจ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้วิชาภายในหรือเนื้อหาข้างในอะไรมาก

หากจะสังเกตประเด็นหลัก สิ่งที่กล่าวมานั้นจะอยู่เพียงแค่ ภาพลักษณ์ เท่านั้นเอง

การจะลดทอน นิสัยดังกล่าว เพื่อเพิ่มนิสัยใหม่
ก็ต้องเข้าหาเนื้อหาใจความที่อยู่ข้างในที่ไม่ได้เพียงแต่ฉาบฉวยอยู่เพียงแต่เปลือกนอก
และก็สังเกต การงานที่ทำอยู่นี้ ทำการงานอะไร หากทำอยู่ร้านเสริมสวย ขายครีมผิวฟรุ้งฟริ้ง
ขายเครื่องสำอาง ขายเสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆทั้งแบบตามกระแสและไม่ตามกระแส
แน่นอนหละว่าการงานต่างๆ ย่อมส่งผลถึงความคิด เพราะคนทำงานอยู่กับตรงไหน
ย่อมมีความคิด และสิ่งที่จะมุ่งเน้นเพื่อส่งผลต่อการพัฒนางานนั้นๆ
หากยังทำงานอยู่กับงานในแบบเหล่านี้อยู่ การจะลดทอน อุปนิสัย ทางด้านความสวยความงาม
ก็ยิ่งทำให้ยากลำบากยิ่งขึ้น การลดทอนการงานที่เกื้อหนุนนิสัยตรงนี้ ก็ช้วยได้ส่วนหนึ่ง

ส่วนในแง่ร่างกาย ก็จากที่อยู่เพียงแค่ ภาพลักษณ์ ก็ต้องเริ่มสังเกตสิ่งที่อยู่ภายในร่างกาย
ก็ต้องมาทำความเข้าใจว่า การเพิ่ม/การลด การต่อยอด/การตัด ก็ล้วนแล้วแต่ตกแต่งทั้งนั้น
การมองทั้งภายนอกและภายใน เราจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปเพิ่มหรือไปลดอะไรๆเลย
หากเดินไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปโครงหน้ามีเค้าโครงว่าจะหล่อ ซูมภาพไปเห็นตาชั้นเดียว
เกิดอุทานอยู่ในใจ หากตา 2 ชั้นนี้น่าจะหล่อกว่านี้แบบนี้มันหมวยไป
อันนี้คือลักษณะของการ หลงไปนึกคิดปรุงแต่ง
การจะลดทอนจึงควรจะ มาอย่างไรก็ให้ไปอย่างนั้น โดยที่เรา (ไม่ไปเพิ่ม/ไม่ไปลด)
เพื่อเป็นการเพิ่มการรู้ทันนิสัยที่ชอบไปกับ ความนึกคิดปรุงแต่ง ในส่วนที่กล่าวมา

แต่หากต้องการเปลี่ยนนิสัยตรงนี้แบบ จริงจังมากๆมาแบบขึงขังเลยแบบขมวดคิ้วกันมาเลย
แนะนำว่าให้ไป บวชชี สภาพแวดล้อมได้เอื้ออำนวยและลดอาการซีเรียส

 

เมื่อยังไม่บรรลุอรหันต์แต่ละคนก็จะยังมีกิเลสมากน้อยไม่เท่ากัน การพยายามรักษาศีล 5 ต่อให้มันตัดกามไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่สิ่งที่คุณทำลงไปมันไม่สูญเปล่าแน่นอนครับ มันก็เหมือนการเริ่มต้นเดินขึ้นบันไดจากก้าวแรกไปจนถึงจุดสูงสุด ชาติต่อไปคุณก็จะมีภูมิต้านทานต่อกามตัณหาได้ดีขึ้น ถ้าออกบวชก็จะก้าวหน้าไปได้เร็วประมาณนั้น มันไม่ใช่ว่าต้องเริ่มจาก 0 ทั้งหมด ขึ้นชื่อว่ากรรมดีย่อมส่งผลดีเสมอครับ มันอาจจะยังไม่เห็นผลในทันทีซึ่งก็ต้องเพียรพยายามกันต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะสำเร็จ เราเกิดมากันหลายภพหลายชาติแล้ว ไม่ต้องวอร์รี่ไปครับ ทุกอย่างไม่ได้จบในชาติเดียว

 

การพยายาม ลด ละ เลิก กามะราคะ สามารถต่อยอดไปชาติต่อ ๆ ไปได้ครับ
ความชำนาญจะมีขึ้นไปเรื่อย ๆ
เหมือนกับที่เราเป็นคนผูกโกรธอยู่เสมอ
สภาพจิตก็จะจดจำไว้ ทำให้ชาติต่อ ๆ ไปจะมีความชำนาญในด้านโกรธมากเป็นพิเศษ
การละกามก็เหมือนกัน ฝึก ลด ละ เลิก ไว้ไม่เสียหลาย
ถึงจุดหนึ่งก็จะอยากตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อ ลด ละ เลิก ให้ได้โดยเด็ดขาดไปเอง

ถ้าคนธรรมดา พยายามลดกามราคะ
คนนั้นต้องได้ฌาน 4 ขึ้นไป และพิจารณาความสกปรกของร่างกาย
คิดให้เห็นความเป็นจริงที่ว่าความทุกข์ทุกอย่างนั้น มีขึ้นเพราะร่างกาย
เห็นร่างกายเป็นของสกปรก ไม่น่าเอามาเป็นเจ้าของ
ให้คิดและรู้สึกแบบนี้เสมอ โดยมีฌาน 4 หนุนหลัง จึงจะสามารถละกามได้เด็ดขาด
ถ้าจะละกามให้เด็ดขาด ต้องฝึกสมาธิให้ถึงฌาน 4 ให้ได้ด้วย
เพราะถ้าไม่มีฌาน 4 ยังไงก็ละไม่ได้ครับ เพราะกำลังไม่พอ

ถ้าใครละได้เด็ดขาดแล้ว คนนั้นใกล้จะเป็นพระอนาคามีแล้ว
เหลือแค่ละโกรธให้ได้อีกตัว ก็จะเป็นพระอนาคามีทันที

เมื่อใดที่ละกามได้เด็ดขาดแล้ว จะไม่มีวันกลับมากำเริบได้อีก
เมื่อละกามได้แล้ว ต่อให้เป็นนางฟ้าที่สวยที่สุดมาหา กามนั้นก็ไม่กำเริบ
ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย มนุษย์ที่สวยที่สุด เมื่อเทียบกับนางฟ้าแล้ว มนุษย์กลายเป็นลิงไปเลย

ดังนั้น ใครที่ละกามได้แล้ว ไม่มีทางกลับมากำเริบได้อีกครับ

สรุป คือ ถ้าจะละกามให้ได้เด็ดขาดต้องฝึกสมาธิให้ถึงฌาน 4 ด้วย
และ แม้ว่าชาตินี้จะละไม่ได้ แต่ก็พยายามละกามไปเรื่อย ๆ
คิดอยู่เสมอ ๆ ว่า ร่างกายนี้มันสกปรก ไม่งั้นคนเราก็ไม่ต้องอาบน้ำกัน
คิดให้เห็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยังไงก็เป็นปัจจัยให้เราสามารถละกามได้ในชาติต่อ ๆ ไปได้แน่นอน