การทดลองพลังลึกลับของพีระมิด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สมภพ, 7 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    เป็นเรื่องแปลกใจสำหรับผมมากครับ ตื่นเต้นๆๆๆๆ

    อยากให้ทำซ้ำๆ สักเยอะๆ เลย 555 บางทีก็น่าจะลองควบคุมพวก ความชื้นอ่ะไรบ้างอ่าคับ = = หรือ อุณภูมิก็ดี

    ถ้าเป็นจริง ก้าวต่อไปคงจะเข้าสู้คำถาม ทำไม ? ละนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2012
  2. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    WOW สุดยอดครับ ! กำลังหาข้อมูลอยู่พอดี
    พึ่งถอยพีระมิดจักระ หิน7 ชนิดมาพอดีเลย :cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 81138.jpg
      81138.jpg
      ขนาดไฟล์:
      538.1 KB
      เปิดดู:
      362
  3. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    หลักการของพีระมิด

    ที่มา: หนังสือ "พลังจิต ประสาน พลังพีระมิด แก้วิกฤตสุขภาพ" เรียบเรียงโดย คุณเกียรติศักดิ์ แสงสุวรรณ


    วัตถุรูปทรงพีระมิดนี้เป็นรูปทรงที่ต้องกล่าวว่า แฝงความพิสดารของการใช้งานเอาไว้อย่างมากมาย โดยคุณสมบัติสำคัญที่เกิดตามธรรมชาติของรูปทรงก็คือ

    >>>สามารถหักเหเส้นทางการเคลื่อนที่ของเส้นแรงแม่เหล็กได้
    >>>สามารถจัดระเบียบหรือจัดการเรียงตัวของเส้นแรงแม่เหล็กให้เป็นระเบียบได้
    >>>สามารถเหนี่ยวนำพลังลมปราณให้มารวมตัวกันภายในรูปทรงและบริเวณใกล้เคียงได้ดีมาก


    กล่าวคือเมื่อเส้นแรงแม่เหล็กพุ่งเข้ามาชนวัตถุรูปทรงพีระมิดแทนที่จะเคลื่อนทะลุผ่านไปยังอีกด้านหนึ่งทั้งหมด กลับถูกลักษณะของรูปทรงหักเหเส้นทางการเคลื่อนที่ให้เคลื่อนเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางเดิม เส้นแรงแม่เหล็กที่พุ่งเข้ามาส่วนใหญ่จะถูกบังคับให้เคลื่อนขึ้นไปยังบริเวณยอดแหลมของพีระมิด แล้วพุ่งออกไปตรงบริเวณยอดแหลมของพีระมิดนั้นโดยในขณะที่เส้นแรงเคลื่อนเข้าสู่พีระมิดก็จะถูกจัดเรียงให้เคลื่อนตัวอย่างเป็นระเบียบ ลักษณะการเคลื่อนตัวก็จะมีรูปลักษณ์ทั้งที่เป็นเส้นตรง เส้นโค้ง และหมุนเป็นเกลียวแตกต่างกันไปตามแง่มุมและระยะความลึกภายในรูปทรงพีระมิดนั้น

    การที่รูปทรงพีระมิดสามารถหักเหเส้นทางการเคลื่อนที่ของเส้นแรงแม่เหล็ก จัดระเบียบการเคลื่อนที่ และเหนี่ยวนำลมปราณได้ดี ก็เพราะ รูปทรงพีระมิดเป็นรูปทรงที่ไม่มีจุดศูนย์กลาง ซึ่งแตกต่างกับรูปทรงกลมที่ภายในทรงกลมจะมีจุดศูนย์กลางอยู่ ซึ่งเป็นจุดที่เมื่อวัดระยะจากขอบของรูปทรงจากทุก 360 องศาสามมิติ คือ ทั้งมิติด้านกว้าง ยาว ลึก เมื่อวัดระยะเข้ามาหาจุดศูนย์กลางแล้วจะมีระยะทางเท่ากันหมด ลักษณะของรูปทรงกลมเช่นนี้ ณ.จุดศูนย์กลาง พลังงานชนิดต่างๆสามารถมาหยุดรวมตัวกันได้ดีที่ สุด เพราะเป็นจุดศูนย์รวมแรงดึงดูดของรูปทรงและเป็นจุดศูนย์ถ่วงด้วย แต่รูปทรงพีระมิดไม่มีจุดเช่นนี้ ที่จะมีก็คือแกนกลาง ซึ่งเป็นแกนที่เชื่อมระหว่างยอดแหลมกับจุดตัด กันของเส้นทแยงมุมที่ฐานของพีระมิด

    [​IMG]


    แกนกลางนี้ เมื่อวัดระยะห่างระหว่างแกนกับขอบของรูปทรงแต่ละด้านแล้ว ระยะห่างจะมีค่ามากที่สุดเมื่อวัดที่ฐานของรูปทรง และจะมีค่าลดลงไปเรื่อยๆ จนเหลือศูนย์ที่ยอดแหลมของพีระมิด ด้วยลักษณะของรูปทรงเช่นนี้จะไม่เกิดจุดรวมพลังงาน แต่พลังงานจะเกิดการรวมตัวกันที่แกนกลางของรูปทรง ดังนั้น เมื่อเส้นแรงแม่เหล็กเคลื่อนเข้ามาในรูปทรงพีระมิด ก็จะถูกลักษณะลาดเอียงด้านหน้าตัดของพีระมิดหักเหเส้นทางการเคลื่อนที่ ถูกบีบให้เคลื่อนสู่แกนกลางแล้ว เคลื่อนขึ้นสู่ยอดแหลมของพีระมิด ถ้าเป็นพีระมิดที่ภายในรูปทรงกลวง เส้นแรงจะเข้ามารวมตัวกันเป็นแกนอย่างหลวมๆ เกิดแกนพลังเส้นแรงแม่เหล็กที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก เพราะเส้นแรงส่วนใหญ่จะเคลื่อนไปตามบริเวณขอบของรูปทรงแล้วพุ่งขึ้นสู่ยอดแหลม แต่ถ้าเป็นรูปทรงพีระมิดที่ภายในทึบหรือตัน เส้นแรงที่เคลื่อนเข้ามารวมกันที่แกนกลางจะมีความหนาแน่นและเข้มข้นกว่าพีระมิดที่ภายในกลวง คือ ยิ่งเป็นพีระมิดที่ภายในทึบหรือตันมากเท่าใด เส้นแรงก็จะเข้ามารวมตัวที่แกนกลางมากกว่าเท่านั้น เกิดเป็นแกนพลังเส้นแรงแม่เหล็กที่มีความหนาแน่นของเส้นแรงที่เคลื่อนพุ่งขึ้นสู่ยอดแหลม เกิดเป็นแกนพลังเส้นแรงแม่เหล็กที่มีความแข็งแรงขึ้น การที่เส้นแรงเคลื่อนขึ้นสู่ยอดแหลมก็เพราะที่บริเวณยอดแหลมมีปริมาณเส้นแรงพุ่งเข้ามาน้อยกว่าบริเวณฐานพีระมิด แรงดันหรือความเข้มของเส้นแรงจึงมีน้อยกว่าที่บริเวณฐานและบริเวณที่สูงจากฐานขึ้นมา แรงดันของเส้นแรงที่สะสมตั้งแต่ที่ฐานของรูปทรงจึงมีมากกว่าที่ยอดแหลม จึงขับเคลื่อนให้เส้นแรงขึ้นไปสู่ยอดแหลม ทำให้ที่ยอดแหลมกลายเป็นทางออกของเส้นแรงที่พุ่งเข้ามาในพีระมิด ส่วนบริเวณแกนกลางของรูปทรง โดยเฉพาะพีระมิดรูปทรงทึบหรือตัน ซึ่งเป็นรูปทรงที่สามารถเกิดแกนพลังได้ดีนั้น เส้นแรงแม่เหล็กที่เคลื่อนเข้ามาจะเข้ามาหมุนเป็นเกลียวที่บริเวณแกนกลาง โดยหมุนเป็นเกลียวในลักษณะทวนเข็มนาฬิกาขึ้นไปสู่ยอดแหลม เกิดเป็นแกนพลังเส้นแรงแม่เหล็กขึ้น การหมุนเป็นเกลียวของเส้นแรงแม่เหล็กบริเวณแกนกลางของรูปทรงพีระมิดนี้เองที่เป็นแรงดึงดูดให้กระแสลมปราณไหลเข้ามาสะสมอยู่ภายในพีระมิด รวมถึงเกิดการไหลเวียนของกระแสลมปราณด้วย ซึ่งทิศทางการไหลเวียนของเส้นแรงแม่เหล็กและลมปราณนี้สามารถที่จะบังคับได้ตามลักษณะการจัดวางพีระมิด

    ด้วยคุณสมบัติของพีระมิดดังที่ได้กล่าวมา ได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรูปทรงพีระมิด ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่มากพอสมควรเกี่ยวกับความลับของรูปทรงพีระมิดต่อปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการอธิบาย แต่เมื่อได้ทราบถึงคุณสมบัติของพีระมิดดังกล่าวข้างต้นแล้วก็จะสามารถอธิบายได้ เช่น มหาพีระมิดคีอ็อป ที่ เมืองกีซา ประเทศอียิปต์ พบว่าเมื่อมีสัตว์เข้ามาตายในมหาพีระมิด เช่น หนู เมื่อเข้ามาตายปรากฏว่าซากศพไม่เน่าเปื่อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมหาพีระมิดเป็นสิ่งก่อสร้างรูป ทรงพีระมิดที่มีขนาดใหญ่มาก ด้วยเป็นวัตถุรูปทรงพีระมิดที่มีขนาดใหญ่ จึงสามารถหักเหเส้นแรงแม่เหล็กได้เป็นปริมาณมาก เส้นแรงแม่เหล็กโลกที่เคลื่อนเข้ามาชนกับมหาพีระมิดจึงถูกหักเหให้พุ่งขึ้นไปยังบริเวณยอดแหลมของพีระมิด แล้วพุ่งออกไปตรงบริเวณยอดแหลมสู่อวกาศ ทำให้ภายในมหาพีระมิด มีเส้นแรงแม่เหล็กเหลืออยู่น้อยมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ สสารวัตถุที่อยู่ภายในพีระมิดจึงไม่ถูกเส้นแรงแม่เหล็กรบกวนเหมือนกับสสารวัตถุที่อยู่ภายนอกพีระมิด ดังนั้นวัตถุที่อยู่ภายในมหาพีระมิดจึงมีอัตราการ เสื่อมสลายช้ากว่าวัตถุที่อยู่ภายนอกพีระมิดมาก

    [​IMG]

    การทดลองทางวิทยาศาสตร์ของรูปทรงพีระมิดที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชะลอการเสื่อมสลายของวัตถุธาตุต่างๆ ได้ ทดลองโดยวางเนื้อหมูดิบไว้ภายในพีระมิดจำลอง 6 วัน พบว่าเนื้อหมูได้เหือดแห้งไปโดยไม่เน่าเปื่อยและสามารถนำมาปรุงอาหารได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะนอกจากรูปทรงพีระมิดได้หักเหเส้นแรงแม่เหล็กไม่ให้รบกวนอะตอมและโมเลกุลของเนื้อหมู แล้วเนื้อหมูยังได้รับพลังลมปราณที่ถูกพีระมิดเหนี่ยวนำเข้ามาทำให้เนื้อหมูไม่เน่าเปื่อยอีกทั้งยังคงสภาพสามารถนำไปทำอาหารได้
    อีกทั้งยังพบว่าพีระมิดสามารถทำสิ่งของบางชนิดที่เป็นของเก่าให้กลายเป็นของใหม่ได้ คือ การนำใบมีดโกนที่ถูกใช้แล้วเมื่อนำมาวางไว้ในพีระมิดจำลองพบว่ามีสิ่งมาลับใบมีดโกนให้คมขึ้นมาใหม่ได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะโมเลกุลของโลหะที่นำมาทำใบมีดโกนนั้นเมื่อใช้งานไปมากๆโมเลกุลที่เรียงตัวกันอยู่อย่างเป็นระเบียบจะสูญเสียความเป็นระเบียบในการเรียงตัวไป ทำให้ใบมีดลดความคม เมื่อนำมาวางไว้ในพีระมิดจำลอง โมเลกุลของโลหะจะถูกเหนี่ยวนำให้จัดเรียงโมเลกุลให้เป็นระเบียบขึ้นใหม่ ทำให้ใบมีดกลับคมขึ้น ผู้สนใจนั่งสมาธิหลายคนได้ทดลองนั่งสมาธิภายในเต็นท์รูปทรงพีระมิดหลายครั้ง พบว่าพีระมิดช่วยให้เกิดสมาธิได้เร็วกว่าปกติ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสมองและจิตใจของผู้ทำสมาธิถูกรบกวนจากเส้นแรงแม่เหล็กน้อยลงทำให้จิตรวมตัวเกิดสมาธิได้ง่าย นอกเหนือจากปรากฏการณ์เกี่ยวกับพีระมิดที่ได้กล่าวมา ยังมีการทดสอบ ทดลองเกี่ยวกับพีระมิดอีกมากมายที่ไม่ได้นำมากล่าวถึง ซึ่งผลการทดลองที่ออกมามักจะเกิดผลในทางบวกกับสิ่งต่างๆที่ได้เข้าไปอยู่ในรูปทรงพีระมิด


    เครดิต: https://sites.google.com/site/ingdhamma/ :cool:
     
  4. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=44E_um1aeTg]พลังพีระมิด (พระอาจารย์ รัตน์ฯ) โดย สถาบันพลังงานวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ - YouTube[/ame]

    :cool::cool::cool::cool::cool:
     
  5. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    ผมอาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ขอให้คิดว่า คนที่เห็นต่างก็สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกันได้

    รูปทรงปิรามิดเป็น Sacred Geometry ที่สามารถเหนี่ยวนำพลังงานลึกลับของจักรวาลได้
    พลังงานนี้คือพลังจักรวาล (Universal-Force Energy) เป็นพลังงานที่อยู่นอกเหนือกฎทางฟิสิกส์ มีความเร็วในการเดินทางสูงมากอย่างไร้ขีดจำกัด เหนือกว่าความเร็วแสงอย่างไม่อาจเทียบเคียงกันได้ (ไอน์สไตน์กล่าวว่า ในจักรวาลนี้ไม่มีอะไรที่เดินทางเร็วกว่าแสง ซึ่งคำกล่าวนี้อยู่ภายใต้กฎทางฟิสิกส์ดั้งเดิมหรือ Classical Physics, ในปี 1900 Nikola Tesla เคยพิสูจน์ว่า Radiant Energy หรือ Scalar Energy ซึ่งเป็น Longitudinal Electromagnetic wave มีความเร็วเท่ากับ 1.5 เท่าของความเร็วแสง)

    พลังจักรวาลและปิรามิดเป็นศาสตร์โบราณลึกลับของชาวแอตแลนติส (ผมเคยถามพระอาจารย์รัตน์ว่า..ท่านเคยเกิดเป็นชาวแอตแลนติสใช่หรือไม่? ท่านได้ตอบสวนกลับในทันทีว่า..ใช่)

    ความลับของปิรามิดอยู่ที่รูปทรงสามเหลี่ยมด้านเท่าหลายรูปที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นปิรามิดนั่นเอง
    แม้แต่กฎทางฟิสิกส์ดั้งเดิม จักรวาลนี้ก็สมดุลด้วยแรงสามแรงเสมอ เช่น ขาตั้งกล้องต้องมีสามขา กล้องจึงจะนิ่ง ส่วนโต๊ะที่มีสี่ขามักจะไม่สมดุล เพราะมันสมดุลได้ทีละสามขาเท่านั้น มันจึงสับเปลี่ยนการสมดุลไปมาระหว่างขาทั้งสี่..ได้ทีละสามขา

    หากนำรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า 3-5 รูปมาประกอบกันเป็นปิรามิด ก็จะได้ปิรามิดที่มีฐานเป็นสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม และห้าเหลี่ยม
    ปิรามิดที่มีพลังงานสูงสุดคือ ปิรามิดฐานสามเหลี่ยม รองลงมาคือปิรามิดฐานห้าเหลี่ยม และปิรามิดฐานสี่เหลี่ยม ตามลำดับ
    สมมุตว่ารูปสามเหลี่ยมด้านเท่าแต่ละรูปสามารถเหนี่ยวนำพลังงานได้เท่ากับ 3 หน่วย
    ปิรามิดฐานสี่เหลี่ยมสามารถเหนี่ยวนำพลังงานรวมได้เท่ากับ 3 x 4 = 12 หน่วย
    ปิรามิดฐานห้าเหลี่ยมสามารถเหนี่ยวนำพลังงานรวมได้เท่ากับ 3 x 5 = 15 หน่วย
    ส่วนปิรามิดฐานสามเหลี่ยมนั้นไม่ได้มียอดเดียวเหมือนปิรามิดฐานสี่เหลี่ยมและปิรามิดฐานห้าเหลี่ยม แต่มียอดรวมทั้งหมด 4 ยอด โดยแต่ละยอดก็มีจุดโฟกัสของพลังงานของตนเอง คือแต่ละยอดสามารถเหนี่ยวนำพลังงานรวมได้เท่ากับ 3 x 3 = 9 หน่วย เมื่อรวม 4 ยอด จึงมี 4 จุดโฟกัส สามารถเหนี่ยวนำพลังงานรวมได้เท่ากับ 9 x 4 = 36 หน่วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2014
  6. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    พลังจักรวาลมีคุณสมบัติคล้ายแสง คือมีสองสถานะ เป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาค (ที่เล็กละเอียดที่สุดและปราศจากมวล)
    ในช่วงที่พลังงานเคลื่อนที่เดินทางผ่านกาล-อวกาศ จะมีสถานะเป็นคลื่น แต่เมื่อเข้าสู่สสารใด ๆ แล้วก็จะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นอนุภาค หากเข้าไปอยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตเช่น มนุษย์ ก็จะคงสภาพอยู่เป็นเวลาประมาณ 8 ชม.แล้วจึงสลายตัวไป
    พลังจักรวาลมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นและเพิ่มสมรรถนะเซลล์ของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งสามารถทำลายเชื้อโรคได้หลากหลายชนิด เช่น รา แบคทีเรีย ไวรัส ด้วยเหตุนี้ พลังจักรวาลจึงเป็น Energy Medicine เปรียบเสมือนยาวิเศษที่สามารถบำบัดรักษาโรคได้นานาชนิด
    ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แอปเปิลหรือผลไม้อื่นที่วางไว้ในปิรามิดยังสามารถคงสภาพไว้ได้ยาวนานกว่าการวางไว้ในที่เปิดหรือในกล่องสี่เหลี่ยม การวางไว้ในกล่องสี่เหลี่ยมกลับเน่าเสียมากและมีเชื้อราขึ้น น่าจะเกิดจากอากาศไม่ถ่ายเท มีออกซิเจนน้อยกว่าการวางไว้ในที่เปิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2014
  7. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    พลังจักรวาลเป็นพลังแห่งความรักความเมตตาที่ไม่มีเงื่อนไข
    เป็นพลังแห่งความรู้แจ้ง
    เป็นเมล็ดพันธุ์ของต้นโพธิ์แห่งธรรม
    มีหลากหลายคลื่นความถี่
    คลื่นความถี่ที่สูงที่สุดคือ..คลื่นความถี่ 0 / สูญ
    พลังงานขั้นพื้นฐานที่สุด..แอบแฝงอยู่ในอากาศที่สิ่งมีชีวิตใช้หายใจ หรือที่ชอบเรียกกันว่า..ลมปราณ หรือพลังชี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2014
  8. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    สนามแม่เหล็กโลก (Magneto Sphere) เป็นเส้นแรงแม่เหล็ก เป็นพลังงานทางฟิสิกส์ และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ถูกจำกัดไว้ที่ความเร็วแสง
    สนามแม่เหล็กโลกไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการบูดเน่าของผลไม้ การเสื่อมการเสียและการบูดเน่าน่าจะเกิดจากเอ็นไซม์บางอย่างในตัวผลไม้เองและเชื้อโรคที่มีอยู่ในอากาศมากกว่า

    การอ้างอิงถึงการวางปิรามิดฐานสี่เหลี่ยมให้หันด้านแบนไปในแนวทิศเหนือใต้ตะวันออกตะวันตก กลับยิ่งเป็นการให้ความสำคัญต่อแนวเส้นแรงแม่เหล็กโลก ต้องการให้เส้นแรงแม่เหล็กโลกเคลื่อนผ่านเข้าไปในปิรามิดมาก ๆ มากกว่าการต้องการให้มีพลังงานแม่เหล็กลดน้อยลง

    แต่โดยเหตุผลที่แท้จริงแล้ว..ต้องการให้ด้านแบนของปิรามิดหันเข้าหาดวงอาทิตย์เพื่อรับพลังจักรวาลที่แฝงมากับแสงอาทิตย์ให้ได้มากที่สุดต่างหาก
     
  9. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    ยอดของปิรามิดฐานสี่เหลี่ยมและปิรามิดฐานห้าเหลี่ยมย่อมมีพลังงานพุ่งออกสูงกว่ามุมอื่น ๆ ที่ฐานของปิรามิดเสมอ เพราะยอดของปิรามิดเป็นจุดบรรจบกันของรูปสามเหลียมด้านเท่า 4-5 รูป แต่มุมที่ฐานของปิรามิดแต่ละมุมเป็นจุดบรรจบกันของรูปสามเหลียมด้านเท่าเพียง 2 รูปเท่านั้น
     
  10. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    พลังจักรวาลเป็นพลังงานทางด้านจิตวิญญาณ เพราะสามารถควบคุมการเหนี่ยวนำเข้าและการส่งออกได้ด้วยจิต ฉะนั้น จึงมีอิทธิพลต่อการทำสมาธิ
     
  11. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    นอกจากนี้ พลังจักรวาลยังสามารถช่วยเหลือให้จิตวิญญาณต่ำทีไม่มีบุญ หรือมีบุญน้อย มีพลังงานต่ำ ได้มีโอกาสเดินทางไปสู่..แสงสว่าง..(ได้ไปเกิดใหม่หรือได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น)

    พลังจักรวาลส่งผลต่อการเกษตรกรรม
    เคยทดลองส่งพลังให้ต้นมะม่วงในสนามหญ้าข้างบ้านที่กรุงเทพ ฯ เพียงแค่สองครั้ง ผลปรากฏว่า ต้นมะม่วงต้นนั้นจากที่เคยออกลูกปีละครั้ง ได้กลายพันธุ์เป็นมะม่วงสามฤดูตราบจนปัจจุบัน

    ส่วนต้นมะม่วงอายุ 40 กว่าปีอีกต้นหนึ่งที่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่กรุงเทพ ฯ เช่นกัน จากที่มันได้หยุดออกลูกมานาน 7-8 ปีแล้ว เมื่อได้รับพลังงาน มันก็กลับมาออกลูกใหม่อีกปีละร้อยกว่าลูก และรูปลักษณ์เดิมที่เคยแลดูน่ารังเกียจและรสชาดไม่ดี กลับกลายเป็นรูปลักษณ์ที่สวยงามและรสชาดอร่อย จึงแสดงให้เห็นว่า ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นต่อต้นมะม่วงในระดับ DNA
    ดังนั้น พลังงานนี้ก็น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับ DNA ต่อร่างกายของมนุษย์ด้วย
     
  12. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    ย้อนกาลเวลากลับไปประมาณสองแสนกว่าปี มีสังคมมนุษย์กลุ่มใหญ่อาศัยอยู่บนทวีปแอตแลนติส และวิชาพลังจักรวาลก็ได้กำเนิดขึ้นในสังคมนั้น

    เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มนุษย์ทั่วไปย่อมมีอวิชชา มีกิเลส ตัณหา ความโลภ โกรธ หลง อิจฉา ริษยา อาฆาต พยาบาท ประทุษร้ายต่อมนุษย์ด้วยกัน เมื่อกาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ควา่มเลวร้ายนี้ได้ขยายวงกว้างออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ บาปกรรมที่มนุษย์จำนวนมากได้กระทำไว้ ส่งผลให้ธรรมชาติแปรปรวนอย่างรุนแรง เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ จนกระทั่งทวีปแอตแลนติสต้องล่มสลายและจมหายลงไปในมหาสมุทรแอตแลนติคเมื่อประมาณห้าหมื่นกว่าปีที่ผ่านมา

    แต่ก่อนที่ทวีปแอตแลนติสจะล่มสลาย ชาวแอตแลนติสบางส่วนได้อพยพย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ในทวีปอื่น ๆ กูรูพลังจักรวาลบางคนและผู้ติดตามบางกลุ่มได้อพยพเดินทางไปอยู่ที่อียิปต์ และได้สร้างมหาปิรามิดขึ้นเพื่อเก็บรักษาวิทยาการของแอตแลนติสไว้ด้วยการจารึกอักษรภาพหรือไฮโรกลิฟ (Hieroglyph) ซึ่งคนยุคปัจจุบันเชื่อว่าเป็นอักษรอียิปต์โบราณ โดยผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณเพิ่งสามารถอ่านแปลความหมายได้เมื่อปี 1824

    นักโบราณคดีชาวอียิปต์เชื่อว่ามหาปิรามิดแห่งกีซาถูกสร้างขึ้นโดยฟาโรห์คูฟู (Khufu) เมื่อประมาณ 4,600 กว่าปีมาแล้ว เพื่อใช้เก็บพระศพ นั่นเป็นเพราะความรู้สึกชาตินิยมของชาวอียิปต์เอง
    เนื่องจากมหาปิรามิดมีพลังลึกลับพิเศษที่เกิดจากโครงสร้าง Sacred Geometry ดังนั้น จึงมีคำถามว่า..ฟาโรห์คูฟู พระองค์ได้เรียนรู้ Sacred Geometry มาจากไหน?

    ชาวแอตแลนติสบางกลุ่มได้อพยพไปอยู่ที่ทวีปอเมริกากลางและสร้างอาณาจักรมายา (เม็กซิโก) ขึ้น
    และบางกลุ่มได้อพยพไปอยู่ที่ทวีปอเมริกาใต้และสร้างอาณาจักรอินคา (เปรู) ขึ้น
    (ในช่วงเวลานั้นโคลัมบัสยังไม่ได้ค้นพบทวีปอเมริกา)

    สังเกตเห็นได้ว่า ทั้งอียิปต์ มายา และอินคา มีสถาปัตยกรรมแปลกประหลาดที่เหมือนกัน นั่นคือ มีสิ่งปลูกสร้างรูปทรงปิรามิดเหมือน ๆ กัน

    ในช่วงเวลาต่อมาเมื่อ 1,350 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในยุคของฟาโรห์อเคนาเทน (Akhenaten) พระนางเนเฟอร์ติติ (Nefertiti) พระมเหสีราชินีของพระองค์ก็ได้รับรู้ถึงพลังลึกลับของจักรวาลว่า มีแอบแฝงอยู่ในแสงอาทิตย์ อีกทั้งฟาโรห์อเคนาเทนก็ทรงนับถือเทพเจ้าอาเตน (Aten) หรือเทพเจ้ารา (Ra) หรือสุริยเทพด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2014
  13. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    Medicina Alternativa, Energy Therapy,
    Chiangmai-Atlantis Universal-Force Energy Healing Research and Training Project.
     

แชร์หน้านี้

Loading...