การทำสมาธิที่ตัวแข็งเสร็จก็ตัวหาย ถือว่าเข้าฌาณ 4 หรือยัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Dhamma2, 4 กรกฎาคม 2017.

  1. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าสงบแค่ไหนเรียกจตุตัตถฌาน ถ้าแค่รับรู้ด้วยอายตนะยังอีกไกลแต่จะงงอีกก็อายตนะประกอบด้วยตาหูจมูกลิ้นกายใจแล้วแค่ไหน...ก็เพราะไม่ได้รับรู้ด้วยสิ่งเหล่านั้นไง...อาจฟังดูยากก็เพราะมันยากไงที่จะทำได้จริง...แต่ถ้าหากคนเราแยกจิตกับใจได้จริงก็น่าจะมีลุ้น สมองคิด กับใจคิดกับจิตคิดก็ไม่เหมือนกันเพราะทั้งสามสิ่งแตกต่างกึนจริงสมองอาจคิดเพราะมาการสะสมแต่ใจคิดเพราะการเรียนรู้แต่จิตคิดเพราะเห็นพร้อมทั้งสองอย่าง สมาธิที่้ป็นสมาธิจึงเป็นการระลึกรู้และการเห็นไปพร้อมๆกัน เบื้องต้นให้น้ำหนักไปทางกายที่เป็นเหตุของอายตนะเบื้องปลายไม่ใช่และไม่ใช่เพียงบอกว่าใจเท่านั้นที่รับรู้เพราะใจก็ยังเป็นเรื่องของกายแต่ถ้าบอกว่าจิตแต่จิตมันจะแยกจากกายยังไงมันเป็นเรื่องของบุคคล ฌาน4 มันวัดกันตรงนั้น ส่วนใหญ่โง่ไปเลยไม่มีทางตอบได้ว่ามันคืออะไรแต่ใจที่ยอบจะยึดติดและคิดว่าใช่...จึงเรียกว่าติดสุขหรือติดโง่...อะไรทำนองนั้น
     
  2. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ข้อสังเกตคือ องค์ประกอบของฌานตามบัญญัติ ซึ่งตั้งไว้เพื่อเป็นเพียงข้อสังเกตแต่การสังเกตต้องไม่เอาใจหรือสมองเข้าไปยุ่งจึงจะเกิดเป็นสติเรียกว่า...ไม่รู้เหมือนกันรู้แค่ว่าดีต่อธรรมหรือเป็นไปกับธรรมตามความเป็นจริง...บางคนมีสิทธิ์แค่รู้ก็ดีถมไปแล้วจะเอาอะไรจากสิ่งที่รู้ไปใช้เพื่ออะไรเล่า...เพราะถ้าใช้เพื่อให้หลงก็หลงไปอย่างที่เป็นนั่นแหละ
     
  3. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ขณะตัวแข็งเป็น "รูปฌาน 4" ขณะตัวหายเป็น "อรูปฌาน" เรียบร้อยแล้ว (แล้วแต่สถานะ ของผู้ที่เข้าสู่อาการ)

    +++ ส่วนคนที่ตอบว่า "ยัง เพราะ ยังรับรู้อาการทางกาย" นั้น ฝึกมาแบบ "ไม่มี สติ" จึงไม่สามารถรู้อะไรได้เลย
    +++ ตรงนี้เป็น อารมณ์เด่นอารมณ์เดียว เป็น "อัปนาสมาธิ" เอกัคตารมณ์ จิตสงบก่อน กายจึงสงบตาม เป็น รูปฌาน 4 ณ ขณะตรงนี้
    +++ อาการที่บอกมานี้ เป็นอาการของ "จิตรวมใหญ่"

    +++ มีแต่ "สติ" เท่านั้นจึง เท่าทันและรับรู้ อาการนี้ได้

    +++ มันเป็นอาการที่ สัญญาดับไปแล้ว เหลือแต่ส่วนของ เวทนา ที่กำลัง รวมตัวหดเข้ามา ก่อนที่จะ ทรงตัวเสถียรภาพ แล้วจึง จางคลายหายไป

    +++ ตรงนี้เป็นส่วนของ เวทนา ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการ "ดับ คลาย ปล่อย" ของจิต

    +++ โดยปกติ มักจะเกิดกับ พระกรรมฐาน สายพระป่าหลวงปู่มั่น และ หลายท่านเคยกล่าวถึงอาการนี้ไว้

    +++ แต่ การที่จะ "รู้เท่าทัน" อาการนี้ได้ "สติ" จะต้อง "ทรงตัวอยู่ทุกขณะที่ ฌานเกิดขึ้น ฌานตั้งอยู่ ฌานดับไป"

    +++ อาการนี้ สามารถเกิดกับคนธรรมดาก็มี แต่จะ "ไม่สามารถรู้ ต้นสาย-ปลายเหตุ" ได้เลย
    +++ ก่อนตัวหาย เป็นฌาน 4 หลังตัวหาย เป็น "จิตรวมใหญ่"

    +++ ผลลัพธ์สิ้นสุด เป็นอาการที่ ไร้สัญญาและเวทนา ไปเรียบร้อยแล้ว

    +++ ผู้ที่ได้ มหาสติปัฏฐาน 4 มาอย่างสมบูรณ์ จะล่วงรู้กระบวนการทางจิตตรงนี้ได้ทุกขั้นตอน

    +++ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการของ การเดินจิต เข้าสู่ "วิชชา" ที่มีอาการ "รู้" โดดเด่นเป็น อาการเดียว (ต่างจาก วิญญาณัญจายตนะ ที่ยังมี สัญญาและเวทนา ได้)

    +++ ส่วนผู้ที่ "ไม่มีสติ" เป็นองค์ประกอบ จะตกเข้าสู่อาการที่เรียกว่า "ไม่รู้อะไรเลย" อันเป็นอาการของ "อวิชชา" และไม่สามารถมี สิ่งถูกรู้ เข้ามาอ้างอิง ในสภาวะนี้ได้

    +++ หวังว่า จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ถามมา พอสมควร นะครับ
     
  4. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221


    รู้ให้มาก รู้ให้ชัด รู้ให้ชัดเจน
    จนเห็นแจ้งในสาระ แล ไม่ใช่สาระ
    แจ้งแล้วพึงละเสีย
    .....
     

แชร์หน้านี้

Loading...