การนั่งสมาธิจนสำเร็จถึงขั้นฌาณ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Electronic, 12 ธันวาคม 2012.

  1. Electronic

    Electronic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +165
    ใช่ว่าจะได้ทุกคน การฝึกสมาธิ ก็เหมือนกับการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่นการเรียน สมมุติทุกคนกำลังเรียนวิชาเดียวกัน ก็ใช่ว่าจะเก่งเท่ากันทุกคน มันขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่นสติปัญญาของผู้เรียน การฝึกฝน ฯลฯ ทีนี้มาเปรียบกับการฝึกสมาธิ การที่ท่าได้รู้จักคำว่า ฌาณ ก็มีความหมายคล้ายๆ คำว่า ชำนาญ ซึ่งอย่างที่เราได้ยินว่า ฌาณ1 ฌาณ2 ฌาณ3 ฌาณ4 นั้น หมายถึงระดับความชำนาญ ความเก่งกล้า แน่วแน่ในสมาธิ 4 ขั้น ถ้าเปรียบเปรยผลการเรียน ก็เกรด 1-4 แหล่ะ ดังนั้นถ้าใครเรียนวิชาใดๆแล้วได้เกรดดีๆ เช่นเกรด 4 ก็แสดงว่าเป็นคนที่มีปัญญามากตามเกรด แล้วถ้านำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ได้อย่างชำนาญ นั่นก็เปรียบเราได้อภิญญา เพราะคำว่า อภิญญา มาจากคำว่า อภิ + ปัญญา นั่นคือปัญญาความรู้อันยิ่งยวด ถ้าเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆอีกอย่าง เช่นการหัดเล่นดนตรี บางคนฝึกฝนไม่นานก็เล่นเครื่องดนตรีได้อย่างเพราะพรี้ว แล้วก็จะเกิดเอกลักษณ์เฉพาะตนขึ้นมา เช่น คนเล่นกีตาร์บางคน ไม่ต้องดูคอร์ดกีตาร์ในหนังสือเพลง จะเล่นเพลงอะไร ก็จะรู้ว่าจะใช้คอร์ดอะไรเอง บางคนเป็นมือโซโล จะโซโลเพลงอะไร นิ้วก็พาไปกดตำแหน่งสายเองอัติโนมัติ นี่ก็คืออภิญญาที่ได้ของนักดนตรี แต่บางคนหัดเล่นกีตาร์เหมือนกัน จะกี่ปี กี่วัน ฝีมือมันก็ยังเท่าเดิม ไม่ก้าวหน้า แต่ก็ไม่ถอยหลัง เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้ สิ่งที่คนมักจะพูดก็คือ พรสวรรค์ คำนี้ก็เปรียบได้กับการที่เราชาวพุทธบอกว่ามีของเก่าแต่ชาติปางก่อนทำมา หรือบุญเคยทำมา ดังนั้นจะเห็นว่าบางคนนั่งสมาธิแล้วไม่นานแล้วเกิดความสำเร็จแตกต่างกัน บางคนเร็ว บางคนช้า ก็เป็นเหตุแห่งนี้แหล่ะ บางคนนั่งสมาธิ ฝึกมานานเท่าใด ก็เหมือนว่าอยู่แค่ระดับขนิกสมาธิเอง ดังนั้นใครที่ยังไม่สำเร็จอะไร ก็ไม่ต้องทุกข์ใจอะไร บำเพ็ญเพียร ทาน ศีล ภาวนา ให้ดีต่อไป แรงบุญที่เราทำ ก็อาจจะไปส่งเสริมเรื่องอื่นๆ เช่น ความก้าวหน้าในสัมมาอาชีพ แคล้วคลาดจากภยันตราย แทน เป็นต้น คำศัพท์ที่มักใด้ยินในอารมณ์ของฌาณที่เรามักจะได้ยิน เช่น วิตก วิจาร คำว่าวิตกนี้ ถ้าเปรียบง่ายๆในการหัดกระทำสิ่งใดๆ เช่น คุณกำลังหัดขับรถ แน่นอน คุณก็ต้องวิตกของการหัดขับรถว่า เวลาใสเกียร์ต้องทำอย่างนี้ เหยียบเบรคอย่างนั้น หมุนพวงมาลัยอย่างนี้ นั่นก็คือต้องทำตามรูปแบบหรือกฏ ในทางสมาธิแบบอาณาฯ เช่นหายใจเข้าต้องท่อง พุทธ หายใจออกต้องท่อง โธ แล้ววิจารคืออะไร วิจาร ก็คือ พอทำตามรูปแบบของอารมณ์วิตกชินแล้ว เราก็สามารถประเมินผลของการทำตามรูแบบได้ หรือพูดง่ายๆว่าติเตียนเป็นแล่ะ เช่นใส่เกียร์รถ ก็จะรู้ว่าผลักคันเกียร์แรงไป หมุนพวงมาลัยช้าไป เหยียบเบรคเร็วเกินไป เป็นต้น ถ้านั่งสมาธิแบบอาณาฯ ก็วิจารหรือรู้ได้ว่าหายใจแรง หายใจค่อย ท่องพุทโธ เสมอต้นเสมอปลายไหม เป็นต้น และถ้าผ่าน อารมณ์ วิตก วิจาร แล้ว และเริ่มชำนาญ ต่อมา เราก็จะผ่อนคลาย คือเกิดปิติ หรือ ยินดี ว่าขับรถเริ่มสนุกล่ะ เป็นต้น ก็มาเล่าเปรียบอุปมาอุปมัยกับกิจกรรมใกล้ตัวกับเรื่องของสมาธิ เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ ซึ่งผมเชื่อว่า จะสร้างความเข้าใจได้ดีกว่าการพูดเนื้อหาสมาธิล้วนๆ
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เห็นภาพ แล้วจะเข้าใจในฌานได้จริงหรือ?
     
  3. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    การปฏิบัติแบบใดก็ได้ฌาน

    ฌาน1ประกอบด้วยองค์5ประการได้แก่ วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกกัคตา
    สมมุติใช้ภาวนาว่า หนึ่ง-สอง ตามลมหายใจ ข้อวิตกวิจารย์ในองค์กำหนดหรือลมหายใจก็เป็นวิตก วิจารย์ เมื่อเริ่มปฏิบัติก็เริ่มเข้าฌานที่1 หากละวิตกวิจารณ์ไปก็เข้าฌานที่2 แต่หากมีองค์กำหนดไม่ว่าแบบใดจะไปขั้นสูงเพียงรูปฌานคือฌานที่4ครับ ชั้นอรูปฌานไม่มีองค์กำหนด
    ผมไม่ตอบตามตำราแต่ตอบตามสภาวะธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2013
  4. reindear

    reindear เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +173
    สงสัยค่ะ มีฌาณพวกนี้แล้วจะบรรลุนิพพานมั้ยคะ
    ฌาณกับนิพพานเกี่ยวข้องกันอย่างไร
     
  5. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    วิโมกข์ 8
    ความหลุดพ้น, ภาวะที่จิตปลอดพ้นจากสิ่งรบกวนและน้อมดิ่งเข้าไปในอารมณ์นั้นๆ อย่างปล่อยตัวเต็มที่ ซึ่งเป็นไปในขั้นตอนต่างๆ

    1. ผู้มีรูป มองเห็นรูปทั้งหลาย
    2. ผู้มีอรูปสัญญาภายใน มองเห็นรูปทั้งหลายภายนอก
    3. ผู้น้อมใจดิ่งไปว่า งาม
    4. เพราะล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไป เพราะไม่ใส่ใจนานัตตสัญญา จึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ โดยมนสิการว่า อากาศหาที่สุดมิได้
    5. เพราะล่วงเสียซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ โดยมนสิการว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้
    6. เพราะล่วงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ โดยมนสิการว่า ไม่มีอะไรเลย
    7. เพราะล่วงเสียซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอยู่
    8. เพราะล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่

    ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
    http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=298

    ไม่มีอะไรเพียงแต่พระอรหันต์ทั้งหลายเข้าออกฌาน ก่อนดับขันต์ปรินิพานแม้พระศาสดาก็ด้วย สำคัญหรือไม่บันฑิตรู้ได้เอง
    วิชชา๓ก็ได้ทำให้ได้สักวิชชาก่อน ปุุพเพนิวาสนุสติ /ทิพย์จักษุ/อาสวขยญาณ
    ไปฝึกดูผมได้ฌาน และบุฟเพนิวาสานุสติ ในไม่กี่เดือน และมีคนได้สูงกว่าบุฟเพนิวาสานุสติกว่าร้อยท่านแล้วที่ผมรู้ จริงๆอาจเป็นพันท่านส่วนมากเป็นพระ
    http://palungjit.org/threads/เข้าฌาน-แล้วระลึกชาติ.363781/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2013
  6. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ถ้าฌาน 1-4 อาการของสมาธิเป็นแบบนี้ คือ นิ่ง สงบ ไม่รับรู้ถึงลมหายใจ หรือ รับรู้ลมหายใจแต่แผ่วเบา กายเบาสบายเหมือนตัวลอย ได้ยินเสียงต่างๆรอบข้างแต่ไม่ใส่ใจ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ ผมว่า ฌานที่คุณๆเข้าใจกันมันโคตรง่าย และกระจอกจริงๆ แบบนี้เรีกว่า ฌานกระจอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2013
  7. Enjjoy

    Enjjoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +185
    พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ขณิกสมาธิ, อุปจารสมาธิ, อัปปนาสมาธิ สมาธิขั้นต้นที่พุทธเจ้าสอนเริ่มจาก...ปฐมฌาน
    พระพุทธเจ้าสอนอานาปานสติ ไม่มีสอนให้ใช้คำบริกรรม ให้มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม

    สมาธิในแบบที่พระพุทธเจ้าสอน มี ๙ ระดับ
    รูปสัญญา (เป็น สัมมาสมาธิ คือ ฌาน ๑ - ฌาน ๔ แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้ามถ้าจะทำถึง อรูปสัญญา)
    ๑.ปฐมฌาน
    ๒.ทุติยฌาน
    ๓.ตติยฌาน
    ๔.จตุตถฌาน
    ต้องการหลุดพ้น พระพุทธเจ้าสอนให้เธอเห็นการเกิดดับของขันธ์ทั้ง ๕ ในฌานทั้งสี่ (๑ - ๔ ได้หมด)
    ต้องการอภิญญา เข้า-ออก ฌาน ๔ ให้คล่องอยู่เป็นประจำ

    อรูปสัญญา (ในพระไตรปิฎกใช้อรูปฌาน แต่ในบาลีใช้..อรูปสัญญา..ถ้าสงสัยเปิดบาลีดูได้ ฌานมีเพียง ๑ - ๔ เท่านั้น)
    ๕.อากาสานัญจายตนะ
    ๖.วิญญาณัญจายตนะ
    ๗.อากิญจัญญายตนะ
    ๘.เนวสัญญานาสัญญายตนะ
    ๙.สัญญาเวทยิตนิโรธ
    ต้องการหลุดพ้น พระพุทธเจ้าสอนให้เธอเห็นการเกิดดับของขันธ์ทั้ง ๔ (รูปไม่มีในนี้)
    ใครทำได้ถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ และ สัญญาเวทยิตนิโรธ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนต่อให้ผู้นั้นพึงเข้า-ออกๆสมาธิขั้นนี้ให้ชำนาญจะรู้อะไรได้เอง

    สมาธิแต่ละขั้น คือ สัญญาอย่างหนึ่งเกิดขึ้น สัญญาอย่างหนึ่งจะดับไป การเข้าไปหมายรู้ในธรรมชาติที่ละเอียดขึ้น จิตละเอียดขึ้นได้เพราะวางความพอใจในอารมย์ต่างๆได้
    ๑.ปฐมฌาน อกุศลในใจดับไป วางความคิดอกุศลได้
    วิธีสังเกตุ ปฐมฌาน
    มุมแรก
    - วาจาดับ ไม่พูด
    - เสียงไ่ม่เป็นอุปสรรค
    - จิตไม่เป็นอกุศล คือ ความคิด กาม, พยาบาท, เบียดเบียน
    ุมุมที่สอง
    - ระงับนิวรณ์ทั้ง ๕ ได้

    ๒.ทุติยฌาน วิตกวิจารดับไป วางวิตกวิจารได้
    วิตกวิจาร คือ ระดับของความคิดไปในทางกุศล เช่น การไคร่ครวญธรรมะ, การพิจารณากาย, การพิจารณาโดยความปฏิกุล ฯลฯ
    ตัวอย่าง ยกกายขึ้นมาพิจารณา เรียก วิตก พิจารณาต่อไปเรื่อยๆว่ามันเป็นของไม่เที่ยง มีปฏิกุล น้ำเลือด น้ำหนอง นี้เรียกว่า วิจาร เป็นต้น

    ๓.ตติยฌาน ปิติดับไป วางปิติได้
    ปิติ คือ อาการเบาสบาย แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เย็นซาบซ่านไปทั้งตัว ปีติเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ปฐมฌาน แต่ความละเอียดจะต่างกับทุติยฌานและดับลงในตติยฌาน
    อาการ "ปีติ" (อาการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน) สำหรับผู้เขียนเอง เหมือนเอาแป้งเย็นตรางูใส่น้ำแล้วเอามาปะให้ทั่วตัว

    ๔.จตุตถฌาน สุขในสมาธิดับไป หรือ ลมหายใจเข้า-ออกดับไป (ลมหายใจเป็นอุปสรรคต่อฌานขั้นนี้)
    รูปขันธ์จะยังไม่ดับสนิทแต่อยู่ในขั้นเกือบสนิทในฌานขั้นนี้ จะดับสนิทในอากาสานัญจายตนะ ที่บอกว่าเข้าฌานแล้วแขนขาไม่มีนั้นแสดงว่าจิตมันกำลังวางพวกธาตุดิน, ธาตุลม ฯลฯ หรือรูปขันธ์นั่นเอง

    เกณฑ์วัดสอบพระพุทธเจ้าได้วางเอาไว้แล้ว แต่เราไปเอาเกณฑ์ของใครมาวัดก็ไม่รู้
    เลยคิดว่าฌานเป็นเรื่องที่มันยากแสนยาก และใช่ว่าในฌาน ๑ - ๔ จิตจะรับรู้อารมย์อื่นไม่ได้
    จิตรับรู้อารมย์อื่นได้อยู่ เช่น พอใจบ้าง, ไม่พอใจบ้าง, คิดเรื่องอดีตบ้าง, คิดเรื่องอนาคตบ้าง,
    คิดปรุ่งแต่งบ้าง (ที่ไม่เป็นอกุศล กาม, พยาบาท, เบียดเบียน) แต่จะน้อยมากๆ
    ไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าจะสอนหรือว่า ..."ให้เธอตามเห็นการเกิดดับของขันธ์ทั้ง ๕ ในฌานทั้งสี่"
    มีเพียง...สัญญาเวทยิตนิโรธ...เท่านั้นที่ไม่มีการเกิดดับของขันธ์เพราะมีเพียง สังขาร กับ วิญญาณ จับกันอยู่
    จิตที่นิ่งๆ ถามว่ายังมีการปรุงแต่งอยู่หรือไม่ ยังมีอยู่ ปรุงแต่งว่าอะไร ปรุงแต่งว่า...นี้เป็นเรา


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง ทุติยฌานบ้าง ตติยฌานบ้าง จตุตถฌานบ้าง อากาสนัญจายตนฌานบ้าง ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2013
  8. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    คำถามที่ว่าการนั่งสมาธิสำเร็จถึงขั้นฌานแล้วเปรียบกับการได้เกรด ๑-๔ ได้ไหม?
    ขอตอบว่า...ยังไม่ตรงนักค่ะ

    การได้ฌานถือว่าเป็นความสำเร็จของผู้ฝึกในระดับหนึ่ง
    แต่การได้ฌานยังไม่ได้หมายถึงการได้ปัญญาจากการปฏิบัติธรรมนะคะ
    เพราะฉะนั้นการให้เกรด ๑-๔ ก็ดูจะเร็วเกินไป
    เปรียบเหมือน ๑ เทอม เราสอบสองครั้ง ครั้งแรกสอบกลางเทอม ครั้งที่สองสอบปลายภาค
    การสอบผ่านกลางภาคอาจจะได้คะแนนดีก็จริง แต่ครูเขาก็ยังไม่ได้ตัดเกรดนะคะ


    ทำไมเราต้องฝึกการเข้าฌานและออกฌาน? เคยคิดกันไหมคะ?
    นั่นเป็นเพราะเมื่อจิตสงบระงับจากนิวรณ์ด้วยอำนาจของฌานแล้ว
    เราจะสามารถใช้ปัญญาได้อย่างชัดเจน แจ่มใส และมีกำลังค่ะ
    ปัญญาคือการใช้วิปัสสณาญาณ.... คือการพิจารณาทุกจริงทุกอย่างตามความเป็นจริง
    เช่นการพิจารณาอริยะสัจ ๔ การพิจารณาร่างกายว่ามีแต่ความสกปรก เป็นรังของโรค เป็นต้น

    เมื่อเราใช้อำนาจฌานได้แล้วก็เปรียบเหมือนเรามีกำลังใช้ข่มกิเลส
    หลังจากนั้นเราก็ต้องใช้วิปัสสณาญาณเข้าตัดกิเลสค่ะ
    จึงจะถือว่าเราได้สอบผ่านหนึ่งเทอมและได้เกรดจากอาจารย์นะคะ


    สรุปง่าย ๆ ว่าขอให้น้องทำฌานให้เกิดกำลังขึ้นทางจิตก่อนค่ะ
    (เข้าใจว่าน้องน่าจะทำได้แล้วนะข้อนี้)
    เสร็จแล้วนำอารมณ์นั้นมาพิจารณาวิปัสสณาญาณเพื่อให้เกิดปัญญา
    น้องจะไปได้ไกลกว่านี้แน่นอนค่ะ ... อย่าไปติดแค่ฌานนะ
     
  9. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    เกี่ยวข้องกันครับ
    ฌานมีทั้งหมด ๙ ระดับ
    ฌาน ๑-๔ เป็นรูปฌาน เป็นฌานที่อาศัยรูปเกิดเป็นองค์ฌาน เป็นโลกียฌาน
    ฌาน ๕-๘ เป็นอรูปฌาน เป็นฌานที่ไม่อาศัยรูป อาศัยนามคือความคิด จิตใจหรือวิญญาณเกิดเป็นองค์ฌาน เป็นโลกียฌาน
    ฌาน ๙ คือสัญญาเวตยิตนิโรธฌาน ฌานนี้ดับความคิด ดับจิต ดับใจ ดับวิญญาณ ในมโนทวาร หรือฌานนิโรธสมาบัติ หรืออนุปาสนิพพานธาตุ เป็นโลกุตรฌาน
     
  10. rungreaungnu

    rungreaungnu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +10
    ผมก็เป็นเหมือนกัน เวลาผมนั่งสมาธิจะรู้สึกมีมดเกาะหน้า เเล้วตัวจะเหมือนโดนคลื่นซัด
    พอนั่งไปนั่งมา รู้สึกเหมือนตัวเองหยุดหายใจ เเล้วก็ได้กลิ่นหอมมาก เเล้วกลิ่นก็หายไป
    เเล้วก็มีกลิ่นเหม็นมาเเปปเดียว อาการเเบบนี้คืออะไรหรอครับ
     
  11. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +3,776
    เวลาเล่นดนตรี เช่นกีตาร์ บางทีฝีมือไม่พัฒนามากขึ้น ก็เป็นเพราะการฝึกของเรามันไม่ช่วยให้พัฒนา
    ให้ไปแก้ที่วิธีฝึก
    ทำสมาธิก็ไม่รู้เหมือนกันมั้ย
    แต่อิทธิบาท๔ มันต้องมี โดยเฉพาะข้อวิมังสา
     
  12. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
  13. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    555
    คุณตลกดีครับ แต่ควรพูดต่อให้จบนะครับ รอฟังตอนท้ายอยู่
    ตามพระไตรปิฎกว่าไว้ ญาณหนึ่ง คือ อาการมีอยู่ทั้งห้าอย่าง คือ
    วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
    ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า เริ่มแรกมีเต็มห้าอย่าง แล้วค่อยหายไปทีละอย่าง ตามการเข้าญาณ จนถึงญาณสี่ อันนี้ตามตัวหนังสือครับ

    แต่เวลาที่เราปฎิบัตจริงๆ
    ให้พิจารณาแค่นี้จะง่ายกว่า ในการจดจำญาณ คือ
    ญาณขั้นที่หนึ่ง เน้น วิตก คือ คำภาวนา
    ญาณขั้นที่สอง เน้น วิจาร คือ พิจารณาลมหายใจเข้าออก แล้วละทิ้งคำภาวนา
    ญาณขั้นที่สาม เน้น ปิติ คือ อาการแปลกต่างๆ ที่เรารู้สึกได้
    ญาณขั้นที่สี่ เน้น สุข คือ ความสุขที่เกิดจากการเข้าญาณ ตัดอาการต่างๆ ได้ จิตนิ่งเป็นหนึ่งเดียว ไม่รับรู้อาการภายนอกต่างๆ อีก เหลือจิตดวงเดียว ไม่คิดออกนอกไปไหนอีก เกิดอาการ ดับ เกิดขึ้น
    ขั้นต่อไปเรียก เอกัคคตา คือ จิตตั้งมั่น สามารถเข้าญาณนานๆได้ วสี เกิดในขั้นนี้ครับ หากฝึกจนได้วสี จะเกิด ฌาณ หรือ อภิญญาต่างๆ หากตอนตายยังเข้าญาณในนั้นอยู่ จะไปเกิดเป็นพรหม และพวกพราห์ม สามารถเข้าได้ถึงขั้นนี้
    ครับ โดยอาจารย์พราห์มของพระพุทธเจ้า จนกระทั่้ง บัดนี้ ยังเป็นอรูปพรหมอยู่
    ครับ พระพุทธมิอาจสั่งสอนอรูปพรหมได้ เพราะไม่มีความรู้สึกนึกคิด ไม่เหมือนพรหม หรือเทวดาต่างๆ สามารถสอนได้



    ในทางพระเราเรียก ญาณ กับ ฌาณ แยกกันครับ
    ญาณ ใช้เรียกใช้เรียกในขณะฝึก เช่นการเข้าญาณ ไม่ใช่ เข้าฌาณ ครับ

    ส่วน ฌาณ คือ อภิญญาต่างๆ ที่เกิดหลังจากที่ท่านได้วสี หรือการ เข้าออก
    ญาณจนคล่อง ถึงตอนนี้ฌาณจะเกิดขึ้น
     
  14. เอฟดำ

    เอฟดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    310
    ค่าพลัง:
    +1,328
    ไม่รู้ว่าฌาณไหนแต่นั่งสมาธิทีไร เหมือนจะเป็นลม วูปๆเหมือนจะสลบล้มไปกองกับพื้นซักพักขนลุกอีกแล้วสลับไปสลับมาจนสมาธิหลุด แต่มีครั้งนึงเหมือนหลับแต่ไม่หลับนะ(หลับใน) สบายๆไม่รู้สึกปวดหลังปวดขาเลย เหมือนไปที่ไหนซักแห่งนึงต้นไม้ใหญ่หญ้าเขียวแล้วก็ออกจากสมาธิเลยแบบว่า หลุดออกมาเลย สงสัยหลอนไปเอง
     
  15. mngo

    mngo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,335
    "การฝึกสมาธิ ก็เหมือนกับการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน" ชอบคำนี้จริงๆครับ สาธุ
     
  16. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ดิฉันนั่งสมาธิ ไม่เคยรู้ ไม่เคยสนใจเลยคะ ว่าตนเองระดับใหน

    แต่ที่รู้ๆ เวลานั่งแล้วเป็นแบบนี้คะ
    -บางครั้ง ก็เห็นดวงแสงกลมๆ คล้ายๆดวงจันทร์
    -บางครั้ง ก็เห็นเป็นแสง หลากหลายสี เป็นจุดกลมๆเล็กๆ เหมือนเม็ดทราย พุ้งเข้าใส่หน้า
    -บางครั้ง ก็เห็นพระสงฆ์
    - บางครั้งก็เห็นท้องฟ้า เหมือนคล้ายๆพระอาทิตย์กำลังขึ้น
    - บางครั้ง ก็เหมือนมีตัวอะไรสักอย่าง ตัวเล็กๆ วิ่งยุบยิบๆๆอยู่ทั่วไบหน้า
    - บางครั้ง ก็รู้สึกหน้าตาบิดเบี้ยว แก้มพองขึ้นไปถึงตา
    - บางครั้งตัว ก็โยกโคลงเคลง จะหงาย จะคว่ำ ดิ่งลงวูบ ตั้งตัวแทบไม่ทัน
    - บางครั้ง ภาวนาอยู่ จู่ๆก็หยุดภาวนาไปเฉยๆ ทั้งๆที่ก็รู้ตัว ว่าไม่ภาวนา
    - บางครั้ง นั่งสมาธิอยู่ ก็มองเห็นตัวเอง นั่งสมาธิอยู่ต่อหน้า
    - บางครั้ง ก็ตัวหายไป แต่รู้ตัว มีความรู้สึกว่าเราอยู่ที่ใหน ทำไมไม่เห็นอะไรเลย มืด ว่างเปล่า

    นี่แหละคะ เวลานั่งสมาธิ จะเจอสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่รู้หรอก ว่าเป็นสมาธิระดับใหน อยากนั่ง ก็นั่งไปเรื่อยๆๆคะ แต่ถ้ามีผู้รู้มาบอกได้ก็ยินดีมากคะ
     
  17. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ืทำได้โอเคแล้วครับ กลับไปทำแบบเดิมใหม่ ถ้าเหนรุปข้างในเขาเรียก นิมิตร มีรุปเปนเครื่องหมาย แต่ถ้าทางกลิ่นที่ร้ได้ เรียก "ฆานสัมผัส" คือ - อาการที่ จมูก กลิ่น และฆานวิญญาณประจวบกัน ไม่ว่ากลิ่นนั้นจะมีจริงหรือไม่ก้ตาม กลิ่นหอม กลิ่นเหม็น เปนสิ่งสัมผัสได้เร็วเวลาที่จิตกำลังรวม  แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือ เหนความเปลี่ยนแปลงในส่ิงที่สัมผัส

    - *ร้สึกเหมือนตัวเองหยุดหายใจ สักพัก กลับมาหายใจปกติ **

    - --**เเล้วก็ได้กลิ่นหอมมาก เเล้วกลิ่นก็หายไป **

    ----- ***เเล้วก็มีกลิ่นเหม็นมาเเปปเดียว [เปลี่ยนจากหอมกลายเปนเหม็น]***
    นั่งเพียงครั้งเดียว แต่เหนความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง หลายสภาวะ จากตอนที่จิตของเราตอนนั้นกำลังนิ่ง จะเหนความไม่เที่ยงภายในด้วยตัวเอง

    ไม่ว่าผู้นั้นจะปฏิบัติเพื่อเอาฌาน หรือเอา ญาณ ยังไงก้ต้องผ่านสภาวะอนุบาลเหล่านี้ก่อนทั้งนั้น

    อาการแบบนี้เปนอาการของคนเกือบจะได้ฌาน หา่งแค่เส้นยาแดงเท่านั้น อย่าไปคิดว่ามันกระจอกธรรมดา ทำให้ได้ถึง "อัปนาสมาธิ" ได้(จิตรวมครั้งใหญ่ได้ กลายเปน ."ฌานไม่กระจอก" แทน)
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นำศัพท์บาลี ไปใช้ในความหมายอย่างไทย มันก็ผิดน่าซี่

    วิตก วิจาร เป็นภาษาบาลี มีความหมายของเขาเอง

    วิตก ความตรึก, ตริ, การยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ หรือปักจิตลงสู่อารมณ์ (ข้อ ๑ ในองค์ฌาน ๕) การคิด, ความดำริ, ไทยใช้ว่าเป็นห่วงกังวล


    วิจาร ความตรอง, การพิจารณาอารมณ์, การตามฟั้นอารมณ์ (ข้อ ๒ ในองค์ฌาน ๕)
     
  19. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    การจะเป็นพระโสดาบัน-พระสกิทาคามีได้นั้น จะต้องได้สมาธิขั้น ฌาน 1 ขึ้นไป
    การจะเป็นพระอนาคามี-พระอรหันต์ได้นั้น จะต้องได้สมาธิขั้น ฌาน 4 ขึ้นไป

    จึงจะเป็นได้

    เพราะฌานเป็นกำลังที่จะมาหนุนปัญญาให้สามารถตัดกิเลสให้เด็ดขาดได้นั่นเอง
     
  20. พิตจินันท์

    พิตจินันท์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ได้มีอาการ ทีสัมผัสได้ในการทำสมาธิ มา เหมือนในฌาน123 คือ ร่างกาย เกิดความปิติ ได้กลิ่นหอมขคล้ายดอกไม้ มีไอเย็น ตัวชาตั้งแต่หัวลงมาถึงปาก ร่างกายไม่รับรู้ความเจ็บปวด เหมือนตัวเราเป็นโพรง แล้วผ่านไป ก็ได้ยินเสียง ขณะทำสมาธิ แทรกมาเป็นเสียงคล้าย ภูติผี มากระซิบหูขวา แล้วผ่านไปจึงกลัว และจึง ไม่มีความ กล้าที่จะทำต่อ ต่อมาได้ชม วิดีโอของพระอ.ท่านหนึ่ง ท่านสอนให้เข้าถึง ฌาน4 โดยเนื้อหาของวิดีโอ ได้ กล่าวคำ สรรเสริญ และขอให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จ องค์พระปฐม ได้โปรดมาสั่งสอน วิธี การทำสมาธิ โดยกำหนดจิตให้เห็นเพียง รูป และแสงของพระองค์ ในสมาธิ จู่ๆจึงทำได้อีกครั้ง โดยในสมาธิ ไม่ปรากฏภาพใดๆ ความรู้สึกดับไป เหลือเพียง ความสงัด และแสง ที่สว่างคล้ายหมอกบางๆ เย็นๆ อยู่สักพัก และจึงขอออกจากสมาธิ เพราะท่านเตือนว่า ต้อง บอกกล่าว ว่าจะทำนานเท่าไหร่ เพราะบางที เราอาจไม่รู้ตัวเอง ปล่อยให้เวลาพ้นเลย เกิน ที่เรากำหนด แล้วจึง ตามด้วยกล่าวคำขอบคุณ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเทพเทวดาประจำตัว และคำ แผ่เมตตา พออีกวัน ทำสมาธิ อีกครั้ง แต่ไปไม่ถึงฌาน4นั้นอีก และรู้สึกปวดมือ และขามาก จึงขอ หยุดก่อน จึงได้รู้ว่า ฌานคือการ ฝึกฝนสมาธิค่ะ ให้ตั้งมั่น เพื่อความสงบ ของจิตใจ ตัดแล้วซึ่งสิ่งต่างๆ แม้แต่อดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต อากฟังคลิปของ พระอาจารย์ ท่านนั้น ลอง พิมไปในYouTube ว่า การเข้าถึง ฌาน4 ในครึ่งชั่งโมง ท่านสอนดีค่ะ แต่ต้องผ่านฌาน 3มาก่อนนะพ.ค.จึงจะฝึกได้ ส่วนจะยากง่าย คงขึ้นอยู่กับจิตของแต่ละคน ว่าเป็นคน ละ...ได้มากน้อย นะคะ สาธุ อนุโมธนาบุญ ทุกๆท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2017

แชร์หน้านี้

Loading...