การนั้งสมาธิ แบบไหนให้ผลดีกว่ากัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชั่งเถอะ, 2 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    อยากนั่งสมาธิได้นานขึ้น อยากพิจารณาให้ได้นานขึ้น อยากสงบในสมาธิทุกๆครั้งที่นั่ง อาการอยากไว้ก่อนพวกนี้แหละตัวอุจธัจจะชั้นยอด

    วางใจใหม่ว่าฉันจะทำไปเรื่อยๆ วันนี้ได้ดีแค่ไหนพอใจแค่นั้น แบบนี้ถึงจะเรียกว่า ฉันทะ แล้วอีก3จะค่อยๆตามมา
     
  2. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ถ้าไปเอาประวัติสายพระป่าท่านมาเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติ ทุกรูปที่ท่านได้ดีท่านตั้งหน้าตั้งตาลงมือปฏิบัติไปเรื่อยๆทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาบุญบารมีพร้อมถึงท่านจะอยากบรรลุหรือไม่ เมื่อสร้างเหตุถึงพร้อมแล้วผลก็ย่อมจะหลีกหนี้เว้นไปจากเหตุไม่ได้ฉันนั้น
     
  3. คุณกันฌามี

    คุณกันฌามี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +65
    นิพานเลยเหรอ ต้องกลับมาทำความเข้าใจกับตัวเราเองก่อนครับ อยากไปนิพาน หรือ แค่อยากนั่งสมาธิให้ได้นาน หรือ แค่อยากเข้าใจเรื่องสมาธิ ......... แล้วกลับมาตอบคำถามของตัวเราเอง ถ้าเราจริงจังเรื่องนิพานต้องออกบวชหรือป่าว ถ้าเราแค่อยากนั่งสมาธินานเราต้องนั่งแบบสบายๆไปเรื่อยๆหรือป่าว ถ้าเราเพ่งละจะเป็นยังไง

    ผมว่าคุณน่าจะมีคำตอบอยู่แล้ว แค่ไม่มั่นใจละมั้ง :)
     
  4. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ว่าที่จริงแล้วเจ้าของผู้ตั้งกระทู้เขาก็รู้อยู่หรอกว่าวิธีปฏิบัติมันทำยังไง เขารู้ในใจอยู่แล้ว แต่ที่มาตั้งกระทู้ถามเพราะว่าผลของการปฏิบัติที่มันยังได้ไม่ดั่งใจหวัง คืออยากจะไปเร่งให้ผลมันเกิดขึ้นดั่งใจไวๆดั่งใจปรารถนา แล้วจึงย้อนมาตั้งกระทู้ถามคนอื่นๆเขาให้ลองตอบดู แต่ที่ตอบๆมาเขาก็อ่านผ่านตาไปเท่านั้นแหละ เพราะเข้ารู้อยู่ว่าเขาชอบทำสมาธิยังไง (อย่าโกรธนะผมพูดความจริง)
     
  5. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    เมื่อก่อนย้อนไป 4 ปีที่แล้ว ผมก็มีอาการอยากบรรลุอยากได้อยากดีอยากมีอยากเป็นนี่แหละ คิดว่ามันไม่ยากหรอก เพราะอ่านมาเยอะฟังมาแยะ เลยนึกว่าความรู้ที่เสพมาเยอะจะช่วยให้จิตพัฒนาได้ดั่งใจหวังได้รวดเร็ว คิดอยากจะเป็นขั้นนั้นขั้นนี้กันแบบปอกกล้วยเลย

    ตอนนั้นไฟมันลุกโชติช่วง จึงไปบวชอยู่วัดป่าแห่งหนึ่งกะว่าเอาล่ะกูจะบรรลุให้ได้เลย พอลงสนามจริงกลับไม่เป็นดั่งที่คิดที่หวังไว้ว่ามันคงจะง่ายเหมือนปอกกล้วย เพราะอะไรล่ะ เพราะเราเอาอยากนำไปก่อนแล้วไง อยากตัวนี้แหละที่มันย้อนกลับมาขวางเราเหมือนเป็นคู่แค้นคู่อาฆาต ยิ่งอยากได้มันก็ไม่ได้ ยิ่งอยากให้สงบมันก็ไม่สงบ

    ท้ายสุดของผู้คึกคะนองก็ต้องถอยลากลับมาเป็นเพศฆาราวาสชนตามเดิม เพราะกำลังใจที่จะไปแบกศีล 227 ข้อกับอภิษมาจาร อีกนับไม่ถ้วนให้ได้ตลอดรอดฝั่งนั้นไม่ไหว (อยู่ไปอาจทำผิดมากกว่าทำถูก)

    ทุกวันนี้ลอกคราบความคึกอยากจะได้ขั้นนั้นขั้นนี้คิดว่าคงง่ายดังปอกกล้วยซะหมดสิ้น สิ่งที่ผมได้มาจากการบวชครั้งนั้นจริงๆที่ยังติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้คือคำวิเศษที่ใช้ได้ตลอดการตลอดสมัยคือ "ให้ทำต่อไปเรื่อยๆ" แค่นั้นเอง

    ถ้าใครคิดว่าตัวเองแน่นอนไปวัดกำลังใจแบบที่ผมทำดูก็ได้นะ ตั้งใจไปบวชปฏิบัติดู ถ้ายังคิดว่าเป็นฆาราวาสก็บรรลุได้ อันนั้นคุณเข้าข้างตัวเองแล้วล่ะ เพราะแค่กำลังใจที่คุณจะสละเพศฆาราวาสมาบวชปฏิบัติดูว่ากำลังใจคุณถึงหรือเปล่าคุณยังละกันไม่ได้ อย่าพูดถึงละสักกายทิฏฐิเลย นั่นมันกิเลสละเอียดไปกว่าคิดละทางโลกไปออกบวชเพื่อปฏิบัติจริงๆดูซะอีก
     
  6. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +342
    การปฏิบัติก็ก้าวหน้ามาโดยลำดับครับ อาจจะช้าไปบ้าง เพราะ เกือบ 20 ปีละ ยังหลงยังงง ตามความเพียร ความโง่ที่มี สงสัยใดๆ ก็ถาม เผื่อมีคำตอบดีๆ ที่เรานึกไม่ถึง

    เรื่องโง่เมื่อคืน นี้ก็เหมือนกัน นิมิตในสมาธิช่วงปลาย ชั่วโมง ผมเดินจงกลมควบคู่นั้งไปด้วย ช่วยได้ดีทีเดียว เรื่องสติไม่โงกง่วง จะขายโง่ให้ท่านอ่าน นานๆ มีนิมิตจะให้เห็น ภาพชัดเจนดี มาก มาในรูปคนแก่ผู้ชาย ไม่ใส่เสื้อ เราดีใจคิดว่าวันนี้โชคดีเอาละวะ มีครูบาอาจารย์ มาสอน 555 แป๋ปเดียวเท่านั้น สภาพคนแก่กลายเป็นศพ ไป สลายเหลือแต่กระดูก ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน สะดุ้ง ขนลุก 5555 เลยตั้งสติใหม่ นั้งพิจารณาภาพ ไปซักพัก นิมิตก็หายไป เลยนั้งกำหนดอารมณ์ เป็นมรณานุสติไปแทน เกินเวลาที่ตั้งใจไวไปอีกไกล เนื่องจาก ตอนที่เราสะดุ้ง ปรับสติ มันพาดิ่งในสมาธิใหม่ลงเร็วมาก ไปจนสุดสมาธิที่เคยทำเป็นปกติเลย วูบเดียวสุด ไม่ทันกำหนดลมหายใจเลย ไม่เคยลงได้เร็วขนาดนี้มาก่อน สติมาเต็มที่ ภาพศพ นี้ก็เห็นครั้งแรก ปรับจิตตามไม่ทัน ตอนเช้าเรามาพิจารณาใหม่ ทำไมตอนนั้งเห็นศพ จิตถึงไปลงที่ มรณานุสติได้ มันต้องเป็น อสุภะ รึเปล่า หรือมันเป็นตามตัวรู้เราตอนนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2018
  7. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ถ้าจะเล่าเรื่องอาการในอุปจารสมาธิมันก็มีเรื่องเล่าได้เยอะโขครับ อย่างช่วงก่อนหน้าผมยกมือไหว้สวดมนต์คาถาอยู่ สติรู้ตัวว่าสวดอยู่ แต่หลับตาสวด นับจบด้วยไม่ลืมว่าสวดไปกี่จบ สวดไม่ผิดไม่หลงลืม แต่จิตผมกลับแล่นไปในสถานที่ต่างๆที่เป็นประมาณบ้านร้าง ป่าช้า วัดเก่า ต้นไม้ใหญ่ ที่มีวิญญาณหรือภพภูมิอาศัยอยู่แถวนั้น ทั้งที่ผมก็ไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าเลยว่าจะนึกไปสถานที่เหล่านี้

    อาการเห็นภาพชัดเจนคล้ายมโนมยิทธิเหมือนเรานึกเห็นภาพบ้านตัวเองได้ชัดแจ๋ว แต่เราหลับตาสวดมนต์อยู่ไม่ได้นึกอยากเห็นจิตมันออกไปเห็นเอง

    เมื่อจิตแล่นไปที่สถานที่ตรงนั้นมันจะมีความรู้สึกทางใจบอกว่าที่นี่มีวิญญาณคนตายหรือวิญญาณภพภูมิอะไรอยู่ ถามว่ามันมีประโยชน์อะไรไหมที่เป็นแบบนี้ ถ้าตอบตามความเข้าใจก็คิดว่าจิตเดิมอาจจะชอบแนวโลดโผนรู้นั่นเห็นนี่ก็เป็นได้ แต่ไม่ยืดไม่ถือว่าเรามีอะไรดีอะไรวิเศษในตนในตัว เป็นแต่อาการทางสมาธิ ณ ช่วงเวลานั้นๆเท่านั้นเอง ทำไปเรื่อยๆครับ
     
  8. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    เรื่องของการปฏิบัติสมาธิมันเป็นเรื่องที่ลอกเลียนแบบกันได้ยากมากครับ ดีไม่ดีอาจพูดได้ว่าลอกกันไม่ได้เลย ต่อให้คน10คนนั่งสมาธิไปพร้อมกัน แล้วมาถามว่าตอนนั่งเจออาการยังไง แน่นอนว่าคำตอบที่ได้ในแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจมีคล้ายๆใกล้เคียง ให้พอคาดเดากันไป

    ถ้าเรามีจริตนิสัยเดิมเป็นแบบไหนชอบแบบไหน เราทำเราจะรู้ของเราเอง เหมือนกับกินอาหาร พ่อแม่ไม่เคยสอนเราว่ารสไหนอร่อยที่สุด แต่เรารู้เองว่าอาหารรสชาตินี้ถูกปากถูกใจเราอร่อยจริงๆ เหมือนกันกับสมาธิในช่วงเริ่มต้น จะบริกรรมอะไร จะภาวนาแบบไหน จิตมันรู้ของมันอยู่แล้วว่ามันชอบแบบไหน แบบไหนที่ทำแล้วมันเพลินมันก็รู้ แบบไหนที่ทำแล้วมันอึดอัดกดดันไม่สบายกายไม่สบายใจมันก็รู้อีกเช่นกัน ดังนั้นประเด็นเรื่องทำสมาธิแบบไหนถึงจะดีที่สุดกับตัว ก็แบบที่เราถนัดแบบที่เราชอบนั้นแหละดีที่สุดนี่เป็นเหตุ

    (ตอบเผื่อคนใหม่ที่ยังสงสัยลังเลตัวเองอยู่ว่าจะเอาไงดี คุณชั่งเถอะนี่เขามีทีเด็ดของเขาอยู่แล้วยกยอดไป)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2018
  9. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    แต่เข้าใจว่าร้อยละ 99% ของคนในนี้ความรู้ทางทฤษฏีคงจะแน่นเอี๊ยดกันอยู่แล้ว

    ทีนี้ถ้าเรามาพูดถึงผลกัน ต่อให้ผมเล่าเรื่องของผมซะหมดเปลือก คนที่ไม่ได้เจอแบบผมก็อาจจะคิดว่าไอ้นี่มั่ว ที่จริงมันเป็นแบบนั้นแบบนี้ต่างหาก นี่จึงเป็นเหตุที่ว่าเวลาคนทำสมาธิหรือปัญญามาคุยกันมักจะเป็นการเถียงระเบิดตัวตนใส่กันแทน เพราะตนก็เข้าใจว่าของที่ตนทำมานะแหละถูก ของคนอื่นที่ไม่ตรงอย่างตนนั่นแหละผิด

    ยิ่งอาการพวกนี้เกิดขึ้นในหมู่ที่คิดว่าตนบรรลุขั้นนั้นขั้นนี้แล้วตะแบงข้างว่า ใครที่คิดไม่เหมือนที่ฉันเจอมาผิดหมด อันนั้นคือตัวหลงชั้นยอดที่คุมใจเรามิดยิ่งกว่าจมดินเสียอีก
     
  10. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ผมไม่ได้บรรลุธรรมขั้นไหน แต่ผมก็พอรู้ว่าอาการแบบไหนที่เรียกว่าหลงตัวเองคิดว่าละสังโยชน์ได้แล้ว เพราะเมื่อก่อนผมก็เคยหลงมา อาการมันไม่หนีไปจากกันมากเท่าไรหรอก ปุถุชนด้วยกันยังไงก็ย่อมจะรู้อาการกันดี เพราะทุกคนก็หลงตนเองได้เหมือนกัน
     
  11. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ถ้าผมไม่ตัดสินใจไปบวชปฏิบัติดูผมก็คงจะหลงตัวเองไปอีกนาน ตอนนั้นคิดว่าตนได้ระดับพระโสดาบันแล้วซะด้วยซ้ำ พอไปบวชเท่านั้นแหละ จอดสนิทเจอศีลเจอข้อวัตรปฏิบัติที่เข้มงวดเข้าบีบจิตบีบใจ ไอ้ความชั่วที่ห่อหุ้มใจหลงระเริงว่าตนบรรลุแล้วก็แตกกระจายออกมาอย่างไม่ไว้หน้าตนเองเลย ผมไม่โทษตนเองนะเพราะกิเลสหลอกจิตเราเอง

    ใครคิดว่าตนได้ธรรมขั้นนั้นขั้นนี้แล้วลำพองใจคิดว่าตนดีกว่าผู้อื่นละก็ เชิญท่านละเพศฆาราวาสไปบวชในวัดป่าปฏิบัติที่ห่างไกลความเจริญดู แล้วท่านจะรู้ว่าไอ้ความเข้าใจที่ท่านคิดว่าตนได้ขั้นนั้นขั้นนี้มันเป็นทองแท้หรือทองเก๊ 100%
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    นั่งหลับตาเฉยๆ โดยไม่ภาวนา ไม่พิจารณาอะไรเลย ถือว่าเป็นสมาธิ ??


    ถาม : ถ้าเราทำสมาธิแล้วเราไม่กำหนดลมหายใจ ไม่กำหนดภาพ ไม่ภาวนา ไม่พิจารณาอะไรเลย จะถือว่าทำสมาธิหรือเปล่า หรือเรียกว่านั่งหลับตาเฉยๆ ?

    ตอบ : คงจะนั่งหลับตาเฉยๆ ยกเว้นอย่างเดียวว่า มีความเคยชิน สามารถเข้าฌานระดับใดระดับหนึ่งได้คล่องมาก ถ้าอย่างนั้นเราสามารถจะดิ่งไปสู่ระดับนั้นได้เลย

    แต่ถ้าเราไม่มีการกำหนดใดๆ เลย ไม่มีทางที่จะทรงตัวเป็นสมาธิได้ เพราะจิตเราต้องคิดเป็นปกติ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

    ถาม : หรือจะย้อนมาปฏิบัติเหมือนเดิม จับลมหายใจเหมือนเดิม ?

    ตอบ : ลมหายใจเป็นพื้นฐานของกรรมฐานทุกกองเลย คุณจะทิ้งลมหายใจไม่ได้

    ถาม : แล้วถ้านั่งสมาธิไม่เคยเห็นแสงสี ไม่เคยเห็นภาพ ?

    ตอบ : ถือว่าโชคดีที่สุดในโลก ไม่อย่างนั้นคุณจะติดอีกเยอะ



    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๓
     
  13. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    คนเราในโลกนี้เกิดมาวันเดียวกันแท้ๆฐานะความร่ำรวยยังไม่เท่ากันเลย

    คนรวยกว่ามีทรัพย์มากอยากซื้อข้าวของเงินทองที่มีมูลค่าสูงก็แค่ควักเงินออกมาซื้อ เพราะเงินที่ตนเองได้สะสมมาหลายภพชาตินั้นมีมากเกินพอแล้ว

    ส่วนคนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นยังเป็นคนจนอยู่ ถึงจะอยากได้อยากมีอยากเป็นเหมือนคนรวย มันก็มีก็เป็นไม่ได้ เพราะเงินตัวเองที่สะสมมานั้นมีน้อย ของราคาล้านบาท ตนเองยังมีในมือแค่10บาท
     
  14. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    จะเห็นได้ง่ายๆและชัดเจนในเรื่องนี้เลยคือ ผู้ที่มีกำลังเพียงพอหรือคนที่เป็น 1% ใน 99% มักบวชปฏิบัติกันมากกว่าปฏิบัติเองในเพศฆาราวาส เพราะบุญบารมีถึงพร้อมแล้ว กำลังใจที่จะละทางโลกจึงมีมากกว่าคน 99%

    ส่วนพวกเราๆท่านๆที่ยังมีกำลังใจอ่อนอยู่ เมื่อมีใครพูดให้ไปบวชวัดกำลังใจดูซิ ก็มักเข้าข้างตัวเองอยู่ว่าภาระยังเยอะอยู่บ้างล่ะ ฆาราวาสก็บรรลุได้บ้างล่ะ นี่ที่จริงแล้วมันเป็นกิเลสโคตรหยาบที่แผ่รัศมีออกมาจากจิตใจของเราอย่างแจ่มแจ้ง ว่าเรายังหวงทางโลกอยู่ เราไม่อยากปล่อยทางโลกไว้ เรายังอยากสุขอยากสบายแบบโลกๆอยู่ เรากลัวลำบากเวลาไปเจอข้อวัตรปฏิบัติหนักๆที่มันไม่คุ้นชินกับที่เราเป็นอยู่

    แค่นี้ก็พอรู้ได้แล้วว่ากำลังใจเราอยู่ในระดับพร้อมบรรลุกันจริงๆหรือยัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2018
  15. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    เวลาเราอ่านมามาก ศึกษามามาก เสพมามาก จึงทำให้เราอินไปกับบุคคลผู้นั้น จึงคิดเข้าข้างตัวเองด้วยกิเลสโครตหยาบว่า เห็นไหมนั่นสมัยพุทธกาลฆาราวาสยังบรรลุธรรมได้เลย ทำไมเราจะบรรลุไม่ได้(อยากจะบอกว่าผู้ที่คิดแบบนี้คือผู้ที่หลงว่าตนได้โสดาบันไปแล้ว) อันนี้มีเยอะ

    แล้วก็มาระเบิดตัวตนแบบที่ตนก็หลอกตนเองว่าบรรลุแล้วนั่นแหละให้ผู้อื่นเชยชมว่าเรานี่บรรลุแล้วนะ อย่ามาปีนเกลียวกับเรานะ(หัวเราะ)

    ถ้าสมัยนี้มันเป็นดั่งยุคของผู้มีบารมีเต็ม ต้องบอกเลยว่าฆาราวาสผู้ได้บรรลุธรรมในสมัยพระพุทธเจ้าคือผู้มีทุนเดิมครบอยู่แล้ว เพียงแต่รอให้พระพุทธเจ้าสะกิดเพียงเล็กน้อยก็กิเลสขาดกระเด็น

    แล้วถ้าเรายังหลงเข้าข้างตัวเองอยู่แบบโงหัวไม่ขึ้นแบบกำปั้นทุบดิน บอกว่าสมัยพุทธกาลฆาราวาสยังบรรลุได้เลยเราก็บรรลุแบบฆาราวาส(กลัวได้บวช) ได้สิ

    ต้องย้อนว่าถ้าเรามีกำลังใจเต็มขนาดนั้นจริงๆ ทำไมสมัยพุทธกาลมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้ว เราถึงไม่ได้บรรลุอะไรกับเขาในช่วงนั้นๆเลย มิหนำซ้ำถ้ามองตามความจริงว่ามาถึงยุคนี้มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้มาแล้วกี่พระองค์ล่ะ นับไม่ถ้วนเลย

    แล้วฉะไหนเรายังอยู่ในโลกมาเล่นเว็บพลังจิตถกเถียงตามกันอย่างเมามันกันอยู่เลย น่าคิดนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2018
  16. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    คุณ kenny2 เพราะหวังดีนะครับจึงเตือน อย่าประมาทในธรรมเลยครับอย่ามัวมองคนอื่นว่าเป็นอย่างไร อัตตนาโจทยัตตานัง พระพุทธเจ้าท่านให้โจทโทษตนเองอย่ามัวโทษผู้อื่นอยู่เลย

    ท่านอื่นๆนั้นก้มีปัญญาพิจารณาได้ว่าใครมีคุณธรรมประจำใจ ใครลดกิเลศเบาบางอย่างไรได้บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2018
  17. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ใช่ครับถ้ามองว่าอย่าไปสนใจจริยาของผู้อื่นเลย มันก็ใช่อยู่ครับ แต่เรามีอะไรที่แตกต่างกันล่ะครับ คุณดีกว่าผมผมดีกว่าคุณ เราก็ปุถุชนคนธรรมดาเช่นกันเหมือนกัน มันไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย

    ที่ผมพูดซะยาวนั้น ให้ลองมองกำลังใจตนดูสิว่าเรากำลังใจมีมากพอที่จะละทางโลกไปบวชปฏิบัติดูหรือยัง ไม่ใช่มองว่ามีใครมาโจมตีค่อนขอดค่อนแคะเราซะที่ไหน

    ไม่มีหรอกผู้บรรลุมาฝังตัวอยู่ในเว็บบอร์ดเพื่อมาอวดอ้างว่าสิ่งที่ตนรู้มาเหนือกว่าผู้อื่น เพราะถ้ามีแบบนั้นไม่ต้องให้ผมเดาเลยว่าของปลอมหรือเปล่า

    ในเมื่อผมไม่ต่างจากคุณคุณไม่ต่างจากผม ยังมีสังโยชน์ครบถ้วนบริบูรณ์เหมือนกัน เราจึงไม่อะไรที่เราจะไม่เข้าใจกัน
     
  18. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ผมยอมรับในความดีของบุคคลอื่นได้นะ ด้วยพิจารณาแล้วว่าเค้านั้นมีคุณธรรมประจำใจไม่ได้เอากิเลศมาไว้ประจำใจ คุณพิจารณาดีๆเถิดมีคนดีๆอยู่มากมายเป็นผู้รู้ เป็นสัตตะบุรุษ

    จิตที่เหมาะจะฟังธรรมต้องมีศรัทธา ต้องมีศิลเป็นฐานมีความไม่ฟุ้งซ่าน วันนี้ท่านลองนั่งกรรมฐานดูเถิด วิธีที่เหมาะแก่ท่านนั้นคือนั่งสมาธิหลับตานั่นแหละ ยังไม่ต้องพิจารณาลงในการสละขันธ์ ท่านรู้เพียงจิตของท่านนั้นว่างจากความคิดได้บ้างหรือไม่สงบลงได้หรือไม่ ความสงบที่เกิดขึ้นที่ท่านยึดไว้นั้นว่าสงบๆเช่นไรหรือท่านไม่ได้มีมันมานานแล้ว
     
  19. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    งั้นผมขอถามคุณงูปลาเลยว่า

    คุณคิดว่าผมเป็นคนกิเลสนำใช่หรือไม่

    คุณมีกิเลสนำชีวิตหรือไม่

    คุณมีอะไรที่คุณแตกต่างจากผมในด้านของกิเลส

    เครื่องวัดที่บอกว่าคุณมีกิเลสน้อยกว่าผมคืออะไร

    สังโยชน์คุณขาดลงแล้วหรือว่ายังมีเท่าที่ผมมี

    คุณปล่อยวางผมไม่ได้ใช่ไหม

    คุณอยากให้ผมเข้าใจคุณ ทั้งๆที่คุณก็ไม่อยากจะเข้าใจผมอย่างนั้นหรือ

    ผมไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากคุณในด้านของกิเลสที่มีอยู่ในใจ
     
  20. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    สาธุ อนุโมทนา กับคุณงูๆปลาๆ ที่คิดเช่นนี้ครับ จริงๆแล้วเรื่องนี้พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสเอาไว้ในพระสูตรของพระโมคคัลลานะ ที่ผมพึ่งให้ลิงค์ไปแก่คุณเจ้าของกระทู้ ในกระทู้นี้อยู่แหมบๆ (สงสัยคุณงูๆปลาๆจะได้เข้าไปอ่านแล้วแน่ๆ)


    เพราะฉะนั้นแหละ โมคคัลลานะ เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักไม่พูดถ้อย
    คำซึ่งจะเป็นเหตุให้ทุ่มเถียงกัน
    ดูกรโมคคัลลานะ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล เมื่อมี
    ถ้อยคำซึ่งจะเป็นเหตุให้ทุ่มเถียงกัน ก็จำต้องหวังการพูดมาก เมื่อมีการพูดมาก ย่อม
    คิดฟุ้งซ่าน เมื่อคิดฟุ้งซ่าน ย่อมไม่สำรวม เมื่อไม่สำรวม จิตย่อมห่างจากสมาธิ ฯ

    ดูกรโมคคัลลานะ อนึ่ง เราหาสรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวง
    ไม่ แต่มิใช่ว่าจะไม่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวงก็หามิได้
    คือ เราไม่
    สรรเสริญความคลุกคลีด้วยหมู่ชนทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ก็แต่ว่า เสนาสนะ
    อันใดเงียบเสียง ไม่อื้ออึง ปราศจากการสัญจรของหมู่ชน ควรเป็นที่ประกอบกิจ
    ของผู้ต้องการความสงัด ควรเป็นที่หลีกออกเร้น เราสรรเสริญความคลุกคลีด้วย
    เสนาสนะเห็นปานนั้น ฯ

    ผมจะค่อยๆเห็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสแนวๆเนี้ย ค่อนข้างเยอะ หลายพระสูตร
    บางทีจึงพยายามพึงสำรวม พยายามทำตามคำพูดของพระศาสดาอยู่บ่อยครั้ง
    อาจจะมีหลุดบ้าง เผลอบ้าง ก็เป็นธรรมดา เพียงแต่พึงระมัดระวังสำรวมให้มากๆขึ้นในกาลต่อๆไป
    คุณงูๆปลาๆ อาจจะเห็นว่า บางครั้ง ผมนี่จะไม่ค่อยชอบโต้เถียงอะไรๆยาว หากไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้อาการของใครๆ(ด้วยความหวังดี) ดังนั้นบางครั้งที่อาจจะมีคนที่ไม่เข้าใจ พยายามเข้ามาถกธรรม เพื่อหวังการโต้เถียง
    บ่อยครั้ง ที่ผมจะชอบพูดตัดบท เพราะเพียรระวังไม่ให้เกิดการโต้เถียงที่ยืดยาว ซึ่งก็พิจารณาด้วยว่ามิเกิดประโยชน์ เป็นเพียงแค่การเอาชนะอัตตา ซึ่งกันและกัน กิเลศเอาไปกินเรียบ

    เห็นคุณงูๆปลาๆ ปรารภคำเช่นนี้ออกมา รู้สึกชอบอกชอบใจ ว่าคุณงูๆปลาๆเพียรละอุกศลที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น พึงระวังรักษากุศลที่มีอยู่ให้เจริญงอกงาม



    ขอแถมเรื่องบวช ออกบวชอะไรนิดนึง เห็นคุณงูๆปลาๆ กำลังแย้งประเด็นนี้อยู่ ผมก็ขอเสริมว่า ผมว่าหลายท่านในเว็บนี้อยากไปบวชนะ แต่มันติดที่ถ้าไปแล้วคนข้างหลังจะเดือดร้อนนี่แหละ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้พระพุทธเจ้าท่านไม่ทรงอนุญาติ
    ในพันทิป จะชอบมีกระทู้พวกท้าทาย ตั้งกระทู้ถามว่าพระพุทธเจ้าออกบวช แล้วไม่ห่วงคนข้างหลัง ไม่เป็นบาปหรือ? ซึ่งก็ได้มีผู้รู้ตอบไปเยอะแล้ว ว่าตระกูลท่านรวย เป็นถึงกษัตรย์ ท่านไม่อยู่สักคน คนข้างหลังก็ยังอยู่กันได้สบาย หมดห่วง มีกินมีใช้ อีกอย่างบิดาท่านก็อนุญาต

    เห็นท่านธรรมชาติ ก็บอกว่าท่านต้องดูแลมารดา ที่แก่มากแล้ว ถ้าท่่านออกบวชมารดาท่านจะเป็นอย่างไร?
    เห็นท่านแค่พลังงานที่มีความรู้สึก พึ่งจะมีลูกเล็กๆ ถ้าท่านออกบวช ภรรยาท่านจะต้องลำบากแค่ไหน ในการเลี้ยงดูบุตรที่ยังเล็กคนเดียว
    ส่วนตัวกระผมนี่ชัดเจน อยากบวชแทบตาย แต่ครอบครัวไม่อนุญาติ จบข่าว!!

    ขืนแอบไปบวช อาบัติ ตั้งแต่วินาทีแรก ท้าวยามาสะ ยมบาล นั่งยิ้ม รอต้อนรับเลย

    บางความเห็น ก็ดูถูกเพื่อนสมาชิก ท่านอื่นๆเกินไป
    อัตตามันเต็มอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...