การภาวนาสติปัฏฐานสี่ ระหว่าง อานาปานสติ VS การดูจิต อันไหนดีกว่า

ถ้าถามผมระดับการฝึก

ชื่อมันก็บอกแล้ว มหาสติ

คือฝึกสติธรรมดาที่มีอยู่ ให้เป็นมหาสติ
แล้วมาเรียนรู้ สิ่งที่มหาสติเข้าไปเกี่ยวข้อง ในฐานต่างๆ

 

......พระสูตรที่ผมยกมา ก็มาจากท่านที่เอามาอ้างในโพสต้นๆ

.....ในปัจจุบัน ในยุคอินเตอร์เนท การอ้างอิงนำเสนอย่อมหาที่มาไม่ยาก
.....การอ้างพระสูตร แล้วสามารถอ่านได้ยากเวบ 84000 นั้นแหละ
.....การยกพระสูตรมาทั้งสูตร ก็ดี แต่ที่ผมตัดมาอธิบายเพราะ มีส่วนเต็มอยู่แล้ว

......มันคือเวบบอร์ด อย่างนี้แหละครับ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ ก็ขอบคุณที่ร่วมเสวนา

 

.....ถามจริงๆ คุณวรณ์นิมิเคยเห็นจิตมันคิดได้เองใช่หรือไม่

.....นึกว่านักดูจิต
.....ผมไม่ดูถูกคุณหรอก แต่ มันวัดระดับอย่างเห็นได้ชัดเลยว่าคุณก้าวช้ากว่าผมไปหลายก้าว

 

ไช่...ผมน่ะ นักดูจิต........แต่ ดูแบบ เอาสติดูความคิด
สติปัฏฐานคือ เอาสติดูความคิด...ผมรู้ว่า สมองหรือใจ เป็นตัวคิด...ไม่ไช่จิตคิด...จิตคือตัวที่ สร้างอุปทาน ต่างหาก

มันไม่มีอะไร เกินกว่านี้หรอก

 

ก็เอาที่คุณสบายใจแล้วกัน
พ่อนักไก่ชน ชนดะ

ระวังเดือยไก่จะทิ้มตาตัวเองนะครับ

 

ฮี้ ฮี้ ฮี้

พระป่า เวลาบอก คนนั้นบรรลุขั้นนั้น ขั้นนี้

ปรกติท่านจะอาสัย บัญญัติ อะไร ในการบอก
ว่า เพราะ ........ จึงบรรลุ อย่างนั้นอย่างนี้

ดังนั้น

ทอทแน่ม ก้ขอคุ้ยเขี่ยดิน หาอาหาร ให้

จะได้ไม่ ตัดทอน หางด้วนเฉยเลย หาว่า
ต้องโน้นนั่นนี่เพิ่ม ปะผุ ไม่รู้กิจที่ทำแล้วจบ

 

นี่ไง...อะไรๆก็แอบอ้าง แต่พระป่า.....โฆษณาชวนเชื่อ แต่พระป่า...ว่า เป็นพระอรหันต์..จริง ด้วย การรับรองของ นิวรณ์....

แล้วพระบ้านล่ะ ฆราวาสล่ะ...ไม่มีปัญญา...งั้นสิ

 

ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้บริสุทธิ์ จบ

 

นิวรณ์ เขาไม่มีธรรมของตัวเอง เลยต้องโหนคนอื่น

 

ผมว่า เขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง มากกว่านะ...มันหลงในธรรมมากกว่า

 

จั่วหัวกระทู้ได้มึนมาก ทำไมต้องเอามาแยกให้งง หรือคุณปลาสิดจะงง อานาปานสติ คือ บาทฐาน ของ สมาธิ อยู่ในหมวดของ กรรมฐาน ๔o หรือ สมถกรรมฐาน ส่วนการดูจิต คุณปลาสิดคงหมายถึง จิตตานุปัสสนา แล้วมาแยกถาม ว่าแบบไหนดีกว่ากัน สรุปคือ เคยลงมือปฎิบัติเองจริงไหมถึงได้ถามเหมือนคนไม่รู้อะไรเลย หรือ นั่ง อ่านตำราไปวันๆ บาทฐานของสติปัฏฐาน๔ ต้องใช้สมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิคุณปลาสิดจะดูจิตที่เหมือนลิงได้ไหม

 

เวลาเกิด กิเลส เช่น จิตมีราคะ มีโทษะ มีโมหะ

บ้าน ป้า คุณทำสมาธิ แล้วมา ฟึดฟัด ฮัดฮัด อยาก7โน้น 7นี้ หรอ
ถึงได้ทำสมาธิ ลงทุนถึงอัปปนาเลยนะ บางรายที่สอนแบบ จางลายเนี่ยะ
แล้วมาถอยมา อุปจาระด้วย เพื่อมา ดูกิเลส

เอาความจริง มาพูด จิฮับ

อย่าเอา การทำอาการมีสมาธิ สร้างภาพ

 

......ทำให้รู้จักความคิดคนไปอีกแบบ

.....ในหมวดกายานุปัสนาสติปัฏฐาน มีอานาปานสติด้วย

.....ถ้าไม่ชอบสิ่งที่ผมเสนอ ก็ไม่ต้องอ่านก็ได้ อ่านไปก็ไม่เข้าใจหรอก คนละแนวครับ

 

เวลาเดินห้าง ทำงานทำการ

ระหัสพ่อ รหัสแม่ ที่ไหน มันจะ บริกรรมเข้าอัปปนา ถอยมาอุปจาระ
กลางห้าง กลางห้องประชุม กลางวงสนทนา กลางลานทำงานบ้าน
มาดู กาย เวทนา จิต ธรรม

สันติ สอนกันอยู่นั่น ต้อง อัปปนาให้ได้ก่อน ถอยมาอุปจาระ ไม่งั้น
ไม่มีปัญญา จะแยกแยะ โลภ โกรธ หลง กาย พอใจ ไม่พอใจ เฉยๆ
ฝุ้งซ่าน รำคาญ ทุกขัง

มาทำงาน มาเรียนหนังสือ ดัน มาบริกรรม โน้นไปโน้น ลาออกไป
อย่าอยู่กนแรงคนอื่นเขา ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ต้องหาลูกค้า ซื้อเครื่อง
จักรตัดเหล็ก บริกรรมลงอัปปนา ถอยมาอุปจาระ

 

......หมายความว่า สติต้องเกิดขึ้นได้เองจากการฝึกใช่หรือไม่

.....อันนี้ไม่เถึยง ที่ผมพูดมานั้น มิใช่ผมไม่ผ่านการฝึกการดูจิตมาก่อน เข้าใจแหละว่า ฝึกอย่างไรให้เกิดสติอัตโนมัติ ขึ้นมา

......ที่ผมบอกว่า สติอัตโนมัติกับ สติที่เราจงใจสร้างขึ้นมา มันก็ใช้ได้ไม่ต่างกัน
......ผมอ้างอิงพระสูตร เพราะพระองค์สอนอย่างนั้นจริงๆ

.....ในหมวดกายานุปัสนาสติปัฏฐาน พระองค์ให้สร้างสติ จาก ลมหายใจเข้าออก จากการขยับกาย ก้าวเดินหน้า ถอยหลัง แม้แต่เดินจงกรมเป็นต้น ล้วนสร้างได้ทั้งนั้น

......ส่วนนักดูจิต สร้างสติจากการจดจำสิ่งที่เกิดซ้ำๆกับจิต แล้วตามดูจิตที่ส่ายไปมา ผมบอกว่า ทำเช่นนั้น มันก็เป็นสติ แต่จิตที่เกิดล้วนเป็นจิตที่ส่ายไปส่ายมา

......ในอานาปานสติ เป็นการสร้างสติ ที่ควบคู่กับการสร้างสมาธิไปในตัว

......สัมปชัญญะ มิใช่จิต การสร้างสัมปชัญญะจะเกิดไม่ได้เลยถ้าไม่มีตัวสติเป็นตัวกระตุ้น

.......ถ้าพุทธศาสนามีการสอนว่า มีแต่จิต ไม่มีนามธรรมอันอื่นที่รับรู้สิ่งไดๆ ผมคงไม่นับถือหรอก แต่นี้ไม่ใช่อย่างนั้น

......ผมรู้ว่า นักดูจิตทุกคนคงไม่เชื่อผมหรอก ไม่เป็นไรครับ

 

อันนี้ แปลว่า คุณไม่ได้ฝึก แต่อาศัย จับคำศัพท์

พอเห็นคำว่า " ส่ายไปส่ายมา " ก็ตีความว่า จิตขาดคุณภาพ ไม่เป็นสมาธิ

คำว่าเห็นจิตส่ายไปมา หรือ ไหวยิ๊บๆ หรือ เป็นจุดเป็นดวง กลางอก
อันนั้น ต้องอุปมา

คนกำลังนั่งอยู่บนภูเขา แล้วสังเกต สนามรบข้างล่าง ที่มันรบกันฝุ่นตะหลบ

ดังนั้น คนที่นั่งอยู่บนภู จะมี จิตตั้งมั่น ที่จะสังเกต แล้วเห็น จิตที่ส่ายนั้นแสดง
สภาพทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ซึ่ง จะมีการ ปล่อยวางจิต ออกไปทันที ที่เห็น
อย่างนั้น

แต่ร้อยละร้อย จะไม่ย้อนไปเห็น ตัวที่นั่งบนภู ก็ไม่เที่ยงด้วย หากไปประครอง
การดู ก็จะถือว่า ภาวนาดูจิตไม่เป็น

เมื่อดูถูกต้อง จะไม่เกิดอาการถามว่า เหลืออะไร มีอะไรรู้ ไม่เกิดอุปทาน ตัณหา

แล้วจึงย้อนเห็น สภาวะ ไม่เกิดอุปทาน ตัณหา นี้เพื่อนมสิการว่า รำงับ อีกที
จึงจะพอเริ่มๆเห็นทาง เห็นวิธีการแหวกภาวสวะ สาสวะ เพื่อ อนาสวะ

 

ถ้าไม่เข้าใจว่า เขาภาวนากันยังไง ก็อย่าพึ่ง ด่วนสรุป เอาไปเปรียบเทียบ

มันเหมือน คุณได้ยินคนเาพรรณา ถึง สาวบ้านเลขที่104 หมู่7 ว่าสวย
แต่มีบางคนบอกว่า เธอกระโดกกระเดก คุณก็อาศัย คำว่า กระโดกกระเดก
เหมาเข่ง ว่า สาวนั้นเฮีย!! แทนที่จะ ภาวนาเข้าไปเห็นด้วยตัวเอง

สรุป สาวนั้นเฮีย หรือ คนที่คาดเด้าเอา มัน จานลาย

 

ทีนี้ ถ้าเจ้าของกระทู้ ยังพอมี สติสตังค์เหลือ อ่านข้อความข้างบนเสียได้

หายใจเข้าออก ทำจิตให้รำงับ ทำจิตสังขารให้รำงับ วางจิตลง แล้วไล่พิจารณา
ว่ายังเหลือนิวรณ์ใดในจิตไหม

ถ้าไม่มี

คุณก็เห็นอยู่ไม่ใช่หรือ อานาปานสติ บางพระสูตร บางอรรถกถา
แยกออกเป็น 4ตอน ตอนละ4วรรค

ระบุลงไปด้วยว่า อานาปานสติ สี่บรรทัดแรก เป็น กายในกาย
สี่บรรทัดต่อมาเป็น เวทนาในเวทนา
สี่บรรทัดถัดไป เป็น จิตในจิต
สี่บรรทัดสุดท้าย เป็น ธรรมในธรรม

คืออะไร

คือ อานาปานสติ บทเดียว คลุม สติปัฏฐานอยู่

แล้วมันจะ ตลกแค่ไหน ที่คุยก อานาปานสติ ไปเทียบ กับ สติปัฏฐาน

เหมือน รถยนต์ ประกอบด้วย ล้อ ตัวถัง พวงมาลัย เครื่องยนต์

คุณก็ดัน ตั้งกระทู้ ชวนเปรียบเทียบว่า รถ กับ "ล้อ ตัวถัง พวงมาลัย เครื่องยนต์"
อันไหนดีกว่ากัน


เสร็จแล้ว ก็เอา กริยากับ จับแพะชนแกะ แบบนั้นว่า เป็น สัมปชัญญะ

เป็น นิพพาน

 

ถามหน่อยครับ ปัจจุบันนี้คุณปลาสิดหายใจทางไหนครับ หรือ หายใจทาง... ผิดมนุษย์ถึงไม่รุ้เรื่องอะไร คุณจะฝึกสติปัฏฐานโดยไม่หายใจได้ด้วย จะเก่งเกินครูบาอาจารย์ซะละมั้ง 555+
ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับ แค่อยากเห็นแย้งกับที่คุณกล่าวมา เพราะมันตลกดีกับสิ่งที่คุณพยายามนำเหนอแบบมั่วๆซั่วๆ จับแพะชนแกะ สงสารคนที่เขาเข้ามาอ่าน ที่เขารู้ก็ดี ที่ไม่รู้เขาก็จะหลง คุณเองจะสร้างกรรมให้ตัวเองละ อย่าไปเลียนแบบตา นิวรณ์ ปล่อยแกเพ้อเจ้อ ยกธรรรมสัปดนตามฉบับของแก 555+

 

กั๊กๆๆๆๆ

ไหน ลอง เข้าอัปปนา ถอยมาอุปปจาระ แล้ว พิจารณา จิตมีราคะ ให้ดู หน่อย จิฮับ

โทษะ ก็ได้

โมหะ ก็ได้

ถ้าทำได้ ก็อธิบาย มาจิ

นี่ ยิงคำถามไป ถอยจากอัปปนามา อุปปจาระ ถึงจะดูจิตได้ แล้ว ดูยังไง

ถ้าบอกไม่ได้ ก็เลิกเถอะ ประเภท ไปจำคำคนอื่นมาเนี่ยะ