การสำคัญตน

[มานะธรรม]ที่[องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าพระบรมมหาศาสดา]ทรงตรัสไว้ ทรงมี และทรงแสดงนั้นเป็นที่สูงใหญ่ที่สุด แล้วในพระพุทธศาสนานี้

"เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดใน โลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ย่อมไม่มี"


มานะใดใครอื่นหรือจะสู้ได้ เพียงท่านประสูติกาล ท่านก็ตรัสแล้วดังนี้แลฯ

 

อย่าใช้เหตุ ใช้ผล

ถ้ายัง ตรึก ใช้เหตุ ใช้ผล จะ ฟังส่วนนี้ไม่มีวันเข้าใจ

จะกลายเป็น ดวงแก้ว ดวงธรรม โง่ๆ กลางอกเหนือสะดือ เท่านั้น โง่ดักดาน



ปล. ข้างบนเป็นประโยคที่ บีบให้ นมสิการ ไตรลักษณ์ญาณ ออกมาใช้ ซึ่งมันจะไม่พูด และ ไม่ใช่เหตุผล
มันจะนอกเหตุ เหนือผล เหนือสมมติ

 

ถ้าจ่ายักษ์พร้อมจะออกบวช
ลุงแมวจะขอร่วมบุญด้วยผ้าไตร
อันประณีตด้วยเนื้อผ้าและการตัดเย็บ
และมีแบรนด์ดังด้วย 1 ไตรนะฮะ
ว่าแต่มนต์ 12ตำนานนี่ได้ครบหรือยัง
หรือจะไปต่อตอนเป็นสงฆ์แล้วก็ได้นะฮะ
อยู่แบบโลกมันวุ่นหลายเรื่องต่อมนต์ลำบาก

 

ไม่มีวันเข้าใจ
ลุงแมว
จะรอการอธิบายให้เข้าใจได้
แต่รอวันที่จะเข้าใจไม่ได้ เพราะมันไม่มีสักวัน

 

​

จะว่าไปแล้วทั้งความดีความชั่ว ล้วนแต่เป็นการค่อย ๆ ปลูกฝังเหมือนกัน

การปลูกฝังในด้านดี ก็คือทำดีบ่อย ๆ การปลูกฝังในด้านชั่ว ก็คือทำชั่วบ่อย ๆ แต่ว่าคนที่ทำชั่ว บางทีก็ไม่ได้คิดหรอกว่าตัวเองทำชั่ว เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่สนุกสนานท้าทายก็เลยทำ แต่พอทำไป ๆ กลายเป็นปลูกต้นไม้..ฝังรากลึกแล้ว..ถอนขึ้นได้ยาก

คราวนี้ทั้งความดีและความชั่วนั้น ใจเรารับได้ทีละอย่างเดียว เมื่อรับได้ทีละอย่างเดียว ถึงเวลาถ้าถอนยากเราก็เหนื่อยเอง ถ้าความดีถอนยากก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา แต่ถ้าเป็นความชั่วพอถอนยาก คราวนี้ก็จะเดือดร้อนทั้งตัวเองและคนรอบข้าง

พยายามที่จะเอาความดีเข้าไป ก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ใหม่แต่ซ้อนหลุมเดิม แล้วต้นไม้ใหม่ที่ไหนจะโตเท่าต้นไม้เก่าได้ ? เผลอ ๆ ก็โดนต้นเก่าเบียดตายจนต้องปลูกใหม่..เบียดตายอีกก็ต้องปลูกใหม่อีก

ต้องอาศัยความหน้าด้านหน้าทน ทำความดีสู้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสามารถหยั่งรากลึกลงไปได้ แล้วค่อย ๆ เติบโตขึ้นมา พอโตมากขึ้น เบียดความชั่วต้นเก่าตายไปได้..ก็โล่งอก ถ้าเบียดต้นเก่าไม่ตาย แล้วถูกต้นเก่าเบียดคืน ก็ต้องรอดูว่าใครจะตายก่อน ถ้าเป็นอย่างนั้นชีวิตนี้คงจะทุกข์ทรมานน่าดูเลยทีเดียว..!


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๓

เนื้อหา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
ภาพประกอบ : อินเทอร์เน็ต

http://palungjit.org/threads/พระอาจารย์เล็กแนะนำเรื่อง-ดีชั่วเหมือนปลูกต้นไม้.548939/

 

พระพุทธานุญาตคหบดีจีวร

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุ
แรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตคหบดีจีวร รูปใด
ปรารถนา จงถือผ้าบังสุกุล รูปใดปรารถนา จงถือผ้าบังสุกุล รูปใดปรารถนา จงยินดีคหบดี
จีวร แต่เราสรรเสริญการยินดี ด้วยปัจจัยตามมีตามได้.

ขออนุโมทนาบุญฯ สำหรับน้ำใจ

เพียงเราท่านทั้งหลายต่างมีกุศลจิต เพียงปราถนาจะให้ก็ได้บุญฯแล้ว แต่เราเหมาะกับบังสุกุลจีวรอันเศร้าหมอง และส้องเสพเสนาสนะป่า ปราถนาความเงียบสงัด ชอบใจในการพิจารณาพระธรรมโดยเพียงลำพัง เจริญในนิสสัย ๔ จนวันม้วยมรณา เมื่อเราสละจีวรอย่างดีเนื้อดี จักได้จีวรอันเป็นทิพย เป็นการ สละภาชนะดิน เพื่อให้ได้ยังภาชนะทอง

ถึงเวลาก็จะทราบเอง แล้วจะไม่เสียใจที่ได้มีโอกาส ได้เคยคุยได้ เคยด่าทอ เคยได้โต้แย้งด้วย

ผู้ไม่เห็นอนาคต จะทิ้งปัจจุบันที่เต็มไปด้วย ลาภยศสรรเสริญ ความสุขสบายในกามคุณ ๕ อันเป็นโลกียสุข ไปทำไมกัน?

 

มานะ ทางโลก คือ ความเพียร
ส่วน มานะ ๙ ทางคำสอน คือ ทิฏฐิการเห็นผิดถือผิดสำคัญตนผิด
ส่วน
มานะธรรม คือพระไตรปิฏกเป็นสิ่งที่ควรยึดถือ ยึดมั่น ไปจนตลอด
คุณแมวเหมียว
ในมานะ ๓ ประการ เราสงสัยอยู่ข้อเดียวคือ มานะทางโลก นี้ กำเนิดมาได้อย่างไร? มาจากไหน?
แล้วเกี่ยวอะไรกับ วิริเยน ทุกฺขขมจฺเจติ (วิ-ริ-เย-นะ-ทุก-ขะ-มัด-เจ-ติ) แปลว่า คนล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร

 

อนุโมทนา ที่ท่านสามารถนำสันติภาพกลับ
สู่มากระทู้ได้

การถกเถียงโต้แย้งเป็นธรรมชาติของคน
ต่างก็มีเหตุมีผลที่ยกเอามาสู้กัน ตามทิฐิ
ของตน มันเป็น"ธรรมชาติ"เพราะเราดำรง
อยู่แบบธรรมชาติ

แต่การอ่อนน้อมยอมความกันนี่ป็น"ธรรมะ"
เพราะเป็นการกระทำที่ต้องอาศัยการ
ตรึกด้วยจิตที่
น้อมมาที่
สัมมาทิฐิ คือเชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม
แต่จะเกิดจุดนี้ได้จิตต้องเคยผ่านการ
ฝึกมาแล้วทั้งสิ้น
จะฝึกมาจากจากฟังมาก หรือฝึกภาวนามาเอง
ก็แล้วแต่มีผลทั้งนั้น
ดังนั้น สันติภาพจะเกิดต้องเกิดจากสันติภายใน
สันติภายในจะเกิดได้ต้องไม่ดำเนินชีวิต
แบบปล่อย
ไปตามธรรมชาติ
ต้องควบคุมด้วยศีล สมาธิและ ปัญญา

 

ถ้า ส่งจิตออกนอก ไปสร้างดวง ไปหาที่ตั้ง .....อัปปนาสมาธิ ไม่เกิดหลอกฮับ

ปัญญาธรรม ไม่เกิดในภพ ไม่มีที่ตั้ง ไม่เป็นดวง

ถ้า พยายามจะส่งจิตออกนอก ไปใช้หูฟังธรรม ใช้แม้แต่ใจฟังธรรมเอาข้างนอก
ก็จะไม่มีวันเข้าถึง " อัปปนาสมาธิ " จิตไม่รวม

จิต รวมเป็นดวง เป็นฌาณ1-8 นั่นมันจิตโง่ ไปรวมเอา อภิสังขาร เอาฌาณ
มาหลอกลูบคลำพระจันทร์ ปัดระเบิด

 

เรื่อง มานะ นั้นดูยาก

ต่อให้เป็น พระอรหันต์ ก็จะเหลือ " มานะเจตสิก " อยู่ หนึ่งดวง ชื่ออะไรจำไม่ได้
ไปถาม นักอภิธรรม แทะตำรา จะได้ทราบชื่อ มานะเจตสิก ดวงนั้น ที่พระอรหันต์มี 1000%

เมื่อ มานะ แม้แต่พระอรหันต์ก็ดับไม่ได้ ยังมีเหลือ เป็น ลาภ ( ต้องใช้ ถ้าไม่มีตัวนี้
ท่านก็ไม่ลงมาสอนธรรม )

คนที่ไป ตั้งแง่ โง่ๆ พยายามดู มานะ เพื่อยกขึ้น ด่า(พิสูจน์ศีลฮาๆของมัน) ระวังเถอะ มะอึง
ศาลก็ไม่รับว่าความนะเว้ยเฮ้ย

 

คนล่วงทุกข์ ได้เพราะความเพียร
พุทธภาษิตนี้ สอนใจได้ทั้งชีวิตทางโลกและชีวิตทางธรรม
ได้แก่นักบวชภิกษุสงฆ์
ทางโลกก็ได้แก่การขยันหมั่นเพียร
ในการหาทรัพย์
เพื่อมาใช้ในการดำรงสถานะตนเองและครอบครัว
ไม่ให้แร้นแค้นฝืดเคือง ครอบครัวอบอุ่นพ้นทุกข์
ได้แต่ก็พ้นแค่ปากท้อง นุ่งห่ม ประดับประดา

แต่ไม่ถึงต้องแข่งขันกันกอบโกยและ
สะสมทรัพย์ตามระบอบทุนสามานย์

ส่วนทางธรรมนั้น ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
คือหมายถึงการพ้นจากการเวียนเกิดเวียนตาย
ด้วยการเพียรบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา
เนืองๆ
เป็น ภาษิตที่เตือนใจอยู่ทุกข์ลำดับขั้นของ
คนที่ต้องการเดินบนเส้นทางแห่งมรรคผลนิพพาน
ไม่ว่าจะต้องการสำเร็จในสมัยนี้หรือสมัยเบื้อง
หน้าอันใกล้หรือไกล ก็ต้องเพียรร่ำไป

 

เรื่อง มานะ นั้นดูยาก

ต่อให้เป็น พระอรหันต์ ก็จะเหลือ " มานะเจตสิก " อยู่ หนึ่งดวง ชื่ออะไรจำไม่ได้
ไปถาม นักอภิธรรม แทะตำรา จะได้ทราบชื่อ มานะเจตสิก ดวงนั้น ที่พระอรหันต์มี 1000%

เมื่อ มานะ แม้แต่พระอรหันต์ก็ดับไม่ได้ ยังมีเหลือ เป็น ลาภ ( ต้องใช้ ถ้าไม่มีตัวนี้
ท่านก็ไม่ลงมาสอนธรรม )


ยอดมากเห็นเหมือนกันรึ ! มีในพระอภิธรรมรึ! เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ชื่อ ของมานะนั้นใน ธรรมนี้ เรารู้แต่เพียงว่ามีอยู่แน่นอน และเราก็ยึดตามอยู่
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฉลยธรรม
14.30 27-4-2558
จาก พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เรื่อง ไตรลักษณญาณ

เสมือนคนทำงานหามรุ่งหามค่ำหาเงินไปฝากเข้าในบัญชีธนาคาร ได้สมุดบัญชีธนาคาร มีจำนวนเงินที่หามาฝากอยู่ในนั้นครบถ้วน และธนาคารก็ยืนยัน ให้ประกันรับรองว่ามีเงินฝากอยู่จริง ถึงเวลามาถอนก็ถอนได้จริง

ไม่เป็นธนาคารที่ขาดสภาพคล่องประสพภาวะขาดทุนในการตลาด มีหนี้เสียมากพอกพูน ล้มเหลวในสินเชื่อต่างๆ มีแต่ยอดเงินในบัญชี แต่ไม่สามารถเบิกได้ ใครก็ไม่หวังอยากได้อยากใช้ธุรกรรมกับ ธนาคารแบบนี้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่อง สถานีอวกาศ ของคุณแมว เอกวีร์ เราเข้าใจดีพอควร

 

เคยได้ยิน ปริศนาธรรม "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความล้มเหลวทางธรรม อยู่ที่นั่น" ไหมฮับ

โลกสมมตินั้น สุดขอบ สุดลิ่มทิ่มประตู ของ บัญญัติ ให้ตายยังไง โลกสมมติมันพร่องเสมอ

ความพร่องเสมอของสมมติ ก็คือ มันก่อ สมมติไม่เลิก

ทำทาน ทำบุญ ทำแล้ว สุดขอบแล้ว พ้นโลกไหม ไม่ ...มันหลอกให้ พอกพูลโลก ต่างหาก

รักษาศีล ทำแล้ว สุดขอบแล้ว พ้นโลกไหม ไม่ ...มันหลอกให้ พอกพูลโลก ต่างหาก

ทำสมาธิใสในใส ทำแล้ว สุดขอบแล้ว พ้นโลกไหม ไม่ ...มันหลอกให้ พอกพูลโลก ต่างหาก


แต่ ไตรลักษณ์ญาณ หากโน้ม น้อม นมสิการดีๆ ก็พ้น โลก พ้นบัญญัติ เป็น
สุญญตา ปราศจากมานะ ตั้งแต่ ปฐมฌาณ แล้ว !!!!

 

กรุณา ไปไกลๆ หน้าส้นวัยสิบ หน่อยครับท่าน



ปล. หน้าส้นวัยสิบ แผลงมาจาก teen วัยสิบ

ถ้านึกไม่ออกว่า หน้า ส้น วัยสิบ เป็นยังไง ให้นึก ถึงรูปหน้า ทรง ส้นวัยสิบ แล้ว เอานิ้วจิ้มคิ้ว ยกขึ้นเพื่อให้ เหมือน อย่าง บาทอ่อนซบเซา

 

(f) แค่นี้ยังไม่ไกลพอรึ! ขันติบารมี ที่ขาดอยู่ควรสั่งสม

 

ไม่พอหลอก

ปัญญาหางอึ่งมันฟ้อง

ประโยคเนี่ยะ ทำให้เห็นได้ว่า มีสัญญาไปควักอดีต เอาอดีตมาคอย ลากจูง จมูกตน

เป็นนักรบสุญญตาไม่จริง

อุตสาห์ลงไป ภาคใต้ ดันไปเจอ เอา ตุ๊กตาหน้าส้นวัยสิบ คิ้วต้องจิ้ม

แทนที่จะไปเจอ ของแท้ คือ หลวงปู่ทวด

หลวงปู่ทวดสอนไว้ หลักการ " เสียโพธิสัตว์ "

หากเข้าถึงคำสอนท่าน ไม่มีหรอก จะไป ชะเง้อ ดูเงินในธนาคาร โดนอดีตสัญญา
มันหลอกเอา โจ๋งครึ่ม แบบนั้น

 

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ยกเว้นปัญญาแล้ว เราสรรเสริญว่าขันติเป็นคุณธรรมอย่างยิ่ง”

 

ถ้า " โพธิสัตว์ " ยังปล่อยให้ สัญญาแสดงไตรลักษณ์ ลงเป็นปัจจุบัน ไม่ได้

ก็จะเรียกว่า " สัตว์สัญญาเสีย " คือ มองไม่ออกว่า สัญญามันมีไตรลักษณ์เป็นสามัญลักษณะ

พอเป็น สัตว์สัญญาเสีย ก็นั่นแหละ คิดแต่เรื่อง เงินฝากในธนาคาร โดนมันหลอก
โดนสัญญาหลอกเอา

แต่ถ้าไม่โดนสัญญาหลอก เห็นไตรลักษณ์ในสัญญา มันจะ ปล่อย เงินฝากในธนาคาร
ไม่ตรึกถึงเลย " นิ่งเป็นใบ้ "

หรือ ที่หลวงปู่ทวดสอนว่า " นิ่งเสีย โพธิสัตว์ "

 

ขันติ เป็น บารมีของ พระเจ้าจักรพรรดิ์

พระเจ้าจักรพรรดิ์ รู้ธรรมไหม

ไม่รู้เลย แม้แต่ห่างอึ่ง

ดังนั้น หากเอา " ขันติ โสรัจจะ ..... จักรวรรดิวัตร " มาหลอกตัวเอง อย่าไป โม้ ว่ารู้ธรรมะ

 

ฮ่าๆ หากเข้าถึงคำสอนท่าน ไม่มีหรอก จะไป ชะเง้อ ดูเงินในธนาคาร โดนอดีตสัญญา
มันหลอกเอา โจ๋งครึ่ม แบบนั้น
๕๕
นี่คือคำสอนจากไหนรู้หรือไม่ ? ไม่บอกหรอก เก็บไว้ให้แสลงใจเล่น เดี๋ยวหุ้นตก ท่านจะเสียรูปมวย ! ท่านผู้กล่าววาทะนี้เขารู้จักกันทั้งประเทศ แมว เอกวีร์ เองก็ด้วย

ออ บอกแบบแล้วข้างบน เดี๋ยวคนอื่นไปหาอะไรอื่นมาอ้างมั่ว