การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 19 มิถุนายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ
    สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)
    <o></o>
    โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-1)
    <o>
    อะไรกำลังจะเกิดขึ้น (ตอนที่ 1-2)<o></o>
    <o>
    </o>
    สิ่งนี้จะไปสร้างสภาวะของกระบวนการทำงานของชีวิตใหม่ทั้งหมด มนุษย์จะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
    ไม่จำเป็นต้องแลกขนมปังด้วยหยาดเหงื่อบนใบหน้าอีกต่อไปแล้ว

    มนุษย์ทุกๆคนจะมีอิสรภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งหมายถึงทุกๆคนจะได้รับการศึกษา ทุกๆคนสามารถเลือกที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้
    และสตรีเพศจะไม่ถูกกดขี่อีกต่อไป<o></o>

    สตรีเพศจะมีอิสรภาพกว่าที่เคยเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ไม่มีการกดขี่ข่มเหง ไม่ต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิสตรี
    ทุกๆคนจะเคารพสิทธิเสรีภาพของกันและกัน ทุกๆคนเท่าเทียมกัน การทำงานด้านจิตวิญญาณ
    หรือเราขอใช้คำว่า “งานทางวิทยาศาสตร์แห่งจิตวิญญาณ” จะถูกยกระดับให้สูงขึ้น
    ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้วิทยาศาสตร์โลกมีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด อย่างที่มนุษย์ไม่เคยคาดคิดมาก่อน<o></o>

    ผลพวกของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ดังกล่าวนี้ จะทำให้มนุษย์สามารถท่องไปในอวกาศได้
    มนุษย์จะสามารถไปได้ไกลและลึกเข้าไปในอวกาศ เพราะว่ามนุษย์จะได้รับอนุญาตให้เดินทางภายในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก
    ที่ดาวเคราะห์โลกสังกัดอยู่นี้ได้

    นั่นหมายถึงมนุษย์จะสามารถไปเยี่ยมดวงดาวเป็นพันๆดวงที่มีวิทยาการก้าวไกลมากกว่ามนุษย์โลกในปัจจุบันนี้
    และวิทยาศาสตร์ของโลกมนุษย์ก็จะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดเร็วขึ้น<o></o>

    แต่เราขอให้ท่านจำไว้ในใจอย่างหนึ่งว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นสร้างขึ้นในใจของมนุษย์ก่อนทั้งสิ้น
    ดังนั้น มันจึงมีความจำเป็นมากว่า มนุษย์จะต้องเปิดใจ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ และซื่อสัตย์
    รวมถึงต้องเข้าใจในกฎแห่งจักรวาล และกฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า รวมถึงต้องเข้าใจว่าพระผู้เป็นเจ้าคืออะไรด้วย<o></o>

    มีหลายคนเคยถามว่า “นั่นสิ แล้วพระผู้เป็นเจ้าคืออะไรหละ?”

    พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่ชายชราที่มีหนวดเครายาวเฟื้อยที่กำลังคอยจ้องมองลงมาดูเราอยู่
    อย่างที่มีใครกล่าวประชดประชันเอาไว้หรอกนะ ไม่เลย มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
    <o></o>
    เราได้กล่าวแล้วว่ามนุษย์โลกจะต้องใช้เวลา 1000 ปีเพื่อเลื่อนระดับทางจิตวิญญาณของตัวเองขึ้นไปอยู่ในระดับ
    ที่ไม่ต้องอาศัยร่างกายเนื้อนี้อีกต่อไปแล้ว เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะอาศัยอยู่ในรูปแบบของจิตวิญญาณล้วนๆ
    และที่ระดับนั้น มนุษย์ก็จะเข้าใจพระผู้เป็นเจ้าในแบบที่แตกต่างจากที่เข้าใจอยู่นี้อย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
    <o></o>
    พระผู้เป็นเจ้าเป็นรูปธรรมที่มีแต่จิตวิญญาณล้วนๆ พระองค์เป็นพลังงาน พระองค์เป็นพลังแห่งชีวิต
    พระองค์คือแหล่งกำเนิดของสรรพชีวิต และพระองค์ก็คือแหล่งกำเนิดของจักรวาลทั้งปวง
    หากปราศจากพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็ปราศจากสิ่งมีชีวิตใดๆทั้งหมด

    พระองค์ทรงสถิตอยู่ในทุกๆสิ่งและในทุกๆชีวิต นี่คือสิ่งที่เราได้เคยอธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว<o></o>

    พระผู้เป็นเจ้าคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ พระองค์คือพลังแห่งจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่อลังการ
    พระองค์คือพลังแห่งชีวิตที่ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ มากเกินกว่าที่จะมีผู้ใดหยั่งรู้ได้
    <o></o>
    เราได้เคยกล่าวกับพระองค์ว่า “เราคือผู้ต้อยต่ำ” เพราะว่าหากพวกท่านสามารถออกมา (นอกจักรวาล?– Chayutt)
    แล้วมองดูและเห็นสิ่งที่พระองค์ได้สร้างขึ้นเหมือนกันเราได้ พวกท่านจะประจักษ์ถึงความอลังการ
    ของงานสรรค์สร้างของพระองค์ เพราะมันคือจักรวาลทั้งหมด

    และหากพวกท่านลอยกลับเข้าไปในกาแล็กซี่ที่ท่านอยู่แล้ว ท่านก็จะพบว่ามันยังมีกาแล็กซี่อื่นๆอีกมากมาย
    และท่านจะประจักษ์ว่ามันยังมีกาแล็กซี่อื่นๆอยู่อีกมากมายแค่ไหน เมื่อนั้นพวกท่านจะเข้าใจว่า
    จักรวาลทั้งมวลนี้มีความยิ่งใหญ่อลังการมากแค่ไหน
    <o></o>
    และในจักรวาลทั้งมวลนี้ก็คือพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงครอบคลุมจักรวาลทั้งจักรวาลอยู่ด้วยจิตวิญญาณของพระองค์
    ด้วยพลังงานที่ไม่สามารถจะจับต้องและพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ได้โดยฝีมือมนุษย์

    มนุษย์ไม่สามารถหาเครื่องมืออะไรมาวัดพลังงานแห่งพระผู้เป็นเจ้านี้ได้เลย
    <o></o>
    แต่เมื่อใดที่เรากลับลงมาบนดาวเคราะห์โลกนี้อีกครั้งหนึ่ง และพวกเราได้มีโอกาสเข้าใกล้กันมากขึ้น
    และหากพวกท่านเข้าใจคำพูดของเราและดำเนินชีวิตอยู่ให้สอดคล้องกับกฎแห่งจักรวาลแล้ว
    เมื่อนั้นพวกท่านจะสามารถเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าได้มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อย่างเห็นได้ชัด

    และเมื่อนั้นพวกท่านก็จะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสำราญชั่วนิรันดร์ อย่างที่มนุษย์เองยังไม่กล้าที่จะหวังเลยด้วยซ้ำไป

    แม้ว่ามนุษย์จะร้องขอการมีชีวิตแบบนั้นมานานแสนนานแล้วก็ตาม แต่ภายในส่วนลึกในใจของมนุษย์เอง
    ก็ยังไม่เคยเชื่อว่าชีวิตแบบนั้นมันจะมีความเป็นไปได้จริงๆ<o></o>
    <o>
    [​IMG]</o>
    (obr1594)
    <o></o>
    เมื่อมนุษย์พูดถึงชีวิตชั่วนิรันดร์ มันหมายถึงชีวิตหลังความตายเท่านั้น เพราะว่ามนุษย์ไม่เคยประจักษ์เลยว่า
    ชีวิตเป็นของนิรันดร์อยู่แล้ว จากสุดขอบของนิรันดร์กาลข้างหนึ่งไปสู่อีกข้างหนึ่ง

    ในวัฏสงสารแห่งการเวียนว่ายตายเกิดที่ใหญ่โตมโหฬารนี้ จากแร่ธาตุไปสู่พืชพันธุ์ จากพืชพันธุ์ไปสู่สรรพสัตว์
    จากสรรพสัตว์ไปสู่มนุษย์ จากมนุษย์ไปสู่รูปธรรมที่มีแต่จิตวิญญาณล้วนๆ
    แล้ววนกลับเข้าไปสู่วัฏจักรที่หาที่สุดมิได้นี้ใหม่อีกครั้ง
    <o></o>
    ชีวิตมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์ และจักรวาลก็มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วน่าจนอัศจรรย์ด้วย
    ทุกสิ่งล้วนประสานเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน และทุกสิ่งทุกอย่างก็ประสานเชื่อมโยงอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า
    มนุษย์โลกกำลังจะมีความเข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
    <o></o>
    มนุษย์โลกจะได้รับความช่วยเหลือโดยการถูกอพยพให้ขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศนับจากวันที่โลกกลับหัว
    จนถึงวันที่มนุษย์จะกลับลงมาอยู่บนโลกใหม่อีกครั้ง

    นี่คือสาสน์แห่งความสุขที่มนุษย์เข้าใจได้ นี่คือความช่วยเหลือที่จะมอบให้แก่มนุษย์
    <o></o>
    เราได้กล่าวแล้วว่าหากผู้ใดดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ผู้ที่เข้มแข็งกว่าจะช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอ

    และตอนนี้ความช่วยเหลือก็กำลังจะมาสู่ผู้ที่อ่อนแอกว่าในกาแล็กซี่นี้แล้ว
    <o></o>
    นับจากวันนั้นไป พวกท่านก็จะดำเนินชีวิตอยู่บนวิถีทางที่แตกต่างไปจากปัจจุบันนี้โดยสิ้นเชิง
    พวกท่านจะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่าเสมอ เพราะว่าพวกท่านจะเข้าใจกฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า
    และดำเนินชีวิตอย่างสอดคล้องกับกฎนั้น

    [​IMG]<o></o>
    (obr1576)
    <o></o>
    ด้วยเหตุนี้ท่านจะได้ประจักษ์ถึงคุณค่าของกฎนั้นและท่านจะพบว่าดาวเคราะห์โลกเข้าถึงความมีจิตสำนึกใหม่โดยสมบูรณ์แล้ว

    นอกจากนั้น ดาวเคราะห์โลกของพวกท่านก็จะมีความสวยสดงดงามมากยิ่งขึ้น
    สรรพสัตว์ทั้งหลายจะมีความสันติสุขและปรองดองกัน เพราะว่าจิตสำนึกของพวกท่าน
    จะนำความสันติสุขและความปรองดองกันมาสู่พวกมัน
    <o></o>
    นี่คือการกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์ นี่คือสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นและความหมายของมัน<o></o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1594.jpg
      obr1594.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123.6 KB
      เปิดดู:
      2,210
    • obr1576.jpg
      obr1576.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.5 KB
      เปิดดู:
      2,755
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2010
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พออ่านมาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงจะได้ข้อสรุปอะไรบางอย่างคล้ายๆผมแล้วนะครับ
    <o></o>

    ข้อสรุปที่ว่านั้นก็คือ:<o></o>

    1. รูปธรรมชีวิตต่างพิภพเหล่านี้ รวมถึงพระเยซูคริสต์ด้วย พวกเขายังคงเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่
    พวกเขาทั้งหลาย ยังติดอยู่ในวัฏสงสารกันอยู่
    <o></o>

    2. องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระองค์ทรงสอนให้เบื่อหน่ายการเวียนว่ายตายเกิดแบบไม่รู้จบที่ว่านี้
    ดังนั้น พระองค์จึงทรงชี้ทางเดิน ที่จะไปให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้ได้
    ในแบบที่ศาสนาที่มีพระเจ้าทั้งหลาย (อย่างน้อยก็ศาสนาคริสต์หละ) ไม่สอนกัน

    <o></o>
    เมื่อพวกท่านเห็นเป็นดังนี้แล้ว พวกท่านยังจะมีอาการสั่นคลอนในพระพุทธศาสนานี้อยู่อีกหรือไม่
    หรือว่าท่านยิ่งจะเทิดทูลบูชาในคุณของพระรัตนไตรมากขึ้น

    หวังว่าข้อสรุปคงมีอยู่ในใจของท่านเองแล้วนะครับ<o></o>

    <o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  3. JiNaNiE

    JiNaNiE Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +49
    เอ๋า อย่าบอกว่าจบแล้วนะ หวังว่าคงมีต่อนะ อ่านภาคสองแล้วค่อยชื่นใจหน่อย
    (ลำพองใจ) ค่อยมีแฮงหายใจต่อไป
    1. ตามทางพระพุทธองค์ไป ซึ่งเส้นทางนี้จะกลับไปสู่ความเป็นสุญญตาอย่างสมบูรณ์แบบ (นิพพาน)
    ถ้านักเรียนพร้อมที่จะเลือกทางนี้ ท่านอาจารย์ก็จะสอนวิธีการให้

    ดีนะที่เกิดยุคนี้ยังทันเห็นชายผ้าเหลืองพระพุทธเจ้าอยู่ลิบๆๆยังพอคลำทางเดินตามได้บ้าง ไม่รู้ชาตินี้จะตามทันหรือป่าว มันแต่ชมนกชมไม้อยู่นั่นแหละ ตามไม่ทันชาตินี้ ก็ขอตามทุกชาติๆๆไป อย่าให้หลงทางล่ะกันนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2009
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772


    ตรงประเด็นนี้ ก็คาดว่าน่าจะมีคนสงสัย และข้องใจอยู่พอสมควร

    เพราะว่า มีด้วยเหรอที่คนเราจะไปเกิดเป็นแร่ธาตุ เป็นต้นไม้ด้วย
    ศาสนาพุทธเราไม่เคยสอนแบบนั้นเลย..

    แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ลองมาอ่านงานเขียนจากการสื่อสารของรูปธรรมต่างมิติอีกท่านหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องนี้ดูก่อนครับ

    ท่านที่ว่านี้ ท่านเป็นรูปธรรมที่มีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงมากๆแล้ว
    และท่านก็ดำรงอยู่ในรูปแบบของจิตวิญญาณล้วนๆ ปราศจากกายเนื้อแล้ว

    ท่านให้เราเรียกท่านว่า "โนวา อนาลัย"
    ...................................................................


    ..อนุภาคซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นอะตอมและโมเลกุล มีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ
    จนในที่สุดเธอไม่สามารถมองเห็นมันได้ด้วยอุปกรณ์ใดๆ

    จุดนี้จึงเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างอนุภาคที่ก่อเกิดแล้ว และยังไม่ได้ก่อเกิด

    นักวิทยาศาสตร์สามารถนับหน่วยของธาตุได้ ซึ่งหมายความว่า
    พวกเขาจะค้นพบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาพร้อมที่จะเสียสติ..

    ..เขาจะค้นพบอนุภาคที่เล็กลงไปเรื่อยๆอย่างไม่มีวันสิ้นสุด..
    ..พวกเขาจะตระหนักว่า มีบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดอย่างมหันต์..

    จากโนวา อนาลัย "ประวัติศาตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 9<!-- google_ad_section_end -->
    ............................................................................


    ..ในทางตรงข้ามฉันจะกล่าวว่า จิตวิญญาณเป็นปัจจัยก่อเกิดสสาร

    อะตอมและโมเลกุลเป็นสิ่งที่มีจิตวิญญาณของมันเอง

    จิตวิญญาณ-พลังงาน-สสาร คือหนึ่งเดียวกัน

    แต่จิตวิญญาณก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะ จากพลังงานเป็นสสาร..

    จักรวาลปรากฏขึ้นในลักษณะเดียวกัน คือจากความรู้สึกนึกคิดอันเป็นนามธรรม
    แปลงสภาวะเป็นสสารที่เป็นรูปธรรม แต่ปรากฏขึ้นในระดับที่แตกต่างไป

    ในนัยนี้ เมื่อจิตวิญญาณเรียนรู้ที่จะแปลงสภาวะจากพลังงานเป็นสสาร ซึ่งมีรูปทรงทางกายภาพ
    หรือแปลงสภาวะจากนามธรรมเป็นรูปธรรม กำเนิดของจักรวาลจึงเปรียบได้กับชัยชนะแห่งการแผ่ขยายของจิตวิญญาณ..

    จาก โนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 2<!-- google_ad_section_end -->
    .........................................................................


    ..ฉันจะเรียกผู้สร้างและกระบวนการการสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขตนี้ว่า “สรรพสิ่งทั้งปวง”..

    ..ฉันไม่ได้หมายความว่า จักรวาลเป็นผลลัพธ์ของกลไกของจิต
    แต่ฉันหมายความว่า จิตวิญญาณทั้งหลายทั้งปวง เป็นส่วนหนึ่งของ “สรรพสิ่งทั้งปวง”
    และจักรวาลก่อเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ในภาวะที่เป็นระเบียบแบบแผนอันเป็นเลิศ
    และส่วนย่อยทั้งหลายของจิตวิญญาณ ต่างก็มีความรู้ของส่วนรวมที่ลบล้างไม่ได้..

    จากโนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 6<!-- google_ad_section_end -->
    ......................................................................


    ..เธอไม่อาจกล่าวได้ว่า สรรพสิ่งหนึ่งๆถือกำเนิดขึ้น เมื่ออีกสรรพสิ่งหนึ่งสูญสลายไป

    มนุษย์สร้างกฎเกณฑ์ของ อดีต-ปัจจุบัน-อนาคตขึ้นมาช่วย ให้การสื่อความหมายเป็นไปได้

    “สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกทางกายภาพ ถูกสร้างขึ้นจากความนึกคิด”

    ในนัยแห่งสมการของเธอ

    พลังงาน = จิตวิญญาณ = สสาร

    เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และในนัยนี้ จิตวิญญาณ คือปัจจัยกระตุ้นให้พลังงานแปลงสภาวะเป็นสสาร
    และกระตุ้นให้สสารแปลงสภาวะเป็นพลังงาน

    อนุภาคที่เธอมองเห็นได้และมองเห็นไม่ได้ ทั้งที่ค้นพบและที่จินตนาการขึ้น ซึ่งหมายถึงอนุภาคที่เป็นสมมุติฐาน
    ล้วนมีจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังงาน

    พลังงานมีคุณลักษณะจำเพาะซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในตัวของมัน ซึ่งมักแตกต่างไปจากที่เธอสันนิษฐาน

    เพราะตราบจนทุกวันนี้ พวกเธอทั้งหลาย ยังไม่เคยพิจารณาว่า “พลังงานคือจิตวิญญาณ”

    พลังงานเป็นสิ่งสร้างสรรค์ที่เหนือชั้น เป็นนวัตกรรมที่เป็นแบบฉบับใหม่ๆ “พลังงานคือจินตนาการ”

    (นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ที่อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ จะเลิกอ่านทันทีที่มาถึงจุดนี้)

    จากโนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 8<!-- google_ad_section_end -->
    .......................................................................


    ..อนุภาคของภาวะจิต คือจิตวิญญาณในหลายรูปแบบ ซึ่งเปรียบได้กับ
    อะตอม โมเลกุล โปรตอน นิวตรอน หรือ ควอร์ค

    อนุภาคของภาวะจิต เป็นอนุภาคที่ไม่มีสภาวะทางกายภาพ เป็นรูปแบบของจิตวิญญาณที่มีเสน่ห์ดึงดูด
    หรือเป็นรูปแบบประหลาด ที่ทำให้ประสบการณ์ชีวิตของเธอขึ้นๆลงๆ หรือหมุนไปเรื่อยๆ..


    จากโนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 11<!-- google_ad_section_end -->
    ......................................................................


    ..เมื่อกล่าวถึง “จุดเริ่มต้น” ของจักรวาล โดยกล่าวถึงเวลา ในความหมายที่เธอรู้จัก

    อะตอมและโมเลกุล เริ่มต้นด้วยการ “จินตนาการ” รูปทรงทางกายภาพที่มันปรารถนา จากความเป็นไปได้อันเป็นอนันต์

    มันจินตนาการจำนวนของเซลซึ่งนับไม่ได้ ที่จะสร้างสรรค์ขึ้นจากการร่วมมือกัน

    พลังงานปราศจากขีดจำกัด พลังงานมีมากมายเหลือเฟือ มันจึงไม่รู้จักขีดจำกัด

    ในนัยนี้อะตอมเหล่านั้น “ฝัน” ให้เซลแปลงสภาวะเป็นกายภาพ และจากจุดเริ่มต้นใหม่ของสภาวะที่เป็นกายภาพนี้

    จิตวิญญาณของเซล “ฝัน” ถึงองค์ประกอบอันเป็นอนันต์ ซึ่งจะก่อเกิดการผจญภัยอันสุดที่จะพรรณนา
    (เช่นการก่อเกิดเป็นอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายของเธอเป็นต้น)

    การก่อเกิดทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานี้ เกิดขึ้นอย่างฉับพลันพร้อมกันทั้งหมด
    ประสบการณ์ทางจิตอันลึกล้ำเป็นสิ่งที่หยั่งไม่ถึง แต่เกี่ยวพันกับการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์
    ซึ่งจิตวิญญาณแต่ละหน่วยเกี่ยวพันกัน

    คุณลักษณะของการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของ “สรรพสิ่งทั้งปวง”
    และเป็นส่วนหนึ่งของมรดกที่ตกทอดมาสู่เผ่าพันธุ์ทั้งหลาย..ทั้งมนุษย์-สัตว์-พืช..<o></o>

    จาก โนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 11<!-- google_ad_section_end -->
    ........................................................................


    ..ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอ เป็นเพียงส่วนพ่วงต่อของประสาทสัมผัสภายใน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันทางกายภาพ
    ที่ทำให้สื่อสารกันได้ภายนอก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ประสาทสัมผัสภายใน ทำให้สื่อสารกันได้ภายใน ถึงกันได้ทั้งหมดทุกเผ่าพันธุ์

    เซลทุกเซลมีประสาทสัมผัสภายใน อะตอม หยั่งรู้ตำแหน่ง หน้าที่-อัตราความเร็ว-การเคลื่อนไหว
    และธรรมชาติของสิ่งแวดล้อมของมัน ตลอดจนส่วนประกอบของตัวตนของมัน

    โลกของเธอไม่ได้อุบัติขึ้นด้วยความบังเอิญ โลกไม่ได้เกิดจากอะตอมไร้สติที่ก่อตัวเข้าด้วยกันที่นี่บ้าง-ที่โน่นบ้าง
    หรือเกิดจากการรวมตัวกันอย่างไร้สติของแก็ส

    โลกไม่ได้ถูกสร้างขึ้นทีละส่วนๆ แล้วประกอบเข้าด้วยกัน โดยพระเจ้าผู้อยู่ไกลโพ้น โดยที่บางชิ้นส่วนก็ดีบ้าง เสียบ้าง
    หรือบางแบบที่ดีกว่า ก็ถูกประกอบขึ้นมาบ้างในบางฤดูกาล..<o></o>

    จาก โนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 18<!-- google_ad_section_end -->
    ........................................................................


    ..หน่วยย่อยของจิตวิญญาณ เป็นทั้ง “อนุภาค” และ “คลื่น”

    ไม่ว่ามันจะทำหน้าที่เป็นอนุภาคหรือคลื่น มันจะมีสติรู้ถึงตัวตนของมัน

    เมื่อหน่วยย่อยของจิตวิญญาณทำหน้าที่เป็น “อนุภาค” มันก่อตัวขึ้นบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
    มันรับเอาคุณลักษณะจำเพาะ มีรูปกายจำเพาะ และเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงจาก “ศูนย์กลาง” ของรูปกายนั้น

    มันจดจ่อและเอาใจใส่ต่อคุณลักษณะจำเพาะ อันเป็นเอกลักษณ์ มันแปลงสภาพไปสู่สภาวะที่เธอเรียกว่าเป็น ”ตัวตนจำเพาะ”

    เมื่อหน่วยย่อยของจิตวิญญาณทำหน้าที่เป็น “คลื่น” มันไม่ได้สร้างขอบเขตจำกัดให้กับการมีสติรู้เห็นในความเป็นตัวตน

    และเมื่อมันทำหน้าที่เป็นคลื่น มันสามารถอยู่ในสถานที่ต่างๆได้พร้อมกันหมด-หลายแห่ง-ในเวลาเดียวกัน..

    จาก โนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 33<!-- google_ad_section_end -->


    ...............</o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  5. Baramee

    Baramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,032
    คุณ Chayutt
    ตอนที่ 3 และตอนท่ 10 ไม่มีครับ
    ช่วยดูด้วย อ่านกำลังมันเลย
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อ๋อ..ผมตั้งใจตัดมาให้อ่านเพียงบางส่วนเท่านั้นหนะครับ

    คือเลือกเอามาเฉพาะตอนที่กำลังเกี่ยวข้องอยู่กับเนื้อหาหลักๆ
    ที่ผมกำลังแปลอยู่นี้เท่านั้นหนะครับ

    จริงๆแล้วเนื้อหาของคุณ avatar_boy รวบรวมได้เป็นเล่มเลยหละครับ
    ประมาณ 50 หน้ากระดาษ A4 ได้กระมัง

    คงเอามาลงให้อ่านทั้งหมดไม่ไหวหรอกครับ..
     
  7. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,258
    ขอต้อนรับสู่ชมรมมังสวิรัติครับ
    ผมเคยทำเว็บไซต์เกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติไว้ด้วย (แต่ไม่ได้อัพเดทเป็นชาติแล้ว)
    ท่านใดสนใจ ขอเชิญเข้าไปแวะชมนะครับ
    ?ྨ??ʇԃѵԠ: Vegetarian Hall - Thailand
     
  8. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ขอบคุณ คุณChayutt ที่มาเตือนความทรงจำ

    โมนา ครับ
     
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ
    สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)<o></o>
    <o></o>
    โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-2)
    <o></o>
    อะไรกำลังจะเกิดขึ้น (ตอนที่ 2-1)<o></o>




    เมื่อตอนที่เรายังเดินอยู่บนโลกมนุษย์ เราได้สอนให้มนุษย์สวดมนต์ มันเป็นบทสวดที่เรียบง่ายและเงียบสงบมาก
    มันเป็นบทสวดมนต์ที่ตรงไปสู่พระผู้เป็นเจ้า มันเป็นบทสวดมนต์ที่ร้องขอต่อพระผู้เป็นเจ้า
    ให้ทรงประทานอาณาจักรของพระองค์
    มายังโลกมนุษย์
    <o></o>

    การสวดมนต์นี้ได้มีมานานแล้วจวบจนบัดนี้ ศาสนจักรได้มีส่วนทำให้การสวดมนต์นี้เป็นไปอย่างน่าพึงพอใจ
    แต่พวกท่านอาจจะมีคำถามว่า แล้วทำไมเราถึงได้วิจารณ์ศาสนจักรหละ?
    <o></o>
    ศาสนจักรถูกเราวิจารณ์เกี่ยวกับวิถีที่ศาสนจักรกระทำบนโลกมาโดยตลอด
    ศาสนจักรไม่ได้ทำตัวให้เป็นผู้รับรองทางด้านจิตวิญญาณ (Spiritual Guarantor) อย่างที่มันควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว
    ศาสนจักรได้โน้มเอียงไปฝักใฝ่ด้านวัตถุสิ่งของ และเรื่องทางโลกมาโดยตลอด ศาสนจักรได้ร้องขอต่อพระราชา
    พระเจ้าจักรพรรดิ และต่อฝ่ายการเมืองมากเกินไป มากกว่าที่ร้องขอจากเราเสียอีก
    <o></o>
    แต่ว่าภายในศาสนจักรเอง ก็ยังมีผู้ที่ดำเนินอยู่บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่มาโดยตลอด
    อาจจะกล่าวได้ว่า คนเหล่านี้แหละที่ทำหน้าที่เป็นผู้รับรองทางจิตวิญญาณแทนศาสนจักรทั้งมวลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
    และเป็นผู้ที่คอยรับสาส์นจากเรา แล้วถ่ายทอดต่อไปยังมนุษย์โลก ดังนั้นสาส์นจากเราจึงไม่เคยพลาด
    <o></o>
    แต่อย่างไรก็ตาม เราก็จะไม่ขอบคุณศาสนจักรอยู่ดี เพราะผู้ที่สมควรได้รับคำขอบคุณจากเราก็คือบุคคลแห่งจิตวิญญาณ
    ที่อยู่ภายในศาสนจักรที่เราได้กล่าวถึงแล้วนั้นต่างหาก<o></o>

    ในบทสวดที่เราเคยสอนมนุษย์ไว้ และมีการสวดอยู่ในโบสถ์บ่อยๆ ได้อ้อนวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า
    ให้ทรงประทานอาณาจักรของพระองค์มายังโลกมนุษย์นั้น

    บัดนี้อาณาจักรของพระองค์ จิตวิญญาณของพระองค์กำลังจะมายังโลกมนุษย์ตามคำขอนั้นแล้ว
    <o></o>
    ข้อมูลนี้มาจากพระผู้เป็นเจ้าที่ได้ส่งมาถึงเรา ไม่ใช่ความเข้าใจผิดของเราเองแต่อย่างใด
    เราได้เคยกล่าวไว้แล้วว่า หน้าที่ของเราคือ “ผู้รับรองทางจิตวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า”(GOD’s Spiritual Guarantor)
    ประจำกาแล็กซี่นี้ แต่พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของปฏิบัติการครั้งนี้ของเรา
    ที่เรียกว่า “การกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์”(The Second Coming of Christ)
    ซึ่งตอนนี้ มันใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว มันคือบทสวดที่ว่า “Thy Kingdom come which is now to be fulfilled”<o></o>

    นี่คือสาส์นแห่งความรักสู่มนุษย์โลก
    พระผู้เป็นเจ้าคือความรัก พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา
    พระองค์ทรงเป็นสิ่งที่มีมหิทธานุภาพสูงสุด (God is The Almighty)
    พระองค์ทรงเป็นผู้นำทางให้แก่ทุกๆสรรพสิ่งและทุกๆสรรพชีวิต
    พระองค์ทรงเป็นต้นกำเนิดของชีวิต ไม่มีสิ่งใดสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากพระผู้เป็นเจ้า
    <o></o>
    และเพราะด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ ที่ใครจะทำในสิ่งที่เรากำลังจะทำต่อดาวเคราะห์โลกใบนี้
    หากไม่ใช่เป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง<o></o>

    การล้างบาปได้ถูกปฏิบัติมานานแล้ว และมันก็ได้กลายเป็นพิธีกรรม หรือสัญลักษณ์ของการชำระล้างจิตวิญญาณไป

    น้ำเคยถูกใช้เป็นตัวแทนของสิ่งที่สามารถชำระล้างจิตวิญญาณและวิญญาณของผู้ที่มีความปรารถนาอย่างหมดจดและจริงใจ
    เพื่ออุทิศตัวเองแด่พระผู้เป็นเจ้า
    <o></o>
    แต่ตอนนี้เราสามารถบอกพวกท่านได้เลยว่า พวกเรากำลังยืนอยู่ต่อหน้าพิธีการล้างบาปครั้งยิ่งใหญ่
    มันเป็นการล้างบาปแบบใหม่ของมนุษย์โลก มันเป็นการล้างบาปแบบมีเงื่อนไข เพื่อเข้าไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
    ในแบบที่มนุษย์โลกยังไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย การล้างบาปแบบนี้ไม่ต้องใช้น้ำอีกต่อไปแต่จะใช้ "ไฟ" แทน

    [​IMG]<o></o>
    (obr1498)
    <o></o>
    ไฟจะถูกใช้ในพิธีล้างบาปแบบใหม่นี้ ไฟจะโหมกระหน่ำดาวเคราะห์โลกใบนี้ โลกจะถูกชำระให้บริสุทธิ์ด้วยไฟ

    แต่สำหรับผู้ที่ได้ยิน “พระสุระเสียง” และผู้ที่ต้องการได้ยิน “พระสุระเสียง” เช่นเดียวกับเรา ก็จะถูกอพยพขึ้นไปอยู่บนอากาศ
    และจะได้มีโอกาสอยู่เป็นพยานรู้เห็นในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ที่จะถูกทำความสะอาดและชำระล้างให้บริสุทธิ์ด้วยไฟ

    หลังจากนั้นแล้วเขาก็จะถูกนำกลับลงมาอยู่บนโลกใบนี้ใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ต่อไป แต่ในวิถีทางแห่งจิตวิญญาณ
    และความรู้-ความเข้าใจใหม่อย่างสิ้นเชิง

    เขาจะมีส่วนร่วมกับเราและพวกของเรา และจากนั้นก็จะได้มีส่วนร่วมกับพระผู้เป็นเจ้าต่อไปด้วย
    และเมื่อนั้นอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ก็จะเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์นี้อย่างแท้จริง
    <o></o>
    หากพวกท่านหันมามองดูตัวท่านเองที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติแล้ว พวกท่านก็จะสัมผัสได้ถึงความหลากหลายอย่างไม่มีประมาณ
    ของรูปแบบชีวิตที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ทุกๆรูปแบบชีวิตล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าด้วยกันทั้งสิ้น
    ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่พวกท่านมองเห็นล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระองค์ ด้วยพลังและด้วยจิตวิญญาณของพระองค์
    <o></o>
    เมื่อใดที่พระผู้เป็นเจ้าต้องการให้รูปแบบชีวิตใดเปลี่ยนจากรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง
    มันก็จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรงรวดเร็วเลยทีเดียว

    เมื่อมนุษย์โลกได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นก็คงได้แต่สงสัย เพราะมนุษย์ไม่เคยสามารถอธิบายและไม่สามารถเข้าใจ
    ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ได้เลย ดังนั้น พวกมนุษย์ก็ได้แต่เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “การผ่าเหล่า”
    ซึ่งปรากฏการณ์นี้เป็นการกระโดดข้ามขั้นวิวัฒนาการของชีวิต บนเส้นทางแห่งวิวัฒนาการที่มุ่งตรงสู่พระผู้เป็นเจ้า

    ซึ่งบนเส้นทางนี้ ยิ่งเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความเข้าใจในพระผู้เป็นเจ้า
    และชีวิตที่ประกอบไปด้วยจิตวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้ามากยิ่งๆขึ้นเท่านั้นด้วย
    <o></o>
    การผ่าเหล่าเช่นนี้กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์โลก จะเป็นการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณ
    ความช่วยเหลือกำลังจะมาจากเบื้องบน เพื่อช่วยให้มนุษย์ได้เข้าใจคุณค่าของกฎของพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น
    <o></o>
    ชาวโลกได้รู้จักกฎของพระผู้เป็นเจ้ามานานหลายพันปีแล้ว โดยครั้งแรกผ่านทางบัญญัติสิบประการของโมเสส (Moses)
    จากนั้นก็เป็นการเขียนโดย 4 ผู้สอนศาสนาคริสต์
    <o></o>
    ถูกต้องแล้ว มันอยู่ในนั้นทั้งหมดแล้ว เมื่อใดที่มนุษย์เข้าใจมัน และประจักษ์แจ้งถึงความหมายของมัน
    แล้วพยายามที่จะดำเนินชีวิตให้สอดคล้องไปกับมัน อย่างหมดจดและไม่ขาดตกบกพร่อง
    เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะพบกับการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณ และมันจะเกิดขึ้นรวดเร็วมาก<o></o>

    มนุษย์โลกที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่นี้ จะบรรลุการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณ และจะกลับมาดำเนินชีวิตอยู่บนโลกด้วยวิถีทางใหม่อย่างสิ้นเชิง

    และด้วยความรู้ใหม่อย่างสิ้นเชิง และด้วยความช่วยเหลือจากภายนอกโลกที่ส่งตรงมาจากเรา
    ดังนั้น ดาวเคราะห์โลกใบนี้ ก็จะมีความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง สามารถผลิตสิ่งที่จำเป็นอะไรก็ได้
    <o></o>
    จิตวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า จะคุ้มครองทุกๆสิ่งทุกๆอย่างและทุกๆชีวิต จิตวิญญาณของพระองค์จะช่วยเหลือพวกเรา
    ให้บรรลุถึงระดับที่พวกเราควรจะบรรลุด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทุกๆชีวิตบนโลกจะได้รับอิทธิพลจากสิ่งนี้
    <o></o>
    เมื่อเรากล่าวว่าทุกๆชีวิตบนโลกจะได้รับอิทธิพลจากมัน อาจจะฟังดูแปลกๆสำหรับมนุษย์บางคน
    แต่จงย้อนระลึกถึงข้อความในพระคัมภีร์เก่า (The Old Scripture) ที่ว่า “สิงโตจะกินหญ้าร่วมกันกับแกะ”

    สิ่งนี้มันจะกลายเป็นความจริง
    <o></o>
    สิ่งนี้จะทำให้พวกท่านประจักษ์แจ้งถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่า หากดาวเคราะห์ดวงใดถูกยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
    ความเข้าใจก็จะสมบูรณ์แบบขึ้น มนุษย์จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะว่ามนุษย์จะสามารถจัดการทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง
    และทุกๆชีวิตที่อยู่รอบๆตัวเขาในอันที่จะทำให้เกิดความสันติสุขและความกลมเกลียวกันได้ทั้งหมด
    <o></o>
    การฆ่าจะไม่มีอีกต่อไป จะไม่มีสัตว์ตัวใดที่ต้องทุกข์ทรมานเพราะการถูกทำร้ายอีกต่อไป
    ทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่อย่างสงบสุขและกลมเกลียวกัน
    <o></o>
    ความเข้าใจทางด้านจิตวิญญาณจะยังไม่ค่อยสมบูรณ์แบบเท่าใดนัก แต่ก็จะถูกยกระดับขึ้นสูงพอที่จะทำให้มนุษย์
    ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้ประดุจดังอยู่บนสวรรค์จริงๆอย่างที่มนุษย์โลกเองไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย
    เพราะเหตุนี้ จึงควรที่จะเข้าใจว่ามันคืออะไร และจะเป็นไปอย่างไร
    <o></o>
    มีการกล่าวถึงความหายนะมานานแล้ว แต่เราอยากบอกความจริงกับพวกท่าน อย่างที่เราเคยกล่าวไว้แล้วว่า
    “ไม่มีสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาสิ่งใดเลย ที่จะสูญหายไป” มีเพียงค่าปรับเดียวที่จะเกิดขึ้นคือ มนุษย์โลกจำนวนมาก
    จะต้องเสียโอกาสที่จะได้เข้าถึงระดับดังกล่าวในเวลานั้น
    แต่ว่าหลังจากนั้นก็จะมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปค่อนข้างมากเกิดขึ้นกับพวกเขา
    <o></o>
    เราได้กล่าวแล้วว่ามันกำลังจะมีการชำระล้างทางจิตวิญญาณเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์โลก
    และผู้ใดก็ตามที่ไม่สามารถผ่านเงื่อนไขทั้งหมดได้ ก็จะต้องตายอยู่บนโลกใบนี้ มันค่อนข้างชัดเจน
    แต่แน่นอนว่า พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้สูญหายไปจากพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างใด
    <o></o>
    เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสูญหายไปจากพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับมนุษย์ทุกคนเสมอ
    เช่นเดียวกับที่ทรงสถิตอยู่กับทุกๆสรรพชีวิต ชีวิตยังจะดำเนินต่อไปอย่างไม่รู้จบ ตราบชั่วนิรันดร์
    เพียงแต่ว่ามันจะเปลี่ยนไปดำเนินอยู่ที่อื่นและในระดับอื่นๆ ตามแต่คุณสมบัติของมนุษย์ผู้นั้น
    ว่าจะไปเหมาะสมลงตัวกับระดับวิวัฒนาการใด
    <o></o>
    อาจจะกล่าวได้ว่า มนุษย์ที่ตายไปจะสูญเสียความเป็นมนุษย์ในปัจจุบันนี้ไป แล้วไปดำเนินชีวิตอยู่ในรูปแบบชีวิตรูปแบบอื่นๆ

    [​IMG]<o></o>
    (obr1608)
    <o></o>
    แต่อย่างไรก็ตามจงรอคอยดูการกลับมาครั้งที่สองของเราว่ามันคือความจริง เมื่อนั้นพวกท่านจะพบว่า
    มันคือการสูญเสียในท้ายที่สุด ลองจินตนาการดูว่าตัวท่านกำลังยืนอยู่กับเพื่อนคนหนึ่งบนบันไดขึ้นที่สี่
    แล้วอยู่ๆเพื่อนของท่านก็ก้าวขึ้นไปอยู่บนขึ้นที่สูงกว่าทันที ทิ้งท่านไว้เบื้องหลังซึ่งอยู่บนบันไดขั้นที่ต่ำกว่า
    นั่นแหละท่านก็จะถูกทิ้งไว้แบบนั้นแหละ
    <o></o>
    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ไม่ได้กำลังกล่าวถึงระดับขั้นเล็กๆน้อยๆหรือจิ๊บๆจ๊อยๆแต่ประการใดเลย

    เพราะว่าแม้แต่วิวัฒนาการทางจิตวิญญาณเพียงจิ๊บๆจ๊อยๆของมนุษย์ มนุษย์ยังต้องใช้เวลาตั้งหลายพันปีกว่าจะไปถึงได้
    แต่ว่าครั้งนี้พวกท่านกำลังจะได้บรรลุถึงโลกทัศน์ใหม่ๆมากมายอย่างแท้จริง โลกทัศน์ที่มนุษย์ยังไม่เคยมี
    และไม่สามารถจะมีได้มาก่อน
    <o></o>
    โลกทัศน์ใหม่นี้ทำให้มีความเป็นไปได้สำหรับมนุษย์ ที่จะสามารถได้มาซึ่งความรู้ที่ยิ่งใหญ่มากๆ
    ซึ่งมนุษย์จะต้องมีระดับวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงเพียงพอเสียก่อน จึงจะได้รับความไว้วางใจให้มีความรู้ระดับนี้ได้
    <o></o>
    เราจำเป็นต้องเตือนพวกท่าน ถึงจุดยืนของพวกท่านในทุกวันนี้ว่า ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ทุกวันนี้
    ก้าวหน้าไปไกลเกินกว่าวุฒิภาวะทางจิตวิญญาณของมนุษย์จะสามารถควบคุมมันได้แล้ว<o></o>

    มนุษย์ได้มาถึงจุดที่ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ไกลกว่านี้อีกแล้ว มนุษย์ได้มาถึงจุดที่วิทยาศาสตร์พัฒนาไปเร็วกว่าจิตวิญญาณ
    มนุษย์ทุกวันนี้จึงสามารถที่จะทำลายล้างทั้งชีวิตของตัวเองและชีวิตของผู้อื่นบนดาวเคราะห์โลกใบนี้ได้
    <o></o>
    และไม่เพียงเท่านั้น มนุษย์ยังมีความสามารถที่จะทำให้จักรวาลปั่นป่วนได้อีกด้วย มนุษย์สามารถรบกวนกาแล็กซี่ที่ตัวเองอยู่ได้
    ซึ่งสิ่งนี้มันจะต้องไม่เกิดขึ้น เพราะว่ามนุษย์จะไปก่อความเดือดร้อนและรบกวนรูปธรรมชีวิตบนดาวดวงอื่นๆ และในระดับอื่นๆ
    <o></o>
    เพราะกฎข้อนี้ห้ามไว้อย่างตรงไปตรงมา และเพราะว่าคำพยากรณ์ที่มีมานานแล้วได้กลายมาเป็นความจริงแล้ว
    หมายถึงคำพยากรณ์ที่ว่า “ความรู้และสรรพศาสตร์ของมนุษย์จะก้าวไกล และหลากหลาย”
    คำพยากรณ์ได้ถูกเขียนขึ้นมานานแล้ว และเราคิดว่าพวกท่านคงได้เห็นถึงความก้าวหน้าที่ว่านี้กันแล้ว

    ความรู้ของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ยิ่งใหญ่มากและทำให้มนุษย์มีศักยภาพพอที่จะทำในสิ่งที่ตนเองไม่มีความเจริญทางจิตวิญญาณมากพอ
    ที่จะควบคุมมันได้
    <o></o>
    ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินตามเส้นทางที่กำลังเดินอยู่นี้ต่อไป มนุษย์จำเป็นจะต้องถูกยกระดับทางจิตวิญญาณขึ้นก่อน
    ก่อนที่จะดำเนินตามเส้นทางแห่งความรู้ที่ตนเองมีอยู่แล้วต่อไปได้

    นี่ยังไม่ได้หมายถึงความรู้ที่มนุษย์กำลังจะมีในภายภาคหน้า มันง่ายอย่างนั้นเลยหละ และมันก็เป็นเช่นนั้นเอง

    (ยังมีต่ออีกนะครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1498.jpg
      obr1498.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.3 KB
      เปิดดู:
      2,362
    • obr1608.jpg
      obr1608.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.9 KB
      เปิดดู:
      2,029
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ
    สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)<o></o>
    <o></o>
    โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-2)
    <o></o>

    อะไรกำลังจะเกิดขึ้น (ตอนที่ 2-2)<o></o>
    <o>
    </o>

    นี่คือสาส์นแห่งความสุข คือการเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ชาติ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้คนจำนวนหมื่น
    หรือจำนวนแสน แต่มันหมายถึงผู้คนหลายล้านคน ที่จะถูกยกระดับขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขั้นและมีวิถีชีวิตในรูปแบบใหม่
    ที่แตกต่างไปจากวิถีชีวิตเดิมอย่างสิ้นเชิง วิถีชีวิตที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง วิถีชีวิตที่มนุษย์จะรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต
    มันคือสิ่งที่พวกท่านก็ทราบแล้วว่ามันไม่เหมือนกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
    <o></o>
    นับจากนั้นไป ทุกๆคนจะต้องรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต ตระหนักรู้ว่าชีวิตคืออะไร ใครคือผู้ที่ประทานชีวิตนี้มาให้
    และนั่นจะทำให้เกิดการปรับปรุงตัวเองโดยความสมัครใจและเชื่อฟัง<o></o>

    ชาวโลกหลายคนได้เคยอ่านเรื่องราวของดาววีนัสมาแล้ว บนดาววีนัสมีจิตสำนึกอยู่ในระดับสูงกว่าดาวเคราะห์โลก
    และเมื่อเรากล่าวถึงจิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกและดาววีนัส ก็ขอให้เข้าใจว่า
    หากพวกท่านนำเอาค่าเฉลี่ยของจิตสำนึกของมนุษย์โลกมา ก็จะได้จิตสำนึกของโลก

    [​IMG]<o></o>
    (obr308)
    <o></o>
    จิตสำนึกของดาววีนัสอยู่ในระดับสูงกว่าของโลก หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ผู้คนบนดาววีนัสมีความเข้าใจ
    และดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎของพระผู้เป็นเจ้า สภาวะนี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่แตกต่างไป<o></o>

    ในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ยังหมายถึง พวกเขาสามารถท่องอวกาศได้ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ท่องไปในอวกาศ
    ในขณะที่มนุษย์โลกยังไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่สามารถท่องไปในอวกาศได้
    <o></o>
    มนุษย์ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปได้แค่รอบๆชั้นบรรยากาศของโลกเท่านั้น แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปได้ไกลถึงในอวกาศ
    ในสภาวะทางจิตวิญญาณและศักยภาพเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
    <o></o>
    ชาวดาววีนัสรู้ว่าจะปฏิบัติตนให้อยู่ภายใต้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร แต่กฎเดียวกันนี้ก็ถูกเขียนขึ้นสำหรับมนุษย์โลก
    ด้วยเช่นเดียวกัน หากแม้นเพียงแต่มนุษย์โลกเคารพเชื่อฟังกฎดังกล่าวนี้ มนุษย์โลกก็จะสามารถเป็นได้เหมือน
    สังคมของชาวดาววีนัสโดยไม่ยากเลย
    <o></o>
    แต่อย่างไรก็ตาม เพียงแค่อ่านในคัมภีร์ไบเบิ้ลของพวกท่าน เพราะมันได้เขียนเอาไว้หมดแล้วว่าควรดำเนินชีวิตอย่างไร
    มันอยู่ในนั้นหมดแล้ว<o></o>

    สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การทำให้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าบรรลุเป้าหมาย เราได้เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า
    มนุษย์โลกได้มาถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมความรู้ของตนเองด้วยสภาวะของระดับจิตวิญญาณที่มีอยู่ในขณะนี้ได้
    มนุษย์ได้มาไกลเกินไปแล้ว เกินกว่าที่จะสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางที่กำลังดำเนินอยู่นี้ได้อีก แบบที่มีชีวิตรอดอยู่
    <o></o>
    แต่มนุษย์ก็มีทางเลือกอิสระเป็นของตนเอง เพราะเหตุนี้มนุษย์จึงได้รับอนุญาตให้เดินมาไกลอย่างนี้ได้
    และก็เพราะด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้เดินต่อไปไกลที่สุด

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองสร้างขึ้นมาด้วยความเข้าใจผิดของมนุษย์เอง
    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้พุ่งความเกลียดชังมาสู่มนุษย์ด้วยกันเอง
    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้ต้องได้รับความเจ็บปวดเพราะความเกลียดชังที่ต่างฝ่ายต่างก็สร้างมันขึ้นมาเอง

    ซึ่งสิ่งนี้เองจะนำไปสู่เหตุการณ์สยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ สิ่งนี้จะนำไปสู่ สงครามนิวเคลียร์
    ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้นไปอีก<o></o>

    แต่เพราะว่ากฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวนจักรวาลได้ พวกเราจึงจะไม่ไปรบกวน
    แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเราจะมาช่วยเหลือมนุษย์ เพราะนอกจากเหตุผลอื่นๆแล้ว พวกเรายังมีเหตุผลที่ว่า
    มนุษย์เองได้ร้องขอให้พวกเราช่วยเหลือ เพราะว่ามีมนุษย์มากมายบนโลกที่ยินยอมให้พวกเรามาช่วย
    <o></o>
    แต่การช่วยเหลือครั้งนี้ ก็จะเกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่ยินยอมให้พวกเราช่วยเหลือด้วยความสมัครใจเท่านั้น
    เมื่อความสิ้นหวังมาถึงจุดสูงสุด พวกเราจะลงมาจากอวกาศ ในลักษณะที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจได้
    ชาวโลกจะเห็นพวกเรา ได้ยินเสียงพวกเรา และสัมผัสพวกเราได้
    <o></o>
    พวกเราจะหยุดสงครามที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เร็วดุจสายฟ้าฟาด มันจะเกิดขึ้นเร็วมากแค่วินาทีเดียว

    แล้วต่อจากนั้นพวกเราก็จะอพยพชาวโลกที่เหลือรอดชีวิตอยู่บนโลกขึ้นไปอยู่ในยานอวกาศขนาดใหญ่
    ที่ลอยประจำการอยู่ในภารกิจนี้จำนวนมากมาย

    ทุกสิ่งทุกอย่างในปฏิบัติการครั้งนี้ได้ถูกคำนวณและถูกวางแผนมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
    <o></o>
    หลังจากการอพยพ โลกก็จะเริ่มกลับหัวลง ตอนนั้นโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
    พืนผิวโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงด้วย ชาวโลกจะจดจำสภาพของโลกของตนเองไม่ได้อีกต่อไป
    พวกเขาจะทำได้แค่ต้องสร้างโลกใหม่เท่านั้น

    การกลับหัวของโลกจะเสร็จสิ้นภายในวินาทีเดียว มันรวดเร็วอย่างนั้นเลยหละ ประดุจฟ้าแลบ
    <o></o>
    เมื่อการกลับหัวของโลกเสร็จสิ้นลงแล้ว มันก็จะชำระสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายที่มนุษย์โลก
    เป็นผู้ยัดเยียดให้กับมันออกไปจนสะอาด เพื่อให้มีสภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
    แล้วจากนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็จะถูกนำกลับลงมายังโลกใหม่อีกครั้ง
    <o></o>
    พืชพันธุ์ต่างๆก็จะงอกในไม่ช้า สรรพสัตว์และนกต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาใหม่ และมนุษย์โลกก็จะได้รับความช่วยเหลือครั้งใหญ่
    อีกครั้งหนึ่ง ในการสร้างโลกขึ้นมาใหม่

    ภายในระยะ 6 เดือน งานซ่อมแซมส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้นจนเพียงพอและเหมาะสมที่จะใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์โลกได้แล้ว
    ในวิถีใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

    [​IMG]<o></o>
    (obr1541)
    <o></o>
    ในขณะเดียวกันมนุษย์จะได้รับอนุญาตให้ท่องอวกาศได้และจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองยังไม่รู้ในปัจจุบันนี้
    และมนุษย์จะได้รับสิ่งของต่างๆจาก”ภายนอกโลก”ที่มนุษย์ทุกวันนี้ยากที่จะเชื่อว่ามีตัวตนอยู่จริง<o></o>

    การกลับลงมาจากยานอวกาศของมนุษย์โลก มนุษย์จะเลือกตั้งถิ่นฐานในที่ๆตนเองพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆในโลกก็ตาม
    ไม่ว่าในปัจจุบันนี้จะเคยอยู่ตรงจุดไหนบนโลกนี้ก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงจนแตกต่างจากเดิมไปหมด
    หรือไม่ว่าจะอ้างอิงด้วยเส้นรุ้งและเส้นแวงก็ตาม ในเวลานั้นมันก็จะไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว

    สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์โลกแต่ละคนต่างหาก
    <o></o>
    ดังนั้น พวกท่านจะได้เห็นว่า สถานที่บนโลกที่ท่านจะได้กลับลงมาอยู่มันช่างมีความสำคัญน้อยนิดเหลือเกิน
    เพราะมันใหม่ไปซะทุกอย่าง<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr308.jpg
      obr308.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.7 KB
      เปิดดู:
      3,665
    • obr1541.jpg
      obr1541.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.6 KB
      เปิดดู:
      3,603
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โอ้..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !

    อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว..

    ..ก็อดนึกถึงข้อมูลที่น้องเมย์ไปสัมภาษณ์อาจารย์ที่ทำงานอยู่ใน NASA มาไม่ได้..

    เพราะว่ามีกล่าวถึงเรื่อง "โลกกลับหัว" เหมือนกันเลย
    อีกทั้งเรื่องนี้อาจารย์ปริญญา ก็ได้พูดไว้ด้วยเหมือนกัน

    และพอรู้ว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ด้วยนี่..
    ก็อดนึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ได้ เพราะท่านพยากรณ์เอาไว้หมดแล้ว..

    อะไรมันจะเข้าแก็บกันได้พอดีขนาดนี้นะเนี่ย..

    [​IMG]

    ใครที่ยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องภัยพิบัติโลก..

    ก็ลองเก็บเอาไปคิดเป็นการบ้านดูซะนะครับ

    ......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • shattered.jpeg
      shattered.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      50.5 KB
      เปิดดู:
      3,200
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  12. Premsuda (May)

    Premsuda (May) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +646
    เมย์อ่านกระทู้ของพี่ Chayutt มาตลอดค่ะ รู้สึกทึ่งในฝีมือการแปลของพี่มากเลย
    เมย์เป็นกำลังใจให้ค่ะ ชอบอ่านมากๆ

    พี่ Chayutt พูดถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ เท่าที่เมย์สนทนากับพระที่เมย์นับถือหลายๆรูป ท่านพูดไปในทำนองเดียวกันว่า
    ภัยพิบัติใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น จะมีสาเหตุมาจากไฟบรรลัยกัณฑ์ เพราะมันเป็นวาระที่โลกต้องถูกล้างด้วยไฟ
    ซึ่งหลายๆคน ยังคิดว่าภัยพิบัติจะมาจากน้ำอยู่เลย ซึ่งคนยังเข้าในกันผิดมาก บ่งบอกได้เลยว่า คนที่จะรู้เรื่องภัยพิบัติครั้งนี้
    มีน้อยมากจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  13. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ขอนอบน้อมพระรัตนตรัยสูงสุด กราบขอบพระคุณผู้มีคุณผู้สูงชาติ ผู้สงเคราะห์โลกพิทักษ์ธรรม
    ขออนุโมทนา สาธุการ สาระความรุ้ข้อมูลควรศึกษาจากท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ


    พลังของผู้มีธรรม จะยังโลกสว่างไสว
    คุณความดี จะยังคงอยู่ตลอดไป
    จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน สาธุค่ะ<O:p</O:p


    [music]http://palungjit.org/attachments/a.619585/[/music]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. วิมลรัตน์

    วิมลรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอบคุณ อนุโมทนา กับ คุณชยุช ที่นำเอาบทความมาให้อ่านและศึกษา น่าติดตามมาก จะรออ่านอีกนะคะ กรุณาอย่าให้ ข้อย รอนานเกินเน้อเจ้า
     
  15. ผีมังคุด

    ผีมังคุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +350

    ผมบอกไปไม่รู้กี่รอบแล้วว่า nasa มันปิดข่าวในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
    - Area 51
    - Pole Shift
    - Plannet-x
    - Alian
    - UFO

    และอีกหลายๆเรื่องที่ nasa ปิดข่าวมาเสมอ ก็แน่นอนล่ะครับที่ nasa ต้องปฏิเสธและปิดข่าว
    เรื่องแบบนี้ใครเค้าจะออกมาเปิดเผยกันละครับ ขืนเปิดเผยออกไป โลกต้องวุ่นวายแน่ๆ
    ลองคิดดูนะว่าถ้า nasa ออกมาบอกว่าอีก 2-3 ปี โลกจะเกิดภัยพิบัติ คนจะตายกันเกือบหมด
    จะเกิดอะไรขึ้น ผลก็คือ
    - คนจะเกิดการจลาจล
    - เกิดการจี้ป้น
    - เกิดการฆ่าฟันกัน

    ช่วงเวลานั้น กฏหมายจะไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะไหนๆ 3 ปี ต้องตายอยู่แล้ว
    คนจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองกอบโกยให้มากที่สุด ซึ่งยากที่จะควบคุมได้ เพราะฉนั้น
    เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครเค้าออกมาป่าวประกาศกันหลอก

    อย่าไปเชื่อประกาศงี่เง่าของ nasa เลย เพราะ nasa ไม่เคยให้ความจริงอะไรกับชาวโลก
    มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเรื่องดาว นิบิรุ (Nibiru) ข่าวนี้ก็ไม่ได้ออกมาจาก nasa แต่อย่างใด
    แต่ออกมาจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากยุโรป และมาจากชาวมายัน ต่างหาก

    ชาวพลังจิตครับ อย่าไปสนใจประกาศจาก nasa ครับ ให้ติดตามผลการแปลของคุณ ชยุต ต่อไปครับ
    คุณ ชยุต มาถูกทางแล้วครับ แปลต่อไปครับ ผมและเพื่อนๆชาวพลังจิต จะคอยให้กำลังใจคุณชยุต
    จนกว่าจะถึงวันภัยพิบัติอีก 2-3 ปีข้างหน้า ไม่ต้องไปสนใจใคร เพราะคนในพลังจิตบางคนกลัวตายแทบเป็นบ้า
    พยายามหาข้อมูลงี่เง่ามาหักล้างเสมอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอบคุณทุกๆท่าน สำหรับทุกๆความคิดเห็นนะครับ

    โลกธรรมแปด..หนะครับ..มีสรรเสริญ ก็มีนินทา

    และก็เป็นธรรมดาอยู่ว่ามีขาว..ก็ต้องมีดำ

    สมมุติว่านะ..

    ถ้าใครก็ตามเอาเรื่องที่ตัวเขาเองก็รู้ว่ามันโกหกทั้ง 100% หาจริงไม่ได้เลย
    มาบอกคนกลุ่มหนึ่ง..คุณคิดว่าจะมีคนเชื่อสักกี่คน และไม่เชื่อสักกี่คน

    และในทางกลับกัน..หากเขาคนนั้นเอาเรื่องที่จริงแท้แน่นอนทั้ง 100% มาบอกคนกลุ่มเดิมอีก
    คุณคิดว่าจะมีคนเชื่อสักกี่คน..และไม่เชื่อสักกี่คน

    โดยเฉพาะยิ่งคนหมู่มากและมีระดับสติ ระดับปัญญา ระดับความรู้ และประสบการณ์ที่ต่างกันมากๆแล้ว

    ก็อย่าไปบังอาจคาดหวังว่าสิ่งที่คุณบอกออกไปนั้น..จะมีคนเชื่อ หรือไม่เชื่อทั้ง 100% อย่างเด็ดขาด

    นี่คือสิ่งที่ผมคิด..

    ดังนั้น...ไม่ว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการโพสต์ของผมแต่อย่างใด

    ถ้าจะบอกว่าผมเองก็ยังไม่เชื่อทั้ง 100% เลย นี่ก็ไม่น่าจะฟังดูแปลกแต่ประการใด
    เพราะเราก็ยังไม่ได้ประจักษ์แจ้งในสัจธรรมความเป็นจริงของโลกและจักรวาล อย่างที่เขาบอกมาขนาดนั้น

    ดังนั้น มันเป็นแต่เพียงการแชร์ข้อมูลจากอีกแหล่งข้อมูลหนึ่งมาให้กันอ่านเท่านั้นเองหนะครับ

    และอีกอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับไอ้เรื่องเจ้าความแตกตื่น ความหวาดกลัวของคนอ่านนี่

    ผมอยากจะแสดงความเห็นเอาไว้สักเล็กน้อยนะครับว่า

    คนที่ปกติมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวอยู่แล้ว ผลิตแต่กระแสพลังงานความคิดออกมาแต่ด้านกลัว
    ด้านกังวน ด้านลบๆทั้งหลายอยู่แล้วนี่ ต่อให้เขาไม่แตกตื่นเรื่องนี้
    เขาก็ไปแตกตื่น ไปตกใจ ไปผลิตอารมณ์ด้านลบๆเรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวันของเขาอยู่แล้วหละครับ
    คุณห้ามเขาไม่ได้หรอกครับ

    ดังนั้น ไม่แปลกอะไรที่พวกเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการบริโภคข้อมูล และข่าวสารอะไรพวกนี้เลย

    แต่ผู้ที่จะได้ประโยชน์ ข่าวอะไร เรื่องอะไร แม้แต่ดูหนังฟังเพลงอะไรซักอย่าง
    เขาก็รู้จักที่จะน้อมนำเข้ามาพิจารณาให้เป็นธรรมะได้ทั้งนั้น เพราะทุกอย่างมันคือธรรมะอยู่แล้ว ใช่ไหมครับ

    สรุปว่า ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ ผมก็จะทำในสิ่งที่ผมพิจารณาแล้วว่าควรทำ
    ใครใคร่อ่าน อ่าน ใครใคร่วิจารณ์ วิจารณ์ ได้ทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด

    ดีเสียอีก ผมเองก็จะได้คอยดูจิตของผมเองไปด้วย ว่าสุขอยู่ หรือทุกข์อยู่ หรืออย่างไรอยู่

    [​IMG]


    ขอบคุณอีกครั้งนะครับ

    ......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    แวะมาทักทาย ยังติดตามอ่านตลอด
    ขอให้ตุณชยุตมั่นคง ในแนวทาง
    เชื่อว่ามีคนได้คำตอบจากกระทู้นี้อยู่..

    ว่าแต่เร่มต้นที่มาของกระทู้ ไปมายังไงจ๊ะ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โอ้..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !

    อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว..ก็อดนึกถึงข้อมูลที่น้องเมย์ไปสัมภาษณ์อาจารย์ที่ทำงานอยู่ใน NASA มาไม่ได้..เพราะว่ามีกล่าวถึงเรื่อง "โลกกลับหัว" เหมือนกันเลย อีกทั้งเรื่องนี้อาจารย์ปริญญา ก็ได้พูดไว้ด้วยเหมือนกัน

    และพอรู้ว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ด้วยนี่..ก็อดนึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ได้ เพราะท่านพยากรณ์เอาไว้หมดแล้ว..

    อะไรมันจะเข้าแก็บกันได้พอดีขนาดนี้นะเนี่ย..


    **********************************************

    โอ้...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !

    แหม..สะใจกับคำอุทานของคุณชยุต คำนี้จริงๆครับ ผมว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาอ่านกระทู้ของคุณชยุตนี้เข้า ก็ต้องอุทานคำนี้ออกมาเกือบจะทุกคนเลยทีเดียว เพราะแปลได้ถึงแก่นแท้ของความหมาย ผมว่าถึงคนเก่งภาษาอังกฤษขนาดไหน ถ้าไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน ก็ไม่มีทางจะแปลได้ตรงตามที่เจ้าของต้องการจะสื่อความหมาย ออกมาได้มากถึงขนาดนี้แน่นอน

    ขอชื่นชมในความอุสาหะพยายามของคุณชยุต แม้ว่าจะถูกรบกวน จากพวกมารทั้งหลาย ทำให้กระทู้ล่มไปแล้ว ก็ไม่ย่อท้อเพียรตั้งกระทู้ขึ้นมาใหม่จนสำเร็จ ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณชยุต และอนุโมทนาในกุศลเจตนาครั้งนี้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  19. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    ให้กำลังใจและติดตามข้อมูลที่น่าสนใจอยู่เสมอค่ะ
     
  20. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    อนุโมทนา กับ จขกท.
    ติดตามอ่านอย่างจดจ่อต่อไป อิอิอิ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...