การเห็น นิพพาน ของพระโสดาบัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 25 มกราคม 2012.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    คุณจิตลองทำความเข้าใจแบบอ่านเล่นๆดู

    เกร็ดธรรม หลวงปู่พุธ ฐานิโย

    ฌานในสมถะ อารัมณูปนิชฌาน

    (ถอดเทปดดยเพื่อนสมาชิก พลูโตจัง)


    คำว่า "ฌาน" ฌาน หรือสมาธินี่ เราพอที่จะแยกออกได้เป็น 2 ประเภท 1. สมาธิในฌาน คือ สมาธิในฌานในลักษณะ ฌานสมาบัติ...ฌานฤาษี สมาธิในฌานฤาษีนี่เมื่อจิตสงบลงไปนิ่งแล้ว มีความสว่างไสว ร่างกายตัวตนหายไปหมด ยังแต่ความว่างเปล่า อันนี้คือสมาธิในฌาน เพราะไม่รู้อะไร เรียกว่า อารัมณูปนิชฌาน เมื่อจิตอยู่ในฌานแบบฤาษี จิตจะไปรู้อยู่ในสิ่ง สิ่งเดียว

    เช่นอย่างเพ่งกสิณ ก็ไปรู้อยู่ที่ อุคหนิมิต ถ้าเพ่งอสุภะกรรมฐาน ก็จะไปรู้อยู่ที่โครงกระดูก หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ถ้าหากว่าไม่มีสิ่งรู้ จิตก็จะรู้อยู่ที่จิตแล้วสว่างไสวอยู่อย่างไม่มีจุดหมาย ร่างกายตนตัวหายไปหมด ภูมิความรู้เหตุรู้ผลอะไรต่างๆ ไม่เกิดขึ้น มีแต่ความว่างถ่ายเดียว อันนี้เป็นสมาธิแบบฌานฤาษี ..สมาธิแบบฌานฤาษีนี้ เป็นบาทพื้นให้เกิดวิปัสสนา ถ้าเมื่อเราอยู่ในฌานฤาษี ถ้าจิตของเราออกจากฌานฤาษี พอรู้สึกว่ามีกายปรากฎขึ้น ความคิดเกิดขึ้นมาปั๊บ ผู้ภาวนาทำสติกำหนดตามรู้ไป แล้วฌานฤาษีจะกลายเป็นพลังทรง สนับสนุนจิตของเราให้เดินวิปัสสนาได้อย่างแน่วแน่ อันนี้แล้วแต่ความฉลาดของผู้ปฏิบัติ

    ทีนี้ในเมื่อจิตของเราถอนออกมาจากสมาธิเช่นนั้น มากำหนด..หมายเอาความคิดอ่านเป็นอารมณ์ แล้วก็ตามรู้ไป รู้ไป รู้ไป เมื่อเกิดวิตก วิจาร ขึ้นมาเมื่อไหร่ ภูมิจิตคิดเองสติตามรู้เอง ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเหมาะเจาะกันพอดี ความคิดก็คิดขึ้น สติก็ทำหน้าที่ จดจ่อกันอยู่อย่างนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเอ่อเมื่อมี วิตก วิจารเป็นองค์ประกอบ เป็นองค์ฌานที่ 1 กับที่ 2 ..เมื่อองค์ฌานที่ 1 ที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว ปีติและความสุขจะไม่เกิด เป็นไปไม่ได้ ..ปีติและความสุข ย่อมเกิดเป็นผลตามมา

    เมื่อเป็นเช่นนั้น จิต มีสติจดจ่ออยู่กับความคิดที่เกิดกับในปัจจุบัน กลายเป็น..เอกัคคตา คือจิตทำหน้าที่ของจิต โดยไม่มี อ่า.. เปลี่ยนแปลง จิตก็ทำหน้าที่..คิด พิจารณา สติ..ก็ทำหน้าที่ ของสติ แล้วลักษณะความดูดดื่มพระสัทธรรมคือปีติและความสุข ก็เกิดพร้อมอยู่ตลอดเวลา ความเป็นหนึ่งของจิตตามความหมายของฌานในขั้นนี้ ไม่ได้หมายความว่าหนึ่งจิต โดยไม่มีความรู้ ไม่มีสิ่งรู้ แต่สิ่งรู้นี่ปรากฏอยู่ตลอดเวลา แต่จิตเป็นหนึ่งจดจ่ออยู่กับสิ่งรู้ในปัจจุบัน เรียกว่าจิตเป็นหนึ่ง เป็นฌานที่ 1 เป็นฌานในวิปัสสนา เป็นสมาธิในอริยะมรรค สมาธิในอริยะมรรค ต้องมีสิ่งรู้ สติ ต้องมีสิ่งระลึก เมื่อจิตผ่านฌานที่ 1 ที่ 2 ไปแล้ว จนกระทั่งเข้าไปสู่ฌานที่ 4 ..กลายเป็นฌานที่ 5 จิตจะขึ้นหนีจากร่างกายลงไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปหมด

    ในช่วงที่ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปหมดนั้น จิตอยู่ในฌานที่ 5 อากาสานัญจายตนะ (อากาสานัญจายตนฌาน) เมื่อจิตหวลที่จะมายึด.วิญญาณ. เป็นสิ่งรู้ กลายเป็น โคตระภูญาณสิ่งรู้ของจิตปรากฏขึ้นมาทันที บางที เปรียบเหมือนว่า จิตลอยเด่นอยู่เหนือโลก แต่มีกระแสมองดูโลก ทั่วหมดทั้งโลก บางทีปรากฏมีกาย..ตายลงไป จิตดูอยู่ที่ความตายนั้น แล้วก็รู้ไปตลอด จนกระทั่งกายที่มองเห็นสลายตัวไปไม่มีอะไรเหลือ หรือบางทีจิตก็มีสิ่งรู้ที่ผ่านเข้ามามีลักษณะเหมือนเมฆหมอก มีทุกสิ่งทุกอย่างที่มาวนรอบจิตอยู่ตลอดเวลา จิตในอริยะมรรคเอกายะโนมรรโค เขาตั้งตัวยืนหยัดอยู่ในความสงบนิ่ง เด่นสว่างไสวอยู่ และไม่มีความหวั่นไหวต่อสิ่งนั้นๆ ที่ผ่านเข้ามา แม้สิ่งนั้นจะมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม เขาจะรู้สิ่งนั้นอยู่ รู้อย่างไม่มีสมมติบัญญัติ ไม่มีความสำคัญมั่นหมายว่าอะไรเป็นอะไร เพราะฉะนั้นความรู้ในขั้นนี้ จึงกลายเป็นความรู้ขั้นโลกุตตระ
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    อันนี้ด้วยครับ

    เกร็ดธรรม หลวงปู่พุธ ฐานิโย
    (ถอดเทปโดย เพื่อนสมาชิก พลูโตจัง)


    ความรู้ขั้น โลกุตระ หมายถึง ความรู้ที่ไม่มี สมมติ บัญญัติ ทีนี้ในเมื่อ จิตไม่มีสมมติบัญญัติ หรือสิ่งรู้ทั้งหลายเหล่านั้นมาจากไหน ก็จิตตัวที่ละเอียดนั่นแหล่ะ มันปรุงแต่งขึ้นมาเพื่ออบรม ตัวเองเพราะจิตปรุงแต่งขึ้นมาสังขารตัวนี้มันปรุงแต่งขึ้นมาแล้ว จิตไม่ยึด มันก็กลายเป็นวิสังขารเป็นแต่เพียงสิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของ สติ รู้แล้วก็ปล่อยวางไปเรียกว่าฌานในอริยะมรรค

    ฌานในอริยะมรรค นี่ เรียกว่า ลักขณูปนิชฌาน และจิตทำหน้าที่กำหนดรู้สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าใครรู้เห็นธรรมะในขั้นนี้ แม้จะมองเห็นร่างกายเน่าเปื่อยผุพัง จิตมันก็ไม่ว่าเน่าเปื่อยผุพัง มองเห็นความสุขทุกข์เป็นอนัตตา จิตก็ไม่ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีแต่รู้อยู่โดยถ่ายเดียว

    เพราะฉะนั้น...ความรู้อันนี้ ท่านจึงเรียกว่า สังขาร ขั้นวิสังขาร เป็นการปรุงแต่งของจิตขั้นละเอียด จิตที่ปรุงแต่งอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น จึงมีประหนึ่งว่า สิ่งที่รู้ก็เป็นอันหนึ่ง จิตตัวผู้รู้ก็เป็นอันหนึ่ง ในช่วงนี้แหล่ะ นักภาวนาทั้งหลาย อย่าไปเข้าใจว่า สิ่งรู้ทั้งหลายนี่ มีเทพเจ้ามีอะไรบันดาลให้เข้ามา ปรุงแต่งมาให้เรารู้ แต่แท้ที่จริง ไอ้เจ้าจิตตัวมีปัญญาละเอียดมันปรุงขึ้นมาสอนตัวมันเอง

    ทีนี้ในเมื่อจิตไม่มีความสำคัญ มั่นหมายสิ่งใดว่าเป็นอะไร มีแต่รู้อยู่เฉยๆ ยกตัวอย่างเช่น ภาพนิมิตอาจจะบังเกิดขึ้น นี่เป็นร่างศพที่เน่าเปื่อยผุพัง แต่นี่เป็นร่างที่สวยงามที่สุด ในขณะที่จิตรู้อยู่ จิตจะไม่สำคัญ ไม่มีความเอนเอียง ลำเอียงว่า อันนี้ดี อันนี้เสีย มีความรู้สึกเสมอกันหมด

    ทีนี้แม้ว่าจะไปรู้กฏของบุญของบาป อะไรต่างๆ ก็ดี คล้ายๆ ว่าความดี...ความดีไม่ปรากฎ ความชั่วไม่ปรากฎ เพราะในขณะนั้นจิตเป็นกลาง ในเมื่อจิตเป็นกลางแล้ว จิตจึงไม่สำคัญมั่นหมายในสิ่งดีสิ่งชั่ว แต่จิตจะยอมรับกฏของธรรมชาติ กฏธรรมชาติที่เราสมมติว่า บุญนี้ เป็นสิ่งพยุงดวงจิตของเราให้สูงขึ้น แต่สิ่งที่เราสมมติว่า บาปนี้ เป็นกฏที่จะถ่วงดวงจิตของเราให้ต่ำลง คำว่าบุญบาปนี้หายไปหมด เพราะรู้อย่างไม่มีสมมติบัญญัติ เพราะฉะนั้นความรู้ใน จุดนี้จึงเป็นอันตรายแก่นักปฏิบัติ ในเมื่อไปเห็นทุกอย่างไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีสมมติบัญญัติในที่สุด นิพพานัง ปรมัง มันก็สูญญังไปหมด ไม่มีใครสำเร็จพระนิพพาน บุญบาปที่ทำลงไป มันก็สูญญังไปหมด ไม่มีอะไร สักแต่ว่าธรรมเท่านั้น นิยตะ มิจฉาทิฏฐิ มันจะเกิดขึ้นที่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นนักภาวนาทั้งหลายควรระมัดระวัง...
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ................ถ้าลูกค้า ไม่ค่อยเข้าร้าน ไข่เค็มขายไม่ค่อยได้ คง แฟบบ้าง........:cool:
     
  4. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    มันไม่แฟบนี่สิ พี่ทริก
     
  5. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    เอาไว้สังเกตุ แล้วกัน ระหว่าง

    ความดีก็ไม่ปรากฎ กับ ความชั่วก็ไม่ปรากฎ

    กับคำ ว่า รู้อยู่แลอยู่ เห็นผ่านมาผ่านไป
     
  7. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ............... แล้วเห็นอะไรบ้าง?ครับ เวลา คนไม่ค่อยเข้าร้าน....เห็นโลภะเกิดบ้างใหม?....ถ้า ไม่แฟบ เพราะมันดับไปแล้ว ก็มี...แต่ถ้ายังเห้นจิตสังขารเกิด ดับอยู่ ก้ได้ รู้....ถ้าระลึกไม่ทัน ก็ไม่ รู้ เหมือนเมื่อก่อน ที่บอกว่าอยู่ที่รู้.....:cool:
     
  8. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    พวกอารมณ์หงุดหงิด นี่ก็มีปกติครับ
    นิดๆหน่อยๆ
    แต่อาการไปจับแรงๆ แล้วคิดมากมาย มันไม่มีครับ
    อย่างคนไม่เข้าร้าน ก็เฉยๆ ทำงหน้าที่ของเราไป ครับ
    ไม่ได้โวยวายโทษนี่นั่น เหมือนเก่า
     
  9. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จิงอ่ะ...........
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    มีสติเกิดเยอะขึ้น ความฟุ้งซ่านมันก็เกิดน้อยลง กิเลสก็เกิดน้อยไปลงด้วย
    มีสติมันก็สงบ ขาดสติมันก็ฟุ้ง
    แต่ถ้าเพิ่งออกจากสมาธิมา ผลของสมาธิมันยังอยู่ กิเลสมันก็ไม่เกิดหรือเกิดน้อยลง
    เพราะอำนาจของสมาธิให้ผลอยู่ เสวยภพของกุศลวิบากจากการที่จิตมีสมาธิ

    ธรรมดา ถ้าธรรมชาติของเรามันเปลี่ยนไปจากเดิม เช่นสภาวะอารมณ์ จิตใจต่างๆ
    มันเปลี่ยนไปจากเดิมโดยที่เราสังเกตได้อย่างชัดเจน ก็น่าจะเป็นเพราะผลของ
    การปฏิบัติ มีสติก็มีปัญญาเกิด อะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2012
  11. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    ตอนบวชใช่ไหม ..ทานกี่มื้อ
     
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ................ ทีนี้ใน สติปัฎฐานสี่ ทำไมถึงมีพระพุทธวจนะว่า "ย่อมรู้ชัดว่า เราเสวยเวทนาอันไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุข" เมื่อเสวยเวทนาอันเป้นสุขที่เป็นไปกับด้วยอามิสก็ตาม ย่อมรู้ชัดว่าเราเสวยสุขเวทนาเป็นไปด้วยกับอามิส...เมื่อเสวยสุขเวทนาอันเป้นสุขปราศจากอามิส ก็ตามย่อมรู้ชัดว่า เราเสวยสุขเวทนาอันปราศจากอามิส....เมื่อเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์เป็นไปด้วยอามิสก็ตาม ย่อมรู้ชัดว่า เราเสวยทุกขเวทนาอันประกอบด้วยอามิส เมื่อเสวยเวทนาอันเป้นทุกข์อันปราศจากอามิส ย่อมรู้ชัดว่า เราเสวยทุกขเวทนาอันปราศจากอามิส........และยังมีกล่าวถึง อทุกขมสุขเวทนา ในนัยยะเดียวกัน...ไปหาดูได้ในอานาปานสติตามนัยยะแห่งสติปัฎฐานสี่................ลงท้ายด้วย ความว่า เวทนา มีอยู่ ดังนี้ของเธอนั้น เป้นสติที่ดำรงไว้เพียงเพื่อความรู้ เพียงเพื่ออาศัยระลึก ที่แท้เธอเป็นผู้ที่ตัณหาและทิฎฐิอาศัยไม่ได้ และเธอไม่ยึดมั่นอะไรในโลกนี้..........................................:cool:.....จะเห็นได้ว่า การเห็นตามจริงต่างหากที่สำคัญกว่า....เวทนาที่เกิด ส่วน เวทนามัน จะเกิดกับใครแบบใหนก็สุดแท้แต่ แต่ ให้ รู้ รู้:cool:
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    ครับ
    4 เดือนแรก ฉันมื้อเช้ามื้อเดียวครับ
    3 เดือนหลังก็ ฉัน 2มื้อ
     
  14. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    พี่ทริก เห็นว่าอย่างไร กับอาการ หลงรู้
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    <table id="post5654975" class="tborder" cellpadding="6" cellspacing="0" border="0" width="100%" align="center" style="background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: rgb(255, 255, 255); color: rgb(0, 0, 0); border-top-width: 1px; border-right-width: 1px; border-bottom-width: 1px; border-left-width: 1px; border-top-style: solid; border-right-style: solid; border-bottom-style: solid; border-left-style: solid; border-top-color: rgb(239, 239, 239); border-right-color: rgb(239, 239, 239); border-bottom-color: rgb(239, 239, 239); border-left-color: rgb(239, 239, 239); background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; "><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_5654975" style="font: normal normal normal 12pt/normal verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; background-image: initial; background-attachment: initial; background-origin: initial; background-clip: initial; background-color: rgb(239, 235, 239); border-right-width: 1px; border-right-style: solid; border-right-color: rgb(255, 255, 255); "><ins style="display: inline-table; border-top-style: none; border-right-style: none; border-bottom-style: none; border-left-style: none; border-width: initial; border-color: initial; height: 250px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; position: relative; visibility: visible; width: 300px; "><ins id="aswift_0_anchor" style="display: block; border-top-style: none; border-right-style: none; border-bottom-style: none; border-left-style: none; border-width: initial; border-color: initial; height: 250px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; position: relative; visibility: visible; width: 300px; "><iframe allowtransparency="true" frameborder="0" height="250" hspace="0" marginwidth="0" marginheight="0" scrolling="no" vspace="0" width="300" id="aswift_0" name="aswift_0" style="left: 0px; position: absolute; top: 0px; "></iframe></ins></ins>
    นั่งอ่าน สติรักษาจิต มันกลวง แบบไม่มีอะไรให้คิด
    อาการเหมือนโดนกดไว้ อารมณ์มันก็ไม่ฟู




    </td></tr></tbody></table>
     
  16. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ......................... หลงรู้ คงเป็นการตั้งไว้ก่อน ล่วงหน้า ไม่รู้ตามจริง...อันนี้ลองถาม พี่หลงดู พี่หลง รู้:cool:
     
  17. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    หลงเข้ามา :cool:เป็นตัวอย่าง เห็นได้ชัดครับ
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    หลงรู้ = ขาดสติ ไม่รู้แต่คิดว่ารู้
     
  19. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    รวมได้ 7 เดือน ได้อะไรมั้ง ใน 7 เดือน
    อยากรู้มาก
     
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ขอวินิจฉัยโดยพิศดาน ดังนี้

    หลง เป็น ไวพจน์กับ โลภะ และ ตัณหา
    ลักษณะ ความหลง คือ ปกปิดไม่ให้รู้สัจจะ


    ทำให้ติดอยู่ในอารมณ์ที่ดี ที่หน้าพอใจ รักใคร่
    เช่นตาเห็น ก็สำคัญว่าเห็นเป็นคนสัตว์ เป็นสิ่งน่าพอใจ
    มองไม่เห็นทุกขสัจ ที่เป็นสีกระทบ ตันหาความอยาก สังขารปรุงแต่งให้พอใจแต่อย่างใด




    รู้ โดยนัย หมายถึง สติระลึกได้ หรือปัญญา หรือสัมปชัญยะ หรือวิญญาน หรือสัญญา


    เมื่อประกอบเข้าเป็นคำ. หลงรู้
    เป็นลักษณะ โลภะ ที่รู้สึกตัว รู้แบบไหลๆ รู้อดีด รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต รู้ได้หมด


    แต่เป็นรู้ แบบหลง หู ตา ลิ้น จมูก กาย คิดนึก
    พบได้ตามเจ้าของร้านกาแฟ
     

แชร์หน้านี้

Loading...