: กุฏิพระกลัว:

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 13 พฤศจิกายน 2017.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    b899e0b98c-e0b8abe0b8a5e0b8ade0b899-e0b881e0b8b8e0b88fe0b8b4e0b89ee0b8a3e0b8b0e0b881e0b8a5e0b8b1.jpg

    “นทธี ศศิวิมล”

    วัดบ้านนอกวัดหนึ่งแถวอุตรดิตถ์ มีพระอยู่วัดประจำเพียงรูปเดียว นานทีจะมีพระมาจำพรรษาสักรูป อย่างผมเป็นต้น บวชที่วัดอื่น (เพราะหลวงพี่รูปเดียวพรรษายังไม่ถึงสิบปีและ ยังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส) แล้วก็มาจำพรรษาที่นี่ เหตุเพราะเป็นวัดที่อยู่ท้ายหมู่บ้านที่พ่อเคยเกิด และเติบโต อีกทั้งปู่ย่าก็ยังอยู่ที่นี่ เมื่อบวชที่กรุงเทพฯแล้ว จึงมาอยู่ที่วัดนี้

    พระรูปเดียวของวัดชื่อหลวงพี่สุก บวชได้หกพรรษา เจ้าอาวาสคนก่อนมรณภาพไปตามสังขาร สภาพวัดก็ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ไม่เคย มีผ้าป่ามาทอดนานแล้ว อุโบสถก็เก่า ไม่ต้องพูดถึงศาลาการเปรียญที่สภาพราวกับศาลาที่พัก ผู้โดยสารเก่าๆ แม้แต่กุฏิ ที่หลวงพี่สุกก็เอียงไปข้าง

    ผมบวชอย่างตั้งใจหาความสงบจริงๆ ขนหนังสือธรรมะมาเกือบร้อยเล่ม ตั้งใจว่าบวชให้ครบพรรษา หลวงพี่สุกกับผมทำวัตรเช้าเย็นร่วมกันแล้วก็ออกบิณฑบาต กลับวัดมาก็ฉัน หากบิณฑบาตมาได้น้อยเพล ก็หุงข้าวฉันเอง นานๆที จึงมีชาวบ้าน มาถวายเพล ผมจึงมีเวลามากมายให้อ่านหนังสือธรรมะ เพราะกิจวัตรวนเวียนเช่นนี้แทบไม่มีกิจอื่นมาแทรกเลย เด็กวัดไม่ต้องพูดถึง จึงเป็นการบวชที่สงบแสนสงบมาก ถ้าไม่เพราะไปเจอกุฏิหนึ่งเข้า เป็นกุฏิ ที่สภาพดีกว่าทุกสิ่งปลูกสร้างภายในวัด แต่กลับปล่อยทิ้งไว้ไม่ใช้งาน ผมถามหลวงพี่สุกเรื่อง กุฏินี้ กลับได้คำตอบว่า “อย่าไปยุ่งเลย”

    “ทำไมครับ”

    “อย่าไปยุ่งเลย” หลวงพี่ตอบแค่นี้แล้วไม่พูดอีก

    บ่ายวันนั้นผมจึงไปทำความสะอาดกุฏิคืนนั้นผมจำวัดที่กุฏินี้โดยไม่ได้บอกหลวงพี่

    กุฏินี้ใช้ไม้เต็งเป็นโครงสร้าง พื้นปูด้วยไม้ประดู่ ลายไม้สวยงามมาก ดูจากสภาพเหมือนบ้านไม้เก่าที่คนยกถวายวัดมากกว่าจะสร้างเป็นกุฎิมาแต่แรก เพราะมีห้องหลายห้อง มีหน้าต่างมากทั้งเรือน คืนนั้นผมนอนห้องด้านหน้าสุด ห้องทั้งหมดมีสี่ห้อง แล้วก็โถง ก่อนจะมาเป็นชาน ที่กว้างพอสมควร สามารถใช้กุฏินี้เป็นศาลาอเนกประสงค์ของวัดได้เลยด้วยซ้ำ ผมเช็ดทำความสะอาดกว่า จะเสร็จก็เย็น ขนหนังสือธรรมะเข้ามาก็ค่ำไม่ไปทำวัตร แต่หลวงพี่สุกก็ไม่ได้มาตาม

    ผมจำวัดเร็วกว่าทุกคืนเพราะล้าจากการทำ ความสะอาด แต่หลับไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียง ผู้หญิงมาเรียก จึงลงไปดู ก็พบผู้หญิงสาวและสวยด้วยคนหนึ่งกวักมือเรียก แต่แล้วเธอก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา ตอนแรกนึกว่าตาฝาดจึงขึ้นไปจำวัดต่อ สักครู่ได้ยินเสียงพื้นยวบยาบเหมือนมีคนเดินขึ้นมาบนกุฏิ ผมจึงลุกขึ้นก็เห็นผู้หญิงคนเดิมมองหน้าผมแล้วพูดเสียงเบาๆ “ออกไป”

    แล้วเธอก็หายวับไปอีก ทว่าเสียงเธอยังคงดังก้องวนเวียนรอบตัวผม ออกไป ออกไป ออกไป

    จากนั้นเธอก็ไปปรากฏที่ริมหน้าต่าง จากบานนี้ไปบานนั้น แล้วก็มาโผล่ตามมุมต่างๆ ของกุฏิ ผมเกิดมาไม่เคยเจอผีมาก่อน กลับต้องมาเจอ ตอนบวช ตัดสินใจนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้เธอ เธอ ไม่ได้มาปรากฏให้เห็นอีกตลอดคืนนั้น รุ่งเช้ารอหลวงพี่สุกบิณฑบาตด้วยกันอยู่นานก็ไม่มาเสียที ผมจึงออกบิณฯ คนเดียวกลับมาไปตามที่กุฏิให้มาฉันเพราะนึกว่าอาจจะป่วย ก็พบจดหมายเขียนทิ้งไว้ว่าจะไปบ้านโยมแม่เสียสี่วัน ฝากวัดด้วย

    คืนนั้นเธอมาหลอกผมอีก เธอเดินหิ้วหัวตัวเองไปมาบนกุฏิ บางทีหัวนั่นแหละก็แลบลิ้นยื่น มาเลียหน้าผม ขณะที่ผมนั่งสมาธิแผ่เมตตาอุทิศให้เธอ ใกล้สางเธอก็หายไป แล้วคืนต่อมา ก็มาอีก คืนนั้นเดินไต่เพดาน ห้อยหัวลงตลอด ทั้งคืน ผมลืมตาดูเป็นบางครั้งแล้วก็ นั่งสวดภาวนาและแผ่เมตตาให้เธอ บางทีก็มา กระซิบให้ผมเสียสมาธิในการสวด ออกไป ออกไปอยู่นั่น เรียก ได้ว่าทั้งกวนทั้งตามหลอกหลอนไม่เลิก

    วันที่หลวงพี่สุกกลับมานั่นแหละถึงได้คุยกัน หลวงพี่สุกเล่าให้ฟังว่า “ที่เจอนั่นคือสีกาดาวเรือง เรือนนั้นเป็นของเธอมาก่อน พอเธอป่วยตาย เรือนนั้นก็ว่าง สามีของสีกา ดาวเรืองเสียก่อนหน้าหลายปีแล้ว เธอมีลูกชายเพียงคนเดียวก็ไปเรียนหนังสือกับป้าที่กรุงเทพฯ มีคนเห็นเธอมาหลอกมาหลอนคนผ่านหน้าบ้านประจำ จนที่สุดผ่านไปหลายปีลูกชายเติบโต เป็นหนุ่ม ก็กลับมาขายบ้าน แต่เจ้าของใหม่แต่ละคนก็อยู่ไม่ได้ เพราะผีดาวเรืองเฮี้ยนมาก ตามหลอกหลอนจนเจ้าของคนสุดท้ายยกเรือนให้วัด ถึงกระนั้นวิญญาณสีกาดาวเรืองยังตามมาหลอกพระที่ใช้จำวัด จนสุดท้ายก็ต้องปล่อยทิ้งไว้ ว่าแต่หลวงพี่รู้เรื่องแล้วจะยังจำวัดที่วัดนี้ต่อไหม”

    “ต่อครับ”

    หลวงพี่สุกยิ้มแล้วไม่พูดต่อ

    หลังจากนั้นสีกาดาวเรืองก็ยังมาหลอกหลอนผมอีกนานนับสัปดาห์ ผมก็นั่งแผ่เมตตาให้เธอทุกคืน กระทั่งคืนสุดท้ายที่เธอมาปรากฏตัวอย่างเรียบร้อย ยกมือพนมไหว้ผมในฐานะสมณะเวลานั้นแล้วพูด “ขอบคุณหลวงพี่ ฉันได้รับผลบุญแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มารบกวนอีกเลย ฉันเห็นความตั้งใจดีของหลวงพี่แล้ว” สีกาดาวเรืองกราบสามครั้งก่อนจะหายไป

    ทุกวันนี้วัดได้รับบูรณะจนดีขึ้น กุฏินั้นได้รับการทำนุบำรุงเป็นหอไตร ผมแวะเวียนไปทอดผ้าป่าหนังสือธรรมะทุกปี หลวงพี่สุกก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส มีทั้งพระเณรหลายรูปและเด็กวัดหลายคน วัดกลายเป็นวัดมากขึ้น





    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_631553
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 พฤศจิกายน 2017
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ห่มเหลืองอยู่ไม่น่ากลัวผี
     

แชร์หน้านี้

Loading...