ก่อนจะตายเป็นพระโสดาบันตายแล้วไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย attasade, 27 ตุลาคม 2014.

  1. attasade

    attasade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,554
    ก่อนจะตายเป็นพระโสดาบันตายแล้วไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต


         "..อาตมาพยายามหาวิธีสอน " มโนมยิทธิ" ที่ง่ายที่สุดและมีผลสม่ำเสมอกัน เพื่อให้บรรดาพุทธบริษัทเห็นสวรรค์ เห็นพรหมโลก เห็นพระนิพพาน เห็นนรก เปรต อสุรกายได้ รู้อดีตรู้อนาคตได้ และเป็นการพิสูจน์ว่า "ตายแล้วไม่สูญ" ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดก็ยังต้องเกิดอีก อาตมาพยายามหาวิธีนานถึง 23 ปี เพราะถ้านำวิธีที่ปฏิบัติสมัยบวชอยู่กับหลวงพ่อปานมาสอน ก็จะฝึกได้ยากมาก ต้องมีกำลังใจเข้มแข็งและใช้เวลานานมาก เป็นการฝึกแบบเอากายเนื้อขึ้นไปข้างบน ไม่ใช่เอาจิตคืออทิสสมานกายขึ้นไปอย่างการฝึกมโนมยิทธิในปัจจุบัน แค่การฝึกแบบเต็มกำลังก็ยังทำได้ยากสำหรับบางท่าน ความรู้การฝึกมโนมยิทธินี้อาตมาได้มาจาก อาจารย์สุข ซึ่งเป็นฆราวาส เวลานั้นอาจารย์สุขก็ยังดื่มเหล้าอยู่ ต่อมาวันหนึ่งอาตมาได้เห็นคนที่ดื่มเหล้าในวงเดียวกันเกิดท้าทายกันขึ้นมาว่า

         คนในวงเหล้า "ไอ้สุข เขาว่ามึงสอนคนไปสวรรค์ ไปนรกได้ใช่ไหม"
         อาจารย์สุข "ใช่"

         คนในวงเหล้า "กูไม่เชื่อว่าสวรรค์มี นรกมี และกูก็ไม่เชื่อความสามารถในคำสอนของมึง"
         อาจารย์สุข "ถ้าหากว่ากูสอนให้มึงเห็นนรกได้หรือว่าเห็นสวรรค์ได้ มึงจะยอมเสียเหล้าให้กู 1 ขวดไหมล่ะ"

         คนในวงเหล้า "ถ้ามึงทำให้กูไปไม่ได้ มึงต้องเสียเหล้าให้กู 1 ขวดด้วยนะ"

         เป็นอันว่า อาจารย์สุขก็สั่งให้หาดอกไม้มา 3 ดอก ดอกละสี ธูป 3 ดอก เทียนหนัก 1 บาท 1 เล่ม เงิน 1 สลึง เป็นค่ายกครู หลังจากนั้นอาจารย์สุขก็ไปกลิ้งครกตำข้าวมา แล้วให้คนนั้นนั่งบนครกตำข้าวแล้วก็ให้ภาวนาว่า "นะมะ พะธะ" หลังจากนั้นท่านก็พรมน้ำมนต์ เมื่อพรมเสร็จแล้วท่านก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วท่านก็ภาวนาว่า "นะโมพุทธายะ" เป็นการควบคุม สักครู่หนึ่งท่านก็เอาธูปหอมมาจุดให้ควันธูปโรยใกล้ ๆ จมูกคนนั้นให้ได้กลิ่นหอม แล้วเอากระดาษจุดไฟช่วยแสงสว่างไปส่องข้างหน้า แล้วท่านก็ถามว่า

         อาจารย์สุข "สว่างแล้วหรือยัง"
         คนฝึก "สว่างแล้ว"

         อาจารย์สุข "เห็นแสงขาว ๆ พุ่งลงมามีไหมหรือแสงสว่างพุ่งออกไปมีไหม"
         คนฝึก "เห็นแสงสว่างพุ่งลงมาจากข้างบน"

         อาจารย์สุข "ถ้าอย่างนั้นตัดสินใจพุ่งกายไปตามแสงทันที"
         คนฝึก "เวลานี้ออกจากกายแล้ว"

         อาจารย์สุข "ถ้าอย่างนั้นตั้งใจไปนรก"
         คนฝึก "เวลานี้ถึงนรกแล้ว และก็อธิบายความเป็นไปของนรกได้ถูกต้องตามไตรภูมิ แล้วก็ร้อง บอกว่า อยากจะพบคุณปู่ที่ตายไปแล้ว"

         อาจารย์สุข "นึกถึงท่านพระยายมราช เชิญท่านมาสงเคราะห์"
         คนฝึก "เวลานี้ท่านพระยายมราชมายืนข้าง ๆ แล้ว"

         อาจารย์สุข ให้ถามท่านว่า "คุณปู่ชื่อนี้ตายไปเมื่อใด เวลานี้อยู่ในนรกไหม"
         คนฝึก "ท่านพระยายมราชบอกว่า ในนรกไม่มีคนนี้และคนนี้เมื่อมีชีวิตอยู่มีความดีมากคือ"

         1) คนนี้มีศีล 5 ครบถ้วนมานานเป็นเวลาถึง 30 ปี
         2) มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง
         3) คนนี้มีจิตอยากจะไปพระนิพพาน

         อาจารย์สุข ให้ถามท่านพระยายมราชว่า "ท่านไปพระนิพพานหรือยัง"
         คนฝึก "ท่านพระยายมราชบอกว่า ยัง คนนี้ไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตเพราะก่อนจะตายเป็นพระโสดาบัน" และได้ถามว่า "พระโสดาบันมีความประพฤติอย่างไรบ้าง"

    อารมณ์พระโสดาบัน


         ท่านพระยายมราชบอกว่า
         1) มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้มันจะต้องตาย คือไม่ประมาทในความตาย
         2) เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง
         3) มีศีล 5 บริสุทธิ์
         4) คิดต้องการจุดเดียวคือ พระนิพพาน


         ท่านพระยายมราช ถ้ามีความประพฤติอย่างนี้ เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว บาปกรรมทั้งหมดจะไม่สามารถลงโทษได้อีกต่อไป ถ้าไปถึงพระนิพพานไม่ได้ อย่างชั้นดุสิตต่อไปก็สามารถฟังเทศน์จากพระศรีอาริยเมตไตรจบเดียว ก็เป็นพระอรหันต์ไปพระนิพพานเลย

         คนฝึก "คนอย่างผมจะเป็นพระโสดาบันได้ไหม"
         ท่านพระยายมราช "อย่างนี้มันเป็นไม่ได้หรอก มันต้องเป็นสัตว์นรก เพราะการที่จะมาที่นี่ก็กินเหล้ามา เหล้านี่กินเฉย ๆ ไม่มีโทษอย่างอื่นเลย ก็ต้องตกยมโลกียนรกแล้ว" พร้อมทั้งชี้ให้ดูนรก

         คนฝึกร้อง "ว๊าก ตายแล้ว"
         ท่านพระยายมราช "ถ้ากินเหล้าแล้วโกหกมดเท็จด้วย ก็ยังมีอีกขุมหนึ่ง ถ้ากินเหล้าแล้วทำร้ายคนอื่นด้วยก็มีอีกขุมหนึ่ง ถ้าบาปหนักกว่านี้ก็ต้องลงนรกขุมใหญ่ อันนี้เป็นนรกเล็ก ๆ เศษ ๆ นรกเขาเรียกว่า ยมโลกียนรก"

         คนฝึกก้มลงกราบท่านพระยายมราชแล้วบอกว่า "ถ้าผมจะเป็นคนมีศีลบริสุทธิ์และปฏิบัติตามอย่างปู่จะไปเหมือนปู่ได้ไหม"
         ท่านพระยายมราช "ได้ ทำไมจะไม่ได้ ให้ทำดังนี้"

         1) ให้ลืมความชั่วทั้งหมด ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท สุราเมรัย ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดเลิกกัน ไม่คิดถึงมัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์
         2) ไม่ลืมคิดว่า สักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องตาย
         3) ถ้าเราตายแล้วจะไม่ยอมมานรกอย่างที่ยืนอยู่ที่นี่เพราะมันทุกข์เราไม่ต้องการ ถ้าไปสวรรค์หรือพรหมหมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องพุ่งหลาวลงนรกเพราะบาปเก่าที่มีอยู่ ฉะนั้นเราต้องการมุ่งไปจุดเดียวคือ ไปพระนิพพาน อารมณ์อย่างนี้ถ้าทรงตัวเขาเรียกว่า พระโสดาบัน

         รวมความว่า ท่านคุยกันอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ คนฝึกคนนั้นก็ถอนตัวกลับ แล้วลุกขึ้นกราบอาจารย์สุข และก็มอบเงินค่าเหล้าให้ แล้วจึงหันมาบอกอาตมาว่า "นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขึ้นชื่อว่า ศีล 5 ผมจะมีครบถ้วนครับ และผมจะไม่ลืมความตาย ผมเห็นนรกแล้ว ไม่ไหวจริง ๆ ผมกินเหล้าหน่อยเดียวคนในนรกเบรกกันครึ่บ ๆ "

         ปรากฏว่านับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาจารย์สุขก็เลิกกินเหล้าเหมือนกันและก็ไม่ละเมิดศีล 5 อาศัยคนฝึกคนนั้นเป็นเหตุ ความจริงอาจารย์สุขท่านทำได้น่าจะเลิกดื่มเหล้าได้ แต่บางครั้งการทำความดีก็ขึ้นอยู่กับกาลเวลาของแต่ละคนว่ากุศลกรรมจะส่งผลเมื่อใด เมื่ออาตมาเรียนจากอาจารย์สุขแล้วในปี 2508 ก็นำมาสอนคนไปได้มาก.."

    *คัดลอกจากหนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน เรื่องที่ 45 หน้า 127 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     

แชร์หน้านี้

Loading...