ก้อนหิน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 10 กรกฎาคม 2013.

  1. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    รอป๋ามาเล่าให้ฟังนานแล้วอะ ไม่รู้ว่าจะลงตอนต่อไปเมื่อไหร่ ตอนนี้อยากได้คำแนะนะสำหรับคนวัยเกษียณ ออกจากงานมาก็ให้รู้สึกว่าว่าง จับโน้นทำนี่ก็เห็นมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง วันก่อนคิดออก แต่วันนี้ลืม เลยไม่รู้จะแนะนำอะไรให้คุณๆดี ที่เห็นกำลังทำ เราก็ว่าคงจะไปได้ไม่กี่น้ำอีก ไม่อยากขัด เลยขอความเห็นป๋าระมิงค์ซักนิดค่ะ
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,590
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    *************************
    ไหนๆรออยู่ก็ฟังเพลงคั่นเวลาหน่อยก็แล้วกันค่ะ
    ก้อนหินละเมอ

    https://www.youtube.com/watch?v=jLxgMriPjyg
     
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    วันนี้ได้ยินแม่ค้าขาประจำ ที่เคยขายดิบขายดี ถึงกับบ่นว่า ตลาดเงียบมาก...ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป สิ้นปีนี้คงอดตายกันหมด...
    บางคนไปกู้เงินนอกระบบมา...หมุนจ่ายเขาไม่ทัน หรือกำไรได้มา ก็ไปจ่ายเป็นค่าดอกเขาหมด...
    บางคนผัวตกงาน...เมียก็พึ่งคลอดลูกไม่นาน ตกงานตามไปด้วย...สุดท้ายก็ฆ่าตัวตาย เพราะหาทางออกไม่ได้...

    ช่วงวันหยุดนี้จะพยายามเขียนให้เสร็จ...ถึงวิธีการเอาตัวรอด จากภัยพิบัติในครั้งนี้ของแผ่นดินสยาม...สั้นๆง่ายๆที่ใครคิดจะฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจ...จำเป็นต้องอ่าน...
    ..................................................
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993

    สมัยหนุ่มๆ ผมเริ่มทำงานใหม่ๆ ผมเห็นพนักงานธุรการแล้ว ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า แก่ตัวไปแล้ว ใครจะจ้างคุณ...แล้วจะทำมาหากินอะไรเลี้ยงชีพได้นะ...
    ผมเห็นเขาไม่หาความรู้เพิ่มเติมใส่ตัว...มีชีวิตสนุกสนานไปวันๆ...ผมเองก็นึกไม่ออกว่า คนเหล่านี้ แก่ตัวไป จะไปทำอะไรได้บ้าง???

    วัยหนุ่มไม่ขวนขวาย...ย่างสู่วัยชรา...จะอยู่จะกินอย่างไร?
    แต่ว่าเวลานั้นพูดไปไม่มีใครฟังผมครับ...เขาหาว่าผมจู้จี้ ขี้บ่น น่ารำคาญ วิตกจริต ฯลฯ ตกลงว่า ผมบ้า ครับ...

    ................
    วัยเกษียณ สิ่งที่ไม่ควรทำคือ ร้านอาหาร และ เกษตรกรรมครับ เพราะต้องใช้กำลังมาก เหนื่อยมาก...ทำไม่กี่น้ำก็ทนไม่ได้แล้วครับ...
    ยิ่งเป็นคนโสด ไม่มีครอบครัว ตัวคนเดียว บำบาญไม่มี บำเหน็จไม่ได้..แบบนี้ยิ่งกว่าลำบากเสียอีก...

    อาชีพที่แม้แก่ตัวแล้วก็ยังสามารถทำได้อยู่ ก็คือ แพทย์แผนไทย...และหมอดูครับ...
    แต่จะเป็นหมอดูก็ต้องศึกษาให้ถ่องแท้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ฝึกฝนจนมีความชำนาญอย่างดีแล้ว...เพราะขืนมาเรียนเอาตอนแก่ก็หมดสิทธิ์ สมองมันจำอะไรไม่ได้เสียแล้วครับ...
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    สมัยที่ผมยังเป็นเด็ก...ตอนนั้นเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขั้นรุนแรง คงพอๆกับที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้เห็นจะได้...
    เวลานั้นพี่ๆบางคนก็ลาออกจากโรงเรียน ออกมาทำงานรับจ้าง แล้วไปเรียนภาคค่ำแทน..
    กลางวันทำงานไป กลางคืนก็ไปเรียนภาคค่ำ เรียนไปจนจบ...

    พวกเรารับจ้างทำงานทุกอย่าง เพราะงานรับเหมาก่อสร้าง ต่อเติมเวลานั้นเงียบมาก เศรษฐกิจไม่ดี คนไม่มีเงิน...ไม่ว่าจะพับถุงกระดาษ เย็บจีวร เข็นรถขายน้ำ ฯลฯ พวกเราทำกันทุกอย่าง...ไม่มีเรื่องศักดิ์ศรีเข้ามาเกี่ยวข้อง เรารู้แต่ว่าต้องเอาตัวให้รอดให้ได้...
    พี่ชายคนโตต้องเข้ารับราชการที่กรมทางหลวง...เวลานั้นลาบวช บ้านเรายังต้องได้อาศัยข้าววัด ที่เหลือจากพระฉันแล้ว หรือว่าเดนสงฆ์...เงินเดือนพี่ชายก็มาจุนเจือครอบครัวด้วย...พวกเราใช้จ่ายกันอย่างประหยัด...เงินทุกบาทของเราจึงมีค่าเท่ากับ100สตางค์...

    พวกเราทุกคนเวลานั้นไม่มีใครคิดฆ่าตัวตาย...เราคิดแต่ว่าจะต้องสู้ และจะต้องอดทน พวกเราต้องรอดพ้นช่วงเวลาอันเป็นวิกฤตินี้ไปให้ได้...
    ไม่มีเงินเรียน ก็ลาออกมาหางานทำก่อน มีเงินแล้วค่อยกลับไปเรียนต่อได้...ความรู้เรียนทันกัน ไม่เป็นไร...
    ทำงานทุกอย่างที่มีรายได้ ไม่ว่ารายได้น้อยอย่างไร ก็เป็นรายได้...
    ทำงานให้มาก รายได้ทีละเล็กละน้อยสะสมเข้าก็จะเพิ่มพูนขึ้นเอง...
    ไม่ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น...ลดค่าใช้จ่ายทุกอย่างลงทั้งหมด...
    ไม่มีข้าวกินจริงๆก็ไปขอข้าววัดกิน...
    อาหารจากวัด ไม่ใช่อาหารเลวร้าย แต่เป็นอาหารดีๆทั้งนั้น เพราะคนที่จะทำบุญย่อมเลือกอาหารที่ดีที่สุดไปทำบุญ...
    ถ้าไม่ได้ทำเลว ไม่ได้โกงใคร ไม่ได้ทำร้ายใครเพื่อให้ได้มา...จะต้องอายไปทำไม...
    ศักดิ์ศรีไม่ใช่อยู่ที่รวย หรือจน ... แต่อยู่ที่ความดีความชั่วที่เราทำลงไป...

    ทุกวันนี้เราเข้าใจกันผิดว่า ศักดิ์ศรีคือต้องมีเงิน ต้องใช้ไอโฟน ต้องขับรถยุโรป ต้องกินอาหารหรูๆนอกบ้าน...ต้องอวดโก้ โชว์หรู...
    ทำให้หลายๆคนหาทางออกของวิกฤติไม่ได้ เพราะติดกับความเชื่อบ้าๆที่สังคมแวดล้อมปลุกปั่นโฆษณาให้เป็นไป...

    ความจริงแล้วสิ่งที่มีค่าที่สุดของเราคือ ชีวิต....ถ้าไม่มีชีวิตแล้ว จะมีเงินมากมายอย่างไรก็ไม่มีความหมาย...
    ต้นทุนของเราทุกคนคือ เรี่ยวแรง...ไม่ว่าวันนี้เราจะทำงานหนักเหนื่อยเพียงใด พรุ่งนี้วันใหม่เรี่ยวแรงเราจะกลับมาอีกครั้ง...ใช้ต้นทุนที่เรามีด้วยความขยันหมั่นเพียร...

    ลูกผู้ชาย ถ้าหมดหนทางแล้ว...คือวิบากกรรมทำมาแสนสาหัส ขยับไปทางไหนก็บัลลัยสิ้น..ผมก็แนะนำให้ไปบวชเถอะครับ...บวชแล้วทำวัตรเช้า เย็น อย่าให้ขาด...เจริญกรรมฐานภาวนาให้ได้อย่างน้อยๆ วันละ 6 ชั่วโมง ติดต่อกันไป 6 เดือนถึง 1 ปีอย่าให้ขาดแม้แต่วันเดียว...แล้วชีวิตจะเปลี่ยน...

    ชีวิตเปลี่ยนเพราะกำลังใจเปลี่ยนครับ...เป็นปาฎิหาริย์ที่เราสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ด้วยตัวเราเอง...

    อย่ายอมแพ้...เราทุกคนมีก้อนหินแห่งความหวังกันอยู่คนละก้อนเหมือนกัน...
    ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส...วันนี้เราอาจยังมองไม่เห็นมัน...แต่ถ้าเราอดทน พยายาม อย่างต่อเนื่องยาวนานเพียงพอ...โอกาสจะมีมาให้เราเห็นในวันหนึ่งแน่นอน...
    อย่ายึดติดคำว่าศักดิ์ศรีแบบโง่ๆ....อย่าตัดสินใจภายใต้แรงกดดัน...เพราะมันจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ดี...
    ปรึกษาคนรอบข้างบ้าง...
    และ ไม่ต้องอายที่เราเป็นคนจน...แต่ควรอายที่เราเป็นคนเลว...
    ....เป็นคำพูดของก๋ง ที่บอกไว้กับ หยก...ในเรื่อง อยู่กับก๋ง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2015
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ....จะด้วยใครทำ หรืออย่างไรก็ตาม...จะบ่นจะด่า จะว่าใครไป โทษใครก็ไม่เกิดประโยชน์ทั้งสิ้น...
    เพราะในที่สุดแล้ว การที่เราจะผ่านวิกฤติไปได้ หรือไม่ได้...
    มันขึ้นอยู่กับตัวเรา...

    ในวันที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ....มีหลายบริษัทฯที่กิจการเจริญก้าวหน้าดี...
    แม้ในวันที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด...ก็มีหลายบริษัทฯที่เจ๊งครับ...

    เมื่อทุกอย่างตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน...สิ่งที่ต้องทำอย่างยิ่งคือ การศึกษาหาความรู้ และการฝึกฝน กับทุกงานทุกด้านที่ผ่านเข้ามาในชีวิต...
    งานไม่มีสูง ไม่มีต่ำ ...มีแต่สุจริต กับทุจริต...
    หมั่นฝึกฝนตนเอง ให้มีความรู้ ความสามารถ ในทุกๆด้าน เท่าที่จะทำได้...
    ให้การสูงวัย ของเราเป็นบุคคลที่มีคุณค่า เป็นที่ต้องการของสังคม...

    สังคมชรา คือสังคมที่อยู่ไปวันๆ ไม่ทำอะไร...ไม่ใช่สังคมที่มีคนสูงอายุมากมาย...
    ถ้าคนสูงอายุ แข็งแรง มีความรู้ ความสามารถมากประสบการณ์ ทำงานด้วยความกระฉับกระเฉง ตื่นรู้... ต่อให้อายุ 80 ก็ไม่สามารถใช้คำว่าชรา กับคนแบบนี้ได้ครับ...

    พวกเราทั้งหลาย อย่าทำตัวเป็นคนชรา...เราต้องขวนขวาย หาความรู้...ศึกษา สะสมประสบการณ์ รักษาสุขภาพพลานามัยให้แข็งแรง...ทำวันนี้ เพื่อวันข้างหน้า...แล้วเราจะเป็นคนหนุ่มสาวตลอดไป...
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ตอนนี้กำลังทำตัวเป็นคนชราค่ะ
    เข้าวัดฟังธรรม
    ขวนขวายในบุญในกุศล
     
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    12 สิงหาคม 2558
    อยากจะขอบันทึกถึงเรื่องราวความเห็นส่วนตัวของผม เมื่อครั้งยังเริ่มย่างเข้าสู่วัยรุ่น ถึงสิ่งที่ผมเห็น ที่ผมรับรู้...กับสิ่งที่ผมมีความเห็น ในแง่มุมที่แตกต่างออกไป...


    ผมเห็นยายแก่ๆ ตาแก่ๆ นั่งเหงาอยู่กับบ้าน เพียงลำพัง เล่าไปแล้วน้ำตาจะไหล ลูกหลานหายหน้าไปไหนกันหมด...ดูไปแล้วน่าสงสารยิ่งนัก....

    ผมสงสัยว่า ตอนหนุ่มๆสาวๆ ตายายเหล่านี้เขาไปมัวแต่ทำอะไรกันอยู่นะ ถ้าขยันขวนขวาย รู้จักเก็บออม ซื้อที่ทาง เอาไว้บ้าง หาเล่าเรียนศึกษา มีวิชาความรู้ติดตัว แก่ตัวไปก็ยังได้มีที่ดินทำกิน มีวิชาความรู้ไว้สร้างรายได้ และได้ใช้วิชาความรู้ถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลัง...วันนี้ก็คงจะไม่ต้องมานั่งเหงา...แล้วผมก็เตือนตัวเองไว้ว่า...ถ้าเราเอาแต่หาเงินมาเที่ยวเตร่สนุกสนาน วันนึงเราก็จะต้องเป็นอย่างตายายเหล่านี้เช่นกัน...เอาไหมล่ะ?

    ผมเห็นยายแก่ๆ นั่งสวดมนต์อยู่ที่วัด เสร็จแล้วก็นั่งเหงาๆ อยู่ไปลำพัง จะลุกก็โอย นั่งก็โอย ดูไปคล้ายกับผักเหี่ยวๆที่คนเขาเอามาทิ้งเสียแล้ว...มีแต่คำบ่น คำตัดพ้อ ในโชคชะตา วาสนาของตนเอง....

    ผมคิดสงสัยว่า ในวัยหนุ่มสาว มีเรี่ยวมีแรงดี ยายๆเหล่านี้มัวไปทำอะไรกันอยู่นะ ถ้าเข้าวัดตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เวลานี้ควรมีคุณธรรมประจำกาย ประจำใจ ไม่มีคำว่าเหงา เพราะมีภาวนาอยู่เป็นประจำ มีสติ มีสมาธิ มีพุทโธ อยู่กับใจ แล้วจะเหงาไปได้อย่างไร...จะมีก็แต่เพียงความสงบ สงัด จากกิเลส ตัณหา มีความรู้ ความตื่น และความเบิกบาน เป็นคนแก่ที่อาจหาญ เก่าแก่แบบพระสมเด็จที่มีค่ามีราคา ไม่ใช่แก่เหี่ยวแบบผักหญ้า รอวันให้คนทิ้งขว้าง...


    ผมเห็นก๋งเล่าว่าสมัยหนุ่มๆอยากกินก็ไม่ค่อยมีจะกิน พอแก่ตัวมีเงินมีทองแล้วจะซื้อหาของกินดีๆแพงๆมากินก็กินไม่ลงเสียแล้ว วัยหนุ่มก๋งกินถั่วลิงสงคั่วเกลือกับข้าวต้ม ถั่ว3เม็ดกินกับข้าวต้มได้ 1 ชาม...แก่ตัวกินหอยแครงตัวขนาดเท่ากำปั้นต้องสั่งพิเศษ ลวกครึ่งสุกครึ่งดิบ ในที่สุดก็เป็นโรคบิด เสียชีวิต...

    อาหารราคาถูกๆ แย่ๆ ผมก็กินมาแล้ว อาหารที่ว่าเลิศหรู ราคาแพง ผมก็กินมาแล้ว หิวแสนหิวก็ผ่านมาแล้ว อิ่มจนจะล้นออกจมูกก็ผ่านมาแล้วเช่นกัน ผมเห็นว่าคนเรากินได้อย่างมากก็เพียงอิ่มเดียว แทนที่จะไปคิดถึงของหรู ของแพง ของถูก...ทำไมคนเราไม่คิดว่า สิ่งที่กินเข้าไปนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายไหม? ถูกเวลาตามที่ร่างกายต้องการไหม? มีโภชนาการเพียงพอไหม? จะไม่ดีกว่าหรือ?

    ผมเห็นคนรวยมีเงินเป็นหมื่นล้าน นอนป่วยอยู่บนเตียง มีคนล้อมหน้า ล้อมหลัง มีสายยาง สอดจมูก มีคนเป็นห่วงเป็นใย มากมายด้วยกัน...
    ผมเห็นคนที่มีเงินเดือนไม่กี่พันบาท นั่งกินข้าวไป หัวเราะกันไป แซวกันมา เดินไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง
    ...

    ผมเห็นว่าเงินซื้อความสะดวกสบายได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้ ... สุขหรือทุกข์ เกิดขึ้นที่ใจเราเอง ก่อนจะถึงมาที่ใจ มันจะถึงที่ความคิดของเราเสียก่อน เราคิดว่ามันทุกข์ ใจเราก็จะเกิดทุกขเวทนาขึ้นมา...ดังนั้นเงินทองก็ต้องขวนขวายหามา ด้วยหนึ่งสมอง สองมือ สุข ทุกข์ ที่เกิดจากใจ ก็ต้องขวนขวายสร้างสุข ทิ้งทุกข์ไปพร้อมกันด้วย ร่างกายก็หาโลกียทรัพย์...จิตใจก็หาอริยะทรัพย์ ต้องควบคู่กันไป...

    เห็นแบบนี้แล้ว ผมก็เริ่มเห็นแผนการในชีวิตผมแล้วครับ...อะไรที่ผมกลัว อะไรที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น ผมจะเตรียมตัวป้องกันมันเอาไว้ตั้งแต่ยังวัยรุ่น มีเรี่ยวมีแรง ขวนขวายศึกษา มีวิชาความรู้ มีทรัพย์อันหามาได้โดยสุจริต รู้จักขยัน ประหยัด อดทน ทำตนให้มีคุณค่า ให้อยู่ที่ใด ก็เป็นที่ต้องการแก่คนทั้งหลาย จะแก่ก็ให้แก่ความรู้ แก่วิชา แก่คุณธรรม...ให้อยู่ในหมู่คณะก็ไม่วุ่นวาย...อยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเดียวดาย...

    สมัยวัยรุ่นผมคิดแบบนี้ คนทั้งหลายก็หาว่าผมเพี้ยนบ้าง บ้าบ้าง แก่แดดบ้าง ไม่รู้จักใช้ชีวิตบ้าง...ยังเป็นวัยรุ่นอยู่รีบเข้าวัดไปทำไม ที่บ้านมีปัญหาเหรอ...ผมอธิบายไม่ถูก จะบอกให้คนเหล่านี้เข้าใจในสิ่งที่ผมเห็น ก็ไม่ได้...เพราะเราๆท่านๆต่างก็เห็นภาพแบบเดียวกัน รับรู้แบบเดียวกัน เราก็มีสมองด้วยกันทุกคน แล้วพวกเราก็ต้องมีความแก่ด้วยกันทุกคน...ถ้าวันนี้คุณได้คิด..คุณก็จะคิดได้...ถ้าวันนี้คุณคิดไม่ได้...วันหน้าคุณก็คิดไม่ได้อยู่ดี...ผมอธิบายไป ก็ถูกหัวเราะเยาะอย่างเคย...ก็เลยต้องได้แต่ยิ้มครับ...ยิ้มเท่านั้น...แทนทุกคำที่พูด...
    อ่านจบแล้ว...ก็อย่าลืมยิ้มให้ตัวเองนะครับ...ยิ้มเอาไว้ แล้วลุกขึ้นสู้มันต่อไป...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2015
  9. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    รอพี่ท่านมาเล่าต่อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...