ขอสอบถามเรื่องมโนมยิทธิครับ

ผมต้องการฝึกครับ แต่ไม่สะดวกที่จะไปฝึก สามารถฝึกที่บ้านด้วยตนเองได้ไหมครับ ถ้าได้มีวิธีการฝึกยังไงครับ

 

http://palungjit.org/threads/การฝึกมโนมยิทธิสำหรับผู้ปฏิบัติใหม่-โดยหลวงพ่อฤาษี-วัดท่าซุง.202207/



การฝึกมโนมยิทธิสำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง



http://palungjit.org/threads/มโนมยิทธิ-๒-โดยหลวงพ่อฤาษี-วัดท่าซุง.223128/



มโนมยิทธิ ๒ โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ฝึกได้ครับ
แต่ได้เมื่อไหร่ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะหลวงพ่อฤาษีท่านก็บอกว่าทำได้
แต่ส่วนมากทำ ๓๐ - ๔๐ ปีไม่ได้เลยก็มี หรือทำจนตายไม่ได้ก็มี
ต่อมาท่านเลยใช้วิธีให้คนที่ได้แล้ว(ครู) เข้าไปแนะ ได้ผลดีกว่า เร็วกว่า

ถ้าอยากจะลงทำดูก็ได้ไม่ว่ากัน
ก็เจริญอานาปานสติ โดยใช้คำภาวนาว่า นะมะ พะธะ
เมื่อใจสบายแล้วก็จับรูปพระพุทธเจ้าเป็นนิมิต จนถึงฌาน ๔
แต่ถึงฌาน ๔ ก็ยังไม่แน่ว่าจะใช้ได้มั้ยนะครับ
เพราะท่านว่า บุคคลผู้ได้ฌาน ๔ ๑๐๐๐ คน จะได้ทิพจักขุญาณ ๑ คน
ลองทำดูแล้วกันนะครับ ถ้าเคยฝึกมาแล้วในอดีตชาติก็อาจจะได้

แต่ผมว่ามีเวลามาบ้านซอยสายลมดีกว่า (หรือที่วัดก็ได้)
แล้วฝึกแค่วันเดียว ไปต่อเองที่บ้านง่ายกว่าครับ

 

ขอบคุณมากครับ

 

ขอเสริมความเห็นที่สามเล็กน้อย

1.การฝึกฌานจนถึงฌานสี่กับการเกิดทิพยจักขุญาณ เป็นคนละส่วนกัน ผู้เจริญฌาน 4 แต่ไม่เกิดทิพยจักขุญาณก็มีได้ เนื่องจากทิพยจักขุญาณจะเกิดมีได้จากการฝึกเป็นการเฉพาะ คือการฝึกกสิณสามอย่าง อันเป็นฐานของทิพยจักขุญาณโดยตรง ได้แก่ อาโลกกสิณ เตโชกสิณ หรือโอทาตกสิณ นั้น จะก่อให้เกิดทิพยจักขุญาณโดยตรง

มีบ้าง เป็นพิเศษ ที่บางท่าน มุ่งเจริญฌานอย่างเดียว มิได้ฝึกทิพยจักขุญาณโดยเฉพาะ แต่กลับมี กลับได้ความสามารถของทิพยจักขุญาณมาด้วย อันนี้คงจะเป็น "ของเก่า" ของท่านนั่นเอง คือจิตเข้าถึงฌานสี่ ทรงฌานสี่เป็นปกติวิสัย ของเก่าที่เคยมี เคยได้มาก่อน ก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง อย่างนี้ก็มี

2.การฝึกมโนมยิทธิ ถึงไม่มีของเก่ามาเลย หากมีอิทธิบาทสี่ ถึงไม่มีของเก่ามาก่อน ก็สร้างกันใหม่ในปัจจุบันก็ได้ แต่กว่าจะฝึกได้ จะใช้เวลานานเท่าใด ไม่มีใครตอบได้ เหมือนที่ความเห็นที่สามว่าไว้ บางท่านทำมา 30-40 ปีไม่ได้ ก็มี ทำจนตาย ยังทำไม่ได้เลย ก็มี
แล้วแต่บุคคลจริงๆ

3.การฝึกที่บ้านสายลม ส่วนใหญ่ผู้มาฝึก จะเป็นผู้ที่เคยได้มาก่อน เป็นส่วนมาก บางครั้ง ผู้ฝึกใหม่ๆ บางท่าน จะรู้สึกท้อใจ ที่ตามเพื่อนๆ เขาไม่ทัน เรื่องสำคัญที่ต้องบอกกันในที่นี้คือ เวลาฝึก ห้ามเกรงใจครูเด็ดขาด หากครูถาม ถ้าไม่รู้ ไม่เห็นอะไร ก็ตอบครูไปตามตรง ว่าไม่รู้ ไม่เห็นอะไร ครูจะได้แนะนำหรือหาทางแก้ให้เป็นพิเศษ และจะเป็นผลดีในการฝึกต่อไป

การที่เกรงใจครู ครูถามอะไร ก็เออออไปตามเพื่อน อย่างนี้จะเป็นผลเสียในการฝึกและทำให้ไม่บรรลุผลของการฝึกตามที่มุ่งหวังไว้

อันนี้คือการฝึกกับครูที่บ้านสายลม หากเป็นการฝึกด้วยตัวเองที่บ้าน ผมมองว่าก็ทำได้เหมือนกัน แต่ต้องใช้พยายามอย่างมาก

การฝึกด้วยตัวเองที่บ้าน อาศัยข้อมูลในเว็บไซด์นี้ก็ได้ครับ โหลดไฟล์เสียงของหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ที่ท่านสอนเรื่องมโนมยิทธิ แล้วฝึกตามไป อย่างนี้ สามารถศึกษาและปฏิบัติตามได้ทันทีครับ

ที่สำคัญ จะฝึกได้แล้วหรือยังไม่ได้ ก็ต้องมีอิทธิบาทสี่กำกับอยู่เสมอ

หากยังฝึกไม่ได้ ก็ต้องใช้ความพยายามฝึกต่อไปเรื่อยๆ

หากฝึกได้แล้ว ก็ต้องใช้ความพยายาม ในการซ้อม ซ้อม ซ้อม เพื่อให้อยู่ตัว

ทำกันเพียงแค่นี้จริงๆ

เข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็น ตามประสาคนความรู้น้อย ด้อยปัญญานะครับ เป็นการคั่นเวลา รอความเห็นต่อไปที่จะมาตอบกระทู้ ส่วนผม ขอถอยไปห่างๆ และถือโอกาสรอฟังความเห็นอื่นๆ และขอเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเจ้าของกระทู้ด้วยคนครับ

ปล.แก้ไขคำผิด

 

อภิญญาเป็นผลพลอยได้จากการเจริญภาวนาถูกวิธีและรักษาศีลบริบูรณ์ จนรอบญาน ฌานแก่กล้าแล้วคับ ถ้ามีความอยากในอภิญญาจะยิ่งทำให้ห่างไกลออกไปอีก และจะไม่ได้

 

เพิ่งรู้ตัวเหรอ ว่าอภิญญามาจากการภาวนา ไม่ใช่จากการวิปัสสนา

 

ตอบแบบไม่ใช่ปัญญาอีกแล้ว การทำความเพียรก็ดี การภาวนา การสมาธิ การวิปัสนากรรมฐาน กรรมญาน40 ล้วนเกี่ยวข้องกันและมาจาก สติปัฐฐาน4 เป็นพื้นฐาน ก่อนจะมาแสดงความรู้ กรุณาเจริญ ญาน ฌาน ให้ได้ก่อนดีกว่าไหม ไม่ต้องถึงขั้นอภิญญาหรอกอินทรบุตร หัวข้อบางเรื่องไม่ใช่วิสัยของคนที่ไม่ได้ญานจะมาตอบ แบบอินทรบุตรภาวนาจนผมขาวแล้วแต่ได้แค่หัวเราะ

 

อินทรบุตรอะไรเนี่ย ดูเหมือนปัญญาอ่อน น่าสมเพชเนอะ คนแบบนี้

 

คนที่นับถือศาสนาแต่เพียงตัว จิตใจไม่ได้น้อมไปตามกระแสพระธรรมคำสอน ก็จะมีอาการอย่างนี้แหละคับ

 

ลืมบอกอินทรบุตร ภาวนาจนแก่ ได้อยู่อย่างนึงคือได้แต่หัวเราะ ทั้งๆที่เข้ามาในพุทธศาสนาที่ประเสริฐสุดแล้วแท้ๆ