ขออนุญาตถามอาการหลังจากทำสมาธิหน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่, 2 มีนาคม 2017.

  1. ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่

    ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +29
    ผมไปเรียนสมาธิมาได้ 6 เดือนละครับ วันนึงก็นั่งสมาธิประมาณ 30 นาที เดินจงกลม 30 นาที ทุกทีหลังจากเรียนเสร็จก็เหมือนเดิมครับขับรถกลับบ้าน ทานข้าว อาบน้ำ นอนหลับ แต่ประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ตอนผมไปเรียนพอนั่งทำสมาธิเส็จ หัวผมมันเหมือนแผ่คลื่นพลังอะไรสักอย่าง เวลาใครพูดอะไรด้วยก็ไม่มีอารมณ์เหมือนเดิมคือไร้อารมณ์ไปซะงั้น จากหิวข้าวกลับไม่หิว ตอนขับรถกลับก็เหมือนไม่มีตัวตนแบบว่าไม่รู้สึกว่ามีร่างกายอยู่ สมองก็ว่างเปล่าไม่คิดอะไร ถึงบ้านก็ทานข้าว อาบน้ำ พอนอนกลับอยากทำสมาธิอีก ผมก็เลยนอนทำสมาธิในแบบของผมเหมือนเดิมคือไม่ใช้คำบริกรรม รู้แค่ว่าลมเย็นสัมผัสปลายจมูกเข้ามาที่คอลงไปที่ปอด ลมอุ่นออกจากปอดขึ้นไปที่คอมาสัมผัสปลายจมูก พอทำได้สักพักเสียงหัวใจที่เต้นก็สงบ ไม่คิด ไม่รู้สึก ไม่ได้ยิน รู้แค่ว่าลมหายใจละเอียดมากๆเล็กยิ่งกว่าเม็ดทรายเป็นลมหายใจที่เบาบางมากๆ พอจิตจับความละเอียดของลมได้ ก็เกิดปิติมาในรูปแบบต่างๆ เห็นเส้นแสงสีรุ้งเป็นรูปทรงต่างๆที่ทับซ้อนกันไม่มีที่สิ้นสุด(ไม่รู้จะอธิบายยังไงครับ) พอผมดูจนดับก็เหมือนอยู่ที่ไหนสักที่เป็นหมอกเมฆที่มีคลื่นพลังงานอ่อนๆ แล้วก็อยู่แบบนั้นทั้งคืนจนรู้สึกตัวว่าเช้าแล้ว........หากท่านไหนที่รู้และเข้าใจช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ
     
  2. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    คนบางคนอยากมีสมาธิขนาดไหนก็ทำไม่ได้ บางคนฝึกทีเดียวก็เป็นเลย
    ผมคิดว่าจขกทเข้าใกล้สมาธิแบบธรรมชาติที่สุดแล้ว นั่งสมาธิได้ทั้งวันงี้
    ต้องถามลามะดู
     
  3. ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่

    ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +29
    คือว่า ผมอยากทราบครับว่าผมปฏิบัติถูกหรือผิดมากน้อยเพียงใด แล้นตอนนี้ผมปฏิบัติถึงขั้นไหน แล้วควรต้องทำยังไงต่อไปครับ ขอขอบพระคุณทุกๆความเห็นนะครับ ตำหนิได้เพื่อที่ผมจะได้ฝึกพัฒนาจิตต่อไปครับ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ดีแล้ว ทำแบบนั้น ซ้ำๆ

    ต้องซ้ำเท่าไหร่

    หากจิตมันถามแบบนั้น อย่าไปเชื่อที่มันถาม

    ทำซ้ำอย่าลังเล แม้นนิดเดียว

    ถ้ารู้สึกว่า มีอะไรแปลกปลอมไปจากที่เล่า

    ให้กำหนดรู้ไปเลย ว่า สิ่งเหล่านั้นเปนของแปลกปลอม

    เพราะเท่าที่ทำอยู่ จิตมันก้ วิวัฏ หันหลังให้โลก
    ไม่เข้าหา คลุกคลีหมู่สัตว์ทั้งสามโลก เรียกว่า
    เปนผู้ครอบงำทั้งสามโลกอยู่ เหนือโลกก้อนุโลมเรียก

    ลุย
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ถูกผิด ดูที่ การเข้าหาหมู่สัตวชื่อนั้น ขื่อนี้

    ถ้าไม่มี

    จะต้อง ซื่อจนเซ่อไหม ว่า จบจากชาตินี้ จะไปไหน

    สติ สัมปชัญญะ ไม่มีเลยเหรอ จึงต้อง ให้ผู้อื่นรับฟัง แฝงขอการรับรอง ปฏิบัติลำพังมา
    กลับ ไปขนไฟนอกมาเผาทำลาย ปัญญาอันยิ่งเอง
    ที่เพียรมา
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ลืมไป

    ทำซ้ำๆ ไม่ได้หมายความว่า ต้องรีรัน สิ่งที่รู้เหน

    ทำซ้ำๆ เอาแค่ เหตุของของความเพียร พอ
    ผลไม่ต้องไป คาด ไปหมาย จะซ้ำ

    ถ้า จะซ้ำ แล้ว ตรึงเครียด แปลว่า ยังวาง
    จิตจะซ้ำส่วนผล ให้รู้ทัน อย่าไปเชื่อมัน
    แล้วจะเบา กลับมาซ้ำที่ เหตุ เอง
     
  7. สมิง สมิง สมิง

    สมิง สมิง สมิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +952
    +++ตอบ นะครับ ตามที่ ได้อ่านการปฏิบัติของคุณ+++
    ๑. มีพลังจิต นะครับ...ที่หัว มันเหมือนแผ่ คลื่นพลังออกมา...ถ้ามีคลื่นแทรก เช่น เวลา เราเคลิ้ม
    จะนอนหลับ หรือ มีอาการวูบ วาบ ในขณะทำสมาธิ มันจะเป็นแป๊บ ๆ เหมือน ไฟมันช๊อต สว่าง ๆ
    ๒. อยู่กับนิมิตในฌาน (เข้า ๆ ออก ของอุปจาระสมาธิ และฌาน)
    ....เป็นแค่ความเห็นนะครับ.....อนุโมทนาบุญ.....
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    การที่รู้สึกแผ่พลังงานออกจากหัว....ทั่วกาย เหมือนสภาวะ จิตมันขยายความว่าง หรือความสงบ ออกกระจาย กว้างออกไปรอบๆกาย.ทำให้เหมือน มี.ออร่าแห่งความสงบ ความว่าง มัน อยู่รอบๆกาย ...มันจะขยายออกไปเรื่อยๆ ตามระดับความสงบที่ฝึกสมาธิสะสมมา...เรียกอีกอย่างว่า ฌาณ....

    เมื่อความสงบ มันแผ่กว้างออกรอยกาบ เหมือนคลื่นพลังงาน ออร่า ..ตัวจิตหรือสติ มันก็ถูก กันออก ไปนอกกายด้วยเหมือนกัน...คือ การรับรู้ของจิตหรือสติ มันจะเหมือนไม่ได้จมจับ อยู่ที่กาย แต่จะเหมือน จิตหรือสติมันจะลอยออกอยู่นอกกาย...จะรับรู้ในส่วนของกายน้อยมาก ..แต่จิตหรือสติจะ เหมือน ไปอยู่กับอากาศ ความว่าง บรรยากาศ รอบกายนอกกาย แทน...ถ้าจะเปรียบก็คือ สภาวะจิต ..ออกไปจับ ไปรู้ ในสภาวะที่มีนอกกาย เหนือกาย

    หรือ สภาวะอรูป.ก็เรียกได้....
    อยากเดินวิปัสสนา เพื่อให้เกิดปัญญา ได้โดย....ให้เอาจิตหรือสตินั้น...ดูกายทั้งกาย ทั่วกาย ทุกส่วน ทุกมุม เห็นด้วยจิตให้ได้..เหมือนแยกจิต ออกมาแล้ว ..แล้วเอามาตามดูกาย มันตลอดให้ได้ทุกเวลา อย่างต่อเนื่อง...ดูกาย แบบนี้ จะรู้เห็นทั้งหมดของกาย อันได้แก่ การทำงานของอายตนะกายใจ ผัสสะ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก...ตามดู อยู่แบบนี้...เหมือนการทำสมาธิแบบเดินจงกรม นั่นแหล่ะ....แต่ปรับมาเป็น ดูกายให้ต่อเนื่อง ทุกอิริยาบท ทุกวินาที ตลอดวัน..แม้จะนอน ดูจน ตามมันหลับ..เวลาตื่นมาก็ดูเลยตั้งแต่เริ่มรู้สึกตัว

    จน เหมือนว่า...ดูตาม ตามดู เหมือน ไม่ได้นอน ไม่ได้หลับ นั่นแหล่ะ สติต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน....แม้ยามกิน ก็ดูกายกิน กายขี้ กายทำงาน กายนอน

    ผมว่า น่าจะทำได้นะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2017
  9. ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่

    ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอคุณทุกข้อความที่ชี้แนะนะครับ
    แล้วเวลาที่ผมนั่งสมาธิ ความรู้สึกของผมมันบอกว่าต้องนั่งบนดินใต้ต้นไม้ ที่มีแสงแดดอุ่นๆส่องถึง และต้องใกล้แม่น้ำ บ่อน้ำ หรือบึง คล้ายๆจิตอยากให้ผมเจริญเติบโตในการนั่งให้เหมือนกับการเจริญเติบโตของต้นไม้โดยต้องรับแสงแดดอุ่นๆ รับลมเย็นๆที่ผ่านน้ำ และต้องมีกลิ่นดิน หรือถ้าอยากสงบนิ่งก็ต้องไปนั่งในถ้ำ ปฏิบัติแบบรับพลังธรรมชาติอะไรทำนองนั้นครับ ไม่ทราบว่าควรหรือไม่ควรทำสมาธิแบบนี้ช่วยชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณครับ
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ศุภนิมิตใด เป็นไปเพื่อความ ฝุ้งเฝ้อ ไขว่คว้า ใฝ่คว้า พลัดวันประกันพรุ่ง
    จิตเคลื่อนจาก รัตนบัลลังก์ ปฏิสังเวที

    ศุภนิมิตนั้น ให้ ......................................
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถูกต้องแล้วครับ......เมื่อจิต มันขยายกว้างออก ถูกดันให้ขยายวงแห่งความสงบออก ไป..รอบๆกายกว้างมากขึ้น ตัวจิตเองมันก็เหมือนได้ขยายตัวออกไปรับรู้กับ สภาพธรรมที่เป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติรอบนอกทั้งหลายเหล่านั้น อันได้แก่ ธาตุ ดินน้ำลมไฟ ต่างๆ..จิตจะสัมผัส สื่อถึง กับธาตุเหล่านั้น ..แล้วมันจะรับรู้ถึง พลังงานในธาตุ คุณสมบัติในธาตุ ปัญญาในธาตุ ความจริงในธาตุเหล่านั้น....ความเป็นจริงของธาตุเหล่านั้น...ถ้าไกล้คน ก็สื่อจิตกับธาตุของคนเหล่านั้น...หรือคลื่นจิตความคิดที่ มาตามอากาศ ...แบบนี้เรียกว่า เรียนด้วยจิต..สัมผัสด้วยจิต...ตามแต่จิตจะ ขยาย .ถึง อะไร...เรียนรู้พลังงาน ของ สิ่งต่างๆ ทั้งที่มีชีวิตและธาตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2017
  12. ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่

    ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +29
    ผมก็อยากจะทำแบบนั้นตลอดเวลานะครับ แต่แม่ผมบอกว่าลูกไปขั้นอรูปฌาณ ถ้าทำเป็นแบบนี้บ่อยมันไม่ดี จะทำให้อยากปลีกตัวออกจากสังคม แล้วมันก็เป็นเหมือนที่แม่ผมบอกจริงๆครับ เป็นคนเบื่อสังคมไปซะงั้น ทั้งๆที่หน้าที่ทางโลกผมยังไม่หมด ตอนนี้ผมก็ยังสับสนกับตัวเองอยู่ครับ และเหมือนที่คุณวรณ์นิบอกเลยครับ ผมอยากเดินสายวิปัสสนาครับ ถ้าถูกหรือผิดยังไงก็ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ(สายวิปัสสนา)
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    บทเรียนที่ดีที่สุด คือเรียนรู้ จามธรรมชาติ ด้วยการเอาจิต ำปสัมผัสกับธรรมชาติ...ดีกว่า จะไปสัมผัสกับจิตคน ความคิดคนหรือ จิตภพภูมิอื่น..

    ควรเข้าใจในธรรมชาติของดินน้ำลมไฟที่เป็นกลาง ได้ก่อน...จะดีกว่า แล้วค่อยไป สัมผัสกับจิตคน ความคิดคน ทีหลัง
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    สังเกต ความร้อยสัน พันคม ของ กิเลส อุปกิเลส

    กิเลส(รสชาติโลกๆ) หยาบๆ พอเห็นได้แล้ว

    กิเลสกลางๆ(นิวรณ์) ก็ สามารถข้ามได้

    กิเลส(ละเอียด) จะมาในรูป กุศลกรรม โยคะกรรม ศีล พรต ข้อวัตร ต่างๆ

    ถ้า ลืมรส ปฏิสังเวที ไป แล้วไป ปรารภเชิง ต้องทำ ต้องนั่น ต้องนี้
    แล่นไปในอดีต(เนขัมมบารมี ความพอใจก่อนๆ) แล่นไป
    อนาคต(สำคัญเรื่อง สะสม ความไม่พอใจในอดีต เลยไปพอใจในอนาคต)
    อะไรเหล่านี้ ต้องทันเกมส์

    หาก ปฏิสังเวที ถูกต้อง จะไม่มีเรื่อง อยู่อย่างเป็น ขยะ สังคม แต่จะ ขยัน
    ไม่อ้างโน้นอ้างนี่ ที่ อุปกิเลส(กิเลสในรูปโยคะกรรม ศีล พรต) มันมาหลอก
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ครับ อรูปฌาณ ...มันจะเบื่อทางโลก ไม่เอาทางโลก...แต่ ผมก็แนะนำให้คุณ ดูกาย เวทนา จิต...ด้วยความสงบที่มีอยู่นี้ เพื่อจะได้เกิดปัญญา จะได้มีปัญญา เพื่อ.......(ยังไม่บอก)
    อรูป คือโลกแห่งจิต โลกแห่งอุปทานความคิด...มันอาจหลง ไปกับมันได้
    จึงแนะนำให้ ดูกาย ผูกกับกายตนเอง ให้ได้เสมอ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2017
  16. ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่

    ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +29
    เรื่องของคำในธรรมะ ผมไม่ค่อยเข้าในนะครับ ขอบคุณที่ชี้แนะนะครับ เดี๋ยวผมเปิดหาความหมายในกูเกิ้ลเอาก็ได้ครับ ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะครับ
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    สังเกต "ปฏิภาณปัญญา"

    อาการของ ปฏิภาณปัญญา คือ เวลาเจออุปสรรค ตีบตัน ทางอรรถ พยัญชนะ(ภาษาที่ใช้ สมาทานสิกขา)

    ปฏิภาณปัญญา จะมี รสความร่าเริง ใน กถาธรรม แม้นจะติดขัด แต่ จะปลอดโปร่ง

    เหมือนคนอ่านหนังสือพันหน้า อ่านติดขัดคำศัพท์ แต่ก็อ่านไป จนจบเล่มได้ ทั้งที่
    ยังมีบางส่วนที่ ไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ทำให้ การอ่าน การสมาทานสิกขา ยุติ หยุดลง

    ปฏิภาณปัญญา จะมี รส เฝ้นเอา อรรถ พยัญชนะ ที่จะ ได้มาภายหลัง

    ซึ่งเวลาได้มา จะรับรู้ว่า แค่ได้ ภาษาที่เอาไว้สื่อสาร ส่วนความเข้าใจ จริงๆ จิตมัน
    รับรู้เป็นการเฉพาะ อยู่ภายในแล้ว

    เวลาไปอ่าน เพิ่มเติม ถ้าได้จาก พระไตรปิฏก แม้นจะเป็น ภาษาโบราณ แต่
    จะเข้าใจ อรรถ และ พยัญชนะ ในพระไตรปิฏก ได้ ลึกซึ้งขึ้น

    ดังนั้น

    อย่ากลัว ตำรา

    เพราะ ในแง่ของ ปัญญาอันเกิดจากการภาวนา บางสิ่งจะปรากฏที่จิตอยู่ก่อน
    แล้ว ปัญญานิรุตติอันได้จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาประดับใช้เรียก ทีหลัง
    [ สิ่งที่ควรบัญญัติ พระพุทธองค์จะประกาศหมดแล้ว .... ต่างจาก อาการ
    ด้นเด้าเดาเข้าไปเทียบ จะมี รสสำคัญว่า ตนเอง พบ คำศัพท์ อุบาย ใหม่ๆ ]


    หากยกแบบนี้ได้

    จะสามารถ ภาวนาโดยไม่ต้อง เรียกชื่อ หรือ ถามใครก่อน เลยก็ได้
     
  18. ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่

    ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอบคุณคุณวรณ์นิมากเลยครับ ผมกระจ่างเลยรู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป ผมจะค่อยๆทำไปวันละนิดนะครับ ผมอายุ 26 ปี คงมีเวลาทำความเข้าใจกับสิ่งที่คุณบอกอีกนานครับ ขอบคุณครับ สาธุ :)
     
  19. ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่

    ศักดิ์สิทธิ์ หลวงใหญ่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอบพระคุณคุณนิวรณ์อีกท่านด้วยนะครับ เข้าใจเยอะขึ้นเลย ผมจะทำให้ดีที่สุดเลยครับ :)
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    อินทรีย์ดี

    งั้น ฟังใหม่

    สิ่งที่คุณใช้ ภาวนา เรียกว่า อานาปานสติ .... ลมจะ หยาบ ละเอียด ไม่ใช่สาระ
    สาระอยู่ที่ จิต คุ้นเคยในการ พิจารณา อานาปานสติ

    ถ้าวันไหน จงใจ เจตนา จะทำ อานาปานสติ วันนั้น อานาปานสติจะเสีย จิต
    จะผลิกไปเป็น การทำฌาณ ซึ่ง จะเกิด เส้นแสงของกองลม ไม่ได้ ระลึกได้
    ถึงการมีอยู่ของลม จิตมันไปแนบลม จึงเกิดการแล่นเข้าไปในลม จึงเกิดเกลียวแสง

    ถ้า รู้ความแปรปรวนของแสง ไม่เข้าหา ไม่ขยาย ไม่จมไปทาง ฌาณ ก็ให้
    กำหนดรู้ ปฏิภาณ " ปัญญาไม่ใกล้ "

    แต่ไม่ห้าม ถ้ามันจะผลิกเข้าไปใน แสง ออกไปรู้นั่น รู้นี่ ทำนั่น ทำนี่

    แค่ต้องไม่ลืมว่า อะไรสงบ สงัดกว่า ( การไม่เข้าไปในของโลกๆ ของชาวบ้าน)

    เจตนาที่มากเกินไป สติที่มากเกินไป มันจะไป จ้าอยู่ที่ ปลายจมูก ไม่ส่ง
    ออกไปข้างนอกเกินกายเท่าไหร่ แต่จะถือว่า ส่งออกนอก จิตจะไปติดอรูปฌาณ
    ชนิดหนึ่ง ทำให้ เกิดความเที่ยง แต่ลืมโลก ขาติสติ ขาดสัมปชัญญะ อกตัญญู
    ต่อโลก โลกติเตียนได้ ไม่ต้องแก้ แค่รู้ว่าอยู่ข้างนอก ( แต่ สมาชิกท่านหนึ่ง
    บอกว่า ให้ย้อนดูกาย ก็จัดว่า ใช้ได้ จะเห็นได้ว่า จิตมันเคลื่อนไป แล้วหลุดออก
    จากภพนั้น )

    ทีนี้

    พอแย๊บด้วยเรื่อง ปัญญา200(ชนิด/ธาตุ) คุณก็เกิดความ ร่าเริงใน ธรรมมีกถา

    ดังนั้น

    อานาปานสติ ที่ใช้ ให้ใช้ พิจารณาในเชิงของ ธรรมในธรรม ปฏิภาณปัญญา
    เป็นของเกิดดับ ปัญญาร่าเริงในธรรมมีกถาเกิดดับ ปัญญารู้ธรรมทุกอย่าง ควร
    กำหนดรู้เกิดดับ ทุกอย่าง !

    ปฏิภาคนิมิต อุคหนิมิต ของอานาปานสติ คือ การไม่เข้าหาโลก คือการสิ้นไปของ
    ตัณหา อุปทาน แม้น (ทิฏฐิ)ธรรม ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...