ขอเชิญร่วมบุญสร้างพระศรีอริยะเมตไตรยทรงเครื่อง หน้าตัก 30นิ้ว ถวาย ณ วัดคำชะโนด

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย แสวงหาความจริง, 18 พฤษภาคม 2015.

  1. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    ขอเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพร่วมสร้างพระศรีอริยะเมตไตรยทรงเครื่อง หน้าตัก 30นิ้วโครงการที่ 3
    เพื่อประดิษฐานไว้ในเขตพระพุทธศาสนา ถวาย ณ วัดคำชะโนด ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี


    องค์นี้เป็นองค์ที่ 6 ที่ได้ร่วมสร้าง


    งบประมาณโรงหล่อพระคิดค่าองค์พระ 280,000บาท ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพร่วมในการสร้างพระศรีอริยะเมตไตรยทรงเครื่องเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา

    จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่สักการะของพรหม, เทวดา, นางฟ้า,มนุษย์และโอปาติกะทั้งหลาย

    และจะบรรจุพระผงจักรพรรดิในองค์พระ จึงขอเชิญทุกท่านมาร่วมสร้างมหาบุญมหากุศลในครั้งนี้ด้วยกันเถิด

    เพื่อเกื้อกูลหนุนทั้งในศาสนานี้และศาสนาหน้านะครับ


    แจ้งหมายเลขบัญชีในการร่วมบุญครับ

    index.png
    นายปัญญา โตมะ
    เลขที่บัญชี 772-2-44009-3
    บัญชี ออมทรัพย์
    ธนาคาร กสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลเวิลดด์



    สามารถส่งแผ่นทองและมวลสารมาร่วมสร้างพระศรีอริยเมตไตรยได้ที่

    นายปัญญา โตมะ
    บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงค์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด

    อาคารสำนักงาน ดิออฟฟิสเศส แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 20
    999/9 ถ.พระราม1 แขวงประทุมวัน เขตประทุมวัน
    กรุงเทพ
    10330



    ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิฐานเพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ราชบัลลังค์ และทั่วทั้ง 3แดนโลกธาตุ ทุกรูปทุกนามทุกชั้นทุกภพทุกภูมิ

    ปรับปรุงรูปภาพ 27/09/2561 หลังจากได้บอกบุญมาเป็นเวลานานตอนนี้ได้แบบขี้ผึ้งองค์พระแล้วตามรูปด้านล่างครับ แต่ต้องปรับแต่งองค์พระอีกนิด ยังไม่ได้กำหนดหล่อพระเพราะช่วงนี้มาสุมเข้าโรงหล่อพระไม่แนะนำให้หล่อพระช่วงนี้ เพราะถ้าหล่อพระแล้วฝนตกหนักจะทำให้พระเสียทั้งองค์ต้องบอกบุญกันใหม่ครับ เลยไม่เสี่ยง
    img_0835-png.png
    img_0840-png.png
    การบอกบุญงานนี้จริงๆแล้วได้จำนวนเงินที่ได้มีผู้ร่วมทำบุญพอแค่จ่ายแค่องค์พระไม่พอจ่ายฐานพระ ขาดอีก 1 แสน ป้าต้อยเจ้าของโรงหล่อพระอยุธยา ใจดีป้าต้อยและครอบครัวได้ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพฐานพระศรีอริยะเมตไตรยในครั้งนี้ครับ ทำให้มีองค์พระพร้อมฐาน ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    img_0836-png.png

    ปรับปรุงข้อความ 27/09/2561 ผมจะไม่ส่งพระไปให้ท่านที่ร่วมบุญทุกท่านกับการสร้างพระศรีอริยะเมตไตรยแล้วนะครับ จะนำพระมาบรรจุในองค์พระเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ถ้าท่านใดมีพระที่ไม่เก็บไม่ใช้ส่งมาร่วมบรรจุได้ ให้ส่งมาที่
    นายปัญญา โตมะ
    บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงค์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด

    อาคารสำนักงาน ดิออฟฟิสเศส แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 20
    999/9 ถ.พระราม1 แขวงประทุมวัน เขตประทุมวัน
    กรุงเทพ
    10330

    <TABLE> <TBODY> <TR> <TD>
    </TD> <TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE> <TBODY> <TR> <TD> attachment.png </TD> <TD> attachment.png </TD> <TD> attachment.png </TD> <TD> attachment.png </TD> <TD> attachment.png </TD> <TD> attachment.png </TD> <TD> attachment.png </TD> <TD> attachment.png </TD> <TD> attachment.png </TD></TR> <TR> <TD>แบบที่ 1</TD> <TD>แบบที่ 2</TD> <TD>แบบที่ 3</TD> <TD>แบบที่ 4</TD> <TD>แบบที่ 5</TD> <TD>แบบที่ 6</TD> <TD>แบบที่ 7</TD> <TD>แบบที่ 8</TD> <TD>แบบที่ 9</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • WP_20150111_18_09_46_Pro.jpg
      WP_20150111_18_09_46_Pro.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      7,429
    • 1.png
      1.png
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      371
    • 2.png
      2.png
      ขนาดไฟล์:
      949.4 KB
      เปิดดู:
      272
    • 3.png
      3.png
      ขนาดไฟล์:
      936.4 KB
      เปิดดู:
      276
    • 4.png
      4.png
      ขนาดไฟล์:
      893.2 KB
      เปิดดู:
      285
    • 6.png
      6.png
      ขนาดไฟล์:
      806.8 KB
      เปิดดู:
      239
    • 7.png
      7.png
      ขนาดไฟล์:
      757.7 KB
      เปิดดู:
      250
    • 8.png
      8.png
      ขนาดไฟล์:
      739.2 KB
      เปิดดู:
      240
    • 9.png
      9.png
      ขนาดไฟล์:
      984.2 KB
      เปิดดู:
      248
    • 5.png
      5.png
      ขนาดไฟล์:
      992.9 KB
      เปิดดู:
      235
    • IMG_0835.png
      IMG_0835.png
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      549
    • IMG_0836.png
      IMG_0836.png
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      128
    • IMG_0840.png
      IMG_0840.png
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      493
    • a.jpg
      a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      878.7 KB
      เปิดดู:
      153
    • IMG_0842.png
      IMG_0842.png
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      122
    • IMG_0843.png
      IMG_0843.png
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      143
    • IMG_0844.png
      IMG_0844.png
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      128
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2018
  2. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    อานิสงส์การหล่อหรือสร้างพระพุทธรูป

    พระอริยเจ้ากล่าวถึงเรื่องของ...อานิสงส์การหล่อหรือสร้างพระพุทธรูป

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ....ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ สร้างด้วยอะไรก็ตาม หมายความว่าบุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึง 5 กัป........

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวว่า"การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำได้ยาก คือ ว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด การสร้างองค์ปฐมนี้ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ โดยใช้บัญชีสีทอง เป็นทองคำล้วนทั้งเล่ม จดบันทึก(เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา) ก็แสดงว่า คนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ ต้องเป็นคนมีบุญมาก และไปนิพพานได้เร็วมาก" เพราะบัญชีสีทอง หลวงพ่อฯบอกว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องโมทนาหมด......

    หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว...กล่าวว่า.....ผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้าจะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคาก็ดี ใหญ่กว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเป็นมนุษย์ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหมื่นชาติ แสนชาติ จะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย ตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน

    หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา......การสร้างพระ เปรียบได้กับธนาคารบุญ ซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้าง โดยบุญกุศลนั้น จะเกิดขึ้นทุกครั้ง ที่มีผู้มากราบไหว้ สักการะบูชา เท่ากับจำนวนคน และจำนวนครั้ง

    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม กล่าวว่า..การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปได้เกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทาน ในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มี"ความเห็นตรง เห็นถูกแท้" เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ประมาท ชื่อว่า เป็นผู้ได้เตรียมตัวก่อนตาย

    ถวายสังฆทาน 100 ครั้ง อานิสงส์ไม่เท่ากับถวายวิหารทาน 1 ครั้ง......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2015
  3. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    แจ้งหมายเลขบัญชีในการร่วมบุญครับ

    เลขที่บัญชี 772-2-44009-3
    ออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลเวิลดด์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2015
  4. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    พระศรีอริยเมตไตรยหน้าตักองค์พระ 9 นิ้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ, พระผงจักรพรรดิ จำนวนหนึ่ง อาจจะมีวัตถุมงคลอื่นตามแต่จะเห็นสมควร
    สั่งจองบูชาเพื่อร่วมสร้างพระศรีอริยเมตไตรยองค์ใหญ่ให้บูชาส่วนตัวราคา 5000บาท เป็นเนื้อทองเหลืองรวมค่าส่ง

    ถ้าท่านใดต้องการบูชาเพื่อถวายวัดจะให้บูชาราคา 4500บาท รวมค่าส่ง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ, พระผงจักรพรรดิ จำนวนหนึ่ง
    อาจจะมีวัตถุมงคลอื่นอีกตามแต่จะเห็นสมควร

    [​IMG]

    พระศรีอริยเมตไตรยหน้าตักองค์พระ 5 นิ้ว บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ, พระผงจักรพรรดิ จำนวนหนึ่ง อาจจะมีวัตถุมงคลอื่นตามแต่จะเห็นสมควร
    สั่งจองบูชาเพื่อร่วมสร้างพระศรีอริยเมตไตรยองค์ใหญ่ให้บูชาราคา 3000บาท เป็นเนื้อทองเหลืองรวมค่าส่ง

    [​IMG]

    ผู้สนใจสามารถสั่งจองได้ที่หน้าเวปหรือส่งข้อความส่วนตัวมาก็ได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5inc.jpg
      5inc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      427 KB
      เปิดดู:
      6,084
    • prasee9inc.jpg
      prasee9inc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      417.9 KB
      เปิดดู:
      6,327
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2015
  5. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    บันทึกการจองขนาดพระหน้าตัก 9 นิ้ว

    นายปัญญา โตมะ จองพระบูชาส่วนตัว 2 องค์

    บันทึกการจองขนาดพระหน้าตัก 5 นิ้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2015
  6. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    กำเนิดพระพุทธเจ้าห้าพระองค์กับตำนานแม่ย่ากาเผือกในภัทรกัป
    ตามประวัติเดิมๆ ในครั้งอดีตกาล ได้มีเรื่องเล่ากล่าวขานสืบทอดต่อๆ กันมาจนกลายเป็นตำนานสืบทอดต่อๆ กันจนถึงยุคปัจจุบัน เขาเล่ากันว่าในยุคต้นของโลกธาตุมีพญากาขาวอยู่ ๒ ตัว ผัวเมียอยู่กินด้วยกันมาด้วยความสงบสุขร่มเย็น ท่ามกลางมวลหมู่สัตว์นานาพันธุ์ ซึ่งมีจิตทิพย์ จิตประเสริฐ ก็จะมารวมตัวกันอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน รวมกันอยู่เป็นสังคมใหญ่
    ในกาลครั้งนั้นพระแม่กาขาวจึงได้ออกไข่จำนวน ๕ ฟอง แม่กาขาวเป็นผู้ฟูมฟักไข่ พ่อกาขาวก็จะเป็นผู้ที่จะออกหาอาหารมาให้อยู่กินกันมาด้วยความสงบสุข อยู่มาวันหนึ่ง ในขณะที่พ่อกาขาวออกไปหาอาหารตามปกติ แม่กาขาวก็กกไข่อยู่บนรัง ณ ยอดไม้ใหญ่ใกล้ๆ กับชายทะเล ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้มีชื่อว่า “ต้นโพธิ์ทะเล” ตามลำต้นโพธิ์ทะเลจะมีหนามขึ้นอยู่โดยรอบ มีใบคล้ายกับใบโพธิ์

    เมื่อพ่อกาขาวบินออกจากไปได้พักใหญ่ ท้องทะเลในบริเวณเกิดการแปรปรวนวิปริตผิดกว่าทุกๆ วัน ท้องฟ้าในทะเลเริ่มตั้งเค้าจับตัวกันเป็นพายุใหญ่ ลมจากทะเลเริ่มพัดเข้าสู่ชาดฝั่งด้วยความรุนแรงและทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นลมพายุใหญ่เรียกว่า “ลมกรด” พัดหมุนเข้าสู่ชายฝั่งทะเล ด้วยกระแสที่รุนแรงมากพร้อมที่จะทำลายมุกๆ สรรพสิ่งที่กำลังขวางทางของมันอยู่ให้พินาศไปในพริบตา ต้นไม้ใหญ่น้อยริมชายฝั่งทะเลถูกลมพายุพัดกระหน่ำจนโค่นล้มลงมาทำให้ฝูงสัตว์ในบริเวณใกล้เคียงต่างก็หนีเอาตัวรอด เสียงสัตว์ร้องโอดครวญโหยหวนไปทั้งป่า เพราะต้นไม้มิได้โค่นล้มเพียงอย่างเดียว ฟ้าร้องฟ้าผ่าสายฟ้าฟาดลงมาจนทำให้เกิดเปลวไฟเริ่มที่จะลุกลามแผ่ออกไปเป็นรัศมีวงกว้าง ผู้ที่หนีรอดพ้นไปได้ก็วิ่งไปในฟากฟ้าป่าหิมพานต์ กระแสลมอันแรงกล้าได้โหมกระหน่ำเข้าสู่ต้นโพธิ์ทะเลถิ่นอาศัยของแม่กาขาว ซึ่งกำลังกกไข่อยู่ด้วยหัวใจที่กำลังแตกสลายกับเหตุการณ์ซึ่งกำลังเกิดขึ้น ไฟกำลังไหม้ป่าอยู่ด้านล่างฝูงสัตว์น้อยใหญ่ต่างก็หนีตายไปคนละทิศคนละทางไอร้อนจากด้านล่างก็แผดเผาขึ้นมาจนถึงข้างบน ลูกนก ลูกกาและสัตว์ป่านานาพันธุ์ก็ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือกันระงมไพรจนแม่กาขาวทนดูความเวทนาของสรรพสัตว์ไม่ไหว จึงตัดสินใจทิ้งลูกน้อยทั้งห้า ซึ่งกำลังฟักตัวเอาไว้แต่เพียงลำพังเมื่อกระแสของลมกรดโหมกระหน่ำเข้าสู่ต้นโพธิ์ทะเลใหญ่ได้หอบเอารังพร้อมกับไข่ทั้งห้าลอยไปกับกระแสของลมหวน กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง

    ฝ่ายแม่กาขาวผู้มีสติปัญญาเมื่อบินออกจากรังไปก็พยายามที่จะหาทางช่วยหมู่สัตว์ ก็แลเห็นน้ำจึงพิจารณาเล็งเห็นว่าน้ำกับไฟไม่ถูกกัน ก็บินโฉบลงไปในหนองน้ำใหญ่ พุ่งตัวลงไปในหนองน้ำเพื่อที่จะเอาหางเอาขนดูดซับน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปากก็อมน้ำอีกส่วนหนึ่งเอาไว้ แล้วก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าพยายามที่จะสลัดปีก สลัดขนพ่นน้ำลงสู่กองไฟใหญ่ แต่น้ำน้อยย่อมที่จะแพ้ไฟ ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้แล้ว ใจก็นึกพะวงถึงลูกของตนเมื่อคิดขึ้นได้ดังนั้นจึงบินกลับสู่รัง แต่ปรากฏว่าแม่กาขาวไม่สามารถที่จะหารังของตนพบได้ เพราะบริเวณในแถบนั้นโดนลมพายุพัดพินาศเสียหายเป็นวงกว้าง แม่ย่ากาขาวจึงรู้ได้ว่าไข่ทั้งห้าฟองโดนลมพายุใหญ่พัดพาไปหมดแล้ว ก็ปริ่มว่าจะขาดใจตายไปพร้อมกับลูกทั้ง ๕ แม่กาขาวจึงได้รำพึงอยู่ในใจว่า“ชีวิตของเรานี้หาประโยชน์อันใดมิได้เสียแล้ว ในเมื่อลูกทั้ง ๕ ของเราก็ได้พลัดพรากจากเราไปเสียแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราจะขอใช้ร่างกายของเราให้เกิดประโยชน์กับเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เปรียบเสมือนลูกของเราเช่นกัน เพื่อให้สัตว์เหล่านั้นรอดพ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้”
    เมื่อคิดดังนั้นแล้วแม่กาขาวก็ตั้งจิตอธิฐานขอใช้น้ำเลือดทั้งหมดที่มีอยู่ในกายธาตุจงช่วยดับไฟเพื่อดับทุกข์เข็นให้มวลหมู่1สัตว์ทั้งหลาย พร้อมทั้งวิงวอนเทพาอารักษ์ ซึ่งอาศัยอยู่ในป่าอาศัยอยู่ตามต้นไม้ ขอจงมารวมพลังช่วยกันดับไฟเพราะเหล่าสรรพสัตว์กำลังเดือดร้อน กำลังจะถูกไฟคลอกตายเสียหมดเมื่ออธิฐานจิตเป็นที่เรียบร้อย แม่กาขาวก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนนภากาศ แล้วก็บินดิ่งหัวพุ่งลงมาชนกับต้นไม้ใหญ่คอหักตาย ทำให้โลกธาตุเกิดการสั่นสะเทือนจากการกระทำ “ปรมัตถทาน” โดยการใช้ชีวิตทานเพื่อช่วยสรรพสัตว์เป็นที่สุดของการให้ทาน เมื่อตายไปแล้วแม่กาขาวก็ได้ไปเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาสอยู่ในวิมานคำปราสาททิพย์ ได้ชื่อว่า ฆฏิการพรหม และเมื่อลูกทั้งห้าได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ก็จะคอยนำเครื่องอัฐบริขารอันเกิดในดอกบัวทั้งห้าถวายเป็นทานแก่พระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในมหาภัทรกัปนี้ซึ่งเป็นลูกที่เกิดจากไข่เมื่อครั้งที่ยังเป็นแม่กาขาว
    กล่าวถึงไข่ทั้งห้าที่ลอยกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางก็ได้ลอยไปในสถานที่ที่ต่างกันและมีพญาสัตว์ทั้งห้าได้รับเลี้ยงไว้ดังนี้
    ไข่กาเผือกฟองที่ ๑ ไหลไปติดชายฝั่ง พอดีมีพญาไก่พร้อมด้วยบริวารออกมากินน้ำบริเวณนั้นได้พบไข่กาเผือกเข้าจึงเกิดความเมตตาได้เก็บเอาไข่กาเผือกฟองนั้นไปฟักและเลี้ยงไว้
    ไข่กาเผือกฟองที่ ๒ ลอยไปติดฝั่งเกาะชายหาดแห่งหนึ่ง พญานาคตนหนึ่งมาพบเข้าก็เกิดความสงสารมีความเมตตารักยิ่งกว่าลูกของตนจึงได้เก็บไปฟักและเลี้ยงดูไว้
    ไข่กาเผือกฟองที่ ๓ ลอยไปติดอยู่ที่หนึ่งซึ่งมีแม่เต่าตัวหนึ่งได้ไข่ลูกไว้ แม่เต่าหันมาเห็นไข่กาเผือกเข้ามีความยินดีมากได้เก็บไข่กาเผือกฟองนั้นไปพักและเลี้ยงรวมกับลูกของตัวเอง
    ไข่กาเผือกฟองที่ ๔ ลอยไปตามแม่น้ำคงคาไปติดอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง ยังมีแม่โคตัวหนึ่งได้ไปที่แม่น้ำก็เห็นไข่กาเผือกฟองนั้นใบใหญ่ขาวงาม และเป็นที่อัศจรรย์นักจึงได้เก็บไข่กาเผือกฟองนั้นไปฟักและเลี้ยงไว้
    ส่วนไข่กาเผือกฟองที่ ๕ ไหลไปตามแม่น้ำไปติดอยู่ที่แห่งหนึ่งมีแม่สิงห์ตัวหนึ่งพบเข้าในครั้งแรกจะเก็บไปกิน แต่เป็นที่อัศจรรย์ให้เกิดมีความเมตตาฟองไข่กาเผือกคิดว่าเป็นลูกของตนจึงเก็บไข่ฟองนั้นไปฟักและเลี้ยงไว้

    เมื่อแม่เลี้ยงทั้งห้านำไข่ไปฟักและคอยเลี้ยงดูจนไข่ฟักออกมากลายเป็นมนุษย์เพศชายทั้งหมดเป็นที่อัศจรรย์ แม่เลี้ยงทั้งห้าก็ได้เลี้ยงดูจนเติบใหญ่อายุได้ ๑๖ ปีจึงเกิดความสงสัยว่า “เรานี้เกิดมาจากไหนหนอ แม่ที่เลี้ยงเรามาจนเติบใหญ่อยู่ทุกวันนี้เป็นแม่บังเกิดเกล้าจริงหรือ ด้วยว่าแม่เราเป็นสัตว์ แต่เราเองเป็นมนุษย์” ทั้ง ๕ คนต่างก็คิดสงสัยเหมือนกันหมดทุกคนจึงตัดสินใจเข้าไปถามแม่เลี้ยงของตนถึงเหตุการณ์แต่หนหลังว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทั้งแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โคและแม่ราชสีห์ ต่างก็เล่าและตอบถึงเรื่องราวเหตุการณ์ตั้งแต่หนหลังให้ลูกฟัง ลูกทั้ง ๕ เมื่อพิจารณาว่าอยู่กับแม่ต่อไปคงจะไม่มีประโยชน์อยากจะลาแม่เลี้ยงของแต่ละคนออกบวชเป็นฤๅษีอยู่ในป่า (เนื่องจากต่างคนต่างตั้งจิตอธิฐานจะแสวงหาทางดับทุกข์) จึงมาขอลาแม่เลี้ยงเพื่อออกบวชแต่แม่เลี้ยงไม่ให้ไป แต่ในที่สุดลูกทั้ง ๕ก็พูดจนแม่เลี้ยงยอมอนุญาตให้ไป โดยแม่เลี้ยงทั้งห้าได้ขอร้องอย่างหนึ่งว่า
    “เมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพระโพธิญาณพระพุทธเจ้าโปรดสรรพสัตว์เมื่อใดแล้ว แม่ก็ขอฝากชื่อของแม่ไว้ด้วย เพื่อเป็นอนุสรณ์ของแม่ไว้ในวันข้างหน้า”
    แม่ไก่ขอฝากชื่อของตนไว้กับลูกเมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วว่า “กกุสันธะ”
    แม่นาคขอฝากชื่อของตนไว้กับลูกเมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วว่า “โกนาคมนะ”
    แม่เต่าขอฝากชื่อของตนไว้กับลูกเมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วว่า “กัสสปะ”
    แม่โคขอฝากชื่อของตนไว้กับลูกเมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วว่า “โคตมะ”
    แม่ราชสีห์ขอฝากชื่อของตนไว้กับลูกเมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วว่า “อริยเมตไตรยะ”
    หลังจากนั้นลูกทั้งห้าต่างก็ลาแม่ของตนออกเดินทางเข้าสู่ป่าเพื่อประพฤติพรหมจรรย์โดยย้อมผ้าเป็นสีฝาดบวชเป็นฤๅษี ปฏิบัติบำเพ็ญภาวนามิได้ขาด เพื่อเข้าถึงโลกียญาณ อภิญญา เพื่อเป็นเหตุให้บรรลุโลกุตรธรรม ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดเวไนยสัตว์ มีอยู่วันหนึ่ง พระฤๅษีทั้งห้าองค์ได้เดินทางมาพบกันใกล้เชิงดอยแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า ดอยสิงคุตตระ (สิงหกุตตระ)อันประเสริฐถัดไปนั้นจะมีต้นไม้นิโครธต้นหนึ่งซึ่งสวยงามล้ำเลิศมีสัตว์นานาชนิดอยู่อาศัย ในเวลานั้นพระฤๅษี ทั้งห้าองค์ต่างคนต่างเดินมาถึงต้นไม้นิโครธนั้น ต่างคนต่างพูดคุยกันและถามถึงที่เกิด บ้านเมืองที่อยู่ และพ่อแม่ วัน เดือน ปี เกิดของแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนต่างบอกเล่าตามที่แม่เลี้ยงของตนเล่าให้ฟัง พระฤๅษีทั้งห้าองค์ก็ทราบในทันทีว่าทั้งห้าองค์เป็นพี่น้องกัน เกิดร่วมแม่เดียวกันซึ่งเป็นลูกแม่กาเผือก พี่น้องทั้งห้าต่างก็มีความปีติยินดีหลังจากนั้นต่างคนต่างพิจารณาก็ทราบว่าคนที่อยู่หัวน้ำเป็นพี่ ลำดับกันมาจนถึงคนที่อยู่ท้ายน้ำเป็นน้องคนสุดท้อง
    ดังนั้นพระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พี่น้องจึงพากันตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาขอให้แม่กาเผือกมาปรากฏต่อหน้า เพื่อที่จะได้ตอบแทนพระคุณของแม่ คำอธิษฐานของพี่น้องทั้งห้าก็ได้ยินไปถึงพรหมโลก ฆฏิการพรหมก็รู้ด้วยญาณ จึงได้เนรมิตตนเป็นสุวรรณราชา กาใหญ่ตัวหนึ่ง ผู้มีปีกหางล้วนขาวงามมาปรากฏต่อหน้าพระฤๅษีทั้งห้าองค์ พระฤๅษีซึ่งทรงศีลอันบริสุทธิ์ได้กล่าวกับแม่กาเผือกว่า

    “ดูก่อนแม่กา ผู้มีปีกหางขาวงามซึ่งมาปรากฏอยู่ข้างหน้าเป็นแม่กำพร้าแห่งตูข้าทั้งหลาย อันพลัดพรากหายไปหรือไม่”
    อันว่าแม่กาเผือกซึ่งเป็นแม่ได้ยินคำพูดของลูกทั้งห้าก็กล่าวว่า “ดูก่อนเจ้าลูกรักทั้งห้าเราเป็นแม่ของเจ้าทั้งห้า แม่ได้ยินคำอธิษฐานของพวกเจ้า แม่จึงได้ลงมาจากวิมานคำปราสาททิพย์เนรมิตตนเป็นแม่กา ผู้มีปีกหางขาวงามเข้าสู่ร่มไม้นิโครธ”
    ขณะนั้นพระฤๅษีทั้งห้าองค์ต่างก็ปีติยินดีเข้าไปกราบไหว้แม่บอกถึงสาเหตุอันพลัดพรากจากไปให้แม่แจ้งทุกประการ พระฤๅษีทั้งห้าองค์จึงได้ปรึกษากันว่าเราเกิดมาชาตินี้ยังไม่ได้กระทำสิ่งใดทดแทนคุณของแม่ อันมีคุณอันหาที่จะประมาณไม่ได้เราพี่น้องทั้งห้า ควรที่จะขอให้แม่ประทับรอยเท้าไว้เพื่อกราบไหว้และบูชาดังนั้นพระฤๅษีทั้งห้าต่างองค์ต่างขอให้แม่ประทับรอยเท้าไว้เพื่อเป็นบุญแก่ลูกทั้งหลายในภายหน้า ฆฏิการพรหม จึงกล่าวคำว่า
    “สาธุ ความสุขสวัสดีจงมีแก่ลูกทั้งห้าพระองค์ แม่จะประทับรอยเท้า (รอยตีนกา) ตามใจแห่งพวกเจ้า ให้ได้เฝ้ารักษานับแต่บัดนี้ในภายหน้าขอให้ลูกกำพร้าบำเพ็ญบุญตอบแทนพระคุณของแม่ โดยให้จัดทำประทีปตีนกาใส่ด้วยน้ำมัน จุดไฟเอาไว้เป็นที่กราบไหว้ และบูชาตราบจนพวกเจ้าได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายหน้า ตีนแม่กำพร้าอย่าได้สูญหายให้คงไว้ในชมพูทวีปให้ปฏิบัติสืบกันอย่าได้สูญหาย ความสวัสดีจงมีแก่ผู้กระทำแต่ประทีปตีนกา แม่ขอให้พวกเจ้ารีบเข้าสู่มหานิพพานอย่าคลาดแคล้วได้สมดังปรารถนามั่นเที่ยงแท้ดีแล”
    พระโพธิสัตว์เจ้ายามนั้นอยู่ใต้ต้นโพธิ์ จึงได้กล่าวเป็นนัยคาถาว่า
    “มูลฺปทีโป อีสีนคโณ โพธิสัตโต มหานุภาโว พรหมฆฏิกา มหาราชาอิทธิปุญญเตชะวา”
    ส่วนฆฏิการพรหม ยังให้โอวาทสอนแก่ลูกทั้งห้าแล้วก็เสด็จเข้าสู่พรหมโลกอันเป็นทิพย์วิมานปราสาทราชมณเฑียรแห่งตน พระฤๅษีทั้งห้าก็มาปรึกษากันว่า สถานที่นี้เป็นที่ประเสริฐกว่าที่อื่นใดทั้งหลาย เราพี่น้องทั้งหลายได้มาประสบพบกันแล้ว และได้พบแม่และแม่แห่งเรายังได้ประทับรอยเท้าไว้ให้เป็นสถานที่อันประเสริฐกว่าในโลกทั้งมวล เราพี่น้องควรมาปฏิญาณแก่กันที่ใต้ร่มไม้นิโครธที่เป็นศูนย์กลางทั้งหลายว่าในภายหน้าเราพี่น้องทั้ง ๕ องค์ ถ้าใครได้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนให้เอาอัฐบริขารธาตุหรือพระธาตุอันใดอันหนึ่งมาบรรจุไว้ ณ ที่นี้เพื่อให้เป็นที่กราบไหว้สักการะแก่มนุษย์และเทวดา ณ สถานที่นี้อันประเสริฐเลิศกว่าที่อื่น
    หลังจากนั้นต่างคนต่างเข้าสู่ที่พำนักของตนในบรรณศาลาประพฤติพรหมจรรย์และบำเพ็ญเพียรมิได้ขาด เพื่อบรรลุพระสัพพัญญูตญาณอันยิ่งยวดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดเวไนยสัตว์มนุษย์และเทวดา และพระฤๅษีทั้งห้า จะมาพบกันและจุดประทีปตีนกาเพื่อมากราบไหว้แม่ ณ สถานที่แห่งนี้ เมื่อครบรอบ ๑ ปี ในเดือนยี่เป้ง (วันลอยกระทง) ตามคำปฏิญาณที่ให้ไว้กับแม่ ซึ่งพระฤๅษีทั้งห้า ได้กระทำเช่นนี้ทุกปีไม่เว้นจนตราบสิ้นอายุขัยจึงได้ไปจุติในสวรรค์มีหมู่เทพเป็นบริวารอยู่นานห้าพันปีทิพย์จึงได้มาเกิดในมนุษย์โลกเวียนว่ายตายเกิดบำเพ็ญบารมีไปเรื่อยๆหลายอสงไขยกัป เมื่อบำเพ็ญบารมีครบแล้วก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าตามลำดับดังนี้
    พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ในภัทรกัปนี้ (ภัทรกัปคือกัปที่เจริญมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์)
    ๑. พี่ชายคนโต ได้บำเพ็ญบารมีจนแก่กล้าก่อนจึงได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนพี่น้องทั้งหลายในมหาภัทรกัปได้นำชื่อแม่เลี้ยงของพระองค์ในอดีตชาติคือแม่ไก่มาขนานพระนามว่า “พระพุทธเจ้ากกุสันธะ” เพื่อเป็นสักขีนามกร เนื่องจากแม่เลี้ยงได้มีคำสั่งไว้ คนทั้งหลายจึงกล่าวว่า กกุสันธะ ตนยิ่งประโยชน์ (ตนที่มียศสูงศักดิ์องอาจ) มาโปรดเวไนยสัตว์ เพื่อเข้าสู่นิพพาน และพระพุทธองค์ได้ระลึกถึงในอดีตชาติเมื่อเป็นพระฤๅษีทั้งห้าพี่น้อง ตามที่ได้ให้สัจจะวาจาไว้จึงได้นำเอาธรรมกรก (ที่กรองน้ำ) เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่มนุษย์และเทวดาจะได้กราบไหว้และสักการบูชา ณ ที่ร่มไม้นิโครธ
    ๒. มาถึงพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง ในมหาภัทรกัปนี้ได้ลงมาเกิดประเสริฐกว่าโลกโลกามีพระนามตามนิมิตนามกรแม่เลี้ยงตนแต่ก่อนที่สั่งไว้คือ พญานาค จึงได้ชื่อว่า “พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ” พระองค์ปราบโลกนำเอาสรรพสัตว์ข้ามวัฏสงสารให้ถึงพระนิพพาน พระพุทธองค์ได้ทรงระลึกอดีตชาติเมื่อเป็นพระฤๅษีทั้งห้าพี่น้องได้ให้สัจจะวาจาไว้จึงได้นำ ธารพระกร (ไม้เท้า) มีด้ามทำด้วยทองคำไว้เป็นที่สักการะแก่มนุษย์และเทวดา
    ๓. ถัดมาถึงพระพุทธเจ้าองค์ที่สาม ในมหาภัทรกัปนี้ลงมาเกิดในโลกก็ได้เอาชื่อแม่เลี้ยงของพระองค์ในอดีตชาติคือแม่เต่ามาตั้งชื่อจึงเรียกชื่อว่า “พระพุทธเจ้ากัสสปะ” นำเอาเวไนยสัตว์เข้านิพพาน เมื่อทรงระลึกถึงคำปฏิญาณในอดีตชาติ เมื่อครั้งเป็นพระฤๅษีทั้งพี่น้องจึงได้นำผ้าจีวรเหลืองใสงาม (ไม่หม่นหมองไม่มีมลทิน) มาไว้เป็นที่สักการะแก่มนุษย์และเทวดา
    ๔. ส่วนพระฤๅษีองค์ที่สี่ได้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารบำเพ็ญบารมีจนแก่กล้ากระทำบุญกริยาเต็มแล้วจึงได้มาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะราชา อายุ ๒๙ พรรษาได้ออกผนวชมีใจคิดโปรดเวไนยสัตว์ยามนั้น ฆฏิการพรหมซึ่งเป็นมารดาในอดีตชาติได้นำเอาเครื่องอัฐบริขารแต่ชั้นฟ้าลงมาถวาย พระองค์เล็งดูด้วยทิพยจักขุญาณจึงได้นำชื่อแม่เลี้ยงของพระองค์ในอดีตชาติคือแม่โคมาตั้งเป็นชื่อจึงได้ชื่อว่า “พระพุทธเจ้าโคตมะ” กาลนั้นเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๔๙ วัน ตปุสสะและภัลลิกะสองพี่น้องได้ถวายข้าวตูจำนวน ๔๙ ก้อนแด่พระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าโคตมะเมื่อทรงระลึกถึงคำปฏิญาณในอดีตชาติ จึงได้ประทานพระเกศาธาตุให้กับสองพี่น้องไปประดิษฐาน ณ ดอยสิงคุตตระ (สิงหกุตตระ) อันเป็นสถานที่อันประเสริฐ แล้วจะมีเทวดามาบอกถึงสถานที่พระศาสนาของพระองค์เป็นที่นักปราชญ์ มนุษย์และเทวดามากราบไหว้และสักการบูชาตราบจนสิ้น ๕๐๐๐ พระวัสสา ผู้ที่มากราบไหว้ใคร่ได้นิพพานก็จะสมดังปรารถนาเจตนาญาณบ่คลาดแคล้ว
    ๕. พระพุทธเจ้าโคตรมะได้กล่าวกับสองพี่น้องตปุสสะและภัลลิกะว่า “เมื่อศาสนาของพระตถาคตตั้งอยู่ครบ ๕๐๐๐ พระวัสสา ในอนาคตกาลยังมีน้องของพระองค์ที่ยังอยู่ในวัฏสงสารบำเพ็ญบารมีจนแก่กล้าจะได้มาเกิดในเมือง เกตุมดีราชธานี จะออกผนวชโดยฆฏิการพรหมจะเอาผ้าและบาตรลงมาถวายทานด้วยคำปฏิญาณรักลูก และพระองค์จะทรงบำเพ็ญทุกข์กิริยาจนได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปราบโลกทั้งสามได้นำชื่อแม่เลี้ยงของพระองค์ในอดีตชาติคือแม่สิงห์มาตั้งเป็นชื่อว่า “พระศรีอริยะเมตไตรย” และจะนำเอาพระมุนีธาตุอันวิเศษไปประดิษฐานไว้ในที่พระฤๅษีทั้งห้าพี่น้องมาชุมนุมกัน เทวดาจะผลัดกันเฝ้ารักษาสถานที่นี้มิได้ขาด แต่งเป็นพระมหาธาตุอันสูงส่งเป็นที่สักการบูชาแก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
     
  7. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    เมื่อวานมีจดหมาย ส่งแผ่นทองจำนวนหนึ่งและเงินจำนวน 80 บาทมาร่วมทำบุญสาธุบุญด้วยครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    หลวงปูทวดเป็นพระศรีอริยเมตไตรย

    ...ครูบาอาจารย์ ท่านว่ามาอย่างนี้ หากผิดพลาดไป ขอท่านผู้รู้โปรดได้ชี้แนะนำสั่งสอนด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง

    ...หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือโลก จากหนังสือประวัติของท่าน ที่ทาง

    วัดช้างให้ พิมพ์แจกศรัทธาสาธุชน จำนวนนับแสนเล่มนั้น มีข้อความสำคัญมาก อยู่หน้า 22 พิมพ์ครั้งที่ 6

    ปี พ.ศ. 2535 บ่งบอกว่า หลวงปู่ทวดคือ "พระศรีอริยเมตไตรย" จุติลงมาเกิดในโลกเราเพื่อโปรดสัตว์ ตามปณิธาน

    ของพระมหาโพธิสัตว์ ผู้มากไปด้วยเมตตามหากรุณา ขออนุญาตคัดข้อความมาให้อ่าน ดังนี้

    ...ในสมัยสมเด็จเจ้าพะโคะ พำนักอยู่วัดพะโคะครั้งนั้น ยังมีสามเณรน้อยรูปหนึ่ง เข้าใจว่า คงอาศัยอยู่วัดใดวัดหนึ่ง

    ในท้องที่อำเภอหาดใหญ่ เวลานี้สามเณรรูปนี้ ได้บวชมาตั้งแตอายุน้อยๆ ได้ปฏิบัติธรรมเจริญกรรมฐานอย่าง

    เคร่งครัด มีความขยันหมั่นเพียร ก่อแต่การกุศลในพระพุทธศาสนา ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า.......................
    ...................................."อยากจะขอ พบพระศรีอริยะ อย่างแรงกล้า"..................................

    ...อยู่มาคืนวันหนึ่ง มีคนแก่ถือดอกไม้เดินเข้ามาหา ประเคนดอกไม้ส่งให้แล้วบอกว่า นี่เป็นดอกไม้ทิพย์ ไม่รู้จัก

    ร่วงโรย พระศรีอริยะโพธิสัตว์นั้น ขณะนี้ได้จุติลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา สามเณร

    เจ้าจงถือดอกไม้ทิพย์นี้ ออกค้นหาเถิด หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้นแหละเป็นพระศรีอริยที่จุติ

    มา เจ้าจงพยายามเที่ยวค้นหาคงพบ กล่าวจบแล้วคนแก่นั้นก็อันตรธานไปทันที

    ...สามเณรน้อยมีความปีติยินดีเป็นยิ่งนัก วันรุ่งเช้าจึงกราบลาสมภารเจ้าอาวาส แล้วถือดอกไม้ทิพย์เดินออก

    จากวัดไป สามเณรเดินทางตรากตรำลำบากไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ก็ไม่มีใครทักถามถึงดอกไม้ทิพย์ที่ตนถืออยู่

    ในมือนั้นเลย แต่สามเณรก็พยายามอดทนต่อความเหนื่อยยาก ต้องตากแดดกรำฝนไปเป็นเวลาช้านาน

    ...วันหนึ่งต่อมา สามเณรน้อยเดินทางเข้าเขตวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ ในเวลาใกล้จะมืดค่ำ เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ

    วันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ส่องรัศมีจ้าไปทั่วท้องฟ้าและเป็นวันที่พระภิกษุลงทำสังฆกรรม ฟังสวดปาฏิโมกข์ใน

    โบสถ์ สามเณรถือดอกไม้ทิพย์เดินเข้าไปอยู่ใกล้ๆริมประตูโบสถ์ รอคอยพระสงฆ์ที่จะมาลงอุโบสถ

    ...พอถึงเวลาพระภิกษุทั้งหลายก็เดินทยอยกันเข้าโบสถ์ผ่านหน้าสามเณรไปจนหมด ไม่มีพระภิกษุองค์ใดทักถาม

    สามเณรเลย เมื่อพระสงฆ์เข้าไปนั่งในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว สามเณรจึงเดินเข้าไปนมัสการถามพระสงฆ์เหล่านั้นว่า

    วันนี้พระมาลงอุโบสถทุกองค์แล้วหรือ?

    ...พระภิกษุตอบว่า ยังมีสมเด็จอยู่อีกองค์ วันนี้ไม่มาลงอุโบสถ สามเณรทราบดังนั้นก็กราบลาพระสงฆ์เหล่านั้นเดิน

    ออกจากโบสถ์ มุ่งตรงไปยังกุฏิของสมเด็จเจ้าทันที

    ...ครั้นถึง สามเณรก็คลานเข้าไปใกล้ ก้มกราบนมัสการอยู่ตรงหน้าสมเด็จเจ้าพะโคะ ท่านได้เห็นดอกไม้ทิพย์ใน

    มือสามเณรถืออยู่ จึงถามว่า สามเณร! นั่นดอกมณฑาทิพย์ เป็นดอกไม้เมืองสวรรค์ ผู้ใดให้เจ้ามา?

    ...สามเณรได้ฟังดังนั้น พลันก็รู้แจ้งแก่ใจ ตามนิมิตที่คนแก่บอกว่า หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้น

    แหละเป็น "องค์พระศรีอริยะ" ที่จุติมาเกิดในเมืองมนุษย์ เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา!! สามเณรเกิดอาการ

    ขนพองสยองเกล้า มีโสมนัสปสันนาการปีติยิ่งนักหนา จึงคลานเข้าไปก้มลงกราบที่ฝ่าเท้า แล้วประเคนถวาย

    ดอกไม้ทิพย์นั้นแก่สมเด็จเจ้าพะโคะทันที

    ...เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะรับประเคนดอกไม้ทิพย์จากสามเณรน้อยแล้ว ท่านได้สงบอารมณ์อยู่ชั่วครู่ มิได้พูดจา

    ประการใด แล้วลุกขึ้นเรียกสามเณรให้ตามท่านเข้าไปในกุฏิ ปิดประตูลงกลอน และได้เงียบหายไปอย่างลึกลับ

    ในคืนนั้น มิได้มีร่องรอยแต่อย่างใดเหลือไว้ให้พิสูจน์เลย จนเวลาล่วงเลยมาถึงบัดนี้ ประมาณสามร้อยปีแล้ว!

    ...การหายตัวไปของสมเด็จเจ้าพะโคะครั้งนั้น ประชาชนเล่าลือว่า ท่านได้สำเร็จญาณไปสู่สรวงสวรรค์เสียแล้ว

    ด้วยอำนาจบุญญาบารมีอภินิหารท่านแรงกล้า

    ...ตามที่ได้กล่าวเล่าลือกันเช่นนี้ เพราะมีเหตุอัศจรรย์ ปรากฏขึ้นในคืนวันนั้นว่า บนอากาศบริเวณหน้าวัดพะโคะ

    ได้มีดวงไฟโตขนาดเท่าดวงไต้(คบไต้) ส่องรัศมีสีต่างๆเป็นปริมณฑลดังพระจันทร์ทรงกลด ลอยวนเวียนบริเวณ

    รอบวัดพะโคะ ส่องรัศมีจ้าไปทั่วบริเวณวัด

    ...เมื่อดวงไฟนั้นลอยวนเวียนอยู่ครบสามรอบแล้ว จึงลอยเคลื่อนไปทางทิศอาคเนย์ เงียบหายมาจนกระทั่งบัดนี้

    วันรุ่งขึ้น ประชาชนมาประชุมกันที่วัด ต่างคนต่างก็เข้าใจว่า สมเด็จเจ้าพะโคะท่านสำเร็จญาณสู่สวรรค์ไป จึงได้พา

    กันพนมมือขึ้นเหนือศรีษะ พร้อมกับเปล่งเสียงว่า สมเด็จเจ้าพะโคะโล่ หายไปเสียแล้วเจ้าข้าเอย

    ...เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะโล่หายไปจากวัดพระโคะครั้งนั้น ท่านได้ทิ้งของสำคัญไว้ให้เป็นที่สักการะบูชาชอง

    ประชาชนตลอดมา คือ

    ...1 ดวงแก้วที่พญางูใหญ่ให้ครั้งสมเด็จเจ้าพะโคะเป็นทารกอยู่ในเปล 1 ดวง สมภารทุกๆ องค์ของวัดพะโคะได้เก็บ

    รักษาไว้จนถึงบัดนี้ ปรากฏว่าดวงแก้วนี้ไม่มีใครกล้านำออกจากบริเวณวัดพะโคะ เพราะเกรงจะเกิดภัย

    ...2 ก่อนที่สมเด็จเจ้าพะโคะโล่ จะหายไป ปรากฏว่าท่านได้ขึ้นไปทำสมาธิอยู่บนชะง่อนผาบนภูเขาบาท ได้เอาเท้า

    ซ้ายเหยียบลงบนลาดผาลึกเป็นรอยเท้าไว้เป็นที่สักการะ บูชาของประชาชน มาจนกระทั่งทุกวันนี้

    ...ข้อความที่คัดลอกมานี้ สรุปได้อย่างสำคัญมีความชัดเจนว่า หลวงปู่ทวด หรือสมเด็จเจ้าพะโคะ หรือ ท่านลังกา

    ซึ่งเป็นองค์เดียวกัน เป็นพระศรีอริยเมตไตรย จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ลงมากำเนิดในโลก!!
     
  9. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    ดันกระทู้
     
  10. Showdown195

    Showdown195 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +153
    ข้าพเจ้าและมารดาขอร่วมบุญสร้างพระศรีอริยะเมตไตรยทรงเครื่องจักรพรรดิ หน้าตัก 30 นิ้ว ถวายวัดคำชะโนด ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี

    จำนวน 58 บาท
    โอนเงินเมื่อวันที่ 5/10/2558 เวลา 18:18
     
  11. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    สาธุด้วยครับ
     
  12. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    การปฏิบัติธรรมกรรมฐานตามที่หลวงปู่ดู่สอนนั้น
    ท่านให้ข้อสังเกตแก่ศิษย์ถึงความก้าวหน้า 3 ขั้น คือ ถึง เป็น ได้


    ถึง หมายถึง จิตเข้าถึงไตรสรณาคมณ์ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่ระลึกนึกถึง และเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง

    เป็น หมายถึง จิตเข้าใจในธรรมและนำมาปฏิบัติจนมีอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์
    มีญาณทัศนะที่หลวงปู่เรียกว่า ตัวรู้ ตัวเห็น ที่ถูกต้อง
    เป็นธรรม ไม่ผิดเพี้ยน วิปลาสคลาดเคลื่อน

    ได้ หมายถึง จิตได้รับผลของการปฏิบัติ คือมรรคผลตั้งแต่ภูมิธรรม
    พระโสดาบันขึ้นไป


    คำว่า "ถึง เป็น ได้" ที่หลวงปู่ท่านสอนไว้นี้
    ยังมีอย่างหยาบ กลาง ละเอียด
    หรือที่ท่านเรียกว่าขั้น ตรี โท เอก แบ่งย่อยออกไป เช่น

    "เป็น" อย่างหยาบคือมีตัวรู้แต่ไม่เห็น อย่างกลางคือทั้งรู้และเห็น
    อย่างละเอียดคือทั้งรู้และเห็นเป็นปกติ จิตเป็นสัมมาทิฏฐิถึง
    โคตรภูญาณ กำลังจะก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยบุคคล

    "ได้" อย่างหยาบคือได้ภูมิธรรมขั้นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี
    อย่างกลางคือพระอนาคามี อย่างละเอียดคือพระอรหันต์ สามารถ
    ปฏิบัติจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้อย่างแท้จริง

    จากหนังสือ ตามรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    เรื่อง ถึง เป็น ได้ หน้า 134
    ผู้เขียน เมธา พรพิพัฒน์ไพศาล

    คัดลอกมาจาก http://www.luangpordu.com/ อีกที
     
  13. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    พระพุทธองค์ทรงตรัสถึงสิ่งที่จะสมหวังได้ยาก 4 อย่าง คือ
    ขอให้มีทรัพย์
    ขอให้มียศ
    ขอให้อายุยืน
    และเมื่อตายแล้ว ขอให้ไปสู่สุคติ

    นึกถึง ฮก ลก ซิ่ว สามเทพเจ้าของคนจีน
    ฮก = โชคลาภความร่ำรวย พร้อมบริวาร
    ลักษณะเป็นรูปเศรษฐีสวมหมวก มือหนึ่งอุ้มเด็ก
    ลก = เกียรติยศชื่อเสียง อำนาจวาสนา
    ทำเป็นรูปขุนนางจีนสวมหมวกมีปีกกางออกสองข้าง
    ซิ่ว = ความมีอายุยืน
    สัญลักษณ์เป็นรูปชายชราหน้าตาใจดี มือถือไม้เท้า
    มีหนวดยาวสีขาว

    หลวงปู่ท่านเคยคุยให้ฟังว่า คนเราชอบอธิษฐาน
    ขอให้รวย ขอให้มีชื่อเสียง ขอให้อายุยืน
    ตายแล้วขอให้ไปสวรรค์ นั่น
    แต่ข้าไม่ขออย่างนั้น
    ได้ถามท่านว่า แล้วจะอธิษฐานอย่างไรดี?
    ท่านตอบว่า
    ให้อธิษฐานขอความสำเร็จ ขอให้สำเร็จ

    สุดท้ายหลวงปู่สรุปว่า
    "คนที่ตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์นั้นยาก มีเท่าเขาโค
    ส่วนที่ไปเกิดในนรกนี่มีเท่าขนโค
    พระพุทธเจ้าท่านเปรียบไว้ มีในพระไตรปิฎก"

    (บันทึกโดย คุณเมธา พรพิพัฒน์ไพศาล)


    คัดลอกมาจาก luangpudu.com / luangpordu.com อีกที
     
  14. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    มีผู้ส่งแผ่นทอง 3 แผ่นและเงินร่วมทำบุญจำนวน 40 บาท ร่วมสร้าง พระศรีอริยเมตรไตรย อนุโมทนาสาธุบุญด้วยครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    Update บัญชีงานบุญครับ อนุโมทนาสาธุทุกๆท่านครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    สัญญโมรำลึก
    หากมีใครถามผมว่าที่วัดสะแก มีพระองค์ใดที่ได้ศึกษาธรรม
    เรียนพระกรรมฐานจากหลวงปู่มากที่สุด ผมจะตอบว่า
    ท่านหลวงพ่อลำใย


    ความจริงแล้วหลวงปู่มีศักดิ์เป็น"น้า"ของหลวงพ่อลำใย
    โดยสายโลหิต
    แต่หลวงพ่อลำใยท่านเรียกหลวงปู่ว่า ... หลวงลุง
    ตามพระผู้ใหญ่ในวัดสะแก
    หลวงพ่อลำใยได้อุปสมบทตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๐
    คือช่วงกึ่งพุทธกาลพอดี ท่านเล่าให้ศิษย์ฟังว่า
    ตอนแรกตั้งใจบวชเพียงวันเดียว
    ภายหลังหลวงปู่ท่านสอนกรรมฐานโดยให้พระมากำนั่ง
    วันแรกที่ท่านภาวนา ท่านก็ได้พบของดีของวิเศษ
    ที่หลวงปู่ท่านบอกไว้ นั่นเป็นเหตุให้ท่านได้บวชจน
    ตลอดชีวิต ไม่ได้ลาสิกขาอย่างที่ตั้งใจไว้

    วันนี้ ... วันเสาร์ที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๘
    หลวงพ่อลำใย ได้ละสังขารไปด้วยอาการสงบ
    ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ช่วงเวลาประมาณบ่ายสองโมง
    สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี

    ทราบจากคณะศิษย์ว่าที่วัดสะแก
    วันอาทิตย์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๘
    จะมีการทำบุญพระประธาน สวดมนต์เลี้ยงพระที่วัด
    บ่าย ๓ โมง มีพิธีรดน้ำหลวงพ่อลำใย ที่ศาลาวัด

    โดยส่วนตัวแล้ว ผมได้มีโอกาสกราบนมัสการ
    หลวงพ่อลำใยเพียงไม่กี่ครั้ง ได้มีโอกาสสนทนาธรรม
    กับท่านไม่มาก ท่านเป็นพระที่พูดน้อย ศิษย์จะทราบกันดี

    คืนวันหนึ่งหลวงพ่อท่านนั่งอยู่กับหลวงปู่ที่กุฏิ
    ผมได้มีโอกาสกราบนมัสการท่าน
    หลวงพ่อลำใยท่านเมตตาสอนคำว่า "จริง"
    ... ... ...

    พระพุทธเจ้าท่านคนจริง
    พระธรรม ก็ของจริง
    พระสงฆ์ ก็คนเชื่อจริง
    เราทำจริง เชื่อจริง ก็เจอของจริง
    หลวงลุงท่านว่าอย่างนี้
    เราจะเอาของจริงหรือของปลอมล่ะ
    "จริง" คำเดียวนี่แหละ
    ทำให้มันถึงที่สุดเถอะ!!!

    ขอโอกาสบันทึกคำสอนหลวงพ่อลำใยให้หมู่เพื่อนสมาชิก
    ได้อ่านได้ศึกษากัน วันที่หลวงพ่อท่านจากไป ขอให้ศิษย์
    ได้ยึดเอาคำสอนที่หลวงปู่และหลวงพ่อท่านได้ถ่ายทอดไว้
    ให้เจริญในธรรมโดยทั่วกัน


    นำมาจากกระทู้เวป http://www.luangpordu.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015
  17. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    Update book bank ล่าสุดครับ อนุโมทนาสาธุบุญทุกท่านครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2015
  18. suppysuppy

    suppysuppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,483
    ค่าพลัง:
    +9,811
    ขอร่วมบุญด้วย 15 บาทค่ะ

    หมายเลขอ้างอิง TRTR151124706561911
    เพื่อเข้าบัญชี 772-2-44009-3
    ชื่อบัญชี นาย ปัญญา โตมะ
    จำนวนเงิน (บาท) 15.00
    วันที่ทำรายการ 24/11/2015 04:56:25 PM.

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะคะ
     
  19. amreborn

    amreborn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    763
    ค่าพลัง:
    +2,351
    นาย ชาลี แซ่จึง ร่วมทำบุญ 20.- โอนวันที่ 27/11/58 เวลา 13.25 น. ขอร่วมอนุโมทนาในบุญของทุกท่านด้วยครับ
     
  20. แสวงหาความจริง

    แสวงหาความจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +5,163
    อนุโมทนาสาธุบุญครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...