ขอเชิญร่วมสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา ร่วมจองรูปหล่อหลวงพ่อกลั่น ธัมโชติ

ขอเชิญร่วมสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา ร่วมจองรูปหล่อหลวงพ่อกลั่น ธัมโชติสร้างจากระฆังเก่าทีชำรุดของวัดพระญาติ
รายใด้ร่วมสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดพระญาติ

ขอเชิญร่วมบุญสร้างโบสถ์หลังใหม่กับหลวงพ่อเฉลิม. วัดพระญาติ. อยุธยา. ปัจจุบันท่านอายุ 92 ปีครับ. ท่านเป็นพระสุปะฏิปันโนที่มีพรรษาสูงที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาครับ.​

ซึ่งพระอุโบสถหลังเดิมถูกบูรณะตั้งแต่ปี. 2469. ฐานรากเป็นซุง. ปัจจุบัน. อิฐปูนได้หลุดร่อนไปตามกาลเวลาครับผม​

ผมและทีมงานพึ่ๆ. ได้ไปช่วยทำพระถวายหลวงพ่อเฉลิมฟรีๆ. ก็หลายปี. และทุกคนก็มาด้วยใจ​

จึงใคร่ขอเรียนเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านครับผม​

เรียนเชิญร่วมบุญตามกำลังศรัทธา. ได้ทุกวันครับผม​

ช่วงเวลาเข้าพบ. 07:00-11:00​

​

 

ประวัติวัดพระญาติการาม

​

วัดพระญาติการาม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระญาติ เดิมเรียก วัดพบญาติ เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใน ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดพระญาติการามเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เนื่องจากมีพระเกจิอาจารย์หลายองค์ เช่น หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่ออั้น หลวงพ่อเภา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดนี้ คือ พระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถซึ่งสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ประวัติวัดพระญาติการาม
วัดพระญาติการาม เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตั้งอยู่เลขที่ 15 ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดพบญาติ โดยมีตำนานเล่าว่า มีหมู่บ้านหนึ่งที่หญิงสาวจะมีผิวพรรณหน้าตาดี เมื่อความทราบถึงพระเจ้าแผ่นดิน พระองค์จึงเสด็จมาหมู่บ้านแห่งนี้ และได้ขอรับบุตรสาวของชาวบ้านไปอุปถัมภ์ เมื่อหญิงสาวผู้นั้นจะเข้าไปยังพระราชวัง พวกญาติของหญิงสาวได้ไปรอพบเพื่อล่ำลา จนเมื่อหญิงสาวผู้นั้นได้เป็นมเหสีแล้ว จึงเสด็จฯ มาเยี่ยมญาติในหมู่บ้านเดิม และโปรดฯ ให้สร้างวัดขึ้นบริเวณที่ญาติ ๆ มารอพบ และตั้งชื่อว่า "วัดพบญาติ" และเปลี่ยนเป็น "วัดพระญาติการาม" ในเวลาต่อมา
ปัจจุบันมีพระครูสังฆรักษ์เป็นเจ้าอาวาส สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสิริมงคลของวัดนี้ คือ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ เป็นพรพุทธรูปหินทราย ขนาดหน้าตักกว้าง 4 ศอก ปางมารวิชัย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพระยาติการามมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วประเทศ เนื่องจากมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง คือ “หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่ออั้น หลวงพ่อเภา” ซึ่งวัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้นเป็นที่ยอมรับในวงการ โดยเฉพาะเหรียญหลวงพ่อกลั่นนั้นถือเป็นจักรพรรดิ์แห่งเหรียญ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปกราบรูปหล่อหลวงพ่อกลั่น หลวงพ่ออั้น หลวงพ่อเภา ได้ที่วิหารภายในบริเวณวัด
พระเกจิอาจารย์ดัง
1. หลวงกลั่น ธมฺมโชโต วัดพระญาติการาม


หลวงกลั่น ธมฺมโชโต ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2390 ปีมะแม ตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาเจษฎาบดินทร์ ฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำบลอรัญญิก อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันขึ้นกับอำเภอท่าเรือ พ่อท่านชื่ออิน แม่ท่านชื่อชั้น มีพี่น้อง 4 คนหลวงพ่อกลั่นท่านเป็นคนโต พ่อแม่ท่านประกอบอาชีพในการทำนาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ในวัยเด็กชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก ทำให้ท่านเป็นคนมีบุคลิกเข้มแข็งเด็ดเดียว
จนกระทั่งเมื่อมีอายุได้ 27 ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดประดู่ทรงธรรม โดยมี พระญาณไตรโลก (สอาด) ต่อมาเป็นพระธรรมราชานุวัตร (อาจ) เจ้าคณะใหญ่อยุธยา เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูกุศลธรรมธาดา วัดขุนยวน (วัดพรหมนิวาส) กับ พระอธิการชื่น วัดพระญาติฯ เป็นคู่สวด ได้ฉายาว่า “ธมฺมโชติ” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “ผู้สว่างในธรรม, ผู้รุ่งเรืองโดยธรรม” หลังจากนั้นท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดประดู่ทรงธรรม ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย และ เรียนรู้วิชาอาคม จนแตกฉาน
วัดประดู่ทรงธรรม เป็นวัดเก่าแก่มีมาแต่โบราณ และครั้งอดีตเป็นสำนักตักศิลาสำคัญแห่งหนึ่ง ต่อมายังเป็นวัดที่เก็บรวบรวมตำรับตำรา สรรพวิทยาการต่างๆเอาไว้มากมาย เห็นได้จากประวัติพระคณาจารย์ดังในพื้นที่ภาคกลางล้วนมีประวัติกล่าวอ้างถึง ได้ศึกษาวิชาจากตำราของวัดประดู่ทรงธรรมที่ตกทอดมา กล่าวได้ว่าวัดแห่งนี้เป็นตักศิลาแห่งวิชาการแขนงต่างๆอย่างแท้จริง
ท่านได้ศึกษาจากตำรับตำราต่างๆเหล่านั้น ทั้งได้รับคำแนะนำสั่งสอนเพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์ จนเชี่ยวชาญในสรรพศาสตร์ สามารถดูแลรักษาตนได้ เมื่อฝึกฝนวิชาต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญแล้ว จึงได้ออกธุดงค์ไปทั่วป่าเขาลำเนาไพรเผชิญสัตว์ร้ายนานา จากออกธุดงค์ มาถึงวัดพระญาติการามในเวลาค่ำ ท่านพิจารณาว่า วัดนี้เงียบสงบดี เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณะธรรม สามารถเจริญสมาธิและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้สะดวก ท่านจึงได้ปักกลดพักอยู่ที่บริเวณวัดในคืนนั้น รุ่งเช้าศรัทธาชาวบ้านมาทำบุญตักบาตร เห็นท่านเป็นผู้มีวัตรปฏิบัติงดงาม เกิดความเลื่อมใสศรัทธาพร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ให้ท่านพำนักจำพรรษายังพระอารามแห่งนี้
หลวงพ่อกลั่นท่านยังมีวิชาลูกเบา หรือวิชาชาตรี ซึ่งเป็นวิชาอยู่ยงคงกระพันวิชาหนึ่งของท่าน อำนาจจิตของหลวงพ่อกลั่นนั้นมากมาย เรื่องนี้หลวงพ่ออั้นอุปัฏฐาก หลวงพ่อกลั่นได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังถึงครั้งที่เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อกลั่นว่า ขณะที่เรียนกรรมฐานนั้นหลวงพ่อกลั่นได้ให้หลวงพ่ออั้นไปนั่งปฏิบัติในโบสถ์ หลวงพ่อท่านมีพระปฏิปทาที่ดี
หลวงพ่อกลั่น เป็นหนึ่งในสิบคณาจารย์ผู้มีพลังจิตสูง ในปี พ.ศ. 2452 ที่จังหวัดนครปฐม ได้มีการชุมนุมพระอาจารย์จากสำนักต่างๆ ทั่วประเทศไทย มีการทดสอบวิทยาคม และพลังจิตจากพระอาจารย์ทั่วประเทศที่ได้รับนิมนต์มาร่วมในพิธีร้อยกว่าองค์ ซึ่งแต่ละจังหวัดได้จัดให้พระอาจารย์เดินทางไปร่วมในพิธี โดยมีการทดสอบพระอาจารย์ต่างๆ ครั้งละสิบองค์ มีสมเด็จพระสังฆราช (เข) วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ที่บริเวณ วัดพระปฐมเจดีย์ ในการทดสอบครั้งนั้นมีกติกาว่าให้เอาท่อนไม้มา 1 ท่อน วางบนม้า 2 ตัว แล้วเอากบไสไม้วางไว้บนท่อนไม้ แล้วประธานฝ่ายสงฆ์จึงบอกกติกาว่า อาจารย์องค์ใดสามารถทำกบไสไม้ให้วิ่งไสไม้ไปกลับได้โดยกบไม่หล่นทำการทดสอบกันถึงสามวันสามคืน พระอาจารย์ส่วนมากสามารถใช้จิตบังคับให้กบวิ่งไปได้ แต่กลับไม่ได้ ที่ทำให้กบไสไม้ไปกลับได้ มีด้วยกัน 10 รูป ในสิบรูปนั้นมีหลวงพ่อกลั่นเป็นหนึ่งในสิบนั้นด้วย
หลวงพ่อกลั่น
หลวงปู่บุญ
หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า
หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง
หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก
หลวงพ่อทอง วัดเขากบทวาศรี นครสวรรค์
หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย
หลวงปู่ยิ้ม หนองบัว
หลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ ชุมพร
ความขลังของหลวงพ่อกลั่น เป็นที่กล่าวขานกันมาช้านานทั้งในคนอำเภออุทัย อำเภอนครหลวง หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อนวม วัดกลาง หลวงพ่อกรอง วัดเทพจันทร์ลอย ทั้งสามท่านนี้นับถือกัน มักจะลองวิชากันเสมอๆ หลวงพ่อนวมนิมนต์ให้หลวงพ่อกลั่นไปร่วมงาน หรือเมื่อท่านไปเยี่ยม มักจะลองวิชากัน ถ้าแก้เคล็ดได้ ก็สามารถเข้าวัดได้ ทั้งสามท่านนี้นับถือกันมาก แต่ต้องยอมให้หลวงพ่อกลั่นก็พลังจิตของท่านวิชานะจังงังของท่านเหนือกว่ามาก ทั้งย่นหนทางก็เก่งกว่า
ผู้ใหญ่ทองดี ผาสุขโอษฐ์ ปัจจุบันอายุเกือบ 90 ปี แล้วแต่ยังแข็งแรงมาก บุหรี่ไม่สูบ สุราไม่ดื่ม คนรุ่นเดียวกันล้มหายตายไปกันหมด ผู้ใหญ่ทองดีเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อกลั่นท่านมีสมาธิแก่กล้ามาก เราคิดอะไรท่านจะรู้หมด พอเห็นหน้าเท่านั้น ท่านจะทักทันที ใครไม่ดีถ้าเตือนไม่เชื่อ จะตายโหงทุกราย ผู้ใหญ่ทองดียังเล่าอีกว่าไปกราบท่าน 5 ครั้ง สมัยนั้นไปทางเรือพายไป แจวไปบ้าง นอกจากนั้นแล้วถึงจะเดินด้วยเท้า สมัยนั้นมีคนเดินทางไปหาหลวงพ่อท่านไม่เคยขาด
เหรียญของท่านสุดยอดเหนียว เมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นชาวบ้านใกล้วัดคลองน้ำชา ใกล้วัดมเหยงค์ เดินทางไปหาเพื่อนกลับเอามืด ถูกคนร้ายดักยิงระยะห่างแค่สองเมตรเท่านั้น ด้วยปืนลูกซอง แต่ว่าลูกปืนยิงไม่เข้า และเมื่อหลายปีที่ผ่านมาที่ตำบลบ่อโพธิ์กำนันคนดัง ถูกหลานชายตนเองฆ่าตายเพราะผลประโยชน์คุมคลังสินค้าต่างๆ กำนันคนดังมีเหรียญหลวงพ่อกลั่น ถูกหลานตนเองยิงด้วยปืนพกหลายนัดไม่เข้า กำนันคิดไม่ถึงว่าหลานชายตนเองจะทำได้ พวกหลานชายรู้ว่ายิงไม่เข้า พอกำนันชักปืนมาจะยิงสวน พวกนั้นจับกำนันและตีด้วยไม้แล้วกระชากสายสร้อยทองคำหนักสิบบาทออกแล้วยิงด้วยปืนนัดเดียว กำนันตาย ตอนหลังพวกนั้นก็ตายจนหมด คนที่มีศีลธรรมประกอบแต่ความดีเรื่องตายโหงไม่มี ผู้ใหญ่ทองดีบอกว่า เคยได้เหรียญท่านมาและตะกรุดโทน ลูกอมผ้ายันต์ก็มอบให้บุตรชายไปจนหมด
หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ครองตนด้วยความสมถะ ชอบสันโดษ มีเมตตาต่อเหล่าสรรพสัตว์ และญาติโยมพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชนทั่วไป ท่านได้ถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รวมสิริอายุ 87 ปี 60 พรรษา

 

. พระครูศีลกิตติคุณ หลวงพ่ออั้น คนฺธาโร วัดพระญาติการาม อยุธยา

​

เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2435 โยมบิดาชื่อ นายคล้าย ศุภสุข โยมมารดาชื่อ นางสมบุญ ศุภสุข ส่วนชาติภูมิของท่านคือบ้านท่าหิน ต.ธนู อ.อุทัย อยุธยา มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาทั้งหมด 7 คนด้วยกัน (ไม่นับรวมตัวท่านซึ่งเป็นคนที่ 2) น้องสาวที่ถัดจากท่านลงมา ซึ่งมีชื่อว่า นางฮิ่ม จันทนินทร์ ท่านผู้นี้เป็นโยมมารดาของ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) วัดชนะสงคราม
ช่วงที่บวชเป็นพระ หลวงพ่ออั้น ท่านบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดพระญาติการาม เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2456 โดยมี หลวงพ่อกลั่น ธมฺมโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อฉาย คงฺคสุวณฺโณ (เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูรัตนาภิรมย์) วัดตองปุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ส่วนคู่สวดอีกองค์ หรือพระอนุสาวนาจารย์นั้นไม่ปรากฏชัดว่าเป็นท่านผู้ใด คงได้แต่สันนิษฐานกันเพียงว่า น่าจะเป็น พระอาจารย์รอด วิฑุโร วัดอโยธยา (ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยอยู่วัดกะสังข์ และเป็นอาจารย์สอนมูลกัจจายน์ให้ท่าน หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็น หลวงพ่อเลื่อง วัดประดู่ทรงธรรม) ได้รับฉายาว่า คนฺธาโร ท่านเจริญงอกงามในพระพุทธศาสนาเรื่อยมา จนเมื่อพระอุปัชฌาย์ถึงมรณภาพเมื่อ พ.ศ.2477 จึงได้ก้าวขึ้นเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน (โดยใช้คำนำหน้านามว่า พระอธิการอั้น) ครั้นถึง พ.ศ.2478 ได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลหันตรา (โดยใช้คำนำหน้าว่า เจ้าอธิการอั้น) หลังจากนั้นอีกเพียง 2 ปี (พ.ศ.2480) ก็ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์ สามารถให้การอุปสมบทแก่กุลบุตรในเขตปกครองได้
เรื่องพระอุปัชฌาย์นี้ มีเกร็ดบอกเล่ากันในหมู่ลูกศิษย์ว่า ก่อนหน้าที่จะได้รับแต่งตั้งนั้น มีการเรียกไปฝึกอบรมที่วัดสุวรรณดาราราม โดยมี พระศรีสุธรรมมุนี (อาจ อาสโภ) หรือที่ภายหลังได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นวิทยากรใหญ่ สาระสำคัญของเกร็ดนี้มีอยู่ว่า เมื่อถึงคราวที่ต้องเข้าฝึกซ้อมกับ เจ้าคุณศรีฯ ซึ่งมีดีกรี เปรียญ 8 ประโยค องค์นั้น ท่านได้กำชับให้ หลวงพ่ออั้น หัดว่าภาษาบาลีเป็นสำเนียงมคธเหมือนที่ตนเองกล่าวนำให้ได้ แต่ว่าเท่าไรๆ ก็ไม่เหมือนสักที ทำให้ เจ้าคุณศรีฯ ไม่พอใจพูดตะคอกว่า ต้องว่าให้ได้ เมื่อถูกตะคอกใส่หน้าเช่นนั้นทำให้ หลวงพ่ออั้น ฉุนขาด ตอบกลับไปในทันที่ว่า ก็ผมเป็นคนไทยภาคกลาง ส่วนเจ้าคุณเป็นคนภาคอีสาน จะให้ว่าเหมือนกันได้อย่างไร ซึ่งส่งผลให้ บ่อนแตก ต้องหยุดฝึกซ้อมเพียงแค่นั้น อย่างไรก็ดี เห็นควรเล่าเสริมตรงนี้สักเล็กน้อยว่า ในช่วงที่อยู่ อยุธยา เจ้าคุณศรีฯ องค์นี้ดูเหมือน จะมีเรื่องขัดแย้ง หรือไม่ลงรอยกับพระสังฆาธิการที่นั่นหลายองค์เต็มที โดยเฉพาะกรณีของ พระสุวรรณวิมลศีล (ลับ) เจ้าอาวาสวัดสุวรรณดารารามในขณะนั้น รุนแรงถึงขั้นตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง กลับไปอยู่วัดบันไดช้างอย่างเก่า ทำให้ท่านดังกล่าวสวมตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนั้นสืบแทนต่อมา จนเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมไตรโลกาจารย์ ก่อนจะย้ายกลับไปอยู่วัดมหาธาตุอันเป็นสำนักเดิม ภายหลังได้เลื่อนขึ้นเป็น พระพิมลธรรม และ สมด็จพระพุฒาจารย์ ตามลำดับ อีกองค์หนึ่งแม้จะถึงกับยื่นใบลาออกเช่นกัน แต่ถูกท่าน เจ้าคุณศรีฯ ใช้ชั้นเชิงระงับยับยั้งเอาไว้ได้ องค์ดังกล่าวนี้ได้แก่ หลวงพ่อเพชร วัดนนทรีย์ ซึ่งเล่ากันว่า ขอลาออกทั้งตำแหน่ง กรรมการศึกษาและเจ้าอาวาส แต่ท่านองค์นั้นได้ยื่นเงื่อนไขให้ หลวงพ่อเพชร กลับมาล่ารายชื่อชาวบ้านสักประมาณ 10 คน จึงจะอนุมัติให้ลาออกได้ แต่ผลสุดท้ายปรากฏว่าไม่อาจหาชาวบ้านร่วมลงชื่อได้แม้แต่รายเดียว นอกจากเรื่องตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวมา น่าสนใจว่าในส่วนของสมณศักดิ์นั้น หลวงพ่ออั้น ยังได้รับพระราชทานสัญญาบัตรแต่งตั้งให้เป็นที่ พระครูศีลกิตติคุณ เมื่อ พ.ศ.2493 ซึ่งเรื่องนี้สร้างความ ปีติยินดีให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์เป็นยิ่งนัก จึงได้พร้อมใจกันจัดงานฉลองให้ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2494 และในโอกาสเดียวกันนี้ หลวงพ่ออั้น ได้จัดสร้างเหรียญรูปท่านขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อแจกเป็นเครื่องตอบแทนแก่ผู้ที่ร่วมบริจาคเงินช่วยงาน
ปี พ.ศ.2496 หลวงพ่ออั้น ได้สร้างเหรียญคล้ายกันขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งมีข้อแตกต่างกันตรงที่เหรียญรุ่นนี้ ด้านหน้าปรากฏลายกนกอยู่ใกล้หัวเข่าขวาซ้าย (ของรูปท่าน) ส่วนด้านหลังนั้นระบุปี พ.ศ. ที่สร้างเป็น ๒๔๙๖ ตกมาถึง พ.ศ.2509 หลวงพ่ออั้น ได้จัดงานฉลองอาคารเรียน (ร.ร.วัดพระญาติฯ) หลังใหม่ และในโอกาสเดียวกันนี้มีการจัดสร้างเหรียญรูปท่านขึ้นมาเป็นรุ่นที่ 3 ลักษณะคล้ายใบเสมา


ปี พ.ศ.2511 มีการสร้างขึ้นมาอีกรุ่นต่างหาก เนื่องจาก หลวงพ่ออั้น ได้รับเป็นประธานในการหาทุนก่อสร้าง ตึกสงฆ์อาพาธ ของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา แต่ทว่าเหรียญรุ่นนี้ต่างกับรุ่นก่อนตรงที่ ด้านหลังได้ระบุข้อความ บอกถึงวัตถุประสงค์ ในการสร้างเอาไว้ให้เป็นที่สังเกตอย่างชัดเจน (ส่วนเหรียญที่เคยกล่าวว่าด้านหน้ามีการตอกโค้ดตรงสังฆาฏินั้น เป็นเหรียญลักษณะเดียวกันที่ หลวงพ่อเฉลิม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2512)
เหรียญที่ หลวงพ่ออั้น สร้างเป็นรูปของท่านโดยเฉพาะ มีทั้งหมดรวม 4 รุ่น หรือ 4 พิมพ์ ดังได้กล่าวมาแล้วก่อนหน้า นอกจากนี้แน่นอนว่าสร้างขึ้นโดย หลวงพ่อเฉลิม (หรือ พระครูสังฆรักษ์เฉลิม เขมทสฺสี) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันบ้าง สร้างโดยพระเกจิอาจารย์หรือคณะกรรมการวัดอื่นๆ บ้าง อย่างเช่น วัดสะแก วัดพรานนก วัดลุ่ม วัดโพธิ์สาวหาญ วัดหนองน้ำส้ม และวัดโคกมะยม เป็นต้น แต่กระนั้นก็น่าสังเกตอย่างมากว่า เหรียญที่สร้างขึ้นมา ทุกรุ่นทุกพิมพ์ล้วนเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางทั้งนั้น
หลังจากที่ หลวงพ่ออั้น สร้างเหรียญรุ่น ตึกสงฆ์ ได้ไม่นานนัก ท่านก็จากหมู่ญาติและลูกศิษย์ไปแบบไม่มีวันกลับ เพราะมรณภาพอย่างกะทันหันที่ จ.เชียงใหม่ ในคราวที่ได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระสิงห์ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2512 ด้วยโรคลมปัจจุบัน หรือที่นิยมเรียกกันว่าหัวใจวาย หลังจากเก็บศพไว้ ณ วัดพระญาติฯ เป็นเวลาช้านานถึง 25 ปี บรรดาศิษยานุศิษย์และหลานๆ ของท่าน เพิ่งจัดงานพระราชทานเพลิงศพให้ใน พ.ศ.2536

 

3. หลวงพ่อเฉลิม เจ้าอาวาสวัดพระญาติ พระเกจิดังแห่งเมืองอโยธยา



หลวงพ่อเฉลิม ท่านสืบสานตำนานวิชาชาตรี ทายาทพุทธาคมสายตรงหลวงพ่อกลั่น หลวงพ่ออั้น จากยุคสู่ยุค จากรุ่นสู่รุ่นสืบต่อถึงหลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ
พระครูสังฆรักษ์เฉลิม เขมทัสสี หรือที่เรารู้จักกันดีในนามหลวงพ่อเฉลิม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่งมากอีกรูปหนึ่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และติดอันดับต้นๆของประเทศไทย ท่านเป็นพระที่สันโดษมักน้อย ไม่หวังลาภยศ เคารพบูชาครูบาอาจารย์เหนือสิ่งอื่นใดเป็นที่สุด ท่านเป็นศิษย์เอกหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ ได้รับการเล่าเรียนและตำรับตำราในสายหลวงพ่อกลั่นมาจนหมดสิ้น รวมถึงวิชาเอกของสำนักคือวิชาชาตรีและยันต์จักรพรรดิตราธิราช ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว ที่ผ่านมาท่านไม่เคยออกเหรียญรูปเหมือนท่านสักเท่าไหร่นัก ท่านมักจะให้ออกรูปเหมือนครูอาจารย์ท่านมากกว่า โดยท่านกล่าวอย่างถ่อมตนว่า ขอบารมีครูบาอาจรย์แต่ตัวท่านเองเป็นผู้เสกอธิษฐานจิตอยู่ทุกรุ่น และพระทุกรุ่นของท่านนั้น ท่านจะปรกอธิษฐานจิตเดี่ยวตามที่ท่านได้ร่ำเรียนมา เคยมีลูกศิษย์ถามท่านว่าทำไมไม่นิมนต์พระมาหลายรูปเสก ท่านกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่แน่จริง รับผิดชอบชีวิตพวกแกไม่ได้หรอก”
หลวงพ่อเฉลิม ศิษย์สายตรงองค์ครูวัดพระญาติ และหลวงพ่อสาย อดีตเจ้าอาวาสวัดขนอนใต้ เป็นสหธรรมิกร่วมปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ร่วมกันมา และหลวงพ่อสาย ได้ละสังขารไปก่อนแล้ว หลวงพ่อเฉลิมได้พัฒนาวัดพระญาติจนเจริญรุ่งเรือง หากแต่วัดขนอนใต้ยังเพิ่งจะเริ่มพัฒนา หลวงพ่อเฉลิมจึง อยากร่วมสร้างบารมีสืบต่อให้กับหลวงพ่อสาย สหายธรรม ให้วัดขนอนใต้ได้รุ่งเรืองบ้าง
ได้สร้างเหรียญหลวงพ่อกลั่น และหลวงพ่อกลั่นเนื้อผง เป็นรุ่นพิเศษ เพื่อนำรายได้มอบให้วัดขนอนใต้ไปบูรณะโบสถ์ และเป็นทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร รวมถึงนักเรียนที่ยากไร้ด้วย จึง เป็นข่าวดีสำหรับคนรุ่นใหม่ หรือศิษย์สายตรงหลวงพ่อกลั่น หลวงพ่ออ้น โดยเฉพาะหลวงพ่อเฉลิม เจ้าอาวาสวัดพระญาติ มีจิตศรัทธาอยากได้วัตถุมงคล หรือเหรียญหลวงพ่อกลั่นขอบอกได้เลยว่า ไม่ต้องไปหารุ่นเก่าที่ราคาแพงหูฉี่ มีปลอมเยอะ ตรงไปที่วัดพระญาติได้ของแท้แน่นอน หากพบหลวงพ่อรับกับมือ
หลวงพ่อเฉลิม ได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ด้วยตนเอง เริ่มแต่มวลสารผงธูปในโบสถ์ ในกุฏิ และในวิหารหลวงพ่อกลั่น 3 แห่งศักดิ์สิทธิ์ ที่หลวงพ่อเฉลิมทำกิจสวดมนต์ไหว้พระตลอดมา ดอกไม้บูชาพระผงจีวรหลวงพ่อเฉลิม และที่สำคัญรุ่นนี้มีเส้นผมหลวงพ่อเฉลิมผสมไว้มากทีเดียว จัดเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกที่ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ของวัดพระญาติ ส่วนเนื้อโลหะ หลวงพ่อเฉลิมจารอักขระลงแผ่นเงินทอง และนาก ลงเบ้าหลอมเป็นจำนวนมาก
เหรียญหลวงพ่อกลั่น รุ่นหลวงพ่อเฉลิมจัดสร้างให้วัดขนอนใต้ ถวายหลวงพ่อสาย ได้ทำพิธีกดพิมพ์ที่วัดพระญาติ ปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์เมืองอโยธยา 11 องค์ มีหลวงพ่อทิม หลวงพ่อสวัสดิ์ หลวงพ่อรวย หลวงพ่อเอียด หลวงพ่อพูน หลวงพ่อเพี้ยน หลวงพ่อเอื้อน หลวงพ่อเสาร์ หลวงพ่ออุดม และหลวงพ่อผล
เหรียญที่เป็นรูปเหมือนของท่านล้วนแต่หายากและมีราคาสูงในปัจจุบัน เหรียญรุ่นแรกของท่านสร้างปี 2551 ราคาออกจากวัด 200 ปัจจุบันต้องว่ากันถึง 3000 บาท ด้วยว่าเป็นเหรียญที่เป็นรูปเหมือนของท่านนั่นเอง
ปี 2554 หลวงพ่อเฉลิมท่านได้เมตตาให้สร้างเหรียญเสมาใหญ่รุ่นแรกขึ้น โดยเป็นรูปของท่านและท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงวันมาฆบูชาจึงนำออกให้บูชา ซึ่งก็มีผู้คนไปแย่งเช่าบูชาได้รับความนิยมกันอย่างล้นหลาม แต่คนที่บูชาเหล่านั้นก็รอเหรียญเสมาอีกแบบหนึ่งที่สร้างและเสกพร้อมกัน แต่หลวงพ่อท่านยังไม่นำออกให้บูชาด้วยว่าท่านกล่าวว่า "อยากเสกให้นานหน่อย” นั่นก็คือเหรียญเสมาไตรมาส 88 นั่นเอง


เหรียญเสมาไตรมาส 88 นี้หลวงพ่อเฉลิมท่านสร้างพร้อมกับเหรียญเสมาใหญ่ แต่มีขนาดย่อมลงมาประมาณเท่าเหรียญชาตรีของหลวงพ่อกลั่น ตัวเหรียญมีการแกะลวดลายอย่างงดงาม หลวงพ่อเฉลิมท่านั่งเต็มองค์อยู่ในซุ้มด้านหลังเป็นยันต์ครู ที่ท่านผูกขึ้นเพื่อใช้เป็นยันต์ประจำตัวท่าน จัดสร้างเพียงเนื้อเดียวคือเนื้อทองแดงจำนวน 4000 เหรียญ นำเข้าพิธีเสกพร้อมกับเหรียญเสมาใหญ่ แต่ท่านให้บูชาเหรียญเสมาใหญ่ก่อน ส่วนเสมาเล็กนี้ท่านเสกต่อเรื่อยมาจนครบไตรมาส จึงตั้งใจที่จะนำออกให้บูชา
แต่ปรากฎว่าในปี 2554 ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลวงพ่อท่านจึงยังไม่นำออกให้บูชา แต่ท่านกลับเสกเพิ่มเรื่อยมา จนกระทั่งถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554 จึงเปิดให้บูชา ซึ่งเปิดให้บูชาเพียงวันเดียวเท่านั้นเหรียญรุ่นนี้ก็หมดเกลี้ยงไปจากวัดเหลือเพียงแค่รูปถ่ายเป็นตำนานคู่วัดสืบไป
สาเหตุที่เหรียญรุ่นนี้มีเนื้อกะไหล่ทองด้วยนั้น ก็เพราะว่าช่วงน้ำท่วมนั้นมีเหรียญบางส่วนแช่น้ำ จึงได้คัดเหรียญที่สภาพไม่ค่อยสวย เพราะโดนน้ำนำไปกะไหล่ทองและตอกโค้ตคนละด้านกันกับเหรียญทองแดง จึงทำให้เหรียญรุ่นนี้จากเดิมที่เป็นเหรียญทองแดงเพียงเนื้อเดียว กลายเป็นมี 2 เนื้อคือเนื้อทองแดง จำนวน 2000 เหรียญ และเนื้อทองแดงกะไหล่มองจำนวน 1949 เหรียญ ไม่มีเนื้อนอกหนือจากนี้แต่อย่างไร
เหรียญรุ่นนี้แม้จะออกใหม่ แต่ก็มีประสบการณ์มากและสนนราคาก็ขยับขึ้นเรื่อยๆครับ อีกทั้งยังหายากกว่าเหรียญเสมาใหญ่รุ่นแรกอีกด้วย บางคนเรียกเหรียญรุ่นนี้ว่า เหรียญชาตรี 2 เพราะได้เคยเรียนถามหลวงพ่อเฉลิมว่าท่านลงอะไรไปในเหรียญ ท่านตอบว่าลงทุกอย่างที่ร่ำเรียนมารวมถึงวิชาชาตรีด้วย อีกทั้งมีคนใส่เหรียญไปแล้วโดนตีด้วยไม้ปรากฎว่าไม่ช้ำใน ไม่มีรอยแผลฟกช้ำเลย บางคนโดนมีดฟันไม่ปรากฎรอยให้เห็นจึงเชื่อได้ว่าท่านลงวิชาชาตรีลงไปด้วย
ที่อยู่ติดต่อ
วัดพระญาติการาม บ้านบ้านไผ่ลิง ตำบลพระญาติการาม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

​

 

เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ 2469 สร้างเป็นที่ระลึกในการปฎิสังขรณ์พระอุโบสถวัดพระญาติและบูชา เป็นทุนในการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถวัดพระญาติ

• 1
• 2

• 

เหรียญหลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ๒๐ล้าน

เหรียญหลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติใครอยากได้ไว้ในครอบครองต้องใช้เงินประมาณ ๒๐ ล้านบาทเท่านั้น : พระองครู เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู



หนังสือพระเครื่องที่ขึ้นชื่อว่าแพงอมตะและราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ นั้น และถือว่าแพงอมตะ คือ อ.ประชุม กาญจนวัฒน์ ปรมาจารย์ วงการพระเครื่องยุคแรกซึ่งมีอยู่หลายเล่ม ที่เป็นอมตะสุดๆ คือ หนังสือภาพพระเครื่อง ๑ ฉบับเล่มครู หนังสือขาวดำสลับสี ความหนา ๓๙๓ หน้า แม้ว่ามีการจัดพิมพ์ถึง ๘ ครั้ง แต่ก็ยังได้รับความนิยม โดยพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ ราคา ๕๕๐ บาท ขณะนั้นถือว่าเป็นหนังสือแพงที่สุด และครั้งที่ ๘ พิมพ์เมื่อ ๒๕๓๙ ราคา ๘๕๐ บาท ปัจจุบันราคา ๘,๕๐๐ บาท ในขณะที่หนังสือภาพพระเครื่อง ซึ่งเป็นหนังสือสี่สีทั้งเล่ม ความหนา ๕๖๕ หน้า มีการพิมพ์ซ้ำถึง ๓ ครั้ง คือ พ.ศ.๒๕๒๙ พ.ศ.๒๕๓๕ และ พ.ศ.๒๕๓๘ ราคาปก ๑,๔๕๐ บาท ปัจจุบันขาย ๑๘,๕๐๐ บาท

ด้วยเหตุที่ อ.ประชุม ถูกยกให้เป็นปรมาจารย์ วงการพระเครื่องยุคแรก พระเครื่อง วัตถุมงคล และเครื่องรางที่ถูกนำมาพิมพ์ลงหนังสือจึงถูกคัดสรรเป็นอย่างดี ชนิดที่เรียกว่า "ไม่ได้เป็นแชมป์โลกไม่มีสิทธิ์ลงพิมพ์" จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนในวงการพระตามไล่ซื้อพระเครื่อง วัตถุมงคล และเครื่องราง ที่ปรากฏภาพในหนังสือของ อ.ประชุม โดยเฉพาะพระชุดหลัก

ล่าสุด "ชาญชัย มานิตทวีผล" หรือ "อ้วน ลอยฟ้า" เซียนพระหนุ่มรุ่นใหม่ เจ้าของร้านคุณพระคุ้มครอง โชคดีสุดๆ ที่ ได้เหรียญหลวงพ่อกลั่น ๑ ใน ๕ ของชุดเบญจภาคีเหรียญยอดนิยม สภาพเดิมๆ เป็นเหรียญที่มีภาพอยู่ในหนังสือเหรียญยอดนิยมของ อ.ประชุม มีการประมาณการว่าใครอยากได้มาครอบครองต้องใช้เงินประมาณ ๒๐ ล้านบาทเท่านั้น

การสร้างเหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ วัดสร้างเพื่อนำปัจจัยไปซ่อมแซมอุโบสถที่เก่าและชำรุดมากใน พ.ศ. ๒๔๖๙ ด้านหน้าระบุไว้ว่า "หลวงพ่ออุปัชฌาย์ กลั่น วัดพระญาติ" "พ.ศ. ๒๔๖๗" ด้านหลังระบุ "ที่รฤกในการปฏิสังขรณ์อุโบสถ"

ในการสร้างคราวนั้น มีการสร้างเหรียญหลวงพ่อกลั่นเนื้อพิเศษคือ เงินหน้าทอง ประมาณ ๑๒ เหรียญ เงินหน้านาก ประมาณ ๒๕ เหรียญ เงินประมาณ ๑๐๐ เหรียญ เหรียญทองแดงมีประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ และในสมัยนั้นมีการจัดให้ทำบุญคือ เงินหน้าทองทำบุญ ๑๕ บาท ได้รับ ๑ เหรียญ และเงินหน้านากทำบุญ ๑๐ บาท ได้รับ ๑ เหรียญ เงินล้วนทำบุญ ๕ บาท ได้รับ ๑ เหรียญ ส่วนทองแดง ทำบุญ ๑ บาท ได้รับ ๑ เหรียญ เงินทำบุญทั้งหมดนำไปซ่อมแซมอุโบสถ

สำหรับจำนวนการสร้างเหรียญแต่ละชนิดนั้น มีอยู่ในบันทึกวัดพระญาติ โดยหลวงพ่ออั้น เจ้าอาวาสองค์ถัดมา ซึ่งหลวงพ่ออั้นเป็น ผู้ดำเนินการจัดสร้างให้หลวงพ่อกลั่นปลุกเสก

เหรียญหลวงพ่อกลั่นที่นิยม เขาเรียกกันว่า รุ่น "ขอเบ็ด" เนื่องจากปลายยันต์ด้านหลัง มีลักษณะคล้ายๆ "ขอเบ็ดตกปลา" พบในเหรียญรุ่นแรก ซึ่งสร้างในปี ๒๔๖๙ เพียงรุ่นเดียว เหรียญรุ่นนี้มีการทำปลอมมากที่สุด

พุทธคุณ แคล้วคลาด คงกระพันเมตตามหานิยม แต่ที่ดังสุดๆ ของท่านคือ ความเหนียวเป็นเลิศ

 

ฟฟฟฟ

 

บริเวณพระอุโบสถวัดพระญาติการาม






พระประธานในพระอุโบสถ หลวงพ่อพระพุทธจอมมุนีศรีอโยธยา

 

รอบๆๆวัด พระพุทธลีลา และพระพุทธหินทรายสมัยอยุธยา ที่นำมาปฏิสังขรณ์ใหม่

 

ด้านหลังพระอุโบสถ

 

รอบๆบริเวณวัด






ศาลาการเปรียญ

 

พระพุทธรูปปางป่าเลไลย และองค์พระเจดี

 

วิหารหลวงพ่อกลั่น หลวงพ่ออั้น หลวงพ่อเภา

 

​

วัดพระญาติการาม​

รูปหล่อหลวงปู่กลั่น ธมฺมโชติ วัดพระญาติการาม
การสร้างพระรูปหล่อหลวงปู่กลั่น ธมฺมโชติ เนื้อโลหะที่เป็นทางการของวัดพระญาติการามนั้น จัดสร้างมาแล้วทั้งสิ้น 3รุ่นด้วยกัน คือรุ่น 1 สร้างปี 2507 จุดประสงค์เพื่อนำทุนทรัพย์ปัจจัยร่วมจัดสร้างอาคารเรียนประชาบาลวัดพระญาติการาม จัดสร้างโดย พระครูศีลกิตติคุณ (หลวงปู่อั้น) ประมาณ 200-300 องค์ เรียกว่า กริ่งไชยชนะสิบทิศ หรือที่เรียกกันติดปากว่า”กริ่งโม่ง” ครั้งที่ 2 สร้างปี 2532(เนื้อเงิน)และปี2533 มีทั้งเนื้อทองคำ,เงิน,และทองเหลืองรมดม เรียกว่า”หล่อเล็กหรือหล่อจิ๋วหลวงปู่กลั่น” จุดประสงค์เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนสร้างสถานีอนามัยวัดพระญาติการาม(ภายหลังได้ยกขึ้นเป็นโรงพยาบาลชุมชนวัดพระญาติการาม),ครั้งที่ 3 สร้างปี 2542 มีเนื้อเงิน,เนื้อทองแดง(โลหะผสม) จุดประสงค์เพื่อนำปัจจัยร่วมสร้างวิหารหลวงพ่อกลั่น ธมฺมโชติ เรียกว่า “หล่อกลางปี42หลวงพ่อกลั่น” ทั้งปี32-33และ42 ปลุกเสกโดย หลวงพ่อเฉลิม เขมทสฺสี รูปหล่อทั้ง 3 รุ่นที่สร้างมานั้น ทางวัดก็ได้สามารถนำปัจจัยไปจัดสร้างถาวรวัตถุและสาธารณวัตถุจนแล้วเสร็จทุกๆประการ นี่ก็ด้วยเป็นเพราะบารมีของบูรพาจารย์แห่งวัดพระญาติการาม คือหลวงปู่กลั่น ธมฺมโชติ ที่ได้มาร่วมอนุโมทนาจึงบังเกิดเป็นความสำเร็จด้วยดีเสมอมา และเนื่องในปี 2558 นี้ ทางวัดพระญาติการามได้จัดสร้างรูปหล่อหลวงพ่อกลั่นรุ่นเนื้อระฆังพิเศษขึ้น เพื่อนำปัจจัยที่ได้ มาดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ของวัดพระญาติการาม ซึ่งการสร้างรูปหล่อรุ่นนี้ มีเนื้อหาอันประกอบไปด้วย เนื้อระฆังเก่าของวัดพระญาติฯ ชนวนมวลสารทั้งของทางวัดเอง และของศิษยานุศิษย์พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา นำมาร่วมหล่อเทเป็นส่วนผสม และทุกๆชิ้นนั้น ท่าน อ.ณรงค์(อ.เบื๊อก) ก็จะนำมาลงเหล็กจาร(คาถาชาตรี๙ เฮ และคาถาอื่นๆ) แล้วนำไปให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อเฉลิมอธิษฐานจิตก่อน จึงนำไปหล่อเทเป็นรูปหล่อหลวงปู่กลั่น แล้วเมื่อหล่อเสร็จก็จะนำกลับมาสวดปลุกเสกตามตำราวัดพระญาติฯอีกตลอดไตรมาส จากนั้นจึงกำหนดพิธีพุทธาภิเษก โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อเฉลิมนั่งปรกอธิษฐานจิต(เดี่ยว) ท่านเจ้าคุณพระราชวิสุทธิเวที (สายชล ฐานวุฑฺโฒ ป.ธ.๙) เจ้าคณะภาค ๑ เป็นผู้จุดและดับเทียนชัย พระสวดพิธีตำหรับมอญ วัดชนะสงครามอีกด้วย นี่เป็นกรรมวิธีโดยสังเขปของการสร้างรูปหล่อรุ่นนี้ครับฯ
ขอเสริมอีกนิดครับ คำว่า”อุโบสถ” แปลว่าการเข้าจำ คือการเข้าไปหนุนนำหรือจัดสร้างความดี และอุโบสถ ก็เป็นที่จัดทำสังฆกรรมต่างๆของพระสงฆ์ตามพระวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ เช่น การอุปสมบท, อธิษฐานพรรษา, ปวารณาออกพรรษา, ลงอุโบสถ(สวดปาฏิโมกข์), ทำวัตรเช้า-เย็น, กรานกฐิน, ตั้งอธิกรณ์สวดระงับอธิกรณ์(คล้ายกับการไต่สวนทางโลก),เป็นต้น และยังเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เพราะจะมีเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญน้อยคอยทำหน้าที่หมุนเวียนกันมาอารักขา จึงเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมปัดเป่าอุปสรรคจากภัยต่างๆ เช่นภัยจากอมนุษย์สิงสู่ร่างกายผู้คน, อธิษฐานเรียนสรรพวิชาต่างๆ หรือแม้แต่กระทั่งเป็นที่หลบภัยจากศึกสงครามดังมีมาในอดีต จากภัยธรรมชาติมีไฟไหม้ อุทกภัยและวาตภัยเป็นต้น ดังนั้นชาวพุทธเราจึงถือว่าการได้สร้างโบสถ์หรือร่วมสร้างโบสถ์นั้น เป็นการสร้างบุญที่ยิ่งใหญ่ ยากที่คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง จะได้ร่วมสร้างจนแล้วเสร็จได้ เพราะเหตุนี้ทางวัดพระญาติการามจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ เช่าบูชารูปหล่อหลวงปู่กลั่นรุ่นเนื้อระฆังพิเศษ ในโอกาสนี้ครับฯ
สำหรับท่านที่ต้องการสั่งจองวัตถุมงคลรูปหล่อรุ่นนี้ สามารถมาจองได้ที่วัดพระญาติการาม ในราคาจองบูชา องค์ละ 500 บาท (ห้าร้อยบาทไทยถ้วน)ที่กุฏิพระเดชพระคุณหลวงพ่อเฉลิมโดยจะมีท่าน อ.ณรงค์กับลูกศิษย์วัดและเจ้าหน้าที่เป็นผู้เปิดรับจองอยู่ครับ โดยจะเปิดรับจองไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ไปจนถึง 31 กรกฎาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 8.00 น.- 17.30 น. และสำหรับผู้ที่ต้องการสั่งจองแต่อยู่ไกล อยู่ต่างจังหวัดหรือไม่สะดวกในการมาได้ สามารถติดต่อ ทางโทรศัพท์ 089-0547779 (ประพันธ์ อยู่โต “พันธ์ วัดพระญาติฯ”) 081-7864588 (พงศ์ศิริ มีทอง”ต้น วัดพระญาติฯ”) ทั้ง 2 ท่านนี้ เป็นลูกศิษย์วัดพระญาติฯมีตัวตนและที่อยู่ละแวกวัดสามารถตรวจสอบได้ครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับฯ​

 

​

​

นี่คือคาถาชาตรีภาษายาวอบันทึกด้วยตัวหนังสือขอมลงบนชิ้นส่วนของระฆังคำมั่นสัญญาที่อาจารย์และศิษย์มีต่อกันมาช้านานและตลอดไป​

​

​

+36​

รัชดา เสมาพรหม‎เจริญพร..รุกขชาติ..วัดพระญาติ. อยุธยา
เตรียมแผ่นมหาชนวน จารระฆังทุกชิ้น โดยอาจารย์ณรงค์. เขียนด้วยใจ ทุกชิ้น ใส่ใจทุกขั้นตอน
แรงส์ ข้นคลัก
สาธุ​

 

ชนวนมวลสารต่างๆที่บรรดาเหล่าศิษย์และผู้มีจิตศัทธามาร่วมถวายหล่อเป็นรูปหล่อหลวงพ่อกลั่น

เพื่อร่วมบุญสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดพระญาติ

 

ได้นำชนวนมวลสารมากกว่า. 900. กิโล!!!!!​

ที่หลวงพ่อเฉลิมได้ประสิทธิ์ประสาทให้นำไปหลอมเป็นเนื้อเดียวกับระฆังแตก. ที่. จ.แพร่​

โมทนาแด่. หลวงพี่กั๊ก. เฮียขาว. น้าสมาน. น้องอาท. น้าเต๋า. พี่ฉลองชัย. ฯลฯ.​

ที่ทุกท่านเสียสละแรงกาย. แรงใจเป็นตัวแทนหลวงพ่อเฉลิมครับ. สาธุ. สาธุ. สาธุ





​

 

นำชนวนมวลสารมาหลอมหล่อ

 

​

หลวงพ่อเฉลิมได้เจริญพุทธมนต์อาทิศนัทอธิฐานจิตชะนวนหล่อหลวงพ่อกลั่นและเหรียญเจริญพรหลวงพ่อเฉลิม​

​

​

​

​

​

​

​

ชนวนต่างๆที่ท่านนำมาถวาย หลวงพ่อเฉลิมได้นำมาเสกอธิฐานจิตอีกครั้งครับก่อนนำไปหล่อรวมกันกับเนื้อระฆังเพื่อเทรูปหล่อหลวงพ่อกลั่นครับ​

 

วีดีโอภาพการเทชนวน ตามlink นี้ครับ

https://video.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/hvideo-xfp1/v/t42.1790-2/11681682_479199848913367_8043511_n.mp4?efg=eyJybHIiOjg3NCwicmxhIjozMDkwfQ%3D%3D&rl=874&vabr=486&oh=0c5f9fb67a3364f55971e79348614f26&oe=559F3C6F