ปิดรับบริจาค วันสุดท้าย ร่วมทำบุญถวายผ้าห่มพระธาตุประจำปีเกิด ๖ ที่พระบรมธาตุ ๓ ที่ และของบริวารปี ๒๕๖๑

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ๙ กองบุญ ทำบุญปัจจัย ๙๐๐ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ๒ กองบุญ ทำบุญปัจจัย ๒๐๐.๑๘ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

พระบรมธาตุแห่งที่ ๔ ที่จะนำท่านทั้งหลายไปถวายผ้าห่มพระบรมธาตุและของบริวาร
พระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์ พระธาตุประจำปีนักษัตรของท่านที่เกิดในปีมะโรง(ปีงูใหญ่หรือพญานาค)
คำไหว้บูชาพระธาตุ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
นะมามิ พิมพาสุขนาทิปูชัง สุรูปธารัง ติวาภิรัมมัง ติโลกะเชฏะฐัง วะระกิตติมันตัง ภะสิหะคะสุขัง อะหัง วันทามิ ทุระโต
ตั้งอยู่ในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร] ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง"
พระเจดีย์เก่าแก่สร้างในสมัยเดียวกับการตั้งวัด มีศิลปะแบบล้านนา หริภุญชัย ผสมลังกา ฝีมือช่างหลวงนครเชียงใหม่ มีการตกแต่งน้อย จึงมีความงดงามที่เรียบง่าย สูงจากพื้นดินถึงยอด ๒๕ วา เป็นฐานเจดีย์เหลี่ยม ยาวด้านละ ๑๖ วา ๑ ศอก ๖ นิ้ว มีช้างประจำอยู่ทั้ง ๔ ทิศ ทิศละ ๑ เชือก
พระมหาเจดีย์นี้ ในสมัยพญาผายู กษัตริย์องค์ที่ ๕ ในราชวงศ์มังราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้นในปี พ.ศ. ๑๘๘๘ พร้อมทั้งสร้างพระเจดีย์สูง ๒๔ ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของ พญาคำฟู พระราชบิดา ต่อมาอีก ๒ ปี จึงได้สร้างพระอาราม เสนาสนวิหาร ศาลาการเปรียญ หอไตร และกุฏิสงฆ์ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ทรงตั้งชื่อว่า “วัดลีเชียงพระ”
ในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ขึ้นครองนครเชียงใหม่ โปรดให้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ มาจากเมืองเชียงราย เมื่อขบวนช้างอัญเชิญมาถึงหน้าวัดลีเชียงพระ ช้างก็ไม่ยอมเดินทางต่อ พระเจ้าแสนเมืองมา จึงโปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐาน ณ วัดลีเชียงพระ ประชาชนทางเหนือนิยมเรียกพระพุทธสิหิงค์ว่า “พระสิงห์” จึงเป็นที่มาของชื่อ “วัดพระสิงห์”
เดิมเป็นเจดีย์สีขาว ซึ่งน่าจะได้รับแนวความคิดในการสร้างจากศิลปะพม่าที่นิยมสร้างกันมาตั้งแต่ สมัยพุกาม โดยสื่อให้เห็นถึงเขาไกรลาศที่สูงใหญ่ ที่ยอดเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี และเป็นภูเขาที่มีความสำคัญเทียบ ได้กับเขาพระสุเมรุเช่นกัน องค์พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบของเจดีย์สันนิษฐานว่า ได้รับอิทธิพลมาจากพระธาตุหริภุญชัย โดยรอบองค์บุด้วยทองจังโก (ทองดอกบวบ ทองเหลือง ผสมทองแดง) โดยจะมีเจดีย์ขนาดเล็ก ๔ องค์อยู่ที่ฐาน และยังมีที่มุมอีก ๔ องค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่แปลกกว่าพระธาตุเจดีย์องค์อื่น ๆ ภายในพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนกระดูกข้อมือซ้าย บรรจุรวมกับพระเกศา
ต่อมาได้บูรณะขึ้นมาใหม่ มีขนาดสูงใหญ่ขึ้นในสมัยครูบาศรีวิชัยราวพุทธศักราช ๒๔๖๙ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาสุมนเถระนำมาจากทวีปลังกา มีความเชื่อว่า อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตผู้เกิดปีมะโรง ได้มีโอกาสมานมัสการพระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์ จะเป็นมงคลอันสูงสุด
ในวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๓ วัดพระสิงห์ได้รับพระกรุณาโปรดให้ยกเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร
สิ่งที่น่าสนใจในวัดพระสิงห์
๑.โบสถ์
เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขโถงทั้งด้านหน้าด้านหลัง ลักษณะอาคารและการตกแต่งเป็นแบบศิลปะล้านนาโดยแท้ ด้านข้างแลเห็นหน้าต่างขนาดใหญ่ตีเป็นช่องแบบไม้ระแนง แต่ภายในเป็นหน้าต่างจริง มีลายปูนปั้นบริเวณซุ้มประตูทางเข้า หน้าบันมีลักษณะวงโค้งสองอันเหนือทางเข้าประกบกันเรียกว่า คิ้วโก่ง เหนือคิ้วโก่งเป็น วงกลม สองวงคล้ายดวงตา ที่เสาและส่วนอื่นๆ มีปูนปั้นนูน มีรักปั้นปิดทอง วิจิตรพิศดารมาก
๒.หอไตร
สร้างเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ผนังด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้น ทำเป็นรูปเทพพนมยืน บ้างก็เหาะประดับ อยู่โดยรอบ เป็นฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้ว ประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๖ เจ้าแก้วนวรัฐได้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ที่ฐานหอไตรปั้นเป็นลายลูกฟักลดบัว ภายในประดับด้วยรูปสัตว์หิมพานต์ เช่น นางเงือกมีปีก คชสีห์มีปีก กิเลน เป็นต้น และมีลายประจำยามลักษณะคล้ายลายสมัยราชวงศ์เหม็งของจีน
๓.วิหารลายคำ
วิหารลายคำนี้มีลวดลายปูนปั้นที่สวยงามปราณีตบรรจงมากแสดงให้เห็นฝีมือของช่างในยุคนั้นว่าเจริญถึงที่สุด ตัววิหารลายคำสร้างตามแบบศิลปกรรมของภาคเหนือ มีรูปปั้นพญานาค ๒ ตัวอยู่บันไดหน้า และใกล้ ๆ พญานาค มีรูปปั้นสิงห์ ๒ ตัว บริเวณ ภายในเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” บนผนังด้านหลังพระประธาน เสาหลวง (เสากลม) เสาระเบียง (เสาสี่เหลี่ยม) มีภาพลายทองพื้นแดงเป็นลวดลายต่างๆ เต็มไปหมด ด้านหลังพระประธาน ยังมีรูปปราสาทแวดล้อมด้วยมังกรและหงส์ มีความงดงามน่าชมยิ่ง ผนังวิหารด้านเหนือมีภาพจิตรกรรม เขียน เรื่องสังข์ทอง ด้านใต้เรื่องสุวรรณหงส์ นับเป็นภาพที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องสังข์ทอง พบเพียงแห่ง เดียวที่นี่
พระเจดีย์ทรงกลมแบบพื้นเมืองฐานช้างล้อม
พระพุทธไสยาสน์ในวิหารพระนอน
พระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์นั้น มีความเชื่อกันว่า หากได้มานมัสการอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งแล้ว จะเป็นมงคลสูงสุดทำให้อายุมั่นขวัญยืน มีความเจริญรุ่งเรืองตลอด

 

ร่วมบุญห่มพระธาตุด้วยครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับคุณ Famiyong Yong,คุณหนูมา,คุณมานะ ดีมงคล ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ๒ กองบุญ ทำบุญปัจจัย ๒๐๐ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

พระธาตุประจำปีนักษัตรปีจอ(ปีหมา)
แรกเริ่มเดิมที คนที่เกิดปีนี้จะต้องไปสักการะที่พระธาตุจุฬามณี ซึ่งเชื่อกันว่าจะประดิษฐานอยู่บนสวรรค์ หรือไปสักการะที่พระธาตุอินทร์แขวน อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ ประเทศพม่า แต่ด้วยการทีอยู่นอกประเทศและห่างไกล จึงมีการกำหนด พระเจดีย์ที่วัดเกตการาม เชียงใหม่ แทนได้
คำไหว้บูชาพระบรมธาตุ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
ตาวะติงสายะ ปุรัมเม เกสะจุฬามะณี สะรีระปัพพะเต ปูชิตา สัพพะเทวานัง ตังสิระสา ธาตุอุตตะมัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา

ประวัติพระเจดีย์จุฬามณี พระธาตุอินทร์แขวน และพระธาตุ เจดีย์วัดเกตุการาม

เจดีย์จุฬามณี ประดิษฐานอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นสวรรค์ที่อยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ เป็นเจดีย์ที่บรรจุ เครื่องทรงและพระเมาฬีของเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งทรงสละทิ้งเมื่อคราวออกผนวช และยังเป็นที่เก็บรักษาพระเขี้ยวแก้ว ของพระพุทธองค์ หลังการถวายพระเพลิงพระบรมศพอีกด้วย
พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ที่อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ ประเทศพม่า บนก้อนหินสูง ๕.๕ เมตร ใต้พระเจดีย์เป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุ โดยอนุญาต ให้เฉพาะ ผู้ชายเท่านั้นที่จะข้ามเข้าไปกราบและปิดทองถึงองค์พระธาตุได้ เมื่อเจดีย์จุฬามณีเป็นเจดีย์ที่อยู่ไกลถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จึงมีการสมมติให้เจดีย์องค์หนึ่งในประเทศพม่า เป็นที่กราบ ไหว้แทน โดยมีตำนานเล่าว่าพระอินทร์เป็นผู้นำลามาแขวนไว้ริมหน้าผาให้ผู้คนบูชา คนไทยจึงเรียกเจดีย์องค์นี้ว่า "พระธาตุอินทร์แขวน"
เจดีย์วัดเกตุการาม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ถูกกำหนดให้เป็นองค์แทนเจดีย์จุฬามณีอีกองค์หนึ่ง ซึ่งนอก จากจะเป็น การสะดวกในการเดินทาง เพื่อกราบไหว้แล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ชื่อของวัดเสียงเหมือนคำว่า "เกศ" แก้วจุฬามณี ซึ่งมีชื่อพ้องกับพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์

ประวัติ
วัดเกตุการาม เดิมชื่อวัดสระเกษ หรือวัดเกตุแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ ๙๖ บ้านวัดเกตุ ถนนเจริญราษฎร์ ตำบลวัดเกตุ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
สร้างโดยพระเจ้าสามฝั่งแกน (พระราชบิดาของพระเจ้าติโลกราช) ในปี พ.ศ.๑๙๗๑
เมื่อครั้งพม่ามาครองเชียงใหม่ในสมัยพระเจ้าบุเรงนองมหาราชนั้น พระเจ้าบุเรงนองเห็นความสำคัญถึงขั้นเสด็จมาบูรณะปฏิสังขรณ์ และนำสิ่งของมาถวายแก่วัดเกตแห่งนี้
แต่พระเจดีย์ได้พังทลายลงในปี พ.ศ.๒๑๒๑ พระสุทโธรับสั่งให้สร้างขึ้นใหม่ให้เป็น เจดีย์ทรงลังกา แบบล้านนา
วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ในเขตย่านการค้าเก่าแก่เมื่อสมัยโบราณท่าน้ำหลังวัดนี้คือท่าน้ำที่เรือจะนำสินค้ามาขึ้นเพื่อค้าขาย

สถานที่สำคัญในวัด
พระเจดีย์เกตุแก้วจุฬามณี ก่อสร้างเป็นเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา ฐานกว้าง ๘๒ วา ยาว ๖๓ วา มีเจดีย์บริวาร ๔ มุม สำหรับเจดีย์บริวารนี้ เดิมมีฉัตรแบบเดียวกับของวัดพระธาตุดอยสุเทพ แต่ปัจจุบันสูญหายไป พระธาตุนี้เสมือนเป็นการจำลองพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมาไว้บนโลกมนุษย์ ดังนั้นการสร้างพระธาตุเกศแก้วจึงสร้างให้ยอดพระธาตุเอียงนิดหน่อย เพื่อมิให้ยอดชี้ขึ้นไปตรงกับพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์

ศิลาจารึกวัดเกต ตั้งอยู่บนมุขด้านใต้ของพระวิหาร จารึกเป็นอักษรฝักขามบนหินทรายสีแดง กว้าง ๕๘ เซนติเมตร สูง ๑๗๖ เซนติเมตร หนา ๒๑ เซนติเมตร ด้านหน้าลบเลือนไปหมด เหลือแต่ดวงศิลาจารึก ด้านหลังพออ่านได้ สรุปได้ว่า ศักราช ๙๔๐ (ประมาณ มกราคม - กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๑๒๑) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่โปรดให้มีการบูรณะพระเกศธาตุเจดีย์ที่พังลง (สันนิษฐานว่าน่าจะพังลงในปีเดียวกับยอดพระธาตุวัดเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. ๒๐๘๘ ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เชียงใหม่) พอศักราช ๙๔๓ (ประมาณ ธันวาคม - มกราคม พ.ศ. ๒๑๒๔) มีงานฉลองพระเจดีย์ แจ้งความกว้างความยาวของพระอาราม ถวายคนประมาณ ๑๐๐ ครอบครัวเป็นข้าวัด พร้อมทั้งแจ้งชื่อหัวหน้าและสมาชิกและครอบครัวด้วย

พระอุโบสถ มีหลังคาซ้อนกัน ๓ ชั้น ๒ ตับ แบบล้านนา หน้าบันประดับด้วยไม้แกะสลักลายพรรณพฤกษาลงรักปิดทองบาน ประตูประดับด้วยไม้แกะสลักรูปเทวดา (นายทวาร) และประดับด้วยตัวกิเลนและสิงโตจีนเหยียบมังกรและปลาพ่นน้ำ รูปปั้นที่ได้รับอิทธิพลจีน เนื่องจากวัดนี้สร้างอยู่ในชุมชนชาวจีน ดังนั้นหลายๆ จุดของวัดจึงมีศิลปะจีนปะปนอยู่อย่างผสมกลมกลืน

พระวิหาร สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๙ ห้อง มีเสาคู่ในรองรับหลังคาหน้าจั่วและเสาคู่นอกรับแนวหลังคาปีกนกย่อเก็จ ๓ ตอน ในแนวตะวันออก-ตะวันตก หน้าบันประดับลวดลายแกะสลักลายพรรณพฤกษาปิดทอง นาคะตันเป็นไม้ แกะสลักลวดลายเครือเถา บัวหัวเสาประดับด้วยแก้วอังวะ ตัวเสามีลายทอง หางหงส์ประดับด้วยไม้เป็นรูปนาคลำยองประดับด้วยแก้วอังวะลงรักปิดทอง มีประตูทางเข้าสามทาง หลังคาทรงจั่วเรียงซ้อนกัน ๕ ชั้น (คำเมืองเรียกว่า ซด) ๒ ตับ เค้าบอกว่าหาดูได้ยาก

พิพิธภัณฑ์วัดเกตุการาม ก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของศรัทธาวัดเกตุ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๒ มีคณะกรรมการวัดเกตุการามเป็นผู้ดูแล อาคารของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นกุฏิพระครูชัยศีลวิมล (พ.ศ. ๒๔๒๙ -๒๕๐๐) เรียกกันว่า "โฮงตุ๊เจ้าหลวง" เป็นอาคารหลังใหญ่มีลูกไม้ชายคา มีไม้กลึง (เคียนปุ้นลม) ที่หน้าจั่วด้านหลังเป็นตึกทรงจีน ด้านหน้าเป็นไม้ระแนงโปร่ง

การลอยโคม ก็เป็นการบูชาพระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์อีกวิธีหนึ่งของชาวล้านนา

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับคุณพุทธินันท์,คุณเกวลี,ดญ.ชัชชญา และดญ.ชลชญา จาตุรงคกุล ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ๒ กองบุญ ทำบุญปัจจัย ๒๒๐ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ใช้ชื่อยูสเซอร์ว่า"อรหโตพุทโธ" ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๒๐ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๒๐ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับคุณวรชัย อินแก้ว(Vorrachai Inkaew) พร้อมด้วยครอบครัว ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ๑ กองบุญ ทำบุญปัจจัย ๑๐๐ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๕ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๒ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๒ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

พระบรมธาตุแห่งที่ ๖ ที่จะนำท่านทั้งหลายไปถวายผ้าห่มพระบรมธาตุและของบริวาร
พระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง พระบรมธาตุประจำปีนักษัตรของท่านที่เกิดในปีกุนหรือปีหมู
คำไหว้พระมหาชินธาตุุเจ้าดอยตุง
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(๓จบ)
พิมพา ธะชัคคะ ปัพพะเต นะจุฬาธาตุ จิรัง มะหาคะมา นะมามิหัง อะหังวันทามิ สัพพะทาฯ(๓จบ)
คำไหว้พระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุงอีก ๑ บท
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(๓จบ)
อิมัสสะมิง ภัททะกัปเป จะตุพุทธา พุชฌิต ตะวา กะกุสันธะโกนาคะมะนะ กัสสะปะ โคตะ มะราชะเคเห จะระติ ปิณฑายะ มิถิลายะนะ คะเรสิ จะระติ ปิณฑายะ อะตีตาพุทธาเน อิมัสมิง ฐาเนสีทิ สิริสุภะปะวะรัง มังคะลัง ตะโมลากะถามุนิราชัง สาทะรัง นมามิหันตัง วะระชินาธาตุง อะหัง วันทามิ สัพพะทานะตัง วะชิระ ธาตุโย อะระหัง วันทามิ สัพพะทา
วัดพระมหาชินธาตุเจ้า (ดอยตุง) หรือเรียกโดยทั่วไปว่า วัดพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บริเวณส่วนที่เรียกว่าหน้าอกของดอยนางนอน ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเขา ซึ่งดอยตุงมีระยะทางห่างจากอำเภอเมืองเชียงรายประมาณ ๔๖ กม. และมีพระธาตุดอยตุงประดิษฐานอยู่บนยอดดอย สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลเนื่องจากพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ ๒,๐๐๐ เมตร
ประวัติความเป็นมา
☀️ ☀️ ☀️ตามตำนานเล่าว่าเดิมสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่าดอยดินแดง อยู่บนเขาสามเส้นของกลุ่มลาวจก ในสมัยพระเจ้าอุชุตราช กษัตริย์องค์ที่ ๓ แห่งราชวงศ์สิงหนวัต ผู้ครองโยนกนาคนคร ราวปี พุทธศักราช ๑๔๕๒ พระมหากัสสปได้นำพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย(ไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้ามาถวาย ตามคำทำนายของพระพุทธองค์ว่า "ดอยดินแดงแห่งนี้ ต่อไปจะเป็นที่ประดิษฐานพระมหาสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในภายภาคหน้า" พระเจ้าอุชุตะราชมีพระราชศรัทธา ได้เรียกหัวหน้าลาวจกมาเฝ้า พระราชทานทองคำจำนวนแสนกษาปณ์ ให้เป็นค่าที่ดินบริเวณดอยดินแดงแก่พวกลาวจกเป็นค่าที่ดิน แล้วทรงสร้างพระสถูปขึ้น โดยนำธงตะขาบยาว ๓,๐๐๐ วา ไปปักบนดอย เมื่อหางธงปลิวไปไกลเพียงใด ให้กำหนดเป็นฐานพระสถูปเพียงนั้น ดอยดินแดงจึงได้ชื่อใหม่ว่าดอยตุง (ตุงแปลว่าธง) เมื่อสร้างพระสถูปเสร็จ จึงนำพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้
☀️ ☀️ ☀️ครั้นสมัยพระญามังรายมหาราช แห่งราชวงศ์ลาวจก พระมหาวชิระโพธิเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวายจำนวน ๕๐ องค์ พระญามังรายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขึ้นอีกองค์หนึ่ง เหมือนกับพระเจดีย์องค์เดิมทุกประการเพื่อตั้งคู่กัน พระธาตุดอยตุงจึงมีพระเจดีย์คู่จนถึงทุกวันนี้ และเนื่องจากปู่เจ้าลาวจกกับพระญามังราย ต้นวงศ์กษัตริย์เชียงใหม่ต่างก็ประสูติในปีกุญ (หรือปีกุน) พระธาตุดอยตุงจึงถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีกุน และอีกตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาของพระธาตุดอยตุงมีอยู่ว่า ที่บริเวณพระธาตุดอยตุง ประกอบด้วยยอดเขาหลายลูกสลับซับซ้อนกันอยู่ บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของอารยชนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า วิรังคะ บ้าง ลัวะ บ้าง พวกนี้มีหัวหน้าชื่อปู่เจ้าลาวจก มีเมียชื่อ ผ่าเจ้าลาวจก สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับอยู่ที่ยอดเขาลูกหนึ่งทรงมะนาวตัดและทำนายว่าใน อนาคตจะมีพระอรหันต์นำพระธาตุของพระองค์มาประดิษฐาน ณ ที่นี้ ซึ่งต่อไปภายหน้าจะเป็นบ้านเป็นเมือง มีกษัตริย์ค้ำชูพุทธศาสนาตราบถ้วน ๕,๐๐๐ พระวัสสา ทิวเขาที่ทอดยาวทางด้านทิศตะวันตกของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายเป็นพรมแดนธรรมชาติที่กั้นระหว่างประเทศไทยกับพม่า มีชื่อเรียกว่าทิวเขาแดนลาว หรือเทือกเขาดอยตุง บริเวณพื้นที่นี้มีกลุ่มดอยสลับซับซ้อน เป็นแหล่งชุมชนโบราณที่ปรากฏเรื่องราวในตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย ทิวเขากลุ่มหนึ่งที่ทอดตัวเรียงเป็นรูปสามเส้า ดอยทางทิศใต้เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุซึ่งเป็นที่เคารพนับถือและเชื่อกัน อย่างกว้างขวางว่าเป็นปฐมธาตุเจดีย์แห่งล้านนาที่สร้างขึ้นเมื่อปี พุทธศักราช ๑๔๕๔ โดยพระเจ้าอุชุตราช แห่งนครโยนกนาคพันธุ์ นั่นคือ พระมหาชินธาตุเจ้าบนดอยตุง ด้วยความเชื่อที่ว่าภายใต้พระมหาสถูปทั้งสององค์ของพระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง เป็นที่ประดิษฐานพระรากขวัญเบื้องซ้ายและพระบรมสารีริกธาตุส่วนอื่น ๆ ปรากฏเป็นความเชื่อสืบทอดบันทึกไว้ในเอกสารตำนานที่กล่าวอ้างถึงการนำพระบรม สารีริกธาตุมาสู่ดอยตุงและการสถาปนาพระมหาสถูประบุศักราชในตำนานไกลโพ้นถึง ยุคพุทธกาล เน้นย้ำความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดผูกพันตำนานกับความเชื่อเลื่อมใสที่ยาวนานมา
ตำนานเกี่ยวกับพระธาตุดอยตุงปรากฏอยู่ในตำนานพื้นเมืองของล้านนาเป็นความ เชื่อปรัมปราของจารีตการสืบทอดประวัติความเป็นมาแห่งดินแดนที่แสดงให้เห็น ถึงการเสื่อมสลายและความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรชุมชนในบริเวณอันกว้างใหญ่ของ ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกกและแม่น้ำสายที่เกี่ยวเนื่องกับอิทธิพลของพุทธศาสนาที่แพร่ขยายเข้า สู่ดินแดนบริเวณนี้
ตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาของพระธาตุดอยตุงมีอยู่ว่า ที่บริเวณพระธาตุดอยตุง ประกอบด้วยยอดเขาหลายลูกสลับซับซ้อนกันอยู่ บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของอารยชนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า วิรังคะ บ้าง ลัวะ บ้าง พวกนี้มีหัวหน้าชื่อปู่เจ้าลาวจก มีเมียชื่อ ผ่าเจ้าลาวจก สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับอยู่ที่ยอดเขาลูกหนึ่งทรงมะนาวตัดและทำนายว่าใน อนาคตจะมีพระอรหันต์นำพระธาตุของพระองค์มาประดิษฐาน ณ ที่นี้ ซึ่งต่อไปภายหน้าจะเป็นบ้านเป็นเมือง มีกษัตริย์ค้ำชูพุทธศาสนาตราบถ้วน ๕,๐๐๐ พระวัสสา เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานพระมหากัสสปนำพระธาตุรากขวัญเบื้องซ้ายและ พระธาตุอื่น ๆ มาไว้ พระธาตุได้ชำแรกลึกลงไปในหิน พระมหากัสสปได้ทำตุง คันหนึ่งใหญ่ยาวมาก ว่ากันว่า ร่มเงาของตุงนั้นทาบไปถึงเมืองเชียงแสนซึ่งขณะนั้นมีกษัตริย์ปกครองบ้าน เมืองอยู่แล้ว เป็นวงศ์ของสิงหนวติกุมาร ซึ่งได้อพยพมาจากตอนเหนือมาตั้งบ้านเรือนอยู่ จึงให้ปู่เจ้าลาวจกพร้อมเมียและบริวาร ๕๐๐ เป็นผู้ดูแลพระธาตุ
☀️อย่างไรก็ตาม คุณพิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีของกรมศิลปากรได้กล่าวถึงความเชื่อเรื่องพระธาตุ ซึ่งได้มีการตรวจสอบจากตำนานพระธาตุดอยตุงเมืองเชียงแสนฉบับของกรมศิลปากร และตำนานสิงหนวติปรากฏว่า ไม่ได้มีการระบุว่าเจดีย์องค์ใดเป็นพระธาตุรากขวัญเบื้องซ้ายหรือพระธาตุ ส่วนอื่น ๆ นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงการนำพระธาตุมา ๒ ครั้ง คือ ครั้งแรกมีพระรากขวัญเบื้องซ้ายมาด้วย ส่วนครั้งที่สองมีการนำพระ ธาตุมาหลายองค์ เมื่อนำมาแล้วได้อัญเชิญขึ้นมาตั้งไว้บนก้อนหิน พระธาตุที่นำมาครั้งแรกทำอภินิหารจมลงในดินลึก ๘ ศอก ส่วนครั้งที่สองจมลงในดินลึก ๗ ศอก ด้วยเหตุนี้การจะระบุว่าเจดีย์องค์ใดเป็นที่สถาปนาพระธาตุจึงเป็นคำอธิบาย ของคนสมัยหลัง ซึ่งไม่ตรงกับความเชื่อในตำนาน มีการเปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่างพระธาตุดอยตุงกับพระธาตุดอยสุเทพในรูปทรงที่ เห็นปัจจุบัน มีหลักฐานบ่งชี้ในตำนานพระธาตุดอยสุเทพชัดเจนว่าเป็นรูปแบบที่สร้างขึ้น เมื่อ พุทธศักราช ๒๐๖๘ ซึ่งตรงกับสมัยพระเกศเกล้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ซึ่งทำองค์ระฆัง บัลลังก์และมาลัยลูกแก้วเป็น ๑๒ เหลี่ยม ลักษณะพระธาตุดอยตุงองค์เดิมมีการทำเป็นเหลี่ยมเช่นกันแต่มี ๘ เหลี่ยม การนิยมทำส่วนต่าง ๆ ดังกล่าวให้เป็นเหลี่ยมนี้ ไม่ปรากฏว่ามีที่ใดเก่าไปกว่าของพระธาตุดอยสุเทพ ดังนั้นได้มีการตรวจสอบกับตำนานพระธาตุดอยตุง เมืองเชียงแสนฉบับหอสมุดแห่งชาติว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องในการทำนุบำรุงพระ ธาตุ ในสมัยตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๐๖๘ หรือไม่ แต่มีปรากฏว่าครั้งหนึ่งเมื่อ พุทธศักราช ๒๑๒๙ กษัตริย์เชียงใหม่ผู้เป็นเชื้อสายของบุเรงนองได้มาทำนุบำรุงพระธาตุองค์นี้ พระธาตุดอยตุง ชำรุดทรุดโทรมผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
☀️กระทั่งปี พุทธศักราช ๒๔๗๐ ครูบาศรีวิชัยได้มาทำการบูรณะพระธาตุดอยตุง โดยการฉาบปูนใหม่แต่ยังรักษาทรวดทรงของเดิมของเก่า ที่เคยสร้างไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยได้ทำการบูรณะองค์พระธาตุในแบบล้านนา กล่าวคือเป็นเจดีย์ก่ออิฐสอปูน ทรงระฆัง ๘ เหลี่ยม ตั้งบนฐานปัทม์(บัว) ๘ เหลี่ยม ประดับลูกแก้วอกไก่ ๑ ชิ้น ฐานล่างสี่เหลี่ยมจตุรัสลด ๓ ชั้น องค์ระฆังและบัลลังก์ ๘ เหลี่ยมรองรับปล้องไฉน มีปลียอดประกอบฉัตร ๕ ชั้น
☀️ต่อมาในปี พุทธศักราช ๒๕๑๖ ในยุคเผด็จการทหารเรืองอำนาจ ผู้นำสมัยนั้นได้สั่งการให้ปรับเปลี่ยนแบบเจดีย์องค์พระธาตุดอยตุง จากรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านนามาใช้แบบของส่วนกลาง โดยมอบหมายให้ อ.ประกิต (จิตร) บัวบุศย์ เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง อ.จิตรนั้นเป็นผู้มีใจอนุรักษ์และเคารพในศิลปกรรมท้องถิ่น เมื่อได้รับคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธ ท่านจึงได้คิดค้นวิธีการเปลี่ยนแบบโดยอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้ด้วย ท่านตัดสินใจใช้วิธีหล่อคอนกรีตมาประกอบครอบเจดีย์คู่ทั้งสององค์ นับแต่นั้นพระธาตุดอยตุงจึงมีรูปโฉมเป็นเจดีย์ทรงปราสาท สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เป็นที่คุ้นตาผู้มีจิตศรัทธาเรื่อยมา ก่อนที่จะมีการบูรณะใหม่ใน พุทธศักราชนี้ เพื่อกลับไปใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่นล้านนาซึ่งถูกครอบทับอยู่ภายใน
☀️ปัจจุบัน กรมศิลปากรมีโครงการรื้อถอน องค์พระธาตุองค์ปัจจุบัน โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นไปตามร้องขอของคนท้องถิ่นไปทางจังหวัด และส่งต่อมายังสำนักโบราณคดีเชียงใหม่ ให้ช่วยฟื้นฟูพระสถูปในสมัยครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ได้บูรณะไว้ตามภาพถ่ายที่ปรากฏอยู่ในวิหารพระธาตุดอยตุง เนื่องจากพระธาตุองค์ปัจจุบัน ๒ องค์ที่ตั้งอยู่เวลานี้ เป็นของใหม่ ได้มีการบูรณะเมื่อสามสิบปีเศษที่แล้ว ออกแบบโดยนายช่างสถาปนิกกรุงเทพฯ และเข้าใจว่าพระสถูปเดิมสมัยครูบาได้บูรณะไว้เมื่อแปดสิบปีที่แล้ว อาจถูกทับคล่อมอยู่ภายในองค์ปัจจุบัน ซึ่งคณะทำงานได้มีการหารือทางเจ้าคณะอำเภอเรียบร้อยแล้ว และได้ให้นำพระสถูปเดิมที่ถอดออกมา ไปตั้งไว้ที่วัดพระธาตุน้อยดอยตุง อยู่ด้านล่างก่อนขึ้นดอยพระธาตุ จากนั้นทำการบูรณะพระสถูปเจดีย์ ครูบาศรีวิชัย ให้คืนกลับมาสภาพดังเดิมให้แล้วเสร็จก่อน เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ ในปีหน้า โดยมีงบประมาณทั้งสิ้น ๒๑ ล้านบาท รวมค่าปรับปรุงภูมิทัศน์ อาทิเช่น ปรับปรุงพื้นที่ลานพระธาตุให้กว้างขึ้น รื้อโรงเก็บวัสดุอุปกรณ์ เคลื่อนย้ายพระสังกัจจาย พระพุทธรูปองค์ใหญ่ในรูปปางต่างๆ นำไปตั้งประดิษฐานในสถานที่ที่เหมาะสม ปรับปรุงภูมิทัศน์ฐานบันไดนาคทางขึ้น เพื่อความสะดวกต่อพุทธศาสนิกชน ซึ่งไปนมัสการพระธาตุเป็นจำนวนมากของทุกปี ปัจจุบันพระธาตุดอยตุง กำลังอยู่ระหว่างการบูรณะโดยกรมศิลปากร ซึ่งอาจต้องใช้เวลากว่า ๑ ปีในการบูรณะให้แล้วเสร็จ ทว่าพุทธศาสนิกชนยังคงเดินทางขึ้นไปนมัสการองค์ปฐมพระบรมธาตุแห่งล้านนาได้ เหมือนเดิม พระธาตุดอยตุง คงยังเป็นเสมือนเสาหลักที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาว ไทยใหญ่จากพม่ารวมถึงชาวลาวจากหลวงพระบางและเวียงจันทน์ สังเกตได้จากในช่วงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงมีผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทาง มานมัสการองค์พระธาตุดอยตุงแห่งนี้อยู่อย่างไม่ขาดสาย.
ทุกปีจะมีงานมนัสการพระบรมธาตุในวันเพ็ญเดือน ๓

 

ณัฏฐนันท์ จิวะพัฒนชัย และครอบครัว ขอร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญถวายผ้าห่มพระบรมธาตุ 9 แห่ง 9 กองบุญนะคะ

อนุโมทนาบุญกับคณะผู้จัด และผู้ร่วมบุญทุกท่านด้วยค่ะ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๕๐ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๑๙ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๑๐ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ

 

พระบรมธาตุแห่งที่ ๗ ที่จะนำท่านทั้งหลายไปถวายผ้าห่มพระบรมธาตุและของบริวาร
พระธาตุน้อยดอยตุง วัดพระธาตุน้อยดอยตุง วัดที่อยู่ปากทางขึ้นวัดพระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง
คำไหว้พระธาตุุน้อยดอยตุง
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(๓จบ)
พิมพา ธะชัคคะ ปัพพะเต นะจุฬาธาตุ จิรัง มะหาคะมา นะมามิหัง อะหังวันทามิ สัพพะทาฯ(๓จบ)

 

สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ ทำบุญปัจจัย ๒ บาท
ขอกุศลศรัทธาที่ได้ร่วมถวายผ้าห่มผ้าพระบรมธาตุ ๙ แห่งพร้อมดอกไม้เงินดอกไม้ทองและของบริวาร ในกาลครั้งนี้ เพื่อถวายบูชาพระพุทธบูชาและเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุภายในพระบรมธาตุเจดีย์ทั้ง ๙ แห่ง ขออานิสงส์แห่งบุญในกาลนี้ จงเป็นดั่งประทีปส่องทางสว่างทั้งทางธรรมและทางโลกให้แก่ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสำเร็จในทุกด้านให้สมปรารถนาตามกำลังบุญในสิ่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ