ขอเชิญแสดงประชามติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 3 มีนาคม 2007.

  1. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    อนุโมทนาทั้งหมดทั้งมวลกับท่านเจ้าของกระทู้ และท่านสมาชิกทั้งหลายที่ได้แสดงพลังกันเข้ามา ประเทศไทยเราอยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะมีศาสนาพุทธเป็นที่ยึดเหี่ยวจิตใจเราชาวไทย มีองค์พระมหากษัตริย์ทุกยุคทุกสมัยแม้นในประวัติศาสตริ์ชาติไทยก็ยังบันทึกเกี่ยวกับพุทธศาสนาไว้มากมาย และ ยังปรากฏซากปรักหักพังให้พวกเราลูกหลานไทยได้ศึกษาว่า อดีตกาลที่ผ่านมาพุทธศาสนาเราเคยเจริญรุ่งเรืองขนาดไหน......สาธุ.
     
  2. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    จะมีประโยชน์อะไร ที่จะได้ชื่อว่าชาวพุทธ แต่ยังทำสิ่งที่ขัดกับคำสอนของศาสดา
    แม้มีชื่อว่าชาวพุทธ แต่ใจมีแต่ของนอกศาสนา
    มันจะมีประโยชน์อะไร ในการชื่อว่าชาวพุทธแต่ไม่มีธรรมของชาวพุทธประจำใจ

    อะไรคือวิธีทำลายและวิธีรักษาพระพุทธศาสนา
    เล่ม ๒๖ หน้า ๖๓๑
    http://www.samyaek.com/tripidok/book26/601_650.htm

    สัทธรรมปฏิรูป = สัทธรรม + ปฏิรูป
    สัทธรรม คือ ธรรมอันเป็นที่ตั้งของความเชื่อมั่น, หรือคำสอนของพระศาสดา
    ปฏิรูป คือ เปลี่ยนไป,เปลี่ยนแปลง
    ฉะนั้น สัทธรรมปฏิรูป จึงหมายถึง คำสอนของพระศาสดาถูกเปลี่ยนแปลง

    ต้นหน หมายถึง ผู้บังคับเรือ ,ผู้พาเรือไป

    โมฆะบุรุษ คือบุคคลผู้ว่างเปล่า ,บุคคลผู้ไร้ประโยชน์


    การเปลี่ยนแปลงธรรมวินัยของพุทธะมีแต่ยุคนี้เท่านั้นหรือ?
    เล่ม ๙ หน้า ๕๓๐
    http://www.samyaek.com/pratripidok/index.php?topic=12.0


    ถ้ามีใครมาบอกว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเราจะทำอย่างไร?
    เล่ม ๑๓ หน้า ๒๙๓
    http://www.samyaek.com/tripidok/book13/251_300.htm


    ปัจจุบันเราชาวพุทธถือพระพุทธเจ้าด้วยความเป็นมิตร หรือ ด้วยความเป็นศัตรู ?
    เล่ม ๒๓ หน้า ๒๕ บรรทัด ๗
    http://www.samyaek.com/tripidok/book23/001_050.htm

    อะไรที่เป็นเหตุให้ศาสนาอยู่นานและอยู่ไม่นาน?
    เล่ม ๑ หน้า ๑๒ บรรทัด ๙
    http://www.samyaek.com/tripidok/book01/001_050.htm

    พระสมณโคดมไม่ย้อท้อใจแสดงโดยพิสดาร ทั้ง
    สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ (อธิบายอยู่ เล่ม ๑ หน้า ๕๗ http://www.samyaek.com/tripidok/book01/051_100.htm)
    ทั้ง สิขาบท หรือ วินัยบัญญัตินั้นก็ทรงบัญญัติไว้
    แล้วผู้บังคับเรือควรจะรักษาชื่อ หรือ รักษาเหตุที่จะทำให้พระพุทธศาสนาอยู่ยืนยาวหล่ะ?


    พระพุทธเจ้าสอนให้มัวแต่ปราถนาเท่านั้นหรือ?
    เล่ม ๓๖ หน้า ๙๗ บรรทัด ๑๕
    http://www.samyaek.com/tripidok/book36/051_100.htm


    *ร่วมไปถึงพุทธภูมิทั้งหลายที่เกะกะธรรมวินัยด้วยครับ


    บุญในการเปิดธรรมวินัยนี้ จงสำเร็จแก่ ญาติ เทวดาที่รักา นายเวร เชื้อโรคข้าครอบครัวข้า
    ชาวทิพย์ที่ดูแลรักากิจการที่ข้าเกี่ยวข้อง ชาวทิพย์ที่ดูแลรักษาพุทธศาสนา และผู้ต้องการตลอดไป








    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2010
  3. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ผมนะเห็นด้วยกับการประกาศพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติมานานแล้วครับ และยังเสนอให้ลงในรัฐธรรมนูญด้วย แต่ถูกคนบางคนแย้งในที่ประชุม ในตอนนั้นผมเองก็ยังไม่กล้าพอที่จะแข็งกล้าว มาวันนี้ขอให้ทุกท่านช่วยกันผลักดันให้จงได้ อีกอย่างจงระวังคนที่ไม่หวังดี หรือมีอะไรสักอย่างแอบแฝงอยู่ ผมสงสัยมานานแล้ว พวกที่ไม่หวังดีมันแอบอยู่ในกลุ่มคนต่าง ๆ จงระวัง ไม่เพียงแค่นั้น พวกนี้ยังพยายามใช้วิธีการอื่น ๆ อีกมากมายในการกีดกันเรา บางท่านจะบอกว่า ถ้าเรานับถือในใจอย่างมั่นคงแล้ว จะไม่มีอะไรมาทำลายได้ แล้วลองคิดดี ๆ สิครับว่า ในปัจจุบันใช้กฏหมายในการปกครองประเทศ พวกมันใช้กฏหมายอ้างสิทธิ์ต่าง ๆ นั่นหมายความว่ามันใช้อำนาจหัวโขนมาบังคับเรา ถ้าเราไม่ใช้อำนาจหัวโขนกับพวกมันบ้าง จะถุูกต้องหรือครับ...บางคนก็อ้างสิทธิมนุษยชน คำนี้เป็นตัวแสบเลยทีเดียว มันจะให้เราดูแลทุกกลุ่มทุกคนเพราะคำนี้ โดยไม่ดูถึงผลดีผลเสียที่เกิดขึ้นมาเลย...แถมยังจะใช้มาบังคับเราด้วยคำว่าปรองดองอีก น่าทุเรศมาก ใช้คำว่าปรองดองได้อย่างอดสู ปรองดองนะใช้เฉพาะพวกเราชาวพุทธเท่านั้นครับ อย่าไปเหมารวมกับพวกอื่น....ขอให้ทุกท่านอย่าไปหลงเชื่อคำที่ทางราชการกุขึ้นมานะครับ อีกอย่างจำไว้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็มาจากพวกทหารที่เนรคุณพระพุทธศาสนา ก็คือกลุ่มของนาย..... (ไม่บอกต่อนะครับ) เพราะเป็นมุสลิม รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจึงเป็นฉบับที่มาจากพวกนี้ น่าภูมิใจรึไงกันครับทุกท่าน ผมบอกเลยว่าไม่น่าภูมิใจอะไรเลย ยังมีอีกหลายเรื่อง ราชการบางกลุ่มก็ไปส่งเสริมพวกต่างศาสนา แล้วมาบอกว่าเราไปกล่าวโทษเขา ผมฟังแล้วก็รู้สึกอดสูมากขึ้นไปอีก .....เฮ้อ ขออภัยที่อาจจะฟังไม่เข้าหูบ้าง
     
  4. PraAraHun

    PraAraHun สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +22
    อยากให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรครับ
     
  5. Jitsamathi

    Jitsamathi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอเป็นอีกหนึ่งแรงเสียงที่สนับสนุนให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยครับ

    ---------------------
    หนุนบรรจุ "ศาสนาพุทธ" เป็นศาสนาประจำชาติ

    วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 17:04 น.


    "หากมีกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเสนอเข้ามา ตนก็จะทำหน้าที่ประสานและส่งข้อมูลให้กับทางสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)

    “หากมีกลุ่มใดเสนอเรื่องการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติขึ้นมา ตนก็ขอเชิญชวนคนไทยให้ออกมาสนับสนุน แต่ที่สำคัญหากมีบรรจุแล้ว คนไทยไม่นำหลักธรรมมาปฏิบัติ ก็อาจจะทำให้พุทธศาสนาสูญหายไปจากประเทศไทยได้เหมือนกับประเทศอินเดียซึ่ง เป็นต้นกำเนิดแต่ไม่รักษาก็สูญหายเช่นกัน”รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

    ที่มา หนุนบรรจุ "ศาสนาพุทธ" เป็นศาสนาประจำชาติ | เดลินิวส์
     
  6. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ผมก็ขอสนับสนุนพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยอีกคน และขอสนับสนุนอย่างแรงกล้า ให้รีบดำเนินการโดยด่วน พร้อมทั้งระบุให้ชัดเจนไปเลยว่า "ไม่สามารถถอดถอนการเป็นศาสนาประจำชาติไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ๆ ทั้งสิ้น" ด้วยครับ
     
  7. Stabilo

    Stabilo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +760
    อย่าลืมหยุดทุกวันพระเหมือนศรีลังกาด้วยนะครับ


    วันพระ หรือ (Poya Day) ถือเป็นวันหยุดราชการและวันหยุดสำคัญของประเทศศรีลังกา
     
  8. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    วันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้ายังมีอยู่ในโลกนี้

    วันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้ายังมีอยู่ในโลกนี้
    [​IMG]
    นะโมตัสสะ ภัควะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุธธัสสะ ฯ
    ศรัทราญาติโยมท่านผู้ฟังทั้งหลาย วันนี้ซึ่งก็เป็นวันเพ็ญวิสาขะฤกษ์ พุทธศาสนิกชน ถือกันว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ วันสำคัญก็คือ พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ ประสูติ และเสด็จดับขันธะ พระปรินิพพาน ฉะนั้น วันสำคัญอันเวียนมา เหมือนกับวันนั้น จึงควรเป็นวันอนุสรณ์ ที่ระลึกหรือ สักการะบูชา คือควรแก่การบูชา ซึ่งเรียกกันว่า วิสาขะบูชา บูชาทำอย่างไร ข้อนี้มันก็มีการกระทำหลายหลาก แต่อย่างๆไรก็ดี ณ.ที่นี้ ก็จะไม่ขอกล่าวอธิบายอะไรมาก ก็เพียงแต่จะกล่าวว่า พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ที่พุทธศาสนิกชน พึงบูชานั้น จะมีผลอย่างใดหรือไม่ พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ ข้อที่ว่าพระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ อันนี้ก็จะไม่มีใครจะสงสัย แต่เป็นพระพุทธเจ้าที่มีมาแล้วในอดีต ก็คือที่มีมาแล้วในอดีต เป็นเวลาล่วงมา 2000 กว่าปี จนถึงปัจจุบันนี้ 2542 ปี นั่นเราเชื่อกัน แน่นอนว่า คือองค์พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้มาแล้ว คือเป็นเจ้าแห่งพระพุทธศาสนา เราไม่สงสัยว่าไม่มี พระสงฆ์สาวกก็เป็นผู้ที่สืบ พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์มา จนตราบเท่าเราทั้งหลาย ได้เข้ามาบวช มาเรียนศึกษาใน พระพุทธศาสนา ถือเป็นสิ่งสำคัญในทุกวันนี้ ก็คือพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น แสดงว่าพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระโคดมองค์นั้น ก็ได้เสด็จดับขันธ์พระปรินิพพานไปแล้ว ในเมื่อพุทธศก 80 ปี ท่านผู้ฟังทั้งหลาย เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธ์พระปรินิพพานไปแล้ว ส่วนมาก ก็เข้าใจกันว่า ดับขันธ์พระปรินิพพานแล้ว ก็สูญไปแล้ว ก็คงทิ้งไว้แต่ชื่อ ๆ ตัวจริงไม่มีแล้ว หรือที่ว่า พุทธะ พุทธะ นั้นไม่มีแล้ว อันนี้ก็เป็นความเข้าใจเผินๆ หรือเปลือกๆ ของเราท่านทั้งหลาย หรือคนทั่วๆไป เหมือนกับหนึ่งว่า คนที่ตายไปแล้ว จะมีแต่ที่ไหน ก็จะมีแต่เพียงชื่อเท่านั้น ศรัทราญาติโยมท่านผู้ฟังทั้งหลาย หามีแต่เพียงชื่อไม่ พระพุทธเจ้าที่เป็นจริง ที่ตรัสรู้ ใต้ต้นสลีมหาโพธิ์นั้น คือพระพุทธเจ้าตัวจริง แต่พระพุทธเจ้าที่ คลอดออกมาจาก พระครรภ์ของพระนางศิริมหามายานั้นเป็น พระพุทธเจ้าตัวเปลือกนอก พระพุทธเจ้าตัวเปลือกนอก เสด็จดับขันธ์พระปรินิพพานไปแล้ว เขาเผาแล้ว ก็เหลือไว้แต่พระอัฐธิ หรือที่เรียกกันว่าบรมสารีริกธาตุ ศรัทราญาติโยมท่านผู้ฟังทั้งหลาย พระพุทธเจ้าตัวจริง ที่ตรัสรู้ใต้ต้นสลีมหาโพธ์ คือโพธิญาณ ได้บังเกิดขึ้นแก่พระองค์ ซึ่งเรียกว่าพุทธุปาโด พระพุทธุปาโดคือ พระพุทธเจ้าเกิดขึ้น ที่ใต้ต้นสลีมหาโพธ์ คือตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ที่ตรัสรู้ใต้ต้นสลีมหาโพธิ์ อันนี้ใครแลไม่เห็น คนทั้งหลายไม่มีใครเห็นก็จะเห็นแต่พระพุทธเจ้าอันเป็นตัวเปลือก คือตัวเปลือกนอก ก็จากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์นั้น มองไม่เห็น อันนี้คือเป็นพระพุทธเจ้าตัวจริง พระพุทธเจ้าจริงเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ได้ดับไปไหน เรียกว่าไม่ตาย ทรงเป็นพระอมตะคือไม่ตาย ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ไข้ ก็แม้พระพุทธเจ้าที่ว่านี้ เกิดทีหลังนี้ คือเกิดแล้ว ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย คือเกิดแล้วบรรลุถึงพระนิพพาน อันนี้ยังดำรงอยู่ คือยังมีอยู่ จะพูดง่ายๆว่า กายนั้นตายไปแล้ว แต่ใจนั้นยังไม่ตาย กายนั้นตายไปแล้ว ไม่มีแล้ว แต่ใจนั้นไม่ตายใจนั้นยังมีอยู่ ก็คือหัวใจยังมีอยู่ ศรัทราญาติโยมท่านผู้ฟังทั้งหลาย ก็หัวใจยังมีอยู่ ยังไม่มีวันตาย อยู่ที่ไหน ก็เมื่อมีอยู่แล้ว อยู่ที่ไหน ศรัทราญาติโยมท่านผู้ฟังทั้งหลาย ก็จะขอตอบเพียงง่ายๆ ก็คืออยู่ในที่ ทั่วๆไปนี้แหละ คืออยู่ในอากาศนี้แหละ อากาศมีอยู่ในที่ใด พระพุทธเจ้าก็มีอยู่ในที่นั้น คือไม่สูญ ก็เมื่อพระพุทธเจ้ามีอยู่ไม่สูญดังนี้ จึงพูดได้ว่า แม้ปัจจุบันนี้ พระพุทธเจ้าก็มีอยู่ ครอบงำ สัตว์ทั้งหลายอยู่ทุกเมื่อ คุมอยู่ในที่ทุกแห่ง แต่ไม่เห็นเท่านั้นเอง เรายกมือไหว้พระยกมือกราบไหว้ พระพุทธเจ้า แต่เราไม่เห็นตัว แต่แม้กระนั้นพระพุทธเจ้าก็เห็นเราอยู่ เรามองไม่เห็นตัวพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าก็เห็นเราอยู่ บางทีเรายกมือ ไหว้พระพุทธเจ้า แต่เราไม่ได้นึกถึงพระพุทธเจ้า ยกมือเพียงสักแต่ว่าไหว้ เหมือนกับว่า ไม่มีผลอะไร เท่ากับว่าการไหว้ของเรานั้น ก็อยู่ด้านนอก ไม่ได้ไหว้พระพุทธเจ้า เพียงแต่ยกมือพนม ขึ้นเท่านั้น แต่หากว่าเรายกมือพนมไหว้ แต่จิตใจของเราน้อมถึงพระพุทธเจ้า นั่นคือการไหว้ ของเราไปถึงพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าได้ทรงรับไหว้ของเราแล้ว ได้รับการบูชาของเราแล้ว ก็เป็นอันว่า การกระทำอันเป็นบุญ ที่เราท่านทั้งหลาย กระทำนั้น ย่อมมีผล คือย่อมปรากฏออกมา เป็นของจริง คือเป็นอานิสงค์ หรือเป็นผลในทางที่ดี จริงอย่างแน่นอน คือไม่สูญเปล่า ฉะนั้นการสักการะบูชา หรือการบูชาของเราท่านทั้งหลาย ที่สวดมนต์ เช้า ค่ำ ทุกวันนี้ ทำด้วยจิตใจอันนอบน้อม ด้วยจิต ด้วยใจ ของเราแล้ว ผลบุญ ก็ย่อมมีอยู่เสมอ ไม่ใช่ไหว้เปล่า เหมือนกับที่ว่า ตะกี้ เพียงยกมือไหว้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าไหว้อะไร ไหว้ของสูญ คิดว่าเป็นอย่างนั้น คิดว่าพระพุทธเจ้าไม่มีแล้ว เพียงสักแต่ว่าทำ ก็เป็นอันว่า พระพุทธเจ้านั้นน่ะ เหมือนกับที่กล่าวข้างต้น มีอยู่ทุกแห่ง ที่บ้านของเราก็มี ที่วัดก็มี ที่สำนักใดๆมี ตามทุ่งตามนา ตามป่าตามน้ำ ตามเขา ตามดอยก็มี เราไหว้ได้เสมอ ถ้ายังไม่เชื่อแน่ ก็ขอไหว้พระบรมสารีริกธาตุไปก่อนก็ได้ พระบรมสารีริกธาตุ ก็เป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นรูปธรรม รูปธาตุ
    อันนั้นเห็นได้ด้วยตา ไหว้อันนั้นก็ได้บุญเหมือนกัน แต่เท่าที่กล่าวนี้ คือกล่าวด้วย กาย จริงของพระพุทธเจ้า คือหัวใจของพระพุทธเจ้า นั้นมีอยู่ในที่ทั่วไป ทีนี้ก็มาพูดถึงว่า พระพุทธเจ้ามี เป็นเครื่องรับ สักการะบูชาของเราท่านทั้งหลาย
    อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หรือตลอดกาล เราท่านทั้งหลายก็มีโอกาส ที่จะได้บุญจนกว่าชีวิตจะดับไป หรือลมหายใจ จะดับลงไป เพราะไหว้ที่ไหนก็ได้ ระลึกถึงที่ไหนก็ได้ ทีนี้ว่ากันถึง เรื่องตัวตน หรือการท่องเที่ยว ตามสังสารวัฎ ตัวตนก็เป็นของมีจริง ตัวตน อัตตาเป็นของมีจริง คือสภาวะอันหนึ่ง ที่เราเรียกกันว่าคนนั้น คนนี้ ที่ว่าเป็นเราบ้าง เป็นเขาบ้าง นาย ก บ้าง ข บ้าง หญิงบ้าง ชายบ้าง หลังจากที่อัตภาพ แตกสลาย ลงไปแล้ว เขาเอาไปเผาทิ้งแล้ว หรือเอาไปฝังในป่า ช้า แล้ว แต่เราท่านทั้งหลาย ที่ชื่อนั้น ชื่อนี้ อันเป็นตัวข้างใน สภาวะข้างในอันนั้นยังไปตาย ไม่มีวันตาย คือยังไปเกิดที่นั่น ที่นี่เรียกว่า เที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ แต่การท่องเที่ยวไปในภพน้อย ภพใหญ่ ไม่ได้ไปตามลำพัง คือไปด้วยอำนาจ การกระทำ คือทำดี หรือทำชั่ว ที่จะเป็นเครื่อง ติดตัวไปตลอดกาล การกระทำก็มี อยู่2 อย่าง คือกระทำในปัจจุบัน กับ กระทำในอดีต กระทำในอดีตก็ส่งผลมาในปัจจุบันได้ กระทำในปัจจุบัน ก็ส่งผลให้ปัจจุบัน แล้วก็จะไปส่งผลให้ในอนาคต ต่อไปอีก ก็ชื่อว่าคนทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปตามกรรมต่างกัน คือการกระทำ ฉะนั้นการกระทำนี้แหละ มันเหมือนกับเป็นเงา ติดตัวไป ไปทุกหนทุกแห่ง คือไปทุกภพ ทุกชาติ ก็กรรมอันนั้นก็ติดไป ก็เวลาที่กรรมชั่วติดตามไป มันก็ให้ผลในคราวที่ เสวยความทุกข์ แต่ถ้ากรรมนั้นติดตามไปให้ผลเวลานั้น มันให้ความสุข ก็จะเสวยความสุขคือรับความสุขนั่นเอง ฉะนั้นมากก็ตาม น้อยก็ตาม ผลที่ทำเหตุที่ทำแล้วนั้น มันย่อมได้ทั้งนั้น คือย่อมได้ทั้งมากก็ได้ น้อยก็ได้ เพราะฉะนั้น การทำความดี เป็นต้นว่าการให้ทาน แม้ที่สุด ให้แก่คนยาก คนจน เพียง 10 บาท การกระทำนั้นไม่สูญเลย การกระทำนั้นไม่สูญ แล้วก็ ชาติหน้า ยังได้ผลพิเศษคือยังมีดอกเบี้ย ไม่ใช่ได้แค่นั้น คือทำความดีไว้ทั้งหมดแม้ 10 บาท ถ้าทำไปแล้ว ผลที่เราทำจะได้แค่ 10 บาทเท่านั้น ก็หามิได้ ดอกเบี้ยก็เกิดตามมาอีกเยอะแยะไปเลย ก็เกิดตามขึ้นมาอีกมากมาย เป็นร้อยเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน จนชื่อว่าเป็นผู้ร่ำรวย ขึ้นมาได้ ก็เพราะความดีนั้น เป็นของไม่ตาย ติดตามไป เหมือนกับความชั่ว ก็ไม่ตายเหมือนกัน ก็ติดตามตัวไปเหมือนกัน ทางที่ดี ก็อย่าให้มีความชั่ว มันติดตามไปชะเลย นั่นแหละเป็นทางที่ดี น้อยหนึ่งก็ไม่ควรจะมี ฉะนั้นความดี นิดหนึ่งน้อยหนึ่งนั้นก็ควร ที่จะทำให้เกิดมี เพราะว่าเกิดมีแล้ว มันมีแต่ผลดี ที่จะประดังเข้ามา หรือติดตามไปอยู่เสมอ ทีนี้ว่าถึงผลการท่องเที่ยว ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า คนเราตายไปแล้วท่องเที่ยวไปในภพน้อย ภพใหญ่ มันไม่ตาย ไอ้ตัวในนั้นมันไม่ตาย ก็จะขอยกเรื่อง หรือนำเรื่องมาเล่า หรือมาแสดง เป็นตัวอย่าง สักเรื่องหนึ่ง....

    ติดตามในอาศรมไผ่มรกต.com
    ท่านพระคุณเจ้า ดาบส สุมโน
    เทศน์เนื่องในวันคล้ายวันวิสาขบูชา
     
  9. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    การสร้าง ประเทศไทย ให้เป็นแผ่นดินของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงนั้น อาจจะไม่ต้องใช้วิธีกำหนดลงไปในตัวบทกฎหมาย แต่ใช้การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งลงไปที่
    1. วัฒนธรรม ประเพณีชาวพุทธ ที่แข็งแกร่ง
    2. การศึกษาหาความรู้ ทางพุทธศาสนา ใน ศีล สมาธิ ปัญญา กระจายสู่ประชากรทุกระดับ
    3. พัฒนา สถานที่ และถาวรวัตถุ อันเกี่ยวกับ พุทธศาสนา ให้เป็นสถานที่ที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติธรรม
    ถ่ายทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น ดังที่ บรรพบุรุษของเราได้ทำมาแล้ว จะเห็นได้จาก พระเครื่อง วัดวาอาราม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่แสดงออกถึงพระพุทธศาสนา
    ในยุคนี้ก็อาจจะทำตามรอยเดิมแต่ให้ชัดเจนและกระจายความรู้ให้มากขึ้น

    การบัญญัติลงไปในรัฐธรรมนูญนั้นก็ไม่น่าจะมีข้อเสียอะไร แต่หากคนมีอำนาจไม่ทำก็ไม่เป็นไร ใช้วิธีการสร้างรากฐานไปที่ สังคม ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น น่าจะเกิดผลดีครับ
     
  10. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,156
    ค่าพลัง:
    +14,155
    ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติครับ

    “ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก บุคคลใดหรือนิติบุคคลใดจะล่วงละเมิด ชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ มิได้”
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...